สีดวงจิตของพระโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย bluebaby2, 9 มกราคม 2011.

แท็ก: แก้ไข
  1. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เปิดดูไฟล์ untitled.bmp

    จากหนังสือ ธรรมะผ่าโลก

    สีฟ้า นับเป็นสีพิเศษที่มีการเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลาเปรียบเสมือนญาณบารมีของพระโพธิสัตว์
    มหาโพธิสัตวืที่มีเมตตาบารมีอย่างสูงสุด ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์ สัตว์ เป็นผู้ที่มี
    ความเสมอภาคเปี่ยมไปด้วยรักเมตตา ไม่ค่อยจะได้พบเห็นบ่อยนัก เพราะชอบหลบหลีกเร้นอยู่
    ในที่ที่มีความสงบ มีความเบื่อหน่ายต่อสภาวะของกิเลศตัณหาและความทะเยอทะยานทั้งหลาย
    แต่ยังมีความเมตตาช่วยเหลือเก้อกูลผู้ที่กำลังเข้าสู่การปฏิบัติ และชอบที่จะเข้าไปช่วยเหลือมวล
    มนุษย์ชาติที่ตั้งมั่นอยู่ในบุญกุศล เป็นผู้ที่สำรวมระวังกาย วาจายิ่งๆ เป็นผู้ที่ถือสัจธรรมตามแบบ
    อย่างองค์สมเด็จพระชินสีห์มี ศีล ทาน บารมีครบองค์ประกอบของสัจธรรมที่เขาเรียกกันว่าบารมี
    30 ทัศ เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนคอยดูแลสุขทุกข์ของผู้อื่น ไม่ใส่ใจในทุกข์สุขของตนเอง
    เปรียบเสมือนคนที่มีสมองเฉื่อยชา ไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาว แต่มีอำนาจ

    ที่กล่าวว่าเป็นสีพิเศษนั่นก็ เพราะว่า นักปฏิบัติโดยทั่วไปเมื่อเริ่มฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตไปชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ต้องมาเจอเข้า
    กับสีฟ้านี่คือสีแห่งสัจธรรมทั่งปวงที่มีอยู่ในห้วงของจักรวาล เพราะนี่คือสีของพระอุปันนาระวิถี
    พระอุปจารวิถีหรือช่องว่างของผู้ปฏิบัติที่กำลังจะก้าวข้ามจากโลกีย์ไปสู่สภาวะของโลกุตตระ

    สีฟ้าจึงเป็นแต่เพียงสีสำหรับผู้ที่มุ่งหวัง ซึ่งมีความตั้งใจที่จะฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตกันจริงๆ
    เท่านั้นจึงจะเจอ เพราะเป็นสีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทางโลกกับทางธรรมที่นักปฏิบัตทุกๆ คนต้อง
    การจะไปให้ถึงกระแสนี้ให้จงได้ จึงนับได้ว่าสีฟ้าเป็นสีที่มีความสดใสงดงามมากที่สุด ถ้าเปรียบ
    เทียบไปแล้วเท่ากับว่าเป็นญาณบารมีที่จิตอยู่ในขั้นมหาเทพ มหาพรหม อริยเทพ อริยพรหม
    ที่กำลังปฏิบัติยิ่งๆ ในขั้นของพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระนารายณ์ ซึ่งเรา
    เรียกกันว่า 5 มหาราช ที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือมนุษย์ สัตว์ ให้พ้นไปจากกองทุกข์
    สามารถที่จะเข้าสู่ห้องอุททกาปิติเจ้า โอกันติกาปิติเจ้า อุเพงคาปิติเจ้า พรรณาปิติเจ้า ถ้าพูด
    ในลักษณะตามหลักของการปฏิบัติเราเรียกจุดนี้ว่า ญาณทัศนะ 16 ที่ใครจะขึ้นหรือลงก็ขึ้นอยู่
    ณ จุดนี้เอง เสมือนกับเป็นจุดทดสอบหรือเป็นจุดสุดท้ายในการฝึกฝนปฏิบัติต่อจิต ซึ่งเป็นบุญ
    บารมีในขั้นสุดท้ายของนักปฏิบัติทั้งมวลก่อนที่จะเข้าสู่โลกุตรธาตุ ในกระแสแห่งพระนิพพานได้
    ก็ต้องผ่านจุดนี้ไปก่อน ซึ่งในขั้นของมหาโพธิสัตว์สามารถที่จะรู้ทางเข้าสู่กระแสของพระนิพพาน
    ได้เป็นอย่างดีแต่ไม่มีสิทธิ์เข้าเพราะพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระนารายณ์

    โพธิสัตว์และมหาโพธิสัตว์ได้รับโองการกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ว่า จะคอยช่วย
    เหลือดูแลพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพุทธทำนาย จึงไม่มีสิทธิที่จะเข้าสู่กระแสนิพพาน
    เพราะมีความปรารถนาในพุทธภูมิเหมือนกัน จึงต้องทำหน้าที่ในการสั่งสมบุญบารมีให้เพิ่มมากยิ่ง
    ขึ้น เพื่อที่จะนำบุญบารมีเหล่านั้นมาช่วยเหลือเกื้อกูลต่อมวลมนุษย์สัตว์ผู้ยากไร้ให้รู้แนวทางของ
    ความพ้นทุกข์ผู้ที่กำลังปฏิบัติซึ่งกำลังตกอยู่ในสีนี้เปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์และมหาโพธิสัตว์
    เป็นสีที่เป็นอมตะมีความสดชื่น เยือกเย็น นิ่ง ลุ่มลึกยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบได้
    มีความปรารถนาให้ถึงซึ่งความเป็นพุทธะให้จงได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  2. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    มาช่วยแต่งเติมกระทู้ให้มีสีสันด้วยอ่อร่าครับ

    รูปที่ 1 : มีความตั้งมั่นของจิต , มีอาการปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น
    รูปที่ 2 : กายเบา ใจเบา มีความเบิกบานใจอยู่ตลอดเวลา
    รูปที่ 3 : จิตเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งกับธรรมชาติ มีความเอื่อล้นของความเบิกบานแผ่ออกไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่แบ่งแยก ไม่ตัดสินใจในสิ่งทั้งปวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  3. i คนพิการ

    i คนพิการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +172
    สาธุ..ที่ช่วยเติมกำลังใจให้..

    แล้วดวงสีที่เป็น สีม่วงที่เห็นอยู่ภายใน...
    เป็นดวงเดียงกันรึป่าวกับที่ถ่ายรูปออกมา สงสัยค่ะ
    :VO
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ไม่แน่ใจเหมือนกันครับสีม่วงเป็นสีของความรักแบบนั้นครับ
     
  5. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อนุโมทนา สีดวงจิต กับสีจากภาพถ่ายออร่าต่างกันรึเปล่า
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ คุณวสันตฤดูครับ ที่จองไว้ 1 กองบุญเดี๋ยวโอนสิ้นเดือนนะครับ
     
  7. nrongrit

    nrongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +546
    ความรู้เกี่ยวกับรัศมีจิต หรือ ออร่าครับ

    แสงเรืองแห่งมนุษย์นี้เรียกว่า “ออร่า” (aura) หรือการเปล่งรังสีแสง หรือรัศมีเรืองรองบางอย่างออกมารอบตัว อาจจะเป็นแสงเรืองสีต่าง ๆ กันซึ่งตาเปล่ามองเห็น หรือเป็นรังสีแสงที่ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่สามารถมองเห็นได้ด้วย “ทิพย์จักษุ” ก็ได้…….กล่าวกันว่าการเปล่งรัศมีเหล่านี้มีความเข้มข้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะปรากฏเข้มข้นเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตอย่างสูง และรองลงมาจะมีรังสีแจ่มกระจ่างในบุคคลที่มีจิตใจอยุ่ในสภาวะปิติเบิกบานอยู่เสมอ ๆ ……
    ปรากฏการณ์ออร่าจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิต วิญญาณ เสียเป็นส่วนใหญ่
    ดร.แนนดัวร์ โฟดัวร์ นักปรจิตวิทยา หรือ parapsychologis ได้อธิบายไว้ว่า…พวกนักบุญและผู้ชำนาญการศาสนาทางตะวันตกได้จำแนกลักษณะของออร่าไว้ 4 แบบ ด้วยกัน กล่าวคือ:-

    ๑. แบบ นิมบัส (Nimbus) คือแบบที่มีออร่าแผ่ออกมาในลักษณะคล้ายการ “ทรงกลด” เป็นรัศมีทรงกลมรอบศีรษะ

    ๒. แบบ ฮาโล (Halo) เป็นแบบการแผ่รังสีที่มีลักษณะคล้ายวงแหลวแผ่ออกมารอบศีรษะเหมือนกัน

    ๓. แบบ ออรีโอลา (Aureola) เป็นแบบลักษณะแผ่รังสี คล้ายเปลวเพลิงทรงกลด

    ๔. แบบ กลอรี (Glory) เป็นลักษณะแสงเรืองเปล่งปลั่งเรืองรองแผ่ออกมารอบร่างกาย ส่วนมากบุคคลที่มีออร่าแบบกลอรีนี้มักเป็นคนที่มีบุญวาสนาสูงส่งมาก ๆ หรือไม่ก็พวกศาสดาผู้บรรลุธรรมชั้นสูงสุด

    เรื่องออร่ามิใช่มีอยู่เฉพาะทางซีกโลกตะวันตกเท่านั้น ทางซีกโลกตะวันออกอย่างบ้านเมืองเราก็มีเช่นกันและมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าด้วย….ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเข้าฌาน (Theosophists) ของทางตะวันออกได้จำแนกลักษณะของออร่ารังสีของมนุษย์เอาไว้ 5 แบบด้วยกัน กล่าวคือ :

    ๑. สุขภาวะรังสี (Health aura)

    ๒. กรรมรังสี (Karmic aura)

    ๓. ชีวรังสี (Vital aura)

    ๔. บุคลักษณะรังสี (Aura of Character)

    ๕. วิญญาณรังสี (Aura of Spiritual nature)

    นอกจากนี้แล้วยังระบุไว้อีกด้วยว่าสีสัยของออร่าจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามสุภาพของอารมณ์ เช่น สีแสด ส้ม จะเกิดเมื่อมีอารมณ์โกรธ หรือเกลียด หรือถูกกดดัน สีแดงเข้มคล้ำจะเกิดขึ้นเมือมีอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ อยู่ในโทสะจริตหรือกำลังลุ่มหลงด้วยโลภราคะ สีน้ำตาลจะปรากฏขึ้นเมือเกิดอารมณ์ตระหนี่ หึงหวง หรือเกิดความงก สีแดงดอกกุหลาบเกิดขึ้นเมืองอยู่ในอารณ์แห่งความรัก ความใคร่ทางกาม สีเหลืองจะเกิดขึ้นถ้าอยู่ในอารมณ์เป็นกลางหรือในขณะใช้ความคิดทางสติปัญญา สีม่วงจะปรากฏออกมาเมื่อเกิดอารมณ์สงบ วิเวก สีน้ำเงิน ปรากฏได้ก็ต่อมเออยู่ในอารมณ์เชื่อมันมีจิตศรัทธาในรสพระธรรมหรือบุญกุกศ และสีเขียวจะเกิดขึ้นถ้ามีอารมณ์อิจฉาริษยา …… นอกจากนี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทางการเข้าฌานบางคนยังเคยเห็นสีของออร่าสีอื่น ๆ อีก แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีความหมายอย่างไร นอกจากผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งคือสตีเฟน อสวิคกิ ในปีพ.ศ. 2443 ยืนยันว่าได้เห็นออร่าของคนใกล้จะตายเปล่งสีออกมาเป็นสีเทาทึบ ๆ คล้ายหมอกควันดำและเขาได้เห็นหลายครั้งเป็นเช่นนั้น จึงเชื่อว่าสีเทาดำนั้นเป็นสีที่เกิดขึ้นก่อนที่จิตจะสละร่างออกไป


    ความหมายของสี...ออร่า


    สีของความคิดและอารมณ์ จะมีลักษณะเป็นหมอก มีความไหลปรากฏเป็นหย่อม ๆ จะเห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะเหนือบ่า มีสีสันต่าง ๆ เช่น

    1.สีชมพู หมายถึงพลังที่แจ่มใส เต็มไปด้วยความรัก อารมณ์ขัน ถ่อมตน และสามารถปลอบ ประโลมผู้อื่น โรมแมนติค มักจะพบในเด็กและผู้ใหญ่ที่จิตใจดีมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ หญิงมีครรภ์และมีสีชมพู ออกมามากเช่นกันข้อเสียของคนทีมีแสงสีนี้คือมักจะใจคอโลเล

    2.สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงและพลังทางเพศถ้าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึง อารมณ์ที่รุนแรงถ้าเป็นสีแดงสดใน หมายถึง ความภาคภูมิใจและทะเยอทะยานในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสีแดงขุ่นเป็นพวกใจคอโหดร้าย

    3.สีส้ม / แสด เป็นสีของความกระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข สุขภาพที่เต็มไปด้วยพลัง ถ้ามีแสงสีนี้มากเกิดไปจะกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง สีนี้ยังเป็นสีที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อด้วย สีส้มมัวหม่นหรือส้มปนน้ำตาล แสดงถึงปัญญาต่ำ ถ้าสีส้มแดงหมายถึงเย่อหยิ่ง อวดฉลาด

    4.สีเหลือง เป็นสีที่มองเห็นง่ายที่สุดในออร่า เป็นสีของความฉลาด ความมีเมตตา มองโลกในแง่ดี รักเพื่อนมนุษย์นอกจากนั้นยังเป็นสีของภูมิคุ้มกันโรค สีเหลืองส้มแสดงถึงความฉลาดปราดเปรื่อง สีเหลืองขุ่นข้นแสดงถึงความอิจฉาริษยา หรือความคลางแคลงใจ

    5.สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีความเข้าใจผู้อื่น นอกจากนั้นยังเป็นสีของความรักการเปลี่ยนแปลงการรักษาโรค ความสามารถในการใช้มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล ถ้าเป็นสีเขียวสดใสแสดงว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง ใจดี ชอบอิสระ ถ้าเป็นสีเขียวมืดจะเป็นพวกขี้โกงขี้อิจฉา ถ้าเป็นสีเขียวอมฟ้า เป็นพวกชอบช่วยเหลือผู้อื่นไว้วางใจได้เข้าอกเข้าใจผู้อื่นและ แสดงถึงความสามารถ ในการรักษาโรค ถ้าเป็นสีเขียวขี้ม้าเป็น พวกชอบหลอกลวง ต้มตุ๋น ขี้โกง และขี้เหนียว

    6.สีน้ำเงิน เป็นสีของความสงบและสัจจะ เป็นสีของการสื่อสาร พลังจิต ความฉลาด ความมีอุดมคติ ขยันขันแข็งและ ความสำเร็จ สามารถยืนหยัดอยู่บนของของตัวเอง มีความเชื่อมมั่นในตนเอง ซื่อตรง จริงใจและชอบช่วยเหลือผู้อื่น มักจะเป็นพวกสมถะ แต่ใจคอหงุดหงิดง่าย สีน้ำเงินขุ่นแสดงว่าทัศนวิสัยถูกปิดกั่น กลายเป็นคนขี้กังวล และขี้ลืม

    7.สีคราม เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต ความฉลาดล้ำลึก ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต

    8.สีม่วง เป็นพวกจิตใจละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสที่ 6 ชองทางสมาธิและโน้มเอียงไปในทางศาสนาชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีสีนี้ ผู้ที่มีสีนี้มักจะมีพลังจิตสูง แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับบริเวณท้องเนื่องจากจักระช่วงบนพัฒนา ล้ำหน้าจักระชั้นล่าง

    9. สีน้ำตาล เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบ ๆ ไม่ยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น เห็นแก่ตัว ชอบคุยแต่เรื่องของตัวเอง เป็นคนน่าเบื่อ สีน้ำตาลยังเป็นสีของจักระท้า พลังธรณี และอดีตที่ผ่านมา ข้อดีของสีนี้คือเป็นสีของความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบ และอาจหมายถึงความมุ่งมั่นที่จะให้สู่จุดหมายและความสำเร็จ

    10.สีดำ หมายถึง การสิ้นสุด ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึง การสิ้นสุดของสถานการณ์หนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้สถานการณ์ใหม่เข้ามา อาจหมายถึงการเกิดใหม่ หรือความล่าช้าก็ได้ บางครั้งอาจหมายถึง โรคร้ายแรงหรือเรื้อรัง อิทธิพลมืดบางครั้งอาจหมายถึงการปกป้อง ตัวเองจากพลังภายนอก หรือคนผู้นั้นอาจจะมีความลับ ถ้าสีดำเกิดปะปนอยู่ในสีอื่น ๆ เช่น ปะปนอยู่กับสีแดง แสดงถึงความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท ถ้าปนกับสีเหลืองแสดงถึงความคิดชั่วร้าย ถ้าปนกับสีเขียวแสดงถึงความคิดหักหลัง อิจฉา

    11.สีขาว เป็นแสงที่มีความสมดุล และสมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับพวกนักบุญ พระหรือผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่ำเสมอ ถ้าปรากฏเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านเข้ามาในแสงอาจหมายถึง ข่าวสารจากมิติอื่นเข้ามา พวกที่เข้าทรงจะมีสีขาวเข้ามาในแสงในระหว่างการเข้าทรง ผู้ที่มีสีขาวปรากฏอยู่ในออร่า หมายถึงว่า กายแสงได้รับการชำระและฟอกให้บริสุทธิ์ หรืออาจหมายถึงสภาพจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และบริสุทธิ์

    12.สีน้ำเงิน หมายถึง แรงบันดาลใจ หรือข่าวสารข้อมูลจากโลกวิญญาณ หรือจากมิติอื่น

    13.สีทอง เป็นพลังของจักรวาลหรือพลังจากเทพที่เข้ามาช่วยถ่ายโรคออกจากร่างกาย

    14.สีเทา เป็นพวกขาดจินตนาการ คร่ำครึ หัวโบราณ ยึดถือความคิดเป็นใหญ่ เจ้าระเบียบ ถ้าเป็นสีเทามืดยิ่งมืดทึบมากยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่เหี่ยวเฉา สลดหดหู่ คนพวกนี้มักจะว้าเหว่ ถ้ามีจุดมืดสีนี้ในแสงแสดงถึงความคิดแง่ลบ ได้แก่ ความเกลียด เคียดแค้น หรือแม้แต่อารมณ์ฆาตกร สีเทาค่อนไปทางสีเงิน แสดงถึงว่าสมองซีกขวาได้รับการกระตุ้นก่อให้เกิดจินตนาการและสัมผัสที่ 6

    สีที่ไม่ค่อยปรากฏอยู่ด้วยกันคือ สีน้ำเงินกับสีแสด ถ้าใครมี 2 สีนี้อยู่ด้วยกันจะเป็นคนที่น่าอิจฉาเพราะสีน้ำเงินของความสงบและสีแดงเป็นสีของความสุข คุณจะมีแต่ความสงบสุขทางจิตใจ อันนี้มักจะพบในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ และในผู้ใหญ่บางรายที่รักษาโรคด้วยพลังจิตพวกนี้มักจะมีความสดดุลทั้ง ร่ายกายและจิตใจทำให้มี 2 สีนี้ปรากฏอยู่ร่วมกัน สีพื้นฐานของออร่า

    จะทราบได้อย่างไรว่าคุณมีสีพื้นฐานของออร่าเป็นสีอะไร

    ในเมื่อออร่าเต็มไปด้วยสีสัน แต่ถ้าคุณมองแสงออร่าทั้งหมดแล้ว จะเห็นว่ามีสีใดสีหนึ่งเด่นชัดที่สุดในแสงโดยสีนี้จะปรากฏอยู่ตามที่ต่าง ๆ (แล้วมีสีอื่นเข้ามาเจือปน) สีนี้คือสีพื้นฐานของออร่า เป็นสีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต มันจะบ่งบอกถึงศักยภาพของตัวคุณเองว่าควรใช้ชีวิตอย่างไรเพื่อนำเอาศักยภาพนี้มาสร้างความสำเร็จและความสุขให้กับชีวิตของคุณ การคำนวณสีพื้นฐานของแสงออร่าในตัวคุณทำอย่างไร? ถ้าคุณยังไม่เคยเห็นแสงออร่าของตัวเอง คุณจะทราบได้อย่างไรว่าคุณมีแสงออร่าสีพื้นฐานเป็นสีอะไร

    มีวิธีการคำนวณหาง่าย ๆ และผลที่ออกมามีความเชื่อถือได้มากพอสมควร ดังนี้

    วิธีการคำนวณออรา คือ

    เอาวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน ปีนี้ต้องเป็นปี ค.ศ.เท่านั้น ถ้าเป็นไม่ทราบว่าคุณเกิดปี ค.ศ.อะไร ก็ไห้เอา 543 ไปลบออก จากปี พ.ศ. ที่จะเกิด จะได้ปี ค.ศ. ที่ต้องการ เช่น คุณเกิดปี พ.ศ. 2503 เอา 543 ไปลบออกจะได้ปี ค.ศ.1960 สมมุติว่าคุณเกิดวันที่ 5 เดือน พฤษภาคม ค.ศ.1960 ก็เอาเลขทั้งหมดมาบวกกันให้ได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวดังนี้

    5 5 + 1960 1970 = 1 + 9 + 7 10 = 17 1 + 7 = 8 เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล้ว ขอให้ดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐานสีอะไร มีความหมายอย่างไร ถ้าผลลัพธ์ที่ได้เป็นเลข 11 หรือ 22 คุณไม่ต้องเอา 1 + 1 หรือ 2 + 2 อีกเพราะเลข 11 และเลข 22 เป็นพวก “พิเศษ” กว่าผู้อื่น คือเป็นพวกมีแสงสีเงิน และสีทอง คราวนี้ขอให้มาดูผลลัพธ์ที่ได้ว่าคุณมีพื้นฐานตรงกับสีอะไร ผลลัพธ์เป็นเลขสีพื้นฐาน 1 แดง 2 ส้ม / แสด 3 เหลือง 4 เขียว 5 น้ำเงิน 6 คราม 7 ม่วง 8 ชมพู 9 ทองเหลือง 11 เงิน 22 ทอง 23

    1.สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน มีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์ สามารถพูดจาโน้มน้าว จิตใจผู้อื้นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ ! คุณควรหาอะไรที่ท้ายทายความสามารถโดยฟันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม

    ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลังตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด

    2.สีส้ม /แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือ และทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

    ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ

    3.สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอเข้าสังคมง่าย ปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว

    ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง

    4.สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค (สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค) เป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิม ๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งานหนักเอาเบาสู้

    ข้อเสีย ดื้อรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

    5.สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปบ้าง แต่ยังยิ้มสู้เสมอ แสงออร่าของคุณจึงกว้าง และสว่างไสวเสมอ ทำให้กระซุ่มกระชวย ดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลาย ๆ ด้าน

    ข้อเสีย ชอบทำงานหลาย ๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างเดียว นอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย

    6 สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงานจิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว

    ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูงจึงมักหงุดหงิดกับอะไร ๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

    7.สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตร์ลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้

    ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป

    8.สีมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้อรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูงมีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมายและความสำเร็จ อาชีของคุณ จึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตาขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่าง ไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก
    ข้อเสีย มุงานมากเกินไปจนเครียดควรหางานอดิเรกคลายเครียด

    9.สีทองเหลือ ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์ คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

    ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อย ๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

    11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 มีศักยภาพสูงในหลาย ๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริง ๆ เป็นคนซื่อสัตย์มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดีถ้ามุมานะสร้างความฝัน ให้เป็นจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว

    ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ

    12.สีทอง ศักยภาพ : ไม่ขอบเขตจำกัด คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จ ไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมายในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

    วิธีการคำนวณสีพื้นฐานนี้ไม่ได้ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อได้พอสมควร สีของแสงออร่านั้น นอกจากจะมองเห็นด้วยตาแล้ว ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยจิต สีที่ปรากฏมักจะแสดงถึงโรคหรือปัญหาการรักษาโรคด้วยวิธีการสัมผัสแสง เวลาสัมผัสจะมีทั้งสีและภาพปรากฏขึ้น สีและภาพนี้แม้ผู้สัมผัสจะเป็นผู้เห็นแต่ตัวผู้เข้ารักการรักษาเองจะเป็นผู้บอก

    <!--MsgFile=7--><!--MsgFile=1-->
     
  8. nrongrit

    nrongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +546
    พระฉัพพรรณรังสีที่แผ่จากพระกายพระพุทธเจ้า
    <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->
    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ฉัพพรรณรังสี คือแสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลางเป็นรัศมี ๖ ประการ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--><!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->ซึ่งเปล่งออกจากพระสรีรกายของพระพุทธเจ้า คือ<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->๑. นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน
    ๒. ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง
    ๓. โลหิตตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน
    ๕. มัญเชฏฐะ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่
    ๖. ปภัสสระ เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก<!--colorc-->
    <!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc-->
    <!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->สีทั้ง ๖ นี้ไม่ได้พุ่งออกเป็นสี ๆ ดังที่แยกไว้นี้ แต่แผ่ออกมาพร้อมกัน ในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวถึงพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกจากพระกายพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี้<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->"ในลำดับนั้น พระฉัพพรรณรังสีก็โอภาสแผ่ออกจากพระสริรกาย อันว่า นิลประภาก็เขียวสดเสมอด้วยสีแห่งดอกอัญชัน มิฉะนั้นดุจพื้นแห่งเมฆแลดอกนิลุบลแลปีกแห่งแมลงภู่ ผุดออกจากอังคาพยพในที่อันเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->และพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า แลพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีหรดารทองแลดอกกรรณิการ์แลกาญจนปัฏอันแผ่ไว้ พระรัศมีออกจากพระสริรประเทศในที่อันเหลืองแล้ว แล่นไปสู่ทิศานุทิศต่าง ๆ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระรัศมีที่แดงอย่างพาลทิพากรแลแก้วประพาฬ แลกุมุทปทุมกุสุมชาติ โอภาสออกจากพระสริรอินทรีย์ ในที่อันแดงแล้วแล่นฉวัดเฉวียนไปในประเทศที่ทั้งปวง <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระรัศมีมีที่ขาวก็ขาวดุจดวงรัชนิกร แลแก้วมณี แลสีสังข์ แลแผ่นเงิน แลดวงดาวพกาพฤกษ์ พุ่งออกจากพระสริรประเทศในที่อันขาวแล้วแล่นไปในทิศโดยรอบ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระรัศมีหงสสิบาทก็พิลาสเล่ห์ดุจสีดอกเซ่ง แลดอกชบา แลดอกหงอนไก่ออกจากรัชกายรุ่งเรืองจำรัส <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->

    <!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->พระรัศมีประภัสสรประภาครุนาดุจสีแก้วพลึกแลแก้วไพฑูริย์เลื่อมประพระฉัพพรรณรังสีทั้ง ๖ ประการ แผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบพระสกลกายยินทรีย์ กำหนดที่ ๑๒ ศอก โดยประมาณ <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--><!--fonto:Tahoma--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->อันว่า ศศิสุริยประภาแลดาราก็วิกลวิการอันแสง เศร้าสีดุจหิ่งห้อยเหือดสิ้นสูญ มิได้จำรูญไพโรจโชติชัชวาล"<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->
     
  9. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เท่าที่ผมอ่านจากหนังสือที่เอามาลงรู้สึกจะต่างกับของคุณ nronggrit
    พอสมควรเลยครับอาจจะต่างกันหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
     
  10. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,163
    ขอขอบคุณครับ
    ได้รับความรู้ครับ
     
  11. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    รังสีออร่าใช้ในการรักษาได้และน่าจะดี จากข้อมูลที่ จขกท มีผมคิดว่ามันเหมาะกับการรักษาโรคต่างๆได้ เพราะจิตของเรามันรู้สึกได้ จึงทำให้แต่ละคนมีสีที่เกิดขึ้นจากกายคนละรูปแบบกัน ไม่พ้นสีที่มีอยู่ตามที่วิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ แต่ผมคิดว่าสีที่ค้นพบนั้นยังน้อยเกินไปน่าจะมีสีละเอียดมากกว่านี้อยู่ ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็น่าสรุปได้ว่าเครื่องมือวิทย์ในยุคเรายังไม่ละเอียดพอ ผมว่าเครื่องมือวิทย์ต่อให้พัฒนาได้มากแค่ไหน ก็คงจะหาออร่าที่แท้จริงและแม่นยำยังไม่ได้ ตราบใดที่จิตของเรายังไม่เดินเข้าสู่ความเป็นกลางแห่งดวงจิต
    ออร่านั้นเป็นประโยชน์ในการสนองตันหาของมนุษย์ทุกอย่างตามแต่ความคิดของแต่ละคน เป็นประโยชน์ต่อสรรพสิ่งถ้านำมาใช้อย่างถูกต้อง เป็นประโยชน์เฉพาะตนถ้าหากพวกเขาหลง
    ความคิดเห็นเล็กน้อยครับผม
    ขอบคุณ จขกท ครับที่นำข่าวสารมาแบ่งปันกัน สาธุครับ
     
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    มันก็มีอยู่นะครับเช่นการฝังเข็มแบบจีน การใช่ยาในปริมาณเจือจางมากๆ อย่าง
    homeopathy
     
  13. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    เคยถ่ายรูปแล้วติดภาพแแบบที่3 ออกมา เป็นวงใหญ่ค่ะ
     
  14. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สีเหลืองทองเป็นสีของพระอรหันต์ครับ
     
  15. พลทะลวงฟัน

    พลทะลวงฟัน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอเซฟลิ๊งค์ไว้อ่านก่อนครับ ขอบคุณครับ
     
  16. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สีเหลืองนวลทอง เปรียบเสมือนผ้าธงชัยของพระอรหันต์
    ผู้ที่ปฏิบัติถึงจุดนี้แล้วสามารถละวางได้หมด ในขณะที่
    อยู่ในสมาธิพอนั่งปุ๊ปจิตก็ดิ่งลงสงบนิ่ง เบา เยือกเย็น
    เปรียบเสมือนเรานั่งอาบแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญในขณะ
    ที่พระจันทร์กำลังทรงกลดเหมือนกับจิตของเราจุติเกิด
    ขึ้นมาใหม่ ทำให้เราลืมสภาวะของโลกภายนอกได้ทั้ง
    หมด ไม่มีตัว ไม่มีตนไม่มีธาตุ 4 ขันธ์ 5ลืมทุกสิ่งทุก
    อย่างได้อย่างหมดสิ้น จะมีแต่สีเหลืองนวลล้อมอยู่รอบ
    กาย เปรียบเสมือนวัฏจักรของโลก มีสติรอบรู้การเกิด
    -ดับของจิต ทั้งสภาวะโลกและสภาวะธรรมจะเป็นประ
    กายแก้วเหมือนเพชร นิล จินดาหลากสีสวยงาม ทำ
    ให้จิตของเรารู้สึกสดใส ซาบซ่าน อิ่มทิพย์ มีพละกำลัง
    อย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่หัวใจที่กำลังเต้นแรงก็สามารถ
    ที่จะรับรู้ได้ จิตของเราจะพิจารณาอยู่ในองค์ธรรมล้วนๆ
    ตั้งแต่เศียรเกล้าลงไปถึงปลายเท้า มีสติรู้มากจน
    นิ่งสงบ เยือกเย็น เฉย ชา ชุ่มชื่น สุขสงบ หาสิ่งเปรียบ
    เทียบมิได้สำหรับโลกมนุษย์ ยิ่งระลึกก็ยิ่งรู่ทุกสิ่งอย่าง
    ในโลกมีแต่ทุกข์ทั้งสิ้น
     
  17. nrongrit

    nrongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +546
    ประสบการณ์แปลกเกี่ยวกับ ออร่าครับ

    ผมเคยพาบุคคลนึงไปถ่ายรังสีออร่า ตอนนั้นไปถ่ายแถวสามเสนครับ ก็ไปกันหลายคน ผมก็ถ่ายไปก่อน พอถึงบุคคลๆนี้ ถ่ายออร่าบ้าง ปรากฏว่า ไม่มีแสงสีออร่าใดๆ ปรากฏเลย เจ้าของกล้องเองคิดว่า กล้องเสีย ก็พยายามถ่ายหลายรูป ก็ไม่ปรากฏสีออร่าเหมือนเดิม

    เจ้าของร้านก็ลองถ่ายให้คนอื่นดู ปรากฏว่ากล้องยังทำงานดีเหมือนเดิม ถ่ายสีออร่าได้เหมือนเดิม ทีนี้ก้มาถ่ายบุคคลๆนี้อีกที ก็ไม่ปรากฏสีออร่าใดๆทั้งสิ้นเลย

    เป็นที่อัศจรรย์กับทุกๆคน บุคคลนี้ได้แต่หัวเราะ หึ หึ อย่างเดียวครับ ไม่ได้พูดอะไรมาก

    ทุกวันผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า มันเป็นไปได้มั้ยที่ บางคนสามารถปกปิดสีดวงจิตได้ทั้งหมด โดยไม่มีใครสัมผัสได้เลย

    ผมเคยไปถ่ายหลวงพ่อรูปนึง ท่านปฏิบัติจิตสำเร็จ อรูปฌาน สีออร่าจิต จะออกสีฟ้าปนเหลือง แต่กว้างใหญ่มากเป็นดวงเดียวชัดเจนครับ

    แต่บุคคลนี้ไม่รู้ว่า สำเร็จอะไร แต่ถ่ายออร่าไม่ติดซักครั้งเลยครับ

    พอมีใครอธิบายได้บ้างครับ
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    เคยไปถ่ายออร่า แสงที่ปรากฏออกเป็นสีเหลือง ขอบเขียวค่ะ สีเหลืองจะมากว่า อยู่ ๆ อาจารย์ที่ถ่ายภาพถามว่า "ปรารถนาโพธิญาณ หรือพระปัจเจก ฯ มาเหรอ?"

    แล้วอาจารย์ก็ชวนไปนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตในซึนามิ อาจารย์บอกว่า "อยากได้แสงแบบนี้มาช่วยกัน" จะทำให้ช่วยเหลือดวงวิญญาณที่ติดอยู่ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปค่ะ

    ไม่ทราบว่า เกี่ยวกันหรือเปล่าคะ ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องออร่าเท่าใดนักค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

    Numsai

     
  19. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ บางทีคุณถามเขาเองอาจจะง่ายสุดเลยก็ได้
    ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับคนที่อ่านความคิดคนได้แล้วพานักบวชคนหนึ่งมา
    ดูพอเขาหลับตาเพื่อดูความคิด เขาก็แปลกใจเพราะเหมือนไม่มีใครนั่ง
    อยู่ตรงนั้นเลยพอเขาลืมตาขึ้นนักบวชคนนั้นก็อยู่ที่เดิม คือเหมือนไม่มี
    ความคิดอะไรเลย หรือจะปิดไว้ก็ไม่ทราบ
     
  20. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สีเหลืองก็อยางที่ว่าไป สีเขียวจะเป็นสีของพวกฤาษี ที่รักสันโดษชอบเก็บตัวภาวนา มีความน่าเลื่มใสอย่างยิ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...