สงสัยว่า..ทำไมผีถึงเข้ามาอำถึงในบ้านได้คะ

คือว่าเรื่องมันตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแต่ยังจำติดตาตรึงใจอ่ะค่ะ และเก็บความสงสัยนี้มานานมาก มีอยู่คืนนึง นอนเล่นอยู่ที่ห้องโถงในบ้านค่ะ นอนอยู่ข้างหิ้งพระที่บ้านเลย ตอนนั้นยังไม่นอนแต่ได้ยินเสียงหมาหอนมาจาก ปากซอยที่บ้านมันไล่ มาเรื่อยๆจนถึงหน้าบ้าน ตอนนั้นกลัวผีเป็นทุนเดิมค่ะ เลยรีบคลุมโปง โผล่มาแต่ลูกตา สักพักนึงได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาในบ้าน เสียงเปิดประตู
แต่คือ ประตูมันไม่ได้เปิดนะคะ แต่มีเสียงค่ะ พร้อมกับเสียงฝีเท้า ปรากฏว่า เสียงนั้นมาหยุดที่ตัว เลยค่ะ ตอนนั้นกลัวก้อกลัวอยากรู้ก้อ อยากรู้ เลยตัดสินใจลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นผู้ชายใส่เสื้อกับกางเกง หม้อฮ่อมแบบทางเหนือค่ะ แต่เห็นแค่กลางลำตัว เหลือบตาขึ้นไปมองไม่ได้ ตัวแข็งทื่อ ขยับตัว ส่งเสียงไม่ได้ ตอนนั้นรู้ว่าเจอแล้วแน่ๆ พยายามสวดมนต์ แต่สวดไม่ถูกค่ะ ได้แต่ นะโมๆๆๆ กลัวจนน้ำตาไหล เลยตัดสินใจหลับตาปี๋ เลยค่ะ ขยับตัวไม่ได้สักพักใหญ่ พอเริ่มขยับตัวได้นิดๆ ตะโกนลั่นวิ่งหนีไปนอน กับ คุณยาย อีกห้องนึง ค่ะ ก้อนอนกับคุณยาย จนถึงเช้า ที่สงสัยคือ ทำไมเจ้าที่ที่บ้านถึงปล่อยให้ผีเข้าบ้านได้คะ แล้วที่นอนเล่นอยู่ ก้อนอนอยู่ใกล้หิ้งพระ ทำไมผีไม่กลัวอ่ะคะ เก็บความสงสัยนี้มานานมากกก ค่ะ ใครรู้ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยนะค้า ขอบคุณมากค่า ^___^

 

จริงด้วย นอนอยู่ในวัดแท้ๆ หน้าพระพุทธรูป ยังโดน ใครรู้บอกหน่อยนะครับ

 

อาจเพราะมีเคยกรรมผูกพันกันมาครับ ถึงตามเข้าบ้านได้ และที่พระท่านไม่ยุ่งก็คงเพราะเรื่องของกรรมครับ

 

ผีอำมีหลายแบบ 1. เขาอยากใด้บุญ 2. เทวดาผู้รักษาเราช่วย บางครั่งเรานอนในที่มีออกซิเจนน้อยโดยเฉพาะในฤดูร้อนจัดร่างกายกำลังขาดออกซิเจน เลือดเรามันกำลังจะเหนียวและแข็งตัวเมื่อเทวดาท่านเห็นก็มาทำรูปร่างที่หน้ากลัวเพื่อเราหายใจแรงๆออกซิเจนจะทำให้เลือดเป็นปกติ ตอนเรารู้สึกขยับไม่ใด้เพราะเลือดยังหมุนเวียนไม่สดวก (ถ้าเทวดาไม่ช่วยก็นอนไหลตาย) 3. เราสะกดจิตตัวเองโดยไม่รู้ตัวขณะภาวนา
แล้วหลับไปโดยบังเอิญและเราก็สามารถเห็นผีและบ้านเราเหมือนลืมตาดู ในบางครั่งเทวดาผู้รักษาเราก็มาทำให้เราตื่นตัว 4. โดนผีและเทวาเล่นงาน เราอาจจะไปโขยของวัดหรือไปฆ่าคนแล้วเอาของเขามาในปัจจุบันหรือในอดีตก็ใด้ 5. เจ้ากรรมนายเวรเล่นงานหรือสังสอนให้เรารู้ว่าบาปบุญมีจริงและผีมีจริง 6. พระเเละเทพเนรมิตเพื่อมาสอนธรรม เราโดนผีอำมานับไม่ถ่วนที่โดนหนักๆก็ตอนเราอายุ16ถึงกับให้แม่ไปทำบุญให้เขาเพราะท่านเป็นแม่ในอดีตของผมตัวท่านเหมือนกับสัตว์นรกเเละดำไม่มีผมเป็นผู้หญิงไม่หนุ่งผ้าหน้ากลัวมากท่านมาทุกๆ 1-3เดือนหลังจากทำบุญให้ไม่มารบกวนอีกเลย เดียวนี้ยังโดนผีอำอยู่แต่เราสู้เขาและเราก็ไม่กลัวและบางครั่งผีก็ปลุกเราขึ้นมาในขณะคนผิวดำจะมาโขยของในบ้าน สรุปแล้วผีอำดีและเเทบทุกครั่งเราขอบใจเขาด้วย อีกอย่างหนึ่งอย่านอนใกล้หิ้งพระหรือต่อหน้าพระพุทธรูปเพราะเทวดามาใหว้พระทุกคืนเขาใว้พระไม่ใด้ถ้าเรานอนตรงนั้นโอกาสจะโดนผีอำก็มีใด้

 

ผี ในสังคมไทยคือ อำนาจ
เหมือนอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ อำนาจบริหาร

เฉพาะสังคมไทย เหมือนที่เรากินส้มตำปู ปลาร้า

และดันสอนให้ค้านไว้ก่อน มันเท่ห์
มันเสรีประชาธิปไตย มัน liberal

พอเราเผลอตัวผีจะมาทำความรู้จักทักทายในแบบที่เราต้องโดน
เหมือนผีเรียกเราปรับทัศนคติ
ให้เราเข้าใจตรงกะผีว่า ผี ของ ผีของ ผีของผี
ล้วนแล้วแต่มี การสื่อสารกันมาอย่างนี้ทั้งสิ้น

เมื่อเราโดนผีอำเราก็จะเอาไปสื่อสารกะคนอื่นๆ แบบผีๆ

เหมือนเรากินส้มตำปูปลาร้า
เราสั่งร้านเดิมแบบเดิม เป็นอัตโนมัติ
เหมือนกระเพราไก่ไข่ดาว
เอาเหมือนเมื่อวาน

วิธีแก้คือให้มีสติในการกิน
เช่นถือศีลแปด
จะมีข้อ วิกาละโภชนา
การถือศีลเหมือนกะการเอาชุดนักศึกษามานุ่ง

การผิดศีลเหมือนกะการเอาชุดนักศึกษามาเหยียบ หรือเอาไปทำผ้าขี้ริ้ว
หรือเช็ดเท้า

เวลาเด็กช่าง ไรงี้รักสถาบันรักพี่ รักเพื่อน รักน้อง
รักพ่อ
เอาธงชาติ ไปเช็ดเท้า ตามปรกติก็ต้องเกิดแรงเสียดทานกลับมา

จริงๆแล้วศีลก็เหมือนธงชัย เหมือนธงที่เราเชิญขึ้นยอดเสา

ผิดศีลตำตาก็เหมือนเราเอาเท้าเหยียบธง

บาปกะผิดศีลไม่เกี่ยวไรกันเลยนะ
บางที่ผิดศีลไม่บาป

บุญเนียะ เป็นชื่อของธรรม ชนิดหนึ่ง
ที่จะไม่ปนกะอีกธรรมหนึ่งที่ชื่อ บาป

วิธีการจำแนกบุญให้แยกออกจากบาป คือการอุทิศกุศล
อุทิศให้กะอะไรก็ได้ บุญเดิมๆ อุทิศกี่ที่ก็ได้ เปลี่ยนไปให้คนนั้นที่ คนนี้ที วันนึงอุทิศบุญเดิมๆหลายทีก็ได้

วิธีการสื่อสาร ที่ผี มักจะมาสื่อกะคน
จะเป็ฯตัวชี้วัดได้ คาดได้ เดาได้
ว่าคนนั้นๆ มี ทัศนะคติต่อบุญอย่างไร

ผีก็มาเอาบุญให้คุณแหละ
เพราะบุญคุณ ต้องทนแทน

 

ไม่มีอะไรขวางกรรมได้นะ พระท่านก็ช่วยบอกอย่าทำแรงมากไป

ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ

 

คุณคิดว่าผีกลัวพระเหรอครับ คุณคิดผิด

 

ฟังในมุมอื่นๆดูบ้างนะครับ..ถือว่าเล่าให้ฟังขำๆแล้วกัน
และก็อ่านจบแล้วลองไปสังเกตุตัวเองดูนะครับ..
ทั่วๆไปนะครับ..ทั้งสามารถเห็นผีได้แถมยังได้ยินเสียงชัดเจนอย่างนั้นอีก
โดยปกติแล้วไม่ใช่ว่าจะเกิดกันได้ง่ายๆนะครับ..
เอาแค่เห็นได้อย่างเดียวก็น้อยแล้ว
นี่ทั้งเห็นทั้งได้ยินเป็นตัวๆได้.ก็คงมีอะไรพอสมควรแล้วครับ...
และการเกิดกิริยาในช่วงเวลานั้น...จิตเรามันเป็นทิพย์ชั่วคราวครับ..
เป็นทิพย์แบบการที่เราเข้าไปผูกกับความเป็นทิยพ์ได้โดยที่เราไม่รู้ตัวครับ...
ก็เพราะว่าดวงจิตที่อยู่ในกายเราตอนนี้มันมีความสามารถทางด้านนี้เป็นทุนเดิม
มาก่อนครับ..ดวงจิตนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเห็นได้ การได้ยินได้ มันยังมีเรื่องเกี่ยว
กับสัมผัสทางด้านกระแสพลังงานด้วยนะครับ..
เริ่มต้นตั้งแต่การมีลางสังหรณ์แบบไม่รู้ตัว..ว่าจะต้องได้เจออะไรแน่ๆ..
ตัวนี้เป็นเครื่องรู้ตัวหนึ่งครับ..และเพราะว่าจิตเมื่อก่อนมันจะทำงานคือ
มันจะนิ่งๆก่อนซักพัก แล้วก็เริ่มมีลางสังหรณ์(เราอาจจะรู้สึกว่าจะต้อง
เจออะไรบ้างอย่างหรือเกิดอะไรบางอย่าง)และเริ่มมีความเป็นทิพย์
เล็กน้อยและเข้าสู่การเป็นทิยพ์ชั่วคราวจากลางสังหรณ์เป็นตัวเริ่มต้น
มันเป็นแบบนี้มาก่อนเป็นทุนครับในอดีตชาติ.มันเลยดึงให้ตัวจิต
เข้าสู่ระดับสมาธิที่เรียกว่าอุปจารสมาธิครับ..สมาธิระดับนี้ร่างกายจะตัด
ระบบการควบคุมประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายครับ
แต่ว่าไม่ทั้งหมดครับ..
คือ ถ้าเราฮึดๆหน่อย หรือ มีสติระลึกได้ ร่างกายก็จะขยับได้และก็จะไม่เห็นภาพ
เช่น บางคนฮึดสู้ผี การฮึดคือการที่ดึงสติกับมา
สร้างความคิด ความเป็นทิพย์มันเลยไม่มี
เพราะว่าความคิดมันจะดึงตรงนี้กลับให้เข้าสู่ระบบ
ร่างกายปกติ จึงเหมือนกับว่าผีหนีไป ความจริงอาจยังไม่หนีครับ
แต่จิตเรามันเห็นไม่ได้ครับ ๕๕๕๕ ก็เลยอาจเค้าใจว่าตนปราบผีได้ ๕๕
..แต่กรณีดวงจิตที่ถามเนื่องด้วยต้นทุนเดิมของจิตที่มันเคยชินอารมย์นี้มาในอดีต
ชาติมันก็เลยเหมือนๆกันว่า มันค้างในอารมย์ความเป็นทิยพ์ได้นาน
นี่หละครับ ที่เรียกว่า การผูกกับความเป็นทิพย์อย่างที่ไม่รู้ตัวครับ...
และสุดท้าย ที่เดินๆมาหานั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ถ้าเค้ามาหยุดๆ
ตรงประมาณระหว่างลิ้นปี่เราถึงบริเวณหัวไหล่แล้วนิ่งๆ
..จิตดวงน้้นเป็นดวงจิต
ที่เป็นหนึ่งในภูมิที่คอยป้องกันเหตุให้เราครับ..และมีความสามารถพิเศษ
ทางจิตและที่สำคัญยังมีความสามารถในการรักษาคนได้ด้วยครับ..
คือถ้าเราป่วยอาจจะหายเร็วกว่าปกติ หรือ นานๆเราจะป่วยซักทีครับ
ผีธรรมดาที่ไหนครับ จะเดินจนทำให้เราได้ยินได้ ทำให้เรามองเห็น
เป็นตัวๆได้อย่างนั้น..แล้วก็มาหยุดอยู่เฉยๆอย่างนั้น
ได้ครับ ถ้าเป็นประเภทต้องการบุญ แค่จะปรากฏตัวให้เราเห็น
นี่ก็แทบจะเรียกว่า รวมกำลังสุดพลังงานจิตแล้วครับ..
เทียบพอๆกับคนที่ต้องนั่งสมาธิจนเห็นตัวเองอีกตน
นั่งอยู่ที่เดิมได้นั้นหละครับ...
ปล.พอเข้าใจหรือยังครับ ว่าทำไปเค้าถึงมาหยุดอยู่ตรงที่ๆเราอยู่ได้ครับ..
แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังนะครับ...

 

ขนาดในวัด วิญญาณยังมาปรากฏตัว