วิบากกรรมจากการทำให้เกิดความแตกแยก- ส่งเสริม ยินดี ให้แตกแยก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 พฤศจิกายน 2024 at 17:44.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444
    โลกยุควัตถุนิยมปัจจุบัน

    การได้ยอดไลค์ ยอดคนเข้าชม เป็นสิ่งที่ปรารถนากันมาก สำหรับผู้แสวงหาตัวตนในโลกออนไลน์

    การเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยก หรือ การมีส่วนร่วมส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก กระทบกระทั่งกัน เพื่อเรียกให้ชีวิตอื่นเข้ามาดู มาสนใจ เป็นการสร้างเหตุ-ปัจจัยให้ได้รับอกุศลวิบากกรรมที่ร้ายแรงตามมา ยากหมดสิ้น

    เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่แก้ไขได้ยาก ด้วยโลกออนไลน์ปัจจุบัน สามารถเผยแพร่ความรู้สึกไม่ดีออกไปได้รวดเร็วมาก

    ยิ่งผู้ที่ก่ออกุศลกรรมจากเหตุส่งเสริมความแตกแยกมีมาก
    วิบากกรรมไม่ดี ก็ยิ่งตกทับถม ทับทวี ทวีคูณมายังผู้ก่อเหตุตั้งแต่ต้นมากขึ้นๆ


    ครั้งหนึ่ง ได้รับฟังพระอริยเจ้าท่านหนึ่ง ในสายพระป่าที่เป็นรู้จักกันดี และมีอุปการคุณต่อมหาชนท่านกล่าวให้ฟังว่า "น่าสมเพชเวทนาอย่างมาก...เรามองเห็นคนพากันเดินลงเหว ดำพรืดกันไปหมดเหมือนฝูงหมด เดินลงเหวที่มีแต่ไฟเบื้องล่าง "
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444
    ?temp_hash=f48b35e3eb181c0332a284142713078e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444
    การได้มา ซึ่ง ลาภ สักการะ ตัวตนปลอมๆในโลกธรรม โดยการกล่าวให้ร้ายผู้อื่น เพื่อสร้างสถานะที่เหมือนจะดูดีเกื้อกูลลาภสักการะให้ตน ยังคงเป็นสิ่งที่ทำกันมากและดูเหมือนเป็นโรคระบาดที่มากขึ้น เห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปในยุควัตถุนิยม สังคมออนไลน์ จนเป็นความชินชาคุ้นเคย หรือ กิเลส อาสวะ ตราบาปที่ประทับลงไปในจิตตนเรื่อยๆ
    จนกว่า จะถึงจุดที่อาจทำอนันตริยกรรมได้ง่ายๆ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444


    ผู้มีวาจาส่อเสียด


    พระไตรปิฎก http://pratripitaka.com



    ว่าด้วยผู้มีวาจาส่อเสียด


    {๔๐๑} คำว่า และไม่ประกอบในความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด อธิบายว่า คำว่า ความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด อธิบายว่า คนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มี วาจาส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไปบอกคนข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังจาก ข้างโน้นแล้วไปบอกคนข้างนี้เพื่อทำลายคนหมู่โน้น ด้วยวิธีนี้ ก็ทำคนที่สามัคคีให้ แตกแยก หรือสนับสนุนผู้ที่แตกแยกกันแล้ว ชอบการแบ่งพวกแบ่งเหล่า ยินดีการ แบ่งพวกแบ่งเหล่า สนุกกับการแบ่งพวกแบ่งเหล่า พูดแต่เรื่องก่อให้เกิดการแบ่ง พวกแบ่งเหล่า นี้ตรัสเรียกว่า ความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด อีกนัยหนึ่ง
    บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยเหตุ ๒ อย่าง
    คือ
    ๑. ด้วยประสงค์ให้ตนเป็นที่รัก
    ๒. ด้วยประสงค์ให้เขาแตกกัน

    บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยประสงค์ให้ตนเป็นที่รัก เป็นอย่างไร คือ บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยความประสงค์ให้ตนเป็นที่รักด้วย คิดว่า “เราจักเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่คุ้นเคย เป็นที่สนิทสนม เป็นที่ดีใจ ของผู้นี้” บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยประสงค์ให้ตนเป็นที่รัก เป็นอย่างนี้ บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยประสงค์จะทำให้เขาแตกกัน เป็นอย่างไร คือ บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไปด้วยคิดว่า “ทำอย่างไร ชนเหล่านี้พึงเป็น คนแปลกแยก แตกต่าง เป็นพรรคเป็นเหล่า เป็น ๒ พวก เป็น ๒ ฝัก ๒ ฝ่าย แตกแยก ไม่ปรองดองกัน อยู่ลำบาก ไม่สบาย” บุคคลย่อมนำวาจาส่อเสียดเข้าไป ด้วยประสงค์จะให้เขาแตกกัน เป็นอย่างนี้ วาจาส่อเสียดนี้ ผู้ใดละได้แล้ว ตัดขาดได้แล้ว ทำให้สงบได้แล้ว ระงับ ได้แล้ว ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้อีก เผาด้วยไฟคือญาณแล้ว ผู้นั้น ชื่อว่าไม่ประกอบ คือ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ขวนขวาย ไม่พัวพันในความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด รวมความว่า และ ไม่ประกอบในความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า บุคคลเป็นผู้หลีกเร้น ไม่หลอกลวง ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ตระหนี่ ไม่คะนอง ไม่เป็นที่น่ารังเกียจ และไม่ประกอบในความเป็นผู้มีวาจาส่อเสียด


    {๔๐๒} [๘๘] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า) บุคคลผู้ไม่ยินดีในสิ่งน่ายินดี ไม่ประกอบในความดูหมิ่น ละเอียดอ่อน มีปฏิภาณ ไม่ต้องเชื่อใคร และไม่ต้องคลายกำหนัด

    สิกขาเพิ่ม http://pratripitaka.com/29-108/
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +70,444
    การคิดบวก
    ไม่ใช่การหลอกตัวเอง
    แต่คือ การยอมรับ ตามความเป็นจริง
    ละทิ้งสิ่งไม่ดีทิ้งไป จนเป็นนิสัย
    จุดด่างดำเล็กๆในกระดาษ A4
    จะใหญ่เท่ากับพื้นที่สีขาวได้ยังไง
    ถ้าเราไม่คิดลบซ้ำๆจนมันดำเต็มหน้า
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...