วิธีการ ถวายสังฆทาน อุทิศให้ผู้ล่วงลับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Dharaya, 18 ธันวาคม 2020.

  1. Dharaya

    Dharaya ศรัทธาอันประณีต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +53
    juuIWt.jpg
    การ ถวายสังฆทาน นั้น สามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้หรือจะเป็นที่บ้านก็สามารถทำได้ โดยแจ้งแก่ทางวัดให้จัด พระสงฆ์ ไป รับสังฆทาน ตามจำนวนที่ต้องการถวาย หัวหน้าสงฆ์ หรือ เจ้าอาวาส ของวัดนั้น ก็จะจัดภิกษุรูปใดหรือหลายรูปไปรับก็ได้ ขอให้ผู้ที่จะถวายพึงไว้ว่า ท่านมารับในนามของ สงฆ์ หรือเป็นผู้แทนของสงฆ์ทั้งหมด ไม่ควรพึงเพ่งเล็งว่าเป็นพระรูปใดรูปหนึ่ง

    ขั้นตอนการถวายสังฆทาน ในพิธีการถวาย ต้องจุดธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม (ด้านซ้ายและขวาของ พระพุทธรูป หรือด้านขวาและซ้ายมือของเรา)


    จากนั้น…..กล่าวคำบูชาพระรัตนะตรัยพร้อมกัน และกราบพระอีกครั้งว่า
    “อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวังตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมังนะมะสามิ (กราบ)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ” (กราบ)

    จากนั้น…..แล้วอาราธนาศีล ว่า
    “มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
    ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
    ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ”

    เสร็จแล้ว พระจะให้ศีล เราพนมมือกล่าวรับศีลจากพระ รับศีลจบแล้วตั้งนะโม…เพื่อเป็นการเคารพนบนอบต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า


    “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ” 3 จบ

    จากนั้น…..กล่าวคำถวายสังฆทานโดยกล่าวดังนี้

    “อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ”

    โดยกล่าวคำแปลต่อ โดยกล่าวว่า

    “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์โปรดรับภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ”

    เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จ พระจะกล่าวพร้อมกันว่า “สาธุ” แล้วเราเข้าไปถวายสังฆทาน ซึ่งจะนำมาวางอยู่ต่อหน้าพระสงฆ์ก่อนแล้ว เวลาประเคนถ้าประเคน 2 คน ก็จับเครื่องไทยธรรมนั้น ๆ ทั้ง 2 คน ยกให้สูงจากพื้นที่วางของ แล้วประเคนให้พระสงฆ์รับ หลังจากนั้นพระสงฆ์จะอนุโมทนา ตอนนี้เป็นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำบุญเพื่ออุทิศให้กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต้องมีสมาธิมีเจตนาแน่วแน่ในการทำบุญอุทิศ ซึ่งจะทำให้ได้อานิสงส์แรง พระจะสวดเป็นภาษาบาลีว่า

    “ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะนิโชติระโส ยะถา”

    พอพระเริ่มกล่าวคำว่า ยะถา วะริวะหา… เราก็เริ่มกรวดน้ำทันที (ให้รินน้ำลงในที่รองรับช้า ๆ เป็นสายน้ำอย่าให้ขาดสายจะดี) พร้อมกับกล่าวคำอุทิศส่วนบุญที่เราได้ทำในครั้งนี้ไปให้กับ บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ทุกข์ก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุข ก็ให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้น หรือกล่าวคำกรวดน้ำเป็นภาษาบาลีอย่างย่อก็ได้ว่า

    “อิทังเม ญาติณังโหตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโญ”

    แปลว่า “ขอให้บุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดา และญาติพี่น้องของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอให้มีความสุขกายสุขใจ” ถ้าว่าไม่ได้หรือจำไม่ได้ ก็ให้กล่าวเป็นภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ แต่ต้องตั้งจิตอธิษฐานด้วยใจ อย่ากล่าวแต่ปากโดยใจมิได้จดจ่อกับสิ่งที่กล่าว

    เมื่อพระสวดคำว่า “จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะนิโชติระโส ยะถา” ก็ให้รินน้ำลงให้หมด ขณะนี้พระยังสวดต่ออีก เป็นการสวดให้พรแก่ตัวเราแล้ว ไม่ใช่การอุทิศส่วนบุญให้ผู้อื่น/สัตว์อื่น) เราก็นั่งพนมมือทำจิตใจให้อิ่มเอิบเบิกบานรับพรจากพระ เมื่อพระสวดจบก็เป็นอันเสร็จ พิธีถวายสังฆทาน อย่างสมบูรณ์
    การถวายสังฆทานอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว
    การถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศแก่ผู้ตาย หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่า มะตะกะภัต พิธีการต่าง ๆ ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการถวายสังฆทาน ผ้าไตรทั่วไป แต่จะมีความแตกต่างกัน ตรงที่ คำกล่าวถวายมีการเปลี่ยนคำบางคำไป เพื่อให้เหมาะสมและถูกต้อง ตามความตั้งใจที่ต้องการถวายสังฆทานแด่ผู้ล่วงลับไปแล้ว

    แล้วควร ถวายสังฆทาน อุทิศให้กับผู้ที่ล่วงลับเมื่อไหร่
    ในการทำบุญถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศให้ผู้ล่วงลับ สามารถทำได้ทุกวัน และยังมีวันพิเศษที่ควรทำบุญให้ตามความเชื่อ ได้แก่ วันพระ วันครบรอบวันตาย 7 วัน, 50 วัน, 100 วัน, และหากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ก็ยังมีการทำบุญในสถานที่เกิดอุบัติเหตุนั้นๆด้วย ซึ่งมีเหตุผลดังต่อไปนี้

    1. วันพระ เฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ: เป็นวันที่ยมโลกนรกหยุดทัณฑ์ทรมานให้สัตว์นรก 1 วันโลกมนุษย์ สัตว์นรกมีทุกขเวทนาเบาบางลง จึงมีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลที่ตนทำและอนุโมทนาส่วนบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้ได้เต็มที่ ส่วนญาติที่เกิดเป็นเทวดาก็จะนิยมมาฟังธรรมในวันพระและตรวจดูการทำบุญกุศลและอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ทำความดีในโลกนี้ เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ

    2. วันครบรอบวันตาย 7 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายไปแล้วเป็นผู้ที่ทำกรรมดีและชั่วไม่มากพอ บุญบาปที่ตนทำในโลกนี้ยังไม่ส่งผลในทันที ผู้ตายจะวนเวียนอยู่ 7 วันเพื่อให้มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลได้ หากผู้ตายระลึกถึงบุญกุศลที่ตนเคยทำได้ หรือ หากญาติมิตรทำบุญอุทิศให้อย่างถูกวิธี และอนุโมทนาบุญ ผลบุญนั้นก็จะพาไปเกิดในที่ดี เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญแก่ผู้ล่วงลับในวันนี้แช่นกัน

    3. วันครบรอบวันตาย 50 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ยมโลกพาไปยมโลกแล้ว ช่วงระหว่างเวลา 50 วันหลังตาย คือช่วงเวลาที่ผู้ตายกำลังรอคอยลำดับคิวการพิพากษาตั้งแต่ถูกลากตัวไปจากมนุษย์โลก ผ่านประตูยมโลก อยู่หน้าลานรอขานชื่อเพื่อเข้าพบพระยายมราช

    *พระยายมราช คือ เทพชั้นจาตุมหาราชิกาประเภทหนึ่งที่มีกรรมเกี่ยวพันด้านกฎหมาย ชอบตัดสินคดีความด้วยความซื่อสัตย์ตอนสมัยเป็นมนุษย์และทำบุญ หรือเมื่อทำบุญก็ตั้งความปรารถนาไว้

    4. วันครบรอบวันตาย 100 วัน: ช่วงเวลาระหว่าง 51 ถึง 100 วัน คือช่วงกำลังถูกพิพากษา พระยายมราชจะซักถามความประพฤติตอนสมัยเป็นมนุษย์ และจะส่งไปเกิดเป็นอะไรต่ออะไร ช่วงนี้ถ้าญาติทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร และอุทิศบุญไปให้ก็ยังรับบุญได้

    ขั้นตอนการถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร ให้ผู้ที่ล่วงลับ

    จัดเตรียมสิ่งของ เครื่องใช้ หรือจตุปัจจัยที่จะนำไปถวายตามสมควร โดยไม่ลืมที่จะคำนึงถึง การถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร ที่จะต้องเป็นไปเพื่อหมู่สงฆ์ ตามความหมายของคำว่า “สังฆทาน” และตามข้อกำหนด ของพระวินัย ว่าด้วยสิ่งของต้องห้ามต่าง อาทิเช่น สุรา หรือสิ่งเสพติด ในการถวายสังฆทาน ถ้าเป็นอาหาร หรือที่เรียกว่าสังฆทานสด ต้องนึงถึงประเภทของอาหารตามพระวินัยเช่นกัน และ เลือกให้เหมาะสมกับกาลเวลา คือควรถวายก่อนเพล สังฆทานทั่วไปควรจัด สังฆทานด้วยตนเอง ไม่สมควร ถวายสังฆทานที่จัดสำเร็จรูป เพราะอาจไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของสิ่งของต่างๆนั้นได้ครบถ้วน ซึ่งจะเป็นผลทำให้เกิดความเสียหายในหลายๆด้านตามมา จากสิ่งของที่ไม่ได้คุณภาพ

    นำสังฆทานที่จัดเตรียมแล้วไปยังวัดที่ต้องการถวาย จากนั้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้รับผิดชอบของทางวัด ว่าต้องการมาถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร แจ้งความประสงค์หรือไปยัง จุดที่ ได้มีการกำหนดไว้แล้วเพื่อการถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร ของวัดนั้น ซึ่งมีการกำหนดสถานที่ไว้แล้ว

    แจ้งต่อท่านถึงความตั้งใจ ที่จะมาถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร แก่ผู้ล่วงลับ โดยอาจเขียนชื่อและนามสกุลของ พูดล่วงลับ แจ้งกับพระสงฆ์ผู้มารับสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่อให้ท่านรับทราบถึงจุดประสงฆ์ของการทำสังฆทานในครั้งนี้ จากนั้นท่านอาจกล่าว ขึ้น เพื่อเรียกขาน วิญญาณผู้ล่วงลับให้มารับทราบ มาเตรียมรับบุญนี้

    เริ่มด้วยการ จุดธูปเทียนบูชา กราบพระรัตนตรัย ที่อยู่ในบริเวณที่จะถวายสังฆทานนั้น จากนั้น พระท่านจะให้กล่าวคำอาราธนาศีลและรับศีล โดยว่าตามนี้

    1. คำอาราธนาศีล ๕
      มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
      ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
      ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
    2. สมาทาน ศีล 5
      ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
      อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
      กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
      มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
      สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
    3. ตั้งนะโม 3 จบ
    4. กล่าวคำถวายสังฆทานอุทิศให้ผู้ล่วงลับ
      อิมานิ มะยัง ภันเต มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ญาตะกานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
      ข้าแต่พระสงฆ์ที่เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายซึ่งมะตะกะภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ โปรดรับ ซึ่งมะตะกะภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายและญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า มีบิดา มารดาเป็นต้น และขออุทิศให้ (ชื่อของผู้ที่จะอุทิศกุศลให้) สิ้นกาลนานเทอญ
    5. เมื่อกล่าวคำถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร จบแล้ว ให้ยกของทั้งหมดที่เตรียมมาประเคนกับภิกษุสงฆ์
    6. อาจนำชื่อ นามสกุลของผู้เสียชีวิต เผาลงในภาชนะ รองรับ หรือในภาชนะที่จะกรวดน้ำ จากนั้น พระท่านจะสวดบทกรวดน้ำให้เราตั้งใจกรวดน้ำ และส่งผลบุญให้ถึงแก่ผู้ล่วงลับที่เราตั้งใจมาทำสังฆทานให้ในวันนี้
    7. เมื่อกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้กราบ 3 ครั้ง ลุกขึ้นนำน้ำที่กรวด ไปเทรดลงบนดินหรือต้นไม้ เลือกเทที่ต้นใหญ่จะยิ่งดี พร้อมทั้งกล่าวอัญเชิญพระแม่ธรณี ,ท่านท้าวเวสสุวรรโณ และปวงเทพเทวา ให้มาเป็นสักขีพยานรับรู้ในการ สร้างและอุทิศบุญครั้งนี้แก่ผู้ล่วงลับ โดยกล่าวหรือละลึกถึงชื่อผู้ล่วงลับที่เราต้องการส่งบุญนี้ให้
    8. นำภาชนะกรวดน้ำเก็บเข้าที่ และกราบลาพระ เป็นอันเสร็จพิธี
     

แชร์หน้านี้

Loading...