วิบากกรรมยุคไฮสปีด (Hi Speed)

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 20 เมษายน 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ยุคนี้เป็นยุคความเร็วสูง เอะอะอะไรก็ต้องอาศัยเทคโนโลยี ภูมิปัญญาแบบเดิมๆ ที่มีมาแต่โบราณไม่ว่าจะดีเลิศประเสริฐสักแค่ไหน ถ้าไม่ใส่เทคโนโลยีชี้ให้เห็นกันจะๆ แบบเรียลไทม์ (realtime) คนยุคใหม่คงจะเซย์โน... แถมมีโมโหบอกว่า มันชักช้าไม่ทันใจ ก็ไอคิวสูงแต่ความอดทนต่ำ ยิ่งเรื่องเวรกรรมไม่ต้องพูดถึงเพราะรู้สึกว่ามันยังห่างไกล พูดให้ตายก็ไม่รู้เรื่อง สงสัยต้องสอนว่า กรรมโมโลยี...เดี๋ยวนี้เขามีเวอร์ชั่นใหม่ๆ “วิบากกรรมแบบไฮสปีด ที่มีเจ้ากรรมนายเวรอินไซด์ ดาวน์โหลดได้ที่เวรกรรมดอทคอม”

    แม้เมืองไทยจะเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา ที่มีความเชื่อถือศรัทธาในเรื่องของกฎแห่งกรรมและบาปบุญคุณโทษ แต่ก็น่าแปลกใจที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยกลัวเรื่องกรรม ครูบาอาจารย์สอนก็แล้วเตือนก็แล้วแต่ไม่ค่อยยอมฟัง ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าอะไรผิดทำบาปทำกรรมไปตามอารมณ์ ถึงจะน่าเห็นใจแต่จะอ้างว่า “ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” เห็นทีจะไม่ได้ เพราะถึงไม่รู้ก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เมื่อทำแล้วต้องได้รับผลกรรมตอบสนองเสมอ เหมือนคนทำผิดกฎหมายจะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ทุกคนต้องรู้กฎหมาย ถ้าไม่รู้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความโง่เขลาของตนเอง แล้วก็ต้องยอมรับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่ตนได้ก่อขึ้น

    ท่านอาจารย์วัลลภได้อธิบายเรื่องของกรรมให้เข้าใจง่ายๆ ได้อย่างน่าสนใจว่า กรรมคือการกระทำทั้งที่ตนทำขึ้นเอง คนอื่นมาทำให้เรา หรือเราทำกับคนอื่นก็ได้ แต่ผลของกรรมนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะมองเห็น เพราะชีวิตคนเรานั้นมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในทะเลทุกข์ ร่างกายถือเป็นเรือนพักอาศัยของจิต เมื่อตายไปสังขารก็เปื่อยเน่า ส่วนจิตเป็นของไม่ตายย่อมไปสู่ภพใหม่ ชาติใหม่กายใหม่เป็นผู้รับผลแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีกรรมชั่ว

    ในชีวิตคนเรา เราจะไม่มีวันรู้ว่าในอดีตชาติเราทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับใครบ้าง หรือแม้กระทั่งการทำกรรมกับสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ซึ่งเป็นจิตวิญญาณด้วยกันก็ถือเป็นบาปทั้งสิ้น เราทำกรรมไว้กับใครก็ถือว่าเราเป็นหนี้กรรมเขา เกิดมาชาตินี้ถ้ายังไม่ได้ใช้หนี้กรรมให้เขา เขาก็จะติดตามทวงหนี้เวรหนี้กรรมทุกโอกาสทุกช่องทางที่เขาจะทวงได้ เรารู้จักเจ้าหนี้รายนี้กันดีในชื่อที่เรียกว่า “เจ้ากรรมนายเวร”

    เจ้ากรรมนายเวรไม่เพียงจะติดตามทวงหนี้จากอดีตชาติเท่านั้น แต่เจ้ากรรมนายเวรที่เราสร้างขึ้นในชาติปัจจุบัน ยังสามารถให้ผลในปัจจุบันด้วย เจ้ากรรมนายเวรนี้พูดจากับมนุษย์ไม่รู้เรื่องไม่สามารถสื่อความหมายให้เข้าใจกันได้ แต่เขารู้เห็นการกระทำของเราหมด ส่วนมนุษย์นั้นไม่รู้ ไม่ได้ยิน การทักท้วงหนี้กรรมจากเจ้ากรรมนายเวร จึงทำให้ผู้ที่ถูกติดตามทวงหนี้ประสบกับความหายนะ ล่มจม เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    เมื่อผู้ที่ถูกเจ้ากรรมนายเวรทักท้วงหนี้กรรมไม่รู้ที่มาของสาเหตุ ก็หาทางแก้ไขไม่ถูกจุดถูกปัญหา หลายคนเดือดร้อนแล้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพระ จากคนทรง หมอดู หรือใครต่อใครให้มั่วไปหมด ถูกหลอกถูกต้มก็มาก นั่นเป็นเพราะ “อวิชชา” หรือความไม่รู้เข้าครอบงำอย่างเดียว

    คุณอัญชลี ข้าราชการสาวใหญ่วัย 40 ต้นๆ เป็นอีกผู้หนึ่งที่เคยประสบวิบากกรรมจากการทำแท้ง จนไม่เป็นอันทำงานทำการและต้องเดือดร้อนอับอาย น่ายินดีที่วันนี้คุณอัญชลีอนุญาตให้ผู้เขียนนำเรื่องราวของเธอมาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ผู้อ่านทุกท่านได้ตระหนักถึงโทษทัณฑ์ของการสร้างเวรกรรมที่ไม่ต้องรอถึงชาติไหน..เพราะทำแล้วคุณจะได้สิทธินั้น...เดี๋ยวนี้

    “เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่อายุประมาณ 37 ปี ก็มีปัญหาเรื่องหนี้สิน คืออยู่ดีๆ เป็นหนี้ไม่รู้ตัว ก่อนหน้านั้นมีญาติพี่คนหนึ่งเค้าจะซื้อรถยนต์ คงเห็นว่าพี่รับราชการก็เลยมาขอให้พี่เป็นผู้ค้ำประกัน เราเห็นว่าเป็นญาติกันไม่น่ามีปัญหาก็เลยช่วยเซ็นค้ำประกันให้ แล้วพี่ก็ลืมไปเลย หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี วันดีคืนดีมีเจ้าหนี้มาตามทวงหนี้ อยู่แทบไม่ได้ มันร้อนอกร้อนใจ พยายามติดต่อญาติคนนั้นก็ติดต่อไม่ได้หายตัวไปเลย พี่ก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร นี่เงินตั้งหลายแสนจะไปหาที่ไหน หนักๆ เข้าเขามาตามทวงหนี้ถึงที่ทำงาน พี่เป็นคนหน้าบาง เค้ามาตามทวงหนี้พี่ก็อาย อยู่ที่ทำงานก็ไม่มีความสุข มันระแวง งานการไม่เป็นอันทำ”
    “พี่เชื่อเรื่องเวรกรรมนะ คิดว่าที่มีปัญหาหนี้สินให้ร้อนอกร้อนใจส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่พี่เคยทำไม่ดีเอาไว้ คือก่อนหน้านั้นหลายปีมาแล้ว พี่เคยมีแฟนคนหนึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าเรารักกันมาก คบกันได้สักระยะหนึ่งจึงวางแผนที่จะแต่งงานกัน แต่พี่ดันมาท้องเสียก่อน ตอนนั้นพี่กับแฟนยังไม่พร้อมเลยตัดสินใจไปทำแท้ง พี่รู้ว่านะว่าทำบาปทำกรรมเอาไว้ก็พยายามเข้าวัดไปทำบุญตักบาตร สุดท้ายเริ่มมีปัญหากับแฟน ยังไม่ทันได้แต่งงานก็ต้องเลิกรากันไปในที่สุด”

    เห็นจะจริงดังที่ท่านอาจารย์วัลลภเคยกล่าวเอาไว้ว่า คนที่เคยทำแท้งเอาลูกออก จะต้องมีวิญญาณของลูกที่ทำแท้งเข้าสิงสู่อยู่เป็นเจ้ากรรมนายเวรในตัวทุกคน ส่งผลให้ทำมาหากินไม่ขึ้น เก็บเงินเก็บทองไม่อยู่ ครอบครัวแตกแยก บางครั้งอาจทำให้ผู้เป็นแม่เจ็บป่วยและมีเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ

    “ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่พี่เคยตระเวนไปตามวัดบ้าง ตามร่างทรงตำหนักโน้นตำหนักนี้บ้างกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จักและเคารพนับถือกันอยู่ชื่อพี่แอ๊ว เรามีความทุกข์เหมือนกันก็พากันไปแบบไม่มีเงินนั่นแหล่ะ แถกันไปเรื่อยๆ ใจมันเป็นทุกข์นี่ เพราะพี่มันคนไม่เคยมีหนี้ เป็นหนี้เพราะคนอื่น แต่ไปแล้วมันไม่ได้ดั่งใจ”

    “วันหนึ่งพี่แอ๊วมาหาชวนมาที่มูลนิธิธรรมบันดาล เพราะมีคนแนะนำพี่แอ๊วว่ามาแล้วดี พี่อยากแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินอยู่แล้ว คือทำยังไงก็ได้ขอให้หมดหนี้หมดสิน อยากมามากๆ แต่เชื่อไหมช่วงนั้นพี่แย่ขนาดไม่มีแม้กระทั่งเงินค่าพานครูเลย แค่ 320 บาทยังไม่มีปัญญา พี่ต้องไปยืมเงินเพื่อนมา 500 บาท ตอนเดินทางมาที่มูลนิธิธรรมบันดาลพี่ก็คิดนะว่ามาแล้วจะได้เรื่องไหม แต่ลึกๆ ก็ไม่หวังอะไรหรอก เพราะไปมาเยอะแล้ว ขอให้ได้หนีออกจากที่ทำงานเป็นพอ ไปไหนก็ได้”

    “วันที่มาเข้าพิธีเช็คกรรมกับท่านอาจารย์วัลลภครั้งแรก หลังจากภาวนาคำว่า “นะ นะ นะ” ได้สักพัก พี่ก็ร้องไห้เลย ร้องแบบจะเป็นจะตายหยุดไม่ได้ อาเจียนด้วย พี่ก็ตกใจสิ มันทึ่ง คิดว่าโอ้โห...ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย แล้ววันนั้นพี่ดันใส่สร้อยลูกประคำที่ได้มาจากตำหนักไหนก็ไม่รู้ จำไม่ได้ เพราะไปมาเยอะ เห็นเขาบอกว่าขลังมากเป็นลูกประคำ 7 ป่าช้าเอามาจากโลงศพ พี่เห็นว่าสวยดีไม่ได้คิดอะไรก็เอามาใส่ ขณะแสดงอาการตอนที่ทำพิธีเช็คกรรมอยู่พี่ก็ชูสร้อยออกมาด้วย มันคงจะร้อน ดึงออกมาเลย”

    “เสร็จพิธีแล้วท่านอาจารย์วัลลภก็บอกว่าพี่มีวิญญาณของเจ้ากรรมนายเวรสิงสู่อยู่ในตัว สาเหตุมาจากการที่พี่เคยไปทำแท้งเมื่อหลายปีมาแล้ว ท่านอาจารย์แนะนำให้พี่สร้างพระประธานแทนตัวถวายวัดให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อที่เจ้ากรรมนายเวรจะได้อโหสิกรรมให้ ไม่มาคอยกลั่นแกล้งให้พี่ต้องประสบเคราะห์กรรมอีก และยังบอกให้พี่ถอดสร้อยลูกประคำผีที่ได้มาออก แล้วเอาไปทิ้งในโบสถ์ พี่ก็รีบเอาสร้อยไปทิ้งเลย แต่ตอนนั้นยังไม่มีเงินสร้างพระประธานแทนตัว เลยขยันมาขอลาภที่นี่ แล้วในที่สุดพี่ก็ถูกหวยทำให้มีเงินสร้างพระประธานไถ่กรรม”

    “แต่ไม่ใช่สร้างพระประธานไถ่กรรมแล้วก็แล้วกันนะ ท่านอาจารย์วัลลภยังบอกให้พี่ขยันมาเข้าพิธีเช็คกรรม เสริมบารมี ลดวิบากกรรมบ่อยๆ แล้วก็สวดมนต์ ภาวนา ทำบุญตักบาตร ทำทาน กรวดน้ำ แผ่เมตตา ทำแต่ความดี ถือศีลห้า พี่ก็ทำตามทุกอย่าง รวมทั้งให้ข้าวหมาข้าวแมวข้างถนน มีเงินไม่มีเงินเราเคยให้ข้าวเค้ากิน พี่ก็ต้องหามาให้ตลอด”

    สาเหตุที่ท่านอาจารย์วัลลภแนะนำให้ผู้ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือหมั่นมาเข้าทำพิธีกับท่านบ่อยๆ เนื่องจากเราทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ล้วนสร้างเวรกรรมกันมามากมายหลายครั้ง การเข้ามาทำพิธีเพียงครั้งสองครั้งแล้วเลิกไปไม่มาอีกอาจไม่ได้ผลดี เนื่องจากไม่รู้ว่าใครไปทำกรรมอะไรซ้ำซ้อนกันมามากแค่ไหน ช่วงที่หายไปอาจมีเจ้ากรรมนายเวรสิงเข้ามา ทำให้มีอันเป็นไปต่างๆ นานาได้

    ท่านอาจารย์วัลลภยังบอกอีกว่า แม้เจ้ากรรมนายเวรจะไม่สามารถสื่อสารกับคนเราได้ แต่เขาก็จะส่งสัญญาณเตือนก่อน เช่น แรกๆ เขาจะทำให้ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ในบ้านทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่เลย หรือไม่ก็ทำให้เดินสะดุดอะไรสักอย่าง แต่ส่วนใหญ่คนที่ถูกเตือนมักจะไม่เข้าใจและคิดไปว่าตนเองซุ่มซ่าม เมื่อยังไม่รู้เรื่องอีกก็จะเตือนหนักขึ้น เช่น ทำให้ครอบครัวแตกแยก การเงินสะดุดฝืดเคือง เงินทองรั่วไหล ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย หรือไม่ก็เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่เจอ รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย หนักเข้าก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุบางรายถึงกับเสียชีวิตไปเลยก็มี

    แต่ถ้ายิ่งหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล กรวดน้ำ แผ่เมตตา รักษาศีล ปฏิบัติธรรมตามที่ท่านอาจารย์วัลลภแนะนำกันอยู่เรื่อยๆ ผลของกรรมไม่ดีจากอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรจะไม่มีโอกาสแทรกเข้ามาทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีแก่ชีวิต แม้จะมีเหตุให้ต้องชดใช้กรรมชั่วกรรมไม่ดีบ้างก็ไม่ถึงกับหนักหนาสาหัสอะไร เพราะกรรมดีที่ปฏิบัติเอาไว้ จะช่วยยับยั้งทำให้เจ้ากรรมนายเวรหายโกรธ ทุเลากรรมทุเลาโทษ หรือไม่ก็อโหสิ กรรมกันไปเลย

    “หลังจากสร้างพระประธานแล้ว พี่ยังมาเข้าพิธีกับท่านอาจารย์วัลลภอีกเรื่อยๆ แต่ไม่มีอาการร้องไห้อาเจียนแล้ว จะแสดงออกในทางดีเสียมากกว่า คือ หลังจากพนมมือหลับตาภาวนาคำว่า “นะ นะ นะ” ได้สักพักมือก็จะสั่น แล้วฝืนไม่ได้ด้วยนะ ยิ่งฝืนมือจะยิ่งสั่นแรงขึ้น จากนั้นมือก็จะชูขึ้นกางแขนออกแล้วยกขึ้นลงไปมาเหมือนนกบินบ้าง บางครั้งก็ทำท่ากวักมือแบบแม่นางกวักบ้าง ทำท่าเป็นคนแก่บ้าง เป็นสมเด็จอาจารย์โตก็เคยมี บางครั้งก็ทำท่านวดตัวบ้าง เอานิ้วทำท่าเขียนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายปลุกเสกให้ตัวเองบ้าง”
    การเสริมบารมีลดวิบากกรรมด้วยวิธีธรรมบันดาลของท่านอาจารย์วัลลภ ในขั้นแรกนั้นจะต้องตรวจเช็คกรรมให้รู้เสียก่อนว่าใครทำกรรมดีกรรมชั่วอะไรกันมาบ้างจะได้หาทางแก้ไขให้ถูกต้อง โดยไม่ใช่วิธีนั่งเข้าฌานหลับตาดู แต่หลังจากภาวนาคำว่า “นะ นะ นะ” แล้ว ผู้ปฏิบัติจะแสดงปฏิกิริยาออกมาเองชนิดที่เรียกได้ว่ามีสติและรู้ตัวตลอดเวลา เพียงแต่ฝืนไม่ได้เท่านั้นเอง

    คนที่แสดงปฏิกิริยาอาการออกมาในทางที่ดี เช่น ทำท่ากางแขนเหมือนนกบิน หรือทำท่ากวักมือเหมือนแม่นางกวัก แสดงว่าท่านอาจารย์วัลลภลงสาลิกาลิ้นทองและแม่นางกวักช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีเสน่ห์เมตตามหานิยม มีโชคมีลาภแล้ว หากมีอาการบีบนวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายแสดงว่าครูบาอาจารย์ท่านลงมารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ ถ้าใครทำท่าทางปลุกเสกลงเลขยันต์ให้ตัวเองแสดงว่ามีครูบาอาจารย์ท่านลงมาช่วยเจิมเสริมบารมี

    “ช่วงที่มาทำพิธีกับท่านอาจารย์วัลลภบ่อยๆ พี่อธิษฐานขออะไรก็จะสมหวัง จนใช้หนี้ได้เกือบหมด มันจะค่อยๆ ดีขึ้นนะ ไม่ใช่ทำปุ๊บดีขึ้นทันที แล้วพี่ก็มีโชคลาภเข้ามาเรื่อยๆ คนอื่นไม่รู้หรอก เราจะรู้ด้วยตัวของเราเอง ก็ต้องขยันทำบุญ แล้วมาเข้าพิธีสม่ำเสมอ”

    “ระยะหลังๆ ที่มาทำพิธีพี่เริ่มแสดงอาการแบบกรรมฐานคือนั่งนิ่งๆ แล้วบางครั้งก็ท่องภาษาประหลาดๆ ออกมาเอง หลังจากนั้นพี่ก็หายไป 2 ปี ที่หายไปไม่ใช่เพราะไม่เชื่อนะ แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง พอหายไปไม่ได้ทำตามที่ท่านอาจารย์วัลลภแนะนำ ดวงก็เลยตก มีเรื่องเดือดร้อนต้องมาขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์วัลลภอีกเหมือนเดิม นี่พี่ก็เพิ่งกลับมาเข้าพิธีนะ มาถึงก็มาดูดวงกับอาจารย์อุษาก่อน ท่านดูแม่นนะ พูดน้อยแต่ใช่เลย พูดเป็นแบบหลักๆ แต่ตรงเลยแหล่ะ เคยเสียเงินไปดูที่อื่นมันไม่แม่นแบบนี้ ”

    “ช่วงที่ชีวิตพี่ดีขึ้น พี่ไปพูดไปชวนคนรู้จักให้มาที่นี่ ใครเขาก็หาว่าเรางมงาย เราโกหก หาว่าพี่โดนสะกดจิต บางคนก็ว่าพี่บ้า ไม่มีใครเชื่อ พี่ก็คิดว่ามันเป็นกรรมของเขาเราได้แต่แนะนำ ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราไปบังคับเขาไม่ได้ เพราะเรามาที่นี่เรารู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาแล้วก็เลยสรรเสริญเยินยอแต่เรากตัญญู เราพูดจากใจของเรา อะไรดีก็ว่าดี พอเราได้ดีจากที่นี่เราก็อยากแนะนำให้คนอื่นที่มีความทุกข์ เจอแต่สิ่งที่ดีๆ อย่างเราบ้าง”

    “คนที่มีความสุข ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เขาก็จะคิดว่าไอ้พวกนี้มันชอบมาแต่ที่แบบนี้แหล่ะ อย่างตอนที่พี่ลำบากเพื่อนบอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวดีเอง พี่ก็บอกเธอไม่ลองมาเป็นฉัน ฉันทุกข์จะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาพูดมาปลอบ มันไม่มีประโยชน์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น คราวนี้พอพี่เจอใครที่กำลังเดือดร้อนบ้างพี่จะไม่รับฟังแล้ว แต่จะแนะนำให้มาที่มูลนิธิธรรมบันดาลด้วยกันเลย หรือถ้าไม่มาก็จะขอให้เขามีสติ ใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาเอาเอง”

    “พี่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง กรรมชั่วกรรมดีมีจริง เพราะพี่เจอมาแล้วกับตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยนะ อย่างเจ้ากรรมนายเวรนี่วิญญาณเค้าก็จะอยู่กับเรา คิดดูสิ...เค้าอยู่ในตัวเราเลย อย่างนี้เรียกว่าอะไร ยิ่งกว่าใกล้ตัวเสียอีก หนีไปไหนก็หนีไม่พ้น เค้าอยู่กับเรา เห็นเราตลอดเวลาแต่เราไม่รู้ตัว พี่ไม่กล้าสร้างเวรสร้างกรรมอีกต่อไปแล้ว ทั้งเข็ดทั้งกลัวเลยจริงๆ

    http://mindcyber.com/home/index.php?news=608
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขออนุโมทนาสำหรับบทความดีๆครับ

    ช่างไปสรรหามาจริงๆเลยครับพี่ อิอิ
     
  3. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +506
    อนุโมทนาค่ะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมไม่มีใครหนีพ้นหรอกค่ะ
     
  4. กรวี

    กรวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +263
    การติดต่อในระบบออนไลน์เนี่ย ก้อทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายเช่นกัน
    อาจเป็นเพราะเป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างแท้จริง
    และครบถ้วน เจตนาจึงไม่สามารถสำเร็จได้ดังจุดประสงค์...
    ประโยคประโยคหนึ่ง อาจสามารถเปลี่ยนความหมายไปได้
    ตามพื้นฐานและแนวคิดทางด้านจิตใจของแต่ละคน ทั้งผู้สื่อสารและผู้รับสาร
    หากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีพื้นฐานทางจิตใจไปในทางเดียวกันหรือเหมือนกัน
    ยิ่งคนที่ไม่สามารถพบเจอกันในโลกแห่งความจริงและไม่ได้รู้จักกันอย่างแท้จริง
    การเข้าใจผิดและเข้าใจไม่ตรงกันย่อมเป็นไปได้ง่าย..
    จึงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายหนึ่งไปสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้อีกฝ่ายนึง
    ทั้งที่อีกฝ่ายนึงไม่คิดทำกรรมใดๆ...


    ปล.ที่เขียนมาเนี่ยมะได้ตรงกกับกระทู้เล๊ยยย
    ปล2.ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะนำความรู้ดีดีมาฝาก@^_^@
     
  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง กับสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ที่คุณ vanco ได้สรรหามาให้อ่านครับ

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจาก "กรรม"
    กรรมดีก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ
    กรรมชั่วก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ประสบแต่ความทุกข์ เดือนร้อน
    ทุกสิ่งทุกอย่าง มีคุณและโทษในตัวเอง
    เหมือนยา มีทั้งคุณและโทษ กินพอดีตามหมอสั่งก็จะเป็นยารักษาโรค
    แต่ถ้ากินมากเกินไป ก็จะกลายเป็นยาพิษ ทำให้เสียชีวิตได้
    ผู้ที่มีธรรมะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ทั้งสุขและทุกข์ ก็นำมาใช้พิจารณาให้เป็นประโยชน์ได้

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009
  6. p_pand_j

    p_pand_j Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +71
    ขออนุโมทนาค่ะ

    เรื่องมีหลายแง่มุมนะคะ

    แต่ทำกรรมดีเถิดจะเกิดผล สาธุ
     
  7. ทิดวี

    ทิดวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +378
    ขอขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันกันครับ
    *แต่ขอบอก กันตรง ๆ*
    เมื่อก่อน ผมก็เคยไปหาอาจารย์ท่านนี้มา และผมเคยเข้าร่วมพิธีด้วยครับ
    โดยผมเข้าร่วมพิธี 2 ครั้ง ไม่เห็นมีอาการอะไรขึ้นมาเลย
    ครั้งที่ 2 ครั้งสุดท้าย เต็มที่ก็แค่ มีอาการแขนชานิดหน่อย
    หลังจากเสร็จพิธี ได้ไปปรึกษากับสุภาพสตรี (ที่อาจารย์แนะนำ)
    สุภาพสตรีท่านนี้ บอกผมว่า ในตัวผมมีเจ้ากรรมนายเวรอยู่
    ผมจึงไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาประทับ(แล้วใครไม่มีเจ้ากรรมนายเวรบ้างละ)
    ถ้าอยากจะแก้ ให้บูชาพระที่ มูลนิธิของอาจารย์ และอาจารย์จะไปทำพิธีให้
    ต้องเป็นพระที่มูลนิธิเท่านั้น พระที่อื่นไม่ได้ ผมถามว่าบูชาเท่าไหร่
    สุภาพสตรีท่านนั้นตอบว่า 12,000.-บาท ครับ
    พระบูชาองค์นิดเดียว แต่โดนไปหมื่นสองครับ ถือว่าจบกันครับ
    ไปกลับ ชม. - กทม. 2 เที่ยว เสียเงินไปปล่าว ๆ ไม่ได้อะไรเลยครับ

    เดี๋ยวนี้ ผมปฏิบัติตามสายหลวงพ่อจรัญ ครับ
    สวดมนต์ ภาวนา ก็มีแต่เทวดามาฟัง มาอนุโมทนา
    ไม่จำเป็นต้องไปง้อ ให้ใครมาประทับร่าง
    ใครกิน คนนั้นอิ่มครับ บุญสร้างได้ที่บ้าน
    ไม่จำเป็นต้องไปง้อให้ใคร มาเอาบุญให้ครับ
    เงินก็ไม่ต้องเสียสักบาทด้วยครับ
     
  8. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ไม่จำเป็นต้องไปง้อ ให้ใครมาประทับร่าง

    โมทนาครับ ... เดี๋ยวนี้มีสำนักแปลก ๆ มากมาย ทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวรทั้งสิ้นครับ จะมากหรือน้อยสุดแท้แต่กรรมที่ได้ทำไป ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง ผมว่าเข้าวัดปฎิบัติธรรมก็ได้ครับ นำเงินเหล่านั้นไปบำรุงวัดจะได้บุญมากกว่า ทำความดีทุกประเภทหลังจากนั้นก็อุทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขอให้ท่านอโหสิกรรม ขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรเราเปิดทางให้ตัวเราทำบุญกุศล และบอกให้เจ้ากรรมนายเวรมาอนุโมทนาบุญกับท่านด้วย เพื่อเจ้ากรรมนายเวรจะได้รับส่วนบุญขณะอยู่กับท่าน เจ้ากรรมนายเวรจะได้ช่วยส่งเสริมท่านเอง(เจอมากับตัวเอง) ผมอธิฐานบอกกับเจ้ากรรมนายเวรเสมอให้อนุโมนทนา บุณกับผม จะได้เสริมบารมีเจ้ากรรมนายเวรและตัวท่านได้ เจ้ากรรมนายเวรมีจริงและอาจติดตามท่านหลายภพหลายชาติมานานแล้ว ไม่ต้องกลัวหรือกังวลครับ ให้เราทำบุญมาก ๆ ภายหลังท่านอาจมาช่วยเรา(หรือเรียกว่าคนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องไปรับขันธ์นะครับ)
     
  9. ทิดวี

    ทิดวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +378
    บังเอิญ อาทิตย์ที่แล้ว ได้ดูทีวี (จำไม่ได้ช่องใด)
    ก็มีลักษณะ คล้าย ๆ เช่นนี้ เพียงแต่เป็นทางวัดจัดขึ้น
    ให้ผู้ปฎิบัติ ภาวนา "พองหนอ ยุบหนอ" ได้สักระยะ
    ผู้ปฏิบัติ ก็จะมีอาการ ร้องไห้, ชัก, รำฟ้อน ฯลฯ
    พระท่านบอกว่า เป็นอาการที่เจ้ากรรม นายเวร
    มาแสดง ให้รู้ว่า เราเคยไปทำอะไร ใครเขาไว้ครับ
    ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียค่าครู สองร้อย สามร้อย แบบข้างบนครับ

    สำหรับคนมีองค์ ทุกคนก็มีเทวดา ประจำกายกันทุกคนครับ
    อาจารย์วัลลภ ไม่สามารถเชิญเทวดา ประจำตัวผมออกมาได้
    แต่อาจารย์ ที่เชียงใหม่ สามารถเชิญเทวดาประจำกาย ผมออกมาได้ครับ
    แถมสนทนาเป็นภาษาเทพได้ครับ (น.ส.พ.ไทยรัฐ เคยบุกพิสูจน์มาแล้ว
    ปรากฎทีมงาน สนทนาภาษาเทพก็ได้เกือบทุกคน)
    ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียวครับ, ไม่ต้องรอนานวันเดียวรู้เรื่อง
    เห็นผลครับ ยิ่งเชิญเทวดาประจำกาย มาร่วมสวดมนต์ทุกวัน
    ส่งบุญให้เทวดาประจำกายเราทุกวัน เทวดาประจำกายเรายิ่งมีฤทธิ์
    มีบารมีมากขึ้น ก็สามารถช่วยเราได้ครับ ไม่จำเป็นต้องไปเสียตังให้ใครครับ
     
  10. annita

    annita สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +3

    เคยไปมาเหมือนกันค่ะ โชคดีมากที่ไปวันนั้นอาจารย์ไม่อยู่มีแต่ผู้ ญ.แก่ๆ เฝ้ามูลนิธิ เค้าก็บอกอย่างที่คุณทิดวีว่าเลยค่ะ ยายบอก "ก่อนได้เจอตัวอาจารย์วัลลภต้องดูดวงกะภรรยาท่านก่อน 500 บาท ดูแม่นนะแป๊ะๆ เลย ถ้าต้องแก้กรรมทำพิธีบูชาพระประทานมีให้เลือกค่ะ แต่ละองค์หลักหมื่นขึ้นไปทั้งนั้นและต้องบูชาที่นั่นที่เดียวด้วย แถมยายแกบอกว่าถ้าอาจารย์บอกว่าให้แก้ต้องแก้ จะไปยืมเงินที่ไหนก็ต้องยืม คุณไปที่อื่นเสียเงินมาตั้งเยอะแล้วทำไมเสียได้เลย เค้าน่ะของจริงทำแล้วแก้ได้จริงๆ ไม่งั้นจะมีคนมาหาให้ช่วยขนาดนี้เหรอ ฯลฯ"

    หันมาสบตาเพื่อนแล้วก็เลยชวนกันลายายกลับดีกว่า และจะไม่ไปอีก ส่วนตัวคิดว่าถ้าเค้าอยากช่วยคนที่ลำบากจริงๆ ก็น่าจะช่วยโดยไม่กำหนดกฎเกณฑ์อะไรน่าจะให้เค้าให้ตามกำลังศรัทธามากกว่าค่ะ
     
  11. ALMON

    ALMON สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    อนุโมธนากับทิดวีด้วยครับ
     
  12. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,838
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,021
    เวรกรรมมีจริ้งครับ
     
  13. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    [​IMG]อนุโมทนา สาธุ
    --------------------------------------------------------------------
    ศีลมีเจตนาเป็นพื้นฐาน
    ถ้าผู้ไม่มีเจตนาจะงดเว้นแล้ว
    ศีลทั้งหมดก็จะไม่มีในบุคคลผู้นั้นเลย
    เจตนาจะมีก็เพราะผู้นั้นเห็นโทษในข้อนั้นๆ เสียก่อนจึงงดเว้น
    พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาว่า เจตนาตัวเดียวเป็นศีล

    [หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี]
     
  14. LiFeHouSe

    LiFeHouSe Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +80
    อนุโมธนากับ ทิดวี,annita ด้วยครับ
     
  15. บ้านแก้ว

    บ้านแก้ว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อวิชชา

    คุณ(ทิด)วีคิดว่าบุญทำที่บ้านก็ได้งั้นอนาถบิณฑิกก็ไม่ต้องนำเงินทองตนเองมาสร้างวัดพระเชตวันหรอกมั้งก็คุณเก่งก็สามารถสืบทอดพุทธศาสนาเพียงคนเดียวได้ในโลกนี้ซีนะ เพียงแค่คำว่าไม่ต้องเสียตังค์ซักบาทแค่นี้ก็ผิดแล้วพื้นฐานคำสอนก็บอกอยู่ว่าทานศีลภาวนาความตระหนี่ตนเองยังขจัดไม่ออกเลยแต่ก็ไม่ได้ว่าสิ่งที่คุณได้ไปเจอด้วยตนเองจะถูกหรือผิดได้เพราะเราไม่เจอเองก็ตัดสินไม่ได้เพราะความไม่รู้(อวิชชา)ยังมีอีกมาก(วัดก็ไม่ต้องสร้างเพื่อสานต่อพุทธศาสนาหรอกนะ)
     
  16. มิกกิ

    มิกกิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +52
    เห็นด้วยนะค่ะสมัยนี้ยุคไฮสปรีด แม้แต่เวรกรรมก็ติดจรวดตามกันทันในชาตินี้เหมือนกัน
    สำหรับคนที่คิดว่าเวร กรรม ไม่มีจริง ท่านประมาทค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรให้มีสติให้มาก
     
  17. TJ69

    TJ69 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +152
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ [​IMG]<!-- / message -->
    <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...