สติ

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 13 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    หลวงปู่จะกรุณาสอนเรื่อง สติ ต่อไปได้ไหม

    สติ นี้มันทันน่า คิดขึ้นเรื่องใดมันก็ดับ คิดขึ้นเท่าใดมันก็ดับถ้ามีสติ พร้อมกับ....ปรุงขึ้นดับ ปรุงขึ้นดับ เรียกว่า สติพร้อมกัน คิดไปก็หลงไปลืมไป แปลว่าไม่มีสติ ถ้ามีสติแล้ว คิดขึ้นร้ายก็ดี คิดดีก็ดี รู้พร้อมกันนั่นแหละสติรู้พร้อมกันดับลงทันทีนั่นแหละ ตัวสตินี้สำคัญนี่ ถ้ามีสติก็มีปัญญาพร้อมกัน คิดขึ้นรู้พร้อม คิดดีก็ตาม คิดชั่วก็ตาม หลงก็ตาม โกรธก็ตาม คิดขึ้นแล้วมีสติมันก็ดับไปทันทีไม่ต้องคุบมันหรอก นี่คือตัวสติ มีสติแล้ว มีปัญญา เมื่อไม่มีสติมันก็เผลอ เผลอแล้วมันก็หลงไป ครั้นไม่เผลอแล้วมีสติแนบอยู่ทุกเมื่อแล้ว คิดดีก็ดับลง คิดชั่วก็ดับลง พอใจก็ดับลง เอาลงทันทีนั่นแหละ มีสติแล้วก็ใช้ได้ ใจเบิกบานขึ้นปัจจุบันมีสติพร้อมกันกับคิด คิดผิดก็ดี คิดถูกก็ดี รู้พร้อมกันก็ดับทันที เรียกว่าสติ สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค์ ก็ว่าได้ทุกอย่างนั่นแหละ ตัวสติครั้นเกิดขึ้นพร้อมกันทุกเมื่อแล้ว เมื่อเวลามันเกิดขึ้นพร้อมกันคราวใดแล้วก็ดับๆพร้อมกัน ถ้าไม่มีสติแล้วก็ไม่ดับละ บางทีก็ไปคุบเสีย ถ้ามีสติพร้อมกันแล้วก็มีปัญญา ถ้าไม่มีสติแล้วมันก็หลงใหลไป ไปคุบนั่นคุบนี่ มันก็ของเก่าเลล่ะ แต่มันจำไม่ได้ ครั้นมีสติแล้วมันจำได้ นึกขึ้นดีมันก็ดับลง นึกขึ้นผิดมันก็ดับลงในปัจจุบัน นี่แหละตัวสติ

    การที่จะฝึกสติจะทำยังไง สำหรับการฝึกสติ

    สติอันใดมันก็ถูกหมดนั่นแหละ ครั้นมีสติพร้อมกันกับปรุงขึ้นทับภายในมันก็ดับ ถึงดีก็ดับลงทันทีนั่นแหละ ตัวสติรู้พร้อมกัน ครั้นไม่มีสติแล้วก็หลงไปพักหนึ่งทอนั่นแหละ

    จะมีอุบาย อุบายอย่างไรสำหรับการฝึกให้สติไม่หลง

    อุบายก็อาศัยความเพียรความหมั่นนั่นแหละ ตั้งอยู่ฮั้นหละ ตั้งดูมันอยู่ฮั้นหละ มันปรุงขึ้นรู้ทันที เป็นสติ อาศัยความเพียรความหมั่น ความเพียรความหมั่นไม่ท้อถอยไม่ละความเพียร มันก็ใช้ได้

    “มีพระฌรณมาหา จะเอาให้สำเร็จเดี๋ยวนี้ให้ได้ จะให้แก้ให้ บอกว่าไม่แก้แล้วนิมนต์ไปหาอาจารย์องค์อื่นเถอะ แก่ไม่ไหว

    ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร จะเอาแต่ความสำเร็จให้ได้ เหลวไหลไปเหีย มาจากมาเลเซีย นุ่งเสื้อเหมือนโยม...

    เวลามันเป็นก็ลำบาก เวลากิเลสมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ รู้ทันมันเดี๋ยวนี้มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละตัวสติ มันปกครองอยู่เสมอ ถ้ามีสติอยู่ทุกเมื่อมันบ่ได้คุบมันหละ ครั้นเกิดขึ้นรู้ทันมันก็ดับ พอใจไม่พอใจก็ดับลงทันทีตัวสติ

    ถ้าสติเต็มที่ตลอดเวลา เท่ากับหลุดพ้นอย่างนั้นใช่หรือเปล่า เรียกวิมุตติหลุดพ้น คือมีสติตลอดเวลา

    ถ้ามีสติแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงวิมุตติวิโมกข์หรอก วิมุตติมันก็หมดพ้นไปตามทีนั่นแหละ เกิดขึ้นมันก็รู้ทันทอนั่นแหละ ตัวสติน่ะ รู้ทันมันก็ดับลง ไม่ได้ดับยากหรอกตัวสตินี่มันพร้อมกันคิดผิดก็ตาม สติมันรู้แล้วก็ดับ คิดถูกก็ตาม พอใจก็ตาม ไม่พอใจก็ตาม มันเกิดขึ้นแล้วก็รู้พร้อม ดับลงกับที่นั่นแหละแต่อยากเน้อ ทำให้มีสตินี่ลำบากมาก

    พระเณรมาเมื่อวาน จะทำให้สำเร็จพระนิพพาน กำลังไม่พอ กังสติก้ไม่พอ กำลังปัญญาก็ไม่พอ ก็เลยโหมบไปอย่างใหญ่ แก้ไม่ได้

    สำหรับใช้สติ ต้องมีความเพียร ความเพียรนั่นนะก็ต้องรู้จักปฏิบัติเหมือนกัน ถ้าไม่รู้จักปฏิบัติก็เพียรผิดไป มีอุบายอย่างไรสำหรับทำความเพียรที่ถูกต้อง

    ความเพียรมีสติมันก็อันเดียวกัน มีสติแล้วใจมันก็ผ่องใสเบิกบานไม่หลงไม่ลืม คิดอย่างใดขึ้นมันก็ดับ ดับพร้อมกันพร้อมกันกับคิดขึ้นนึกขึ้น ตัวสติสำคัญนัก

    คนแต่ละคนมีวาสนา มีกรรมมาไม่เหมือนกัน บางคนก็จะทำความเพียรได้มาก บางคนก็จะทำความเพียรไม่ได้ จะทำอย่างไรจะทราบได้หรือเปล่าว่าคนไหนจะมีความเพียรได้

    เอาแต่ปัญญา ผู้ใดเร่งความเพียร จะทำท่าใด ดำเนินเข้าไป ดำเนินเข้าไปมันขัดข้อง ตอนนั้นจะดำเนินให้สะดวกเมื่อไร หรือขัดข้องยังไง ดำเนินถูกต้องแล้วมันก็สบาย นึกเท่าใดขึ้นมันก็สว่างไปแล้ว รู้แจ้งเห็นจริงนั่นแหละรู้ข้างใน นักปฏิบัติทั้งหลายลำบากอยู่เหมือนกันนั่นหละ...

    หลวงปู่เห็นว่าพระกับเณรนั่น ยังไม่มีทาง ที่จะหลุดพ้นใช่หรือไม่

    มีทางละก้า บางองค์ก็สู้ได้เป็นตามนิสัย กล้าหาญ บางองค์ก็หลบ หลบคน เอาท่าไหน เอาแต่นิสัย ผู้เคนดำเนินมาสะดวกเรื่องใดเอา...

    ทำไม่ถูกต้องอย่างนั้นใช่ไหม ทีหลวงปู่เรียกว่าธรเมาไม่ใช่ธัมโม ในการปฏิบัติ

    พูดอย่างนั้นก็ถูก ปฏิบัติถ่องแท้เป็นธัมโม นอกนั้นเป็นธรรมเมา

    ทางที่ถูกเอาพุทโธเป็นมรรค พอมันสงบลงแล้วพุทโธนั้นก็วางเสีย พอมันสงบตามสภาพแล้วไม่ต้องบริกรรม

    หมายเหตุ พระและเณรที่อ้างถึงนั้นเป็นพระและเณรฝ่านมหายาน เป็นชาวจีนในมาเลเซีย ภาวนาหลงนิมิตภายนอก คือเวลาภวานาส่งใจออกรับอารมณ์ภายนอกเกิดนิมิตแล้วหลงไปตามนั้นเกิดความฟุ้งซ่าน บางครั้งเกิดศรัทธามากเกินจนเป็นอุปกิเลส ไม่มีปัญญา จะถอดถอนตนเองได้ จะมาให้หลวงปู้แก้ให้ แต่หลวงปู่เห็นว่าพระและเณรทั้งสองนั้นดำเนินออกนอกทางจนไม่สามารถจะช่วยสงเคราะห์เธอทั้งสองได้เสียแล้ว เธอทั้งสองจึงเป็นกรรมที่ไม่มีใครช่วยได้ ด้วยประการดังนี้



    www.dhammasavana.or.th
     

แชร์หน้านี้

Loading...