หนูฝันถึงยมทูต ยมบาลค่ะ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Lookmhu, 30 สิงหาคม 2017.

  1. Lookmhu

    Lookmhu สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่อคืน 29ส.ค.60 จะเข้าเช้าวันที่ 30 ส.ค.60 หนูฝันถึงยมทูตหรือยมบาลก็ไม่แน่ใจค่ะ เรียกไม่ถูก หนูรู้สึกเหมือนที่คนส่วนใหญ่ เรียกกันว่า "ผีอำ" แล้วก็มีคนตัวแดงๆ อ้วนๆ มือขวาถือเหมือนหอก เหมือนอาวุธอะไรซักอย่างมายืนข้างเตียง แล้วก็บอกว่า "ใกล้จะตายอยู่แล้วไม่รู้หรอ" น้ำเสียง คือ ตวาดค่ะ ก่อนนอนไม่ได้กินหรือนึกถึงยมทูตหรือยมบาลอะไรเลยนะคะ แต่หนูทะเลาะกับแม่ หนูเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโห แล้วก็ชอบโกหกค่ะ บางทีก็ให้คนอื่นสบายใจ บางทีก็ปกปิดความผิดของตัวเอง โกหกบ่อยจนรู้สึกผิด ห่างวัด ห่างพระ ห่างการทำบุญมากค่ะ จนรู้สึกเป็นคนบาป ไม่น่าเกิดมา หนูไม่ได้กลัวตายนะคะ แต่กลัวว่าแม่หนูจะไม่มีคนดูแล หนูยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ ตอนนี้หนูรู้สึกกลัวและจิตตกมาก ๆ ค่ะ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทำอะไรยังไง ต้องสวดมนต์ ต้องทำบุญ ต้องทำอะไร รบกวนผู้รู้ตอบหนูหน่อยนะคะ หนูไม่สบายใจจริง ๆ
     
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    การตายแบบศาสนาพุทธ จะไม่ใช่การตาย ที่ตายแล้วสูญ
    หากว่าเราเป็นคนชอบโกหก นั้นเท่ากับว่าเรากำลังหลีกเลี่ยงกับความเป็นจริง
    ความจริงนั้นเป็นสิ่งไม่ตาย สิ่งที่ตายได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จริง ไม่จริงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มี
    ในขณะที่สิ่งที่จริงนั้นมีอยู่ นั้นย่อมเป็นธรรมดาที่สิ่งที่ไม่จริงนั้นก็ย่อมมีอยู่ด้วยเช่นกัน

    ชีวิต ก็คือ อายุ อายุ ก็คือ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย
    การติดอยู่ในคำโกหกนั้นจึงเป็นเสมือน การต่ออายุให้เราไปอยู่ในที่ที่ไม่จริงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

    ในขณะที่เราเลือกที่จะพูดแต่ความจริง นั้นย่อมนำพาเราไปหาความจริง ที่เป็นสิ่งที่ไม่ตาย
    แต่ไม่ใช่เล่าสารพัดเรื่องที่เป็นความจริงของเรา เพราะต้องคำนึงถึงด้วยว่าเป็นประโยชน์รึเปล่า

    ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห นั้นก็ย่อมมีสาเหตุมาจาก รอยตำหนิ หรือรอยแผลเล็กๆที่ค้างคาอยู่ในใจ
    แล้วค่อยๆลุกลามขึ้นไปเป็นแผลที่ใหญ่ขึ้นอีกที่หนึ่ง
    ลักษณะ รอยแผลนั้นเป็นแบบไหนจะสมมุติตัวอย่างละกัน

    เมื่อเรานัดกับใครคนใดคนหนึ่งไว้ ว่าวันพรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงนะ ก็ตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย
    พอถึงวันนัดหมายเรานั้นก็ไปก่อนเวลาเลย เป็นคนตรงๆไม่ชอบคลาดเคลื่อนต่อเวลา
    หากไปก่อนเวลานั้นก็คงจะดีกว่า ไปแบบเสมอกับเวลา แต่พอรอๆไปมันสูงกว่าเวลาที่กำหนด
    นัดเอาไว้เที่ยง แต่นี้รอมาจนบ่าย 3 แล้วคนที่นัดหมายกับเรานั้นก็ยังไม่มา ก็เริ่มชักจะหงุดหงิด
    ก็เลยต้องกลับบ้านไปพร้อมกับความหงุดหงิดอันนั้น กลับไปถึงบ้านก็ประมาณ 5 โมงเย็น
    พอมานึกย้อนกลับไปย่ิ่งน่าโมโหใหญ่เลยทีนี้ ตอนรอ 3 ชั่วโมงนี้แค่น่าหงุดหงิด
    แต่พอมาถูกขยายห้วงเวลาเป็น 5 ชั่วโมง อันนี้ มันชักจะน่าโมโหขึ้นมาละ ฮึ่มๆๆ กันฟันกร๊อดๆ

    ตัวนัดหมายก็สื่อไปถึง ตัวสัญญา

    ส่วนตัวห้วงเวลาก็สื่อไปถึง การหลงห้วงเวลา(ตัวหลงนี้เราจะเรียกชื่อว่า โมหะ ก็ได้)
    เมื่อมีความหลงอยู่ในห้วงเวลาในช่วงเวลาที่ดีบ้างช่วงเวลาที่ไม่ดีบ้าง
    ก็นำพาเรานั้นน้อมไปสู่ สักกายทิฐ คือ สูงกว่าเขาบ้าง เสมอเขาบ้าง ต่ำกว่าเขาบ้าง

    ส่วนตัวที่ขยายอยู่ในห้วงเวลานั้นก็สื่อไปถึง ความหงุดหงิด ความโมโห
    (หรือจะเรียกชื่อว่าโทสะก็ได้ ก็ฟังดูน่ารักไปอีกแบบ) ตัวนี้หากปล่อยไว้นานๆ
    มันจะกลายพันธุ์มาเป็น ความอาฆาต พยายาท

    แล้วธรรมะ หละคืออะไร ก็คือการที่เราไปมาจริงๆคนเดียว และเราก็กลับมาจริงๆคนเดียว
    ส่วนนอกเหนือจากนั้นที่เราอาจเผลอไปเก็บกักพกกลับมา อันนั้น เป็นแค่กลลวงเท่านั้น

    เราจะสังเกตได้ว่า ธรรมะ นั้นอยู่ไม่ไกลจากเราเลย การที่เราพูดจริงและทำจริง
    เมื่อเรายังอยู่กับความจริงตรงนั้น โดยไม่พกคำโกหกหรือการผิดนัดหมายมาเก็บไว้ที่ใจ
    เรานั้นก็ยังคงอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับธรรมะ

    เรียกรวมๆในเรื่องราวนี้ สัจจะบารมี

    แต่ความจริงในที่นี้เราอาจจะดำรงอยู่ไม่ได้ หากเราขาด อภัยทาน

    หากแต่ว่าอภัยทานไม่เป็น ก็คงจะประมาณ แม่งเอ๊ยนี้ก็ 4 ทุ่มละกูยังนอนไม่หลับเลย
    โกรธแม่งชิบหาย นัดหมายไม่เป็นนัดหมาย หงุดหงิดมา 10 ชั่วโมงละ โมโหหนักมาก
    เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปได้ซัก 2 ปี พอมีโอกาสได้นัดหมายกันใหม่อีก
    ก็เลยจัดเต็มเลยคราวนี้ ครั้งนี้อย่าผิดนัดนะครั้งที่แล้วกูรอโคตรนานเลยมึงรู้ใหม
    ก็เป็นในลักษณะ ยกตัวข่มท่าน แต่ตัวอาฆาต พยาบาท ที่ติดตามมากับใจเรานั้น
    กลับทำเป็นมองไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้

    การเจริญ พรหมวิหาร 4 จึงช้วยในเรื่อง อภัยทานได้เหมือนกัน แม้จะได้เข้าวัดหรือไม่ได้เข้าวัด
    ก็สามารถเจริญได้ทุกที่ ทุกเวลาครับ แต่หากอยากจะเข้าวัด โดยส่วนตัวผมมองว่า
    การทำบุญ เรานั้นจะทำอะไรก็ได้ หากเรามองแล้วว่า สิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับวัดนั้นๆ
     
  3. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    น่าจะหมั่นสวดมนต์ภาวนาไว้บ้าง แล้วทำใจให้สบาย อย่าไปกังวล รู้ว่าอันไหนเป็นนิสัยไม่ดีก็ควรพยายามอย่าทำ ถ้ามีโอกาสควรทำบุญใส่บาตร, ปล่อยปลา หรือสัตว์ที่จะถูกฆ่า เช่น ปลาที่เขาขายในตลาด (ไม่ใช่ปลาที่เขาจับมาเพื่อให้ปล่อยหน้าวัด), หรือร่วมบุญปล่อยวัว,ควาย จากโรงฆ่าสัตว์ (อันนี้ตามเฟซมีคนบอกบุญกันอยู่เสมอ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...