สมเด็จโตช่วยเหลือศิษย์ในการสอบ

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 19 ธันวาคม 2013.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    หลังจากแยกกับเพื่อนวันนั้นแล้วผมรีบเอาหนังสือมาทบทวนดูในสิ่งที่นิมิตเห็นในฝัน สำหรับวิชาคณิตศาสตร์นั้นผมพยายามลองทำดู และตรวจสอบทานจนมั่นใจ เพราะแน่ใจว่าสิ่งที่ได้นิมิตเห็นนั้นไม่ใช่ฝันด้วยจิตนิวรณ์ หากเป็นการฝันที่ต้องด้วยลักษณะที่เรียกว่าเทพยดาสังหรณ์ คือเจ้าประคุณสมเด็จบันดาลนิมิตให้ปรากฏเป็นไปในความฝัน

    เมื่อวันสอบมาถึงผมเข้าสนามสอบด้วยความมั่นใจ และเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก เพราะความอันได้ปรากฏในฝันนั้นกลายเป็นเรื่องจริง เนื่องจากข้อสอบถูกต้องตรงกันกับความฝัน ดังนั้นผมจึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าการเก็งข้อสอบถูกต้องเสียอีก

    หลังจากสอบเสร็จแล้ว ผมได้สอบทานกับมนูญผลว่าเพื่อนไปสอบพบข้อสอบตรงกับที่ฝันบ้างหรือไม่ มนูญผลก็ยืนยันว่าข้อสอบออกมาตรงกับสิ่งที่ฝันเห็นทุกประการ จึงสามารถทำข้อสอบได้ดีเป็นพิเศษ

    เมื่อได้ฟังดังนั้น ผมก็ได้เล่าความทางด้านผมให้มนูญผลทราบว่าเป็นอย่างเดียวกัน เมื่อเป็นดังนั้นพวกเราจึงรู้สึกว่าทำข้อสอบได้อย่างง่ายดายในคราวนี้ก็ด้วยบารมีเจ้าประคุณสมเด็จแผ่เมตตาให้กับศิษย์ผู้ยาก บันดาลนิมิตให้เห็นข้อสอบล่วงหน้า ทำให้ได้ซักซ้อมทำข้อสอบจนชำนาญก่อนที่จะเข้าสนามสอบ

    จากนั้นพวกเราจึงพากันไปที่วิหารสมเด็จ เข้าไปกราบสักการะขอบพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จอีกครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ซาบซึ้งในพระคุณเป็นที่สุด

    นักเรียนน้อย วิชาน้อย แต่ด้วยบารมีของเจ้าประคุณสมเด็จจึงทำให้เบาแรงในการสอบ และทำให้มีความมั่นอกมั่นใจเป็นพิเศษว่าเมื่อเจ้าประคุณสมเด็จได้เมตตาฉะนี้แล้ว ย่อมเป็นนิมิตหมายเบื้องต้นว่าผลสอบน่าจะเป็นไปดังที่ปรารถนา

    ครั้นประกาศผลสอบเข้าจริง สิ่งที่ปรารถนาไว้ก็ประสบผลสำเร็จ ผมสอบแข่งขันได้ เป็นแต่ว่าอยู่ในลำดับเกือบจะท้ายสุด ส่วนมนูญผลก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้สมความปรารถนาเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างสมความปรารถนาดังนี้จึงพากันไปกราบเจ้าประคุณสมเด็จ และร่วมกันสวดพระคาถาชินบัญชรถวายเจ้าประคุณสมเด็จอีกครั้งหนึ่ง

    ผมทราบผลสอบและรู้วันมอบตัวแล้ว เห็นพอมีเวลาเหลืออยู่จึงถือโอกาสนั้นเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้งหนึ่ง พ่อแม่ก๋งและยายตลอดจนญาติพี่น้องพอได้ทราบข่าวต่างก็มีความยินดี แม่ได้บอกให้ทราบว่าในปีนี้จะส่งน้องตามมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ด้วยอีกคนหนึ่ง ผมก็ดีใจ เพราะจะได้มีน้องมาเป็นเพื่อนอย่างหนึ่ง และเป็นโอกาสที่จะได้ทำนุบำรุงให้น้องได้มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ อีกอย่างหนึ่ง

    ครั้นใกล้ถึงวันมอบตัว ผมจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับพาน้องชายขึ้นมากรุงเทพฯ ด้วย น้องชายผมต้องการเรียนด้านพาณิชย์เพื่อจะนำความรู้ไปทำการค้าขายในวันข้างหน้า ผมจึงติดต่อหาที่เรียนให้กับน้อง เป็นโรงเรียนของเอกชนแต่มีชื่อเสียงในวิชาชีพด้านการพาณิชย์ และขออนุญาตพระมหาทรงธรรม์ให้น้องได้พักอาศัยอยู่ที่วัดระฆังด้วยกัน

    พระมหาทรงธรรม์ได้ทราบความก็มีน้ำใจเมตตากรุณาเป็นอย่างดี เพราะคงเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าในเมื่อตัวพี่เป็นเด็กขยันตั้งใจเรียน ตัวน้องซึ่งตามมาก็คงจะไม่ไกลกันเท่าใดนัก และเป็นวิสัยของพระจากภาคใต้ที่มักมีน้ำใจเอื้ออาทรอุปถัมภ์ค้ำชูผู้เคยอยู่บ้านเดียวกันมาให้ได้มีที่พักที่เรียนในกรุงเทพฯ

    ดังนั้นน้องชายของผมจึงได้พักอาศัยอยู่ที่วัดระฆังเพื่อเรียนหนังสือตามความประสงค์สืบไป

    เพราะเหตุที่ผมสอบได้ใกล้ๆ กับลำดับสุดท้าย ดังนั้นเมื่อถึงวันมอบตัวจึงไม่มีโอกาสได้เรียนในห้องคิงหรือหรือห้องควีนซึ่งเป็นห้องเรียนสำหรับนักเรียนเรียนดี แต่ถูกจัดให้เรียนในห้องท้ายสุด หรือที่เรียกกันโดยนิยมในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาว่าห้องบ๊วยนั่นเอง

    โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเขาคัดและตัดเอาคะแนนสำหรับกลุ่มนักเรียนที่เรียนดีในระดับกลุ่มคะแนนเดียวกันให้เรียนในห้องเดียวกัน ผมได้คะแนนใกล้ๆ จะรั้งท้าย ดังนั้นจึงถูกจับกลุ่มให้เรียนกับผู้ที่มีคะแนนอยู่ในกลุ่มรั้งท้ายด้วยกัน ซึ่งน่าจะเป็นวิธีการจัดการที่ถูกต้อง เพราะหากคละกันไปคนเรียนเก่งก็จะต้องเสียเวลารอคนที่เรียนไม่เก่ง ทั้งโรงเรียนก็สะดวกที่จะจัดครูมาเร่งรัดกวดขันการสอบให้เป็นพิเศษ นอกจากนี้จะดีกว่าการเคล้าคละปะปนกัน เพราะคนที่เรียนไม่เก่งก็อาจกลายเป็นคนมีปมด้อย ดีร้ายก็อาจจะท้อถอยไปเลย

    ผมทราบหลักเกณฑ์การจัดห้องเรียนดังนั้นแล้วก็มิได้รู้สึกท้อถอย กลับคิดและกำหนดไว้ในใจว่าในเมื่อเพื่อนๆ ที่เรียนห้องเดียวกันเป็นพวกกลุ่มคะแนนรั้งท้ายด้วยกัน จึงน่าจะไปด้วยกันได้ด้วยดี

    กลุ่มของพวกผมถูกจัดให้เรียนในห้อง 32 อาคาร 1 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่านักเรียนห้องนี้เป็นห้องโหล่หรือห้องสุดท้าย แต่เพราะพวกเราเป็นพวกกลุ่มเดียวกันจึงรู้สึกว่ามีหัวอกอย่างเดียวกัน เหตุนี้จึงไม่มีใครรู้สึกเป็นปมด้อยที่ต้องเรียนในห้องโหล่หรือห้องบ๊วย กลับรู้สึกว่าเมื่อพวกเราเรียนอยู่ห้องรั้งท้ายสุดก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่ต้องพะวงว่าจะต้องแข่งกับใครอีกแล้ว และไม่ต้องกลัวว่าจะตกรุ่นไปอยู่ห้องท้ายกว่านี้อีก หากตั้งหน้าพยายามให้ดีแล้วก็มีแต่โอกาสที่จะได้ก้าวไปข้างหน้าถ่ายเดียวเท่านั้น

    ความจริงในชีวิตของคนเรานั้นจะมีทั้งรุ่งโรจน์และร่วงโรย หรือสุขทุกข์เคล้าคละกันไป ยากจะมีใครรุ่งโรจน์หรือร่วงโรยตลอดไป หรือมีสุขทุกข์ตลอดไปแต่อย่างเดียว ดุจดังเวลากลางวันและกลางคืนย่อมสลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป มีมืดแล้วก็มีสว่าง มีสว่างแล้วก็มีมืด เมื่อกลางวันมาถึง กลางคืนก็จะต้องตามมา ยามเป็นเวลากลางคืนก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าอีกไม่ช้านานรุ่งอรุณก็จะมาถึง

    หากคนเราคำนึงถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมนี้ได้ และมีสติรู้เท่าทันถึงความเป็นจริงดังกล่าว ก็จะไม่ท้อแท้ในยามร่วงโรยหรือยามมีทุกข์ และจะไม่ฮึกเหิมลำพองเมื่อยามรุ่งโรจน์หรือมีสุข หากจะต้องเตรียมรับกับสถานการณ์ที่ผันแปรไปในวันข้างหน้า ดีกว่าที่ตกทุกข์หรือร่วงโรยแล้วเป็นทุกข์ตาม จนกระทั่งไม่ยอมคิดอ่านต่อสู้กับชีวิต กลายเป็นคนยอมจำนนหรือคิดสั้นไปโดยไม่รู้ตัว

    ในปีนั้นเพื่อนนักเรียนเก่าและเด็กรุ่นน้องๆ จากบ้านเดิมได้เดินทางเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ มากเป็นพิเศษ เฉพาะที่มาอยู่ใหม่ในคณะหนึ่งวัดระฆังก็มีถึง 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นน้องผม และอีกหนึ่งในนั้นคือหลานของพระมหาวิสุทธิ์ ดังนั้นจึงทำให้พวกเราใกล้ชิดกันมากขึ้น และทำให้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพระมหาวิสุทธิ์ด้วย

    พระมหาวิสุทธิ์บวชมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ ครั้นสอบนักธรรมเอกได้แล้วก็เดินทางเข้ามาเรียนพระปริยัติธรรมในกรุงเทพฯ นานแล้ว พระมหาวิสุทธิ์เรียนเปรียญธรรมได้ถึงประโยคหก และได้ทำงานในมหาวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านเป็นผู้ใฝ่ในการศึกษาและมีความคิดอ่านที่ก้าวหน้า ทุกวันจะอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ แต่กลับเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ลงพระอุโบสถทำวัตรมิได้ขาด ไม่หยิบต้องเงินทอง และไม่ใส่รองเท้า ท่านเดินด้วยเท้าเปล่าทั้งเวลาบิณฑบาตและนอกบิณฑบาตรเป็นนิตย์.


     

แชร์หน้านี้

Loading...