สัญญา-สาบาน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย เจมี่, 23 พฤษภาคม 2012.

  1. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    ที่มา : ตอนที่ 3 อธิษฐานรัก สัญญาข้ามภพ ข้ามชาติ
    **********************************************

    เคยสงสัยตัวเองบ้างไหมค่ะว่า ไปสัญญา สาบานกับใครเค้าไว้เมื่อชาติก่อนๆหรือเปล่า ถึงได้ส่งผลให้ชาตินี้ไม่มีคู่ หรือมีความรักก็ไม่สมหวังในความรัก ต้องมีเรื่องให้ทุกข์ใจตลอด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

    รู้ไหมค่ะว่า การสัญญา สาบาน โดยเฉพาะต่อหน้าพระพุทธรูป มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีอานุภาพอย่างยิ่ง แรงอธิษฐานจะติดตัวเราข้ามภพ ชาติ ไม่ใช่สุขข้ามชาตินะคะ แต่มันเป็นทุกข์ข้ามชาติ ทุกข์ที่เกิดจากความรัก มันหนักมากกก ความรักไม่ได้ทำให้เกิดความสุข สมหวังในชีวิตอย่างเดียวนะคะ การเวียนวายตายเกิด ข้ามภพ ข้ามชาติ มันมีอยู่จริงค่ะ คนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว และตายชาติเดียวนะคะ ตัวอย่างก็มีให้รับรู้แล้ว

    ชาตินี้มีทุกอย่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าชาติหน้าจะเกิดมาหล่อ สวย รวย มีทุกอย่างเหมือนชาตินี้นะคะ ไม่เชื่อหรือค่ะ เรื่องจริงไม่อิงนิยายเรื่อง สัจจะสัญญา ๑,๔๐๐ ปี มาเล่าให้ฟังค่ะ

    เรื่องนี้ได้มาจากการเข้ากรรมฐานของพี่คนหนึ่งท่านได้พบเจ้าของเรื่องใน นิมิต คือ พระนางอุทุมมาพรเทวี มาเล่าเรื่องสัจจะอธิษฐานให้พี่เค้าฟัง และขอให้พี่เค้าช่วยถอนคำสาบานค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า


    นางอุทุมมาพรหรือพระนางอุทุมมาพรเทวี นางในผู้ดูแลรับใช้พระแม่จามเทวี นครหริภุญไชย (จ.ลำพูน) ได้รับมอบหมายจากพระแม่จามเทวีให้ดูแลการสร้างวัดและพระประธานต่างๆในราช อาณาจักร นางก็ได้ดำเนินการไปด้วยดี แต่ด้วยวิบากกรรมปางก่อน ทำให้นางได้พบรักกับนายทหารหนุ่ม นามว่า อมรเทพ ซึ่งเป็นทหารคู่บารมีของเจ้าชายอนันตยศ พระราชโอรสของพระแม่จามเทวี ทั้งสองรักกันมาก ได้ครองรักกัน หลังจากสร้างวัดเสร็จแล้ว นางอุทุมมาพรและนายกองอมรเทพ ได้อธิษฐานร่วมกันต่อหน้าองค์พระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ ว่า

    “เราได้ตั้งจิตไว้ถึงเทพไท้เทวัญ

    ขอให้ได้ครองคู่กันทุกครา

    และเมื่อเกิดมาทั้งสองตัองพันผูก

    หากแม้ว่าผู้ใดมิได้เกิด

    ขอทวยเทพโปรดจำคำนี้ไว้

    การตั้งสัจจะอธิษฐานทุกคราไป

    ขออย่าได้ครองคู่หมู่อื่นเลย

    หากแม้ใครคิดตระบัดสัตย์

    ขอข้องขัดเรื่องครองคู่ อย่าอยู่เฉย

    มันผู้นั้นจงฉิบหายตายไปเลย

    อย่าได้เคยเคียงคู่ทุกชาติไป”


    ท่านอมรเทพเป็นทหาร จำต้องเดินทางไปรักษาเมืองต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย จึงกล่าวกับนางอุทุมมาพรไว้ว่า หากเราไปทำกิจของเราเสร็จ เราจะกลับมารับเจ้าไปอยู่ด้วยกัน และนางก็ตอบว่า เราจะรอท่านอยู่ที่นครหริภุญไชยนี้ จะรอจนกว่าท่านจะกลับมา (นั้นแน่ ยังสัญญาต่ออีก ไม่รู้ซะแล้ว...)

    อมรเทพได้ติดตามเจ้าชายอนันตยศไปสร้างเมืองเขลางค์ แต่เนื่องจากวิบากกรรมเก่าที่ยังมี ทำให้อมรเทพได้เข้าไปในหมู่บ้านในเมืองเขลางค์นคร ได้พบรักหญิงสาวนางหนึ่ง คือ นางแก้วจินดา จึงอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ทั้งๆที่นางก็รู้ว่าอมรเทพมีคู่แล้วรออยู่ที่เมืองหริภุญไชย แต่นางก็รักท่านอมรเทพและพยายามไม่ให้อรมเทพกลับไปที่หริภุญไชย จนกระทั่งท่านอมรเทพเสียชีวิตในป่า เพราะนางจับได้ว่า อมรเทพมีหญิงอื่น จึงหลอกล่อใหท่านเข้าป่า แล้วก็หลงทางตายอยู่ในป่านั้นแหละ

    ส่วนนางอุทุมมาพรก็ยังรออมรเทพอยู่โดยไม่รู้ว่าท่านอมรเทพตาย แล้ว นางเฝ้ารอคอยสามีให้กลับมา แต่ไร้วี่แวว รอจนกระทั่งได้ข่าวว่า อมรเทพมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคน (ขนาดสัญญา สาบานกันไว้แล้ว ยังกล้ามีคนอื่นอีก นี่เป็นสันดานผู้ชายเจ้าชู้จริงๆค่ะ) และได้เสียชีวิตไปแล้ว นางได้แต่เฝ้าคิดถึงและร้องไห้ถึงท่านอมรเทพ ทำให้ต้องระทมทุกข์อยู่กับอดีต เสียใจอย่างมากมาย หลังจากนั้นนางได้รับพระยศเป็นพระนางอุทุมมาพรเทวี ต่อมาก็ได้ออกบวชพร้อมกับพระนางจามเทวี และได้เสียชีวิตลงในวัย ๘๖ ปี
     
  2. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    หลังจากที่พระนางเสียชีวิตลง ด้วยบุญกุศลที่ได้กระทำ (สร้างวัด) มานางก็ได้ไปเกิดเป็นอากาศเทวา ประจำอยู่ที่บริเวณเมืองเวียงท่ากาน (ปัจจุบัน คือ บริเวญรอยต่อระหว่าง อ.สันป่าตอง กับ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน) สถานที่ๆได้ทำการอธิษฐานไว้

    หลังจากนั้น พระนางอุทุมมาพรเทวีก็ได้เลื่อนชั้นเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช (สันนิษฐานว่า มีผู้อุทิศบุญกุศลให้พระนางอย่างต่อเนื่อง) แต่ยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ส่วนท่านอมรเทพได้เกิดมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ลูกชาวป่า และมีนิสัยเจ้าชู้เหมือนเดิม พระนางอุทุมมาพรเทวี ได้ติดตามจนทราบว่าท่านอมรเทพมาเกิด ณ หมู่บ้านในเมืองเขลางค์นคร นางก็เฝ้าติดตามดูแลท่านอมรเทพมิได้ห่าง แล้วเห็นพฤติกรรมผิดสัจจะที่เคยให้ไว้แก่พระนาง ทำให้พระนางสะเทือนใจมาก แต่ก็เฝ้ารอคอยว่า ท่านอมรเทพจะระลึกถึงคำสัญญาได้ในวันหนึ่ง

    ในชาตินั้น ท่านอมรเทพได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังคงเจ้าชู้ มักมาก และก็ไม่สมหวังในความรัก แล้วก็ตายอย่างอนาถ เพราะทะเลาะวิวาทแย่งคนรักกัน ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนอยู่สักพักใหญ่ๆ

    ต่อมาในยุคพระเจ้าอาทิตยราช ได้เกิดมาเป็นลูกชาวบ้าน ณ เมืองมูล ได้ร่วมสร้างวัดศรีสร้อยเมืองมูล (ทำบุญสร้างวัดด้วย) พระนางได้ติดตามท่านอมรเทพ ได้เฝ้าดูแล แต่ก็เห็นพฤติกรรมเจ้าชู้ มากรัก ผิดสัจจะเหมือนเดิม พระนางก็ได้แต่ช้ำใจ และก็รอคอยว่า สักวันหนึ่งท่านอมรเทพจะกลับใจ และระลึกชาติได้ ระลึกถึงคำสัญญา สาบานที่ให้กันไว้ แต่แล้วก็รอเก้อ ท่านอมรเทพลืมทุกอย่าเกี่ยวกับพระนางไปสิ้น สุดท้ายชายมากรัก หลายใจ ก็ผิดหวังในความรักเรื่อยไป แล้วตัดสินใจบวชในพระศาสนา แต่ก็ไม่ได้บรรลุธรรม หรือได้ทิพยจักขุญาณ จึงไม่สามารถระลึกชาติได้


    เทพธิดาอุทุมมาพร รู้สึกเสียใจมาก ท่านคิดได้ว่า ไม่น่าเอาความรัก ความบริสุทธิ์ใจของตน ผูกติดกับคำอธิษฐาน สัญญา สาบาน กับชายคนนี้ เพราะแรงอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป พระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้นางไม่สามารถไปเกิดใหม่ ไม่สามารถที่จะยกจิตขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น หรือบรรลุธรรมได้ สุดแสนจะเศร้าใจ ต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้าดูชายที่ตนรัก ลืมความรัก ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพระนาง ได้แต่มองดูคนรักจากไป ไปหาผู้หญิงอื่น ไปรักคนอื่น รักเรื่อยๆ รักหลายคน แล้วก็รับกรรมของเค้าไป ช่วยอะไรไม่ได้

    พระนางจึงได้สติ และคิดว่า เราควรยกเลิกคำอธิษฐานที่มีต่อกัน จึงจะเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่าย

    พระนางอุทุมมาพรเทวีหรือเทพธิดาอุทุมมาพร จึงได้เหาะไปยังสถานที่ๆเคยให้สัจจะ อธิษฐาน แล้วอธิษฐานต่อหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ว่า
     
  3. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    “ข้าฯ แต่พระปฏิมาอันศักดิ์สิทธิ์

    ผู้มีฤทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าข้าฯ

    โปรดฟังคำขอข้า อีกสักครา

    ที่ได้มาอธิษฐานด้วยความทุกข์ใจ

    อันตัวข้าและชายโฉด

    ท่านเคยโปรดข้าทั้งสองประคองไว้

    เราเคยพบรักพ้องด้วยต้องใจ

    และจึงได้สัญญาใจ สาบานกัน ด้วยสัจจะวาจา

    มาครานี้ตัวข้าขอยกเลิก

    ขอฟ้าเบิกคำอ้อนวอนของข้าหนา

    อย่าได้ประสบพบกันทุกข์อีกครา

    เพราะตัวข้าอิดหนาระอาใจ

    จะเกิดมากี่ภพ เกิดกี่ชาติ

    เขาไม่อาจเลิกมากรัก เลิกเจ้าชู้ได้

    เมื่อเค้านั้นผิดสัจจะทุกคราไป

    ตัวข้าไซร้แสนเจ็บปวดรวดอุรา

    ขอเทพไท้เทวาอันศักดิ์สิทธิ์

    ขอพระปิดคำอธิษฐานของตัวข้า

    ขออีกภพที่เขาได้เกิดมาอีกครา

    อันตัวข้าจะจะขอติดตามไป

    นำตัวเขามาพร้อมกับตัวข้า

    เพื่อได้มายกเลิกคำสัญญา สัจจะอธิษฐานไว้

    ขอได้โปรดหนุนนำข้าทุกคราไป

    ขอให้ได้สัมฤทธิ์ผลในอนาคตกาล..”


    เมื่ออธิษฐานแล้ว พระนางก็เฝ้ารอการกลับมาเกิดของอมรเทพอีกครั้ง (รอนานมาก...) จนกระทั่งอมรเทพได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ เทพธิดาอุทุมมาพรได้มาให้พี่คนที่เล่าเรื่องเห็นในสมาธิ ขอให้ช่วยถอนคำสาบานและได้ไปหาอมรเทพ ทำให้อมรเทพทราบในสมาธิ เพื่อจะได้ไปทำพิธียกเลิกคำอธิษฐาน คำสาบานดังกล่าว (ในชาตินี้ท่านอมรเทพในวัยนักเรียนชั้นมัธยมปลายได้เรียนกรรมฐาน และฝึกมโนมยิทธิกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง จนสามารถระลึกชาติได้บ้าง ได้รู้อะไรบางอย่าง แต่ยังลังเลสงสัยไม่แน่ใจ จึงสอบถามจากผู้รู้ก็คือ พี่คนเล่าเรื่องกับพระอาจารย์ที่เคารพ
     
  4. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    พิธีการถอนคำอธิษฐาน คำสัญญา สาบาน จึงได้เริ่มขึ้น

    พวก เราได้รับรู้เรื่องจริงในเรื่องราวของความรัก ความผูกพันที่พันผูกข้ามภพ ข้ามชาติ ติดตามมาพร้อมคำอธิษฐาน สัญญา สาบานต่อหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางอุทุมมาพรเทวีหรือเทพธิดาอุทุมมาพร กับท่านอมรเทพไปแล้ว แรงอธิษฐานทำให้พระนางเกิดความทุกข์ทรมานยาวนานถึง ๑,๔๐๐ ปี (ไม่ใช่น้อยๆนะคะ แรงจริงๆ) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคะ พลังแรงอธิษฐานที่เกิดขึ้น ศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ ทุกข์จริง เจ็บจริงด้วย โดยไม่ใช้สแตนต์อิน เลิกรักก็ไม่ได้ เลิกรอก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ ทุกข์ เศร้า เสียใจ ทุกข์ระทมมานานจนหมดใจยินดีในรักแล้ว ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะพระนางติดอยู่กับคำอธิษฐาน ไปไหนไม่ได้ (เฮ้อ..สุดแสนจะเศร้าใจ เราเคยไปสาบานรักแบบนี้ไว้กับใครบ้างไหมหนอ)

    มา เอาใจช่วยพระนางอุทุมมาพรเทวีหรือเทพธิดาอุทุมมาพรกันต่อนะคะว่า เมื่อตัดใจจากอมรเทพแล้ว พระนางจะถอนคำอธิษฐานได้หรือไม่ จะได้ไปเกิดบนสวรรค์หรือไม่ ตามมาอ่านเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ได้มาจากกรรมฐานของคุณพี่เค้ากันต่อเลยคะ

    เมื่อ ได้จุดธูป แล้วพนมมือ ก็มีลำแสงสีเหลืองพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและอยู่ใกล้กับน้องอมรเทพ พี่เค้าก็เริ่มพิธีถอนคำอธิษฐาน กล่าวคำอธิษฐาน เพื่อนร่วมคณะต่างพากันได้ยินเสียงผู้หญิงกล่าวว่า “ขอบคุณมากนะ”

    เสร็จพิธีแล้วพระอาจารย์ที่ทางคณะนิมนต์มาร่วมเป็นสักขีพยานในการทำพิธีนี้ ก็ได้ทำการกรวดน้ำอุทิศบุกุศลให้ ก่อนเดินทางกลับ

    นที่สุดคำสัญญาที่กลายเป็นคำสาป ทำให้เกิดการจองจำอันยาวนานถึง ๑,๔๐๐ ปีของพระนางอุทุมมาพรเทวีก็ได้สิ้นสุดลง พระนางได้เป็นอิสระจากบ่วงรัก บ่วงทุกข์แล้ว พระนางได้ขึ้นไปอยู่บนวิมานในสวรรค์ชั้นดุสิตและจะไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป

    นี่คือบทเรียนอันยิ่งใหญ่ ของความทุกข์ทรมานที่เกิดจากความรัก เรื่องนี้เป็นแบบอย่างให้ทุกคนรู้ว่า อย่าล้อเล่นกับคำสัญญา คำอธิษฐาน คำสาบานใดๆ เราควรมีสติ ไม่ไปสัญญา สาบานรักไว้กับใคร และไม่ยอมให้ใครมาสัญญา สาบานรักกับเรา โดยเฉพาะการตั้งสัจจะอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป ทำให้เกิดอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ข้ามภพ ข้ามชาติติดตามกันไม่รู้จบ ถ้าไม่ทำพิธีถอนคำอธิษฐาน ก็อย่าได้หวังว่าจะสุข สมหวังในความรักอีกเลย ก็ต้องทนทุกข์เพราะความรักทุกชาติไปแบบนี้ล่ะ

    เพราะ เราไม่อาจจะรู้ใจคนรักของเราได้ว่า ใจจะแปร รักจะเปลี่ยน ไปเมื่อใด จะรักษาความรักไว้ได้นานเท่าใด ที่สำคัญ เราจะตามกันมาเกิดในทุกชาติภพอีกหรือไม่ ชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์ แต่เค้าล่ะ ชาตินี้เกิดมาเป็นอะไร ใช่เป็นมนุษย์เหมือนเราหรือเปล่า จริงๆแล้ว แน่ใจหรือว่าเค้าได้มาเกิดแล้ว 555 แน่ใจหรือว่าเราจะตามกันทันทุกชาติ ภพ บุญกรรม ทำมาไม่เท่ากัน การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะแน่นอน
     
  5. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    กฏไตรลักษณ์ของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าบอกเอาไว้แล้วนี้ค่ะ ว่า มันไม่เที่ยง (ไม่แน่นอน) มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้ แล้วจะหวังอะไร กับใครได้ค่ะ กับตัวเองก็หวังพึ่งไม่ได้ค่ะ เราเวียนว่ายตายเกิด แล้วเราก็ลืม แล้วเราก็เกิด แล้วเราก็ลืม แล้วเราก็เกิด วนเวียนอยู่อย่างนี้ในวัฏฏสงสาร น่าอนาถไหมค่ะ

    รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง มันเป็นเพียงแค่คำพูดค่ะ ให้หลงใหล ให้ติดกับบ่วงรัก บ่วงทุกข์กันเล่นๆ ถ้าเอามาจริงจังถึงขั้นสัญญา สาบาน อธิษฐานกันด้วยแล้ว ระวังจะเป็นอย่างเรื่องพระนางอุทุมมาพร ต้องรออยู่ที่เดิม รอคนเดิมมาเป็นพันปี


    ดังนั้น ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท อย่าล้อเล่นกับการตั้งสัจจะอธิษฐาน ผูกจิตวิญญาณของตัวเองกับใครทั้งสิ้น ขอร้องอย่าทำ อย่าได้คิดที่จะทำ

    ชีวิตไม่แน่นอน ใจมนุษย์ก็ไม่แน่นอนค่ะ ทั้งใจเราเองและใจคนอื่น มันเปลี่ยนกันได้ จำไว้นะคะ ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทค่ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักเหมือนดั่งพระนางอุทุมมาพรเทวี

    สำหรับ ใครที่จำได้ว่า เราเอง เคยไปทำสัญญา สาบานไว้ อธิษฐานรักต่อหน้าพระพุทธรูปไว้กับใครบางคน จะทำจริงจังหรือทำเล่นๆก็ตาม ขอแนะนำว่า ให้ไปตามเค้ากลับมา แล้วรีบไปทำพิธีถอนซะ ในสถานที่เดิม เวลาเดิม อย่าได้รีรอ อย่าได้ลองดี อย่าได้ประมาท อย่ารอให้คำอธิษฐานกลายเป็นคำสาปจองจำเราทุกชาติภพ วันนี้อะไรๆ ยังไม่เปลี่ยน แต่วันหน้าอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป รีบๆ ไปถอนคำสาบานรักก่อนดีกว่าค่ะ กันเหนียวค่ะ

    สำหรับ ใครที่จำไม่ได้ แต่มีความสงสัยอยู่ว่าเราอาจจะไปเผลอ ขาดสติ ทำอะไรแบบนี้ไว้กับใครๆในชาติก่อนๆ ถึงได้ส่งผลให้ชาตินี้มีรักที่เป็นทุกข์ มีทุกข์กับความรักเสมอ มีทุกอย่าง แต่ไม่มีรักแท้ ไม่มีรักจริง ก็ขอให้ไปเข้ากรรมฐาน ฝึกจิต ระลึกชาติกับครูบาอาจารย์ (พระวิปัสสนากรรมฐาน) จะได้รู้ที่มาที่ไป รู้จัก พบเจอเจ้ากรรมนายเวรตัวจริง แล้วจะได้ขออโหสิกรรมเค้าได้ แต่ถ้าใจร้อน หรือยังฝึกกรรมฐานได้ไม่ดีพอที่จะระลึกชาติเอาเองได้ ก็แนะนำให้ไปหาคนที่มีญาณทิพย์ค่ะ ไปขอให้เค้าช่วยตรวจดู ช่วยหาคนต้นเรื่อง สาเหตุแห่งความทุกข์ของเรา ถ้าเจอจะได้ทำพิธีถอนสัญญาอย่างเป็นทางการค่ะ

    ถ้าจะรักกันในชาติปัจจุบันก็ขอ ให้รักกัน อยู่ด้วยกันโดยอาศัยบุญ กรรมในปัจจุบันนะคะ ทาน ศีล ภาวนาให้เสมอกัน ให้บุญรักษา ธรรมคุ้มครองกันและกัน จะดีกว่าผูกวิญาณไว้ด้วยคำอธิษฐาน เพราะสุดท้าย เรื่องอาจจะไม่จบแบบ happy เหมือนในนิทานหรือในนิยาย แบบว่า เราจะรักกันชั่วนิรันดร์ เราจะมีความสุขกันชั่วนิรันดร์

    เป็นกำลังใจให้ทุกคนสุข สมหวัง ในความรักนะคะ

    ขอให้บุญรักษา ธรรมคุ้มครองทุกคนค่ะ
     
  6. kengjingjung

    kengjingjung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,366
    ค่าพลัง:
    +1,494
    ขออนุโมทนากับเรื่องราวดีๆ ครับผม สาธุๆๆ :cool:
     
  7. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    อนุโมทนา ครับ
    ผมเองก็ไม่เคยสมหวังในชีวิตรัก
    ไม่แน่ผมเองก็อาจจะเคยสัญญาหรือสาบานกับใครเอาไว้ก็ได้
     
  8. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่มีสัญญาผูกมัดอยู่ เคยฝันเห็นสตรีนางหนึ่งมาบอกว่าจะรอนะ ตั้งแต่นั้นก็ติดใจสงสัยมาตลอด ตอนหลังได้มีโอกาสถามท่านผู้รู้ ท่านบอกว่าเป็นคนที่เราสัญญาไว้ว่าจะครองคู่กันทุกชาติ ท่านผู้รู้แนะนำว่าให้อธิษฐานขอถอนคำสัญญา และเวลาที่นั่งสมาธิก็ให้แผ่ส่วนกุศลให้เสมอ ลองทำดูแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านางเป็นยังไงบ้าง ใจจริงของเราอยากที่จะให้เค้ามีความสุข ไม่ต้องทนทุกข์กับการรอคอยอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2012
  9. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    ขอให้สำเร็จนะคะ:cool:
     
  10. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    คำสาบาน หมายถึง คำปฏิญาณโดยกล่าวอ้าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน ก็คือการประกาศสัจจะนั่นแหละ บอกถึงความมั่นคงของจิตใจ ว่าจะมุ่งตรงต่อคำพูดที่ตนได้ลั่นวาจาไว้ โดยส่วนมากมักจะอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า "สัจจบารมี" จึงหมายความว่า "บารมีที่เกิดขึ้นโดยวิธีการฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีความจริงใจ มีความซื่อสัตย์ พูดจริง กระทำจริง" อย่างนี้ไม่เรียกว่าของศาสนาไหนศาสนาหนึ่ง ทุกชาติทุกศาสนาใช้เป็นเหมือนกันหมด ผู้ที่ชอบสาบด สาบานถ้าพูดเล่นๆไม่จริงจัง โกหก พกลมเอาตัวรอดไปเป็นครั้งๆ เชื่อถือไม่ได้ ในเชิงรูปธรรมต่อไปก็ไม่มีใครเชื่อถือ มนุษย์ไม่เชื่อถือ เทวดาไม่นับถือ ส่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อำนวยผลประโยชน์ เพราะเป็นคนไม่มีสัจจะไม่มีบารมี และไม่ปกป้องคุ้มครองเพราะเป็นคนไร้เกียรติไร้บารมี เรื่องการถอนสาบานนั้นหากจะทำ ก็ตัองทำต่อหน้า หรือต่อนาม ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็ต่อหน้าคนที่เราสาบานนั่นแหละ แต่ถ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องกล่าวอัญเชิญคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระอริยสงฆ์เจ้าเป็นองค์ประธานรับรองเสียก่อน เข้าจึงจะรับฟังไม่เช่นนั้นก็ไม่มีเกียรติพอที่เขาจะหันมารับรู้ การสาบานง่ายๆควร ระวังเทวดา มาร เปรต อสูรกาย ที่มีกิเลส เป็นมิจฉาทิฐิ เพราะการสาบานที่ไม่รักษาสัจจ์ไม่รักษาคำพูด เขาอาจหาทางกลั่นแกล้งเราได้ โลกนี้ไม่ใช่มีอยู่เฉพาะแค่สิ่งที่เราเห็นและสัมผัสได้ ที่โบราณท่านว่ามนุษย์ไม่รู้แต่ผีสางเทวดารู้ ที่นี้ก็ขึ้นอยู่ที่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

    ************************
    จิตตานุภาพ
    โดยท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิตวัดเทพศิรินทราวาส
    (ที่มา : http://www.sathanimahaprash.com/ind...D0%A8%D4%B5%B5%D2%B9%D8%C0%D2%BE&bttcol=False)

    จิตตานุภาพคืออานุภาพของจิตแบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ

    จิตตานุภาพบังคับตนเอง
    จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น
    จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม


    จิตตานุภาพบังคับตนเอง

    ตนของตนย่อมเป็นที่พึ่งแก่ตนเอง เหตุนี้จึงต้องหัดบังคับตนเองผู้อื่นถึงจะเป็นศัตรูก็ไม่เท่าตนเป็นศัตรูต่อตนของตนเองถ้ายังไม่สามารถบังคับตนของตนเองให้ดีได้แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะบังคับผู้อื่นให้ดีได้

    จิตตานุภาพบังคับตนเองมี ๗ ประการ

    บังคับความหลับและความตื่น

    การหัดนอนให้หลับสนิทเป็นกำลังสำคัญยิ่งนักเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับมี ๒ ประการ คือ

    ๑.๑ร่างกายไม่สบายพอ
    อาหารที่ย่อยยากก็เป็นเหตุให้ร่างกายไม่สบายพอ ควรนอนตะแคงข้างขวาถ้านอนหงายก็ควรให้เอียงขวานิดหน่อย ถ้าต้องการพลิกก็ควรพลิกจากขวานิดหน่อยแล้วกลับตะแคงขวาตามเดิม นอนย่อมให้อวัยวะทุกส่วนพักผ่อนอย่าให้เกร็งตึงและไม่ควรตะแคงซ้าย

    ๑.๒ความคิดฟุ้งซ่าน
    เวลานอนถ้าจิตฟุ้งซ่าน ควรคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่อย่างเดียวครั้นแล้วก็เลิกละไม่คิดสิ่งนั้น และไม่คิดอะไรอื่นต่อไปอีกกระทำใจให้หมดจดเหมือนน้ำที่ใสสะอาด ควรบังคับตัวให้ตื่นตรงตามเวลาที่ต้องการ ก่อนนอนต้องคิดให้แน่แน่วสั่งตนเองให้ตื่นเวลาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็จะตื่นได้เองตามความประสงค์

    ทำความคิดให้ปลอดโปร่ง ว่องไวในเวลาตื่นขึ้น อย่าให้เซื่องซึมต้องเอาความคิดในเวลาตื่นเช้าไปประสานติดต่อกับความคิดที่เราทิ้งไว้เมื่อวันวานก่อนที่จะนอนหลับ ก่อนนอนควรจดบันทึกกิจการที่เราจะต้องทำในวันรุ่งขึ้นนั้นไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่งเสมอพอตื่นขึ้นมาก็หยิบดูเพื่อปลุกความคิดให้ตื่น

    เปลี่ยนความคิดได้ตามต้องการคือเมื่อต้องการคิดอย่างใดก็ให้คิดได้อย่างนั้น ทิ้งความคิดอื่น ๆ หมดและเมื่อไม่ต้องการคิดอีกต่อไป จะคิดเรื่องอื่นก็ให้เปลี่ยนได้ทันทีและทิ้งเรื่องเก่าโดยไม่เอาเข้ามาพัวพัน คือทำใจให้เป็นสมาธิอยู่ที่กิจเฉพาะหน้าการเปลี่ยนความคิดเป็นเหตุให้ห้องสมองมีเวลาพักชั่วคราวทำให้สมองมีกำลังแข็งแรงขึ้น

    สงบใจได้แม้เมื่อตกอยู่ในอันตราย หรือประสบทุกข์อย่าให้เสียใจหมดสติสะดุ้ง ดิ้นรนจนสิ้นปัญญาแก้ไข เกิดความท้อถอยไม่ทำอะไรต่อไปความสงบไม่ตื่นเต้นเป็นเหตุให้เกิดปัญญาประกอบกิจให้สำเร็จได้สมหวังเราจะแก้ไขเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแก่เราได้นั้นก็มีทางจะทำอยู่ ๒ ขั้น

    ๔.๑ ต้องสงบใจมิให้ตื่นเต้น
    ๔.๒ ต้องมีความมานะพยายาม
     
  11. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    วิธีสงบใจที่ดีที่สุด หายใจยาวและลึก

    เปลี่ยนนิสัยความเคยชินของตัวจากร้ายเข้ามาหาดี การขืนใจตัวเองชั่วขณะหนึ่งอาจเป็นผลดีแก่ตัวเองตลอดชีวิต แต่การทำตามใจตัวขณะเดียวก็อาจเป็นผลถึงการทำลายชีวิตของเราได้เหมือนกัน

    ตรวจตราตัวของตัวเป็นครั้งคราวโดยสม่ำเสมอ ให้ทราบว่ากำลังใจมั่นคงขึ้นหรือไม่ ฝ่ายกุศลเจริญขึ้นหรือไม่ ฝ่ายอกุศลลดน้อยเบาบางหมดสิ้นไปหรือไม่ ใจยังสะดุ้งดิ้นรนหวั่นไหวอยู่หรือไม่

    ป้องกันรักษาตัวด้วยจิตตานุภาพ การสะดุ้งตกใจหรือเสียใจ ความกลัว เป็นเหตุให้เกิดโรคและโรคกำเริบ และเป็นเหตุให้คนดี ๆ ตายได้ คนไข้ถ้าใจดีหายเร็ว ความไม่กลัวตายรอดอันตรายได้มากกว่ากลัวตาย ความพยายามและอดทนเป็นเหตุให้สำเร็จสมประสงค์
     
  12. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น


    จิตตานุภาพอย่างอ่อน สามารถใช้สายตา น้ำเสียงและด้วยกระแสจิตประกอบคำพูด ซึ่งจะเป็นเครื่องจูงใจคนให้เชื่อฟัง ลักษณะไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามต่อใคร ๆ นั้นไม่ใช่ชีวิตหัวดื้อบึกบึนซึ่งไม่นับว่าเป็นจิตตานุภาพ ต้องเป็นคนสุภาพสงบเสงี่ยม เคารพนบนอบต่อบุคคลที่ควรเคารพ แต่ทว่าหัวใจของคนชนิดนั้นไม่หวาดหวั่นเกรงกลัวใคร และสามารถแสดงให้เห็นว่าตัวเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ในโลก และเป็นมนุษย์ที่รู้จักคิด รู้จักพูด รู้จักทำ

    คนที่สามารถเป็นนายตนเอง ไม่ตกเป็นทาสของหัวใจคนอื่น และสามารถดึงดูดหัวใจคนเข้ามาเชื่อฟังเกรงกลัวนั้น ถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่ามีลักษณะ ๔ ประการ

    สายตาแข็ง มีอำนาจในตัว
    เสียงชัดแจ่มใส
    ท่าทางสงบเสงี่ยมและเป็นสง่า
    รู้จักวิธีชักจูงหัวใจคนให้หันมาเข้าในคลองความคิดของตัว
     
  13. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    พยายามอ่านหนังสือหน้าหนึ่งโดยไม่กะพริบตาเลยทำให้สายตาแข็งได้ อ่านหนังสืออย่างช้า ๆ ให้ชัดถ้อยคำทุก ๆ ตัวและให้ได้ระยะเสมอกันทำให้เสียงชัดแจ่มใส

    เวลาพูด พยายามพูดให้เป็นจังหวะอย่าให้ช้าบ้างเร็วบ้างและให้ชัดถ้อยคำเสมอ ไม่ให้อ้อมแอ้มหรือกลืนคำเสียครึ่งหนึ่ง เป็นการฝึกหัดให้เสียงชัดเจนแจ่มใส

    บุคคลที่มีสง่า คือคนที่บังคับร่างกายให้อยู่ในอำนาจหัวใจได้เสมอ มีท่าทางสงบเสงี่ยมเป็นสง่าไม่แสดงอาการโกรธ เกลียด กลัว รัก ขมขื่น ตกใจ สะดุ้ง เศร้าโศก ให้ปรากฏ ไม่ทำอิริยาบถเคลื่อนไหวอันใดโดยไม่จำเป็น และโดยบอกความกำกับของใจ มีหน้าตาแจ่มใส อิริยาบถสงบเสงี่ยมเป็นสง่าอยู่ทุกขณะ การเคลื่อนไหวทุกอย่างทำด้วยความหนักแน่นมั่นคง อย่าให้รวดเร็วจนเป็นการหลุกหลิก หรือผึ่งผายจนเป็นการเย่อหยิ่ง หรืออ่อนเปียกจนเป็นการเกียจคร้าน ในเวลายืนให้น้ำหนักตัวถ่วงอยู่ทั่วตัวเสมอ ไม่ให้ถ่วงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
     
  14. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    รู้จักใช้วิธีชักจูงหัวใจคนให้หันเข้ามาในคลองความคิดของเรา

    หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดมีสิ่งที่จะชักจูงให้เขาละทิ้งข้อแนะนำของเรา
    จูงใจเขาให้หันเข้ามาในทางที่เราต้องการทุกที


    วิธีป้องกันตัวไม่ให้จิตตานุภาพของผู้อื่นบังคับเราได้

    ให้ทำมโนคติให้เห็นประหนึ่งว่า กระแสดวงจิตของเราแผ่ซ่านป้องกันอยู่รอบตัวเรา จิตตานุภาพของผู้อื่นไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเราได้ ให้ทำเวลาเข้านอนครั้งหนึ่ง และขณะที่อยู่ใกล้บุคคลที่เราระแวงว่าเขาจะใช้จิตตานุภาพบังคับเรา

     
  15. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม


    เครื่องมือที่จะชักนำเอาเคราะห์ดีเข้ามา คือ ความพยายามเข้มแข็งไม่ท้อถอยหนักแน่นระมัดระวัง เชื่อแน่ในความพากเพียรบากบั่นของตัว มักจะเป็นคนเคราะห์ดีอยู่เสมอ และมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีกคือ ความมุ่งหมายและอย่าให้นึกถึงเคราะห์ร้าย ตั้งความมุ่งหมายถึงผลอันใดในชีวิตไว้เท่านั้น เพื่อให้ก้าวหน้ามุ่งตรงไปจนบรรลุสมประสงค์

    ความมุ่งหมายจำต้องให้สูงไว้เสมอ เพื่อจะได้มีความพยายามอย่างสูงด้วย แต่การก้าวไปสู่ที่มุ่งหมายนั้น ต้องก้าวอย่างระมัดระวังไม่ก้าวให้ผิด ควรมีความปรารถนาให้สูงอยู่เสมอ แต่จะต้องระมัดระวังมิให้เดินพลาด


    การไม่ยอมแพ้เคราะห์ร้าย เป็นเหตุให้เคราะห์ร้ายพ่ายแพ้เองเมื่อประสบเคราะห์


    จะต้องไม่ให้ใจเสีย เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของตัว รวบรวมกำลังให้พรั่งพร้อม
    ตั้งความมุ่งหมายให้ดีและตกลงแน่ว่าจะมุ่งไปทางไหน
    ใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น กุมสติให้มั่น อย่างไรก็ดีจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ทำการต่อสู้ดังกล่าวแล้วนั้นไม่ได้เป็นอันขาด
     
  16. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    การต่อสู้กับเคราะห์


    จะต้องสงบใจ ไม่ตื่นเต้น ไว้ใจตัวและเชื่อแน่ว่า เรามีจิตตานุภาพเป็นเครื่องมือรวมกำลังสติปัญญาของเราให้พรั่งพร้อม เช่นเดียวกับนายเรือที่ไม่รู้จักเสียใจ รวบรวมกำลังเรือและกำลังคนให้บริบูรณ์

    ต้องยึดที่หมายให้แน่น กล่าวคือระลึกถึงผลที่เราต้องการบรรลุนั้นให้แน่วแน่ยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนนายเรือที่ตั้งเข็มทิศให้ตรง และให้รู้แน่ว่าจะต้องการให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางไหน

    ใช้ความระมัดระวังให้มากยิ่งกว่าเมื่อก่อนจะเกิดเหตุร้ายอีกหลายเท่า และความวินิจฉัยที่ถูกต้อง ทำทางปฏิบัติของเราเหมือนอย่างหางเสือเรือ ที่จะช่วยให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางทิศที่ต้องการจะไป

    ไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้ก็อย่าถอยหลัง ให้หยุดอยู่กับที่

    ให้รู้สึกว่าเคราะห์นั้นทำให้เราดีขึ้น เป็นครูของเรา เป็นผู้เตือนเรา เป็นผู้ลวงใจเรา อย่าเห็นว่าเคราะห์กรรมเป็นของเลว ไม่น่าปรารถนา ควรคิดว่าเป็นของดีที่ทำให้เราเข้มแข็งมั่นคงขึ้น ให้รู้สึกเสมอว่าเราเกิดมาเรียนทั้งเคราะห์ร้ายและเคราะห์ดี เคราะห์เป็นบทเรียนของเรา ที่จะทำให้เราแจ้งโลกแล้วจะได้พ้นโลก ดังนี้ จะไม่รู้จักเคราะห์ร้ายเลยในชีวิต
     
  17. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน ๑๐
    ความถ่อมตน
    โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดยคุณ : หนูหนุ่มหนวด [ 11 ต.ค. 2543 / 15:20:21 น. ]
    (ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/misc/misc-10_10.htm)




    โอวาทข้อสุดท้ายนี้ ท่านสอนให้รู้จักวางตน ในการคบหาสมาคมกับบุคคลทั่วไป โดยให้ยึดคุณธรรมข้อนี้ไว้ คือการถ่อมคน ไม่อวดดีว่าคนเองวิเศษกว่าผู้อื่น จะได้ไม่มีเรื่องกับใคร ไม่กล้าทำความชั่ว



    สำนึกอยู่เสมอว่า ตนเองยังทำความดีไม่เพียงพอ แล้วจะมีความก้าวหน้าในการฝึกตน และไม่เพียงแต่ จะหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา แต่ยังต้องรู้จักฝึกตน ให้เข้ากับคนในสังคมได้ จะได้ไม่มีศัตรูทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่มีอุปสรรคในการสั่งสมคุณธรรมความดีงาม


    คัมภีร์เอ็กเก็งได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดยกตนข่มท่าน อวดวิเศษกว่าผู้อื่น ย่อมต้องประสบความเสียหาย ผู้ใดอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่จองหองลำพองตน ย่อมต้องประสบความสุขความเจริญ

    แม้แต่แผ่นดินก็หนีกฎนี้ไม่พ้น ดูแต่ขุนเขาที่สูงตระหง่าน ยืนทะมึนเย้ยฟ้าท้าดิน ก็ยังต้องพังทลายอยูเนืองๆ ส่วนแอ่งน้ำที่ต่ำต้อยนั้น กลับมีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ปีศาจก็ชอบให้ร้ายคนทระนง และอภิบาลคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน วิชาโป๊ยก่วยนั้น ได้แบ่งออกเป็น ๖๔ หน่วย หน่วยอื่นๆ ล้วนสอนให้เห็นผลดี และผลชั่วในพฤติกรรมของมนุษย์ แต่หน่วยแห่งการอ่อนน้อมถ่อมตนนี้ ไม่มีผลชั่วเลย มีแต่ผลดีทั้งสิ้น



    จึงเห็นได้ว่าฟ้าดินเทพยดาผีปีศาจและมนุษย์ ล้วนนิยมชมชอบความอ่อนน้อมถ่อมตนกันทั้งสิ้น
     
  18. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    ในคัมภีร์อื่นๆ ก็กล่าวเหมือนกันว่า ทะนงตนย่อมนำมาซึ่งความวิบัติ ถ่อมตนย่อมนำมาซึ่งความเจริญ พ่อได้ไปร่วมสอบไล่กับนักศึกษาอื่นๆ ตั้งหลายครั้ง ทุกครั้ง พ่อสังเกตเห็นนักศึกษาที่ยากจนบางคน บนใบหน้ามักทอประกายแห่งความถ่อมตน จนบางครั้ง พ่อคิดอยากจะเอามือทั้งสองของพ่อ ไปประคองประกายแห่งความถ่อมตนนั้น มาประดับบนใบหน้าของพ่อเสียบ้าง และไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาเหล่านี้สอบไล่ได้ทุกทีไป


    เมื่อตอนที่พ่อเข้ามาสอบในเมืองหลวง มีเพื่อนนักศึกษาร่วมเดินทางมาด้วย รวมทั้งหมดสิบคนด้วยกัน พ่อสังเกตดูเห็นมีคนที่อายุน้อยที่สุด มีชื่อว่าปิง เป็นคนเดียวที่มีความสงบเสงี่ยมเจียมตน มีความถ่อมตนอยู่เป็นนิจ พ่อจึงบอกกับเพื่อนว่า คนๆ นี้ต้องสอบไล่ได้แน่นอน เพื่อนถามว่า ทำไมพ่อจึงรู้ล่วงหน้าได้เล่า พ่อบอกเขาว่า ความถ่อมตนย่อมนำมาซึ่งความเจริญ ในหมู่พวกเราทั้งสิบคนนี้ มีใครบ้างที่ซื่อและจริงใจเหมือนเขา คอยเอาใจเพื่อนฝูง ไม่เคยเอาเปรียบใครเลย แม้ใครจะหยอกล้อก็ไม่โกรธตอบ ใครนินทาว่าร้าย ก็ไม่โต้เถียงสำรวมระวัง ไม่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ เหมือนคนอื่นคนเช่นนี้ แม้แต่ผีสางเทวดาฟ้าดิน ก็ยังต้องให้ความคุ้มครอง และช่วยเหลือ เมื่อผลการสอบไล่ครั้งนั้นปรากฏออกมา ก็เป็นจริง ดังที่พ่อคาดไว้ทุกประการ
     
  19. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๒๐ พ่ออยู่ในเมืองหลวง พักกับเพื่อนชื่อไคจือ แซ่เผิง พ่อสังเกตดูรู้สึกเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อเด็กๆ เขาขี้เล่นซุกซน และเจ้าอารมณ์ แต่บัดนี้ ดูเขามีสติควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก เขามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เป็นคนดีมาก ฉลาด ซื่อตรง ชอบช่วยเหลือเพื่อน คุณธรรมสามประการนี้ สมแล้วที่จักขนานนามเขาว่ากัลยาณมิตร เขามักจะติเตียนไคจือต่อหน้า ไคจือไม่เคยโกรธ หรือโต้ตอบเขาเลย รับฟังอย่างอารมณ์ดีเสมอ พ่อจึงบอกเขาว่า นิสัยอันดีงามของเขานี้ ย่อมเป็นปัจจัย นำเขาไปสู่ความมีบุญวาสนา ส่วนคนที่ต้องประสบเคราะห์กรรม ก็เป็นเพราะเขาสร้างนิสัยไม่ดีงาม เป็นเหตุปัจจัยนำเขาไปสู่ความหายนะเช่นกัน สำหรับเพื่อนนั้น แม้ฟ้าดินก็ต้องประทานความช่วยเหลือ ปีนี้ เพื่อนจะต้องสอบไล่ได้อย่างแน่นอน ต่อมา ก็เป็นจริงดังที่พ่อพูดกับเขาไว้


    มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแซ่จ้าว สอบไล่ได้ในภูมิลำเนาของตนเมื่ออายุยังไม่ถึง ๒๐ ปี แต่ต่อจากนั้นไปจะสอบกี่ครั้ง ก็ไม่เคยสอบไล่ได้อีกเลย ต่อมา ได้ติดตามท่านบิดา ที่ต้องย้ายไปรับราชการที่อำเภออื่น ในอำเภอนั้น มีบัณฑิตที่มีความรู้สูงอยู่ท่านหนึ่ง แซ่เฉีย เด็กหนุ่มได้ทราบข่าว ก็รีบนำบทประพันธ์ของตนไปหา เพื่อขอคำแนะนำ โดยไม่คาดฝัน ท่านบัณฑิตจับพู่กันได้ ก็ตวัดข้อความในบทประพันธ์นั้นทิ้งเกือบหมด ถ้าเป็นบางคนก็จะโกรธมาก แต่เด็กหนุ่มคนนี้นอกจากจะไม่โกรธแล้ว ยังขอบพระคุณท่านบัณฑิต รีบแก้ไขบทความแล้วนำมาให้ท่านแก้ไขให้อีก ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง พอรุ่งขึ้นอีกปีหนึ่ง เด็กหนุ่มนี้ก็สอบไล่ได้
     
  20. เจมี่

    เจมี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +273
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๓๕ พ่อได้ไปเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ได้พบกับเพื่อนคนหนึ่ง ดูเขาช่างมีความจริงใจและอารมณ์ดีเสียนี่กระไร ประกายแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ทั่วบรรยากาศที่รอบๆ ตัวเขา ทำให้พ่อได้สัมผัสกับประกายนี้ ด้วยความชื่นชม พ่อกลับจากเข้าเฝ้า ได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า หากฟ้าจะประทานความเจริญรุ่งเรืองแก่ใคร มักจะประทานสติปัญญาให้ก่อน เมื่อมีสติปัญญาแล้ว คนที่เจ้าอารมณ์ ก็จะเปลี่ยนเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ คนที่อวดดี กลายเป็นคนถ่อมตนได้ เมื่อพัฒนาตนเองได้แล้ว ฟ้าย่อมประทานบุญวาสนามาให้ และก็เป็นจริงดังว่า เขาสอบไล่ได้ในปีนั้นเอง


    เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๗๗ มีนักศึกษาแซ่จางคนหนึ่ง มีความรู้ดี เขียนบทความก็ดี เป็นคนเด่นคนหนึ่งในบรรดานักศึกษาทั้งหมด เขาเดินทางมานานกิงเพื่อเข้าสอบ พักอยู่ที่วัดๆ หนึ่งเมื่อผลการสอบประกาศออกมา ปรากฏว่าสอบตก แทนที่จะโทษตนเองว่า ความรู้ยังไม่ถึงจึงสอบไม่ได้ กลับโกรธกรรมการคุมสอบ หาว่าไม่ยุติธรรม มีตาก็หามีแววไม่ บทประพันธ์ดีๆ ก็หาว่าไม่ดี หลวงจีนในวัดท่านหนึ่งได้ยินเข้า จึงยืนยิ้มอยู่ เขาก็เลยพาลโกรธท่านหลวงจีนไปด้วย หลวงจีนจึงกล่าวกับเขาว่า ดูดูแล้วเห็นทีบทประพันธ์ของท่านไม่ดีจริง เขายิ่งโกรธใหญ่ ตวาดหลวงจีนว่า ยังไม่ทันเห็นบทประพันธ์ จะรู้ว่าดีไม่ดีได้อย่างไร หลวงจีนจึงพูดว่า การประพันธ์ ต้องอาศัยความสงบทางใจ จิตเป็นสมาธิจึงจะเขียนได้ดี ท่านควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หวั่นไหวอยู่ตลอดเวลา จะเขียนบทประพันธ์ได้ดีอย่างไรได้ นักศึกษาจางได้สติ จึงคุกเข่าขอขมา และมอบตัวเป็นศิษย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...