ศาลาฯสระอธิษฐานจิตล่ม ปาฏิหาริย์ด้วยพิธีกรรมหรืออาถรรพณ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 17 ธันวาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]เหนือฟ้า ใต้บาดาล...เดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรีในช่วงบ่ายแก่ๆเมื่อต้นสัปดาห์ ข้ามแม่น้ำแควผ่านสุสานเขาปูน (เขาช่องไก่) มุ่งสู่วิทยาลัยเกษตรกรรม ในช่วงอีกไม่กี่กิโลเมตรก่อนถึงจุดหมาย เห็นธงทิวเหลืองธรรมจักรสลับกับธงชาติรายเรียงริมถนน ยาวนับเป็นร้อยๆเมตร...เป็นจุดน่าสนใจเลยแวะตามไปดู
    ณ ที่นั่นคือ วัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต ตำบลหนองหญ้า คาบเวลานั้นล้นหลามด้วยผู้คนนุ่งขาวห่มขาวมากมาย มาเข้าร่วม พิธีกรรมบริกรรมอธิษฐานจิตประจุพลังมงคลเบญจภาคภาคีย้อนยุค แล้วต่อด้วย พิธีกรรมสืบชะตาหลวง และ ใส่บาตรพระอุปคุต...
    ...โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่ทรงพลังหลายท่านเป็นผู้นำในพิธีกรรม เช่น หลวงปู่ทิม วัดพระขาวอยุธยา หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม ฯลฯ เป็นองค์นำพุทธศาสนิกชนเข้าสู่พิธีกรรม
    O O O
    แล้วก็เกิดปรากฏการณ์ที่น่าพิศวง...ช่วงก่อนจะเข้าสู่พิธีกรรมของเสี้ยวแห่งเวลา จู่ๆศาลากลางสระอธิษฐาน จิตอันเป็นสถานที่ลงสวดปาฏิโมกข์ (วัดนี้ไม่มีพระอุโบสถจึงต้องใช้ศาลากลางน้ำ) ด้านทิศเหนือก็ค่อยๆเอียงลงแล้วทรุดจมน้ำลงไป ค้างเติ่งกระเท่เร่ไปครึ่งหลัง
    [​IMG]ซึ่งสระอธิษฐานจิตนี้ ได้สร้างขึ้นเมื่อตอนที่เริ่มสร้างวัดแห่งนี้ โดยในช่วงแรกบ่อนี้แห้งผาก พระครูจันทสมานคุณ หรือ ครูบาบุญคุ้ม ปสันโน เจ้าอาวาส ได้ ตั้งจิตอธิษฐานขอให้มีน้ำ เพื่อจะได้ใช้ศาลาในการประกอบกิจทางศาสนา แล้วก็ เอามือกำทรายหว่านลงไป 3 กำมือ...
    ...อย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ฤดูฝนปีนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แม้ว่าจะเป็นหน้าแล้ง...น้ำก็ไม่แห้งเหือด...!!!
    แล้วก็เกิดความเชื่อในศรัทธาว่า.. ถ้าใครให้อาหารปลาหรือสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในสระน้ำแห่งนี้ จะเกิดพลังสามารถที่จะอธิษฐานขอความสำเร็จได้ 3 อย่าง ส่วนจะได้ครบทุกอย่าง ทุกท่านหรือไม่...ไม่มีใครยืนยัน!!!
    O O O
    ครูบาบุญคุ้ม...ผู้สร้างวัดแห่งนี้ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านดอนธี อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เข้าสู่ ร่มกาสาวพัสตร์ครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ขวบ บรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดภู จ้อก้อ (วัดบรรพตคีรี) อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
    (หลวงปู่หล้า ละสังขารเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2539 สิริอายุได้ 84 ปี 11 เดือน 52 พรรษา เป็นพระวิปัสสนาสายพระอาจารย์มั่น ได้ญัตติเป็นพระธรรมยุต ณ วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เมื่อปี 2488...
    ...หลังจากที่รับปรนนิบัตหลวงปู่มั่น อยู่พักหนึ่ง แล้วก็ได้ร่วมกับ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ลงไปภาคใต้ จนกระทั่งปี 2496 จึงเดินทางกลับอีสาน และจำพรรษากับหลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน อยู่ 4 พรรษา แล้วจึงมาจำพรรษา ที่วัดภูจ้อก้อในปี 2500 ...จนกระทั่งละสังขาร)
    O O O
    [​IMG]ครูบาบุญคุ้ม... ปวารณาตนรับใช้พระพุทธศาสนาตั้งแต่เป็นสามเณร ในขณะที่ปรนนิบัติหลวงปู่หล้า แต่หลวงปู่ เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเพราะไม่มีประสบการณ์ในทางโลก จึงบอกว่า...ถ้าจะอุทิศตนจริงๆให้ลาสิกขาก่อน
    จึงสึกมาเรียนหนังสือต่อจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วก็ใช้ชีวิตรับใช้เลี้ยงดูบิดามารดา แต่ก็ยังปรนนิบัติหลวงปู่หล้าอยู่เป็นกิจ จนกระทั่งหลวงปู่ละสังขาร แล้วเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่งในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่หล้า เขมปัตโต...ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ศรัทธายิ่ง
    ...โดยตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าสู่ธรรมปฏิบัติ...!!! จากนั้นจึงได้เดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ ได้ขอเป็นศิษย์ ครูบาเจ้าเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง กับ หลวงปู่หล้าตาทิพย์ (จันโท) วัดป่าตึง สันกำแพง เชียงใหม่ ซึ่งก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่หล้า พร้อมกับสืบสานธรรมประเพณีล้านนา... แล้วจึงธุดงค์มาสู่ภาคตะวันตกเข้าจังหวัดกาญจนบุรีในปี 2544
    O O O
    ช่วงแรกที่ ครูบาบุญคุ้ม มาสร้าง ณ วัดแห่งนี้ ได้ปักกลดลงในวันที่ 15 มกราคม 2544 พร้อมกับสามเณร 4 รูป คืนนั้นได้เข้ากรรมฐาน ได้เกิดนิมิตมีอุบาสิกาหน้าตาผิวพรรณผ่องใสนำฉัตร 4 ต้นมา ถวาย แล้วบอกให้สร้างวัดตรงนี้จะเจริญรุ่งเรือง
    แล้วก็เกิดอาการมีเสียงดังกึกก้อง เสมือนก้อนหินกลิ้งลงมาหาจะทับ แต่พอลืมตาขึ้นปรากฏว่าไม่มีอะไร จึงได้ตั้งสมาธิจิตใหม่ว่า...ถ้ามีเวรมีกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก็ขอให้ใช้หนี้กันจนจบไปในวันนี้เลย...
    ...แต่ก็รอดมาได้ไม่มีภยันตรายใดๆ และอุบาสิกาที่มาแนะนำให้สร้างวัดนั้นก็คือ พระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม...จึงได้ให้ชื่อวัดนี้ว่า วัดโพธิสัตว์ บรรพตนิมิต จากนั้นจึงได้สร้างประติมากรรมเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานความร่ำรวย...เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้สักการะ
    O O O
    [​IMG]การสร้างวัดในยุคแรกๆ...ชาวบ้านได้สร้างกุฏิเป็นเพิงมุงแฝก 4 ศอก และอยู่กันอย่างลำบากกับสามเณร 4 รูป และคงจะเป็นไปตามนิมิตจึงมี ชาวสวิตเซอร์แลนด์กลุ่มหนึ่งเดินทางมากาญจนบุรี ได้เห็นวัดนี้เข้าแล้วเกิดศรัทธา จึงได้เป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิสงฆ์ให้ 11 หลัง พร้อมทั้งศาลาการเปรียญ โดยเป็นศิลปะทางสถาปัตยกรรมล้านนาทั้งหมด...วัดนี้จึงแล้วเสร็จเป็นรูปเป็นร่างภายใน 1 ปีครึ่ง
    แล้วก็มีการพัฒนาสถานที่มาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดก็ได้วางแผนที่จะสร้างพระอุโบสถเพื่อใช้ ประกอบศาสนกิจ ซึ่งก็ปรับพื้นที่ถมดินแล้ว ในช่วงที่รอก่อสร้างได้เอาเนินดินนี้ใช้ประกอบพิธีกรรม อย่าง ไม่น่าเชื่อ พอเริ่มจะทำพิธีกรรมเท่านั้น ไม่รู้ว่าด้วยบังเอิญหรือว่าน้อยอกน้อยใจอะไร...หรือว่าเกิดอาถรรพณ์
    ...ศาลาอันที่ประกอบศาสนกิจเดิม มีอันพังล่มลงน้ำไป...ทำให้หลายคนถึงงึด...!!!
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...