หลวงปู่พุทธะอิสระวิชชา 3 วิชชา 6 วิชชา 8 คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 24 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    หลวงปู่พุทธะอิสระ'วิชชา 3 วิชชา 6 วิชชา 8 คืออะไร'

    ขออนุญาตนำมาเสนอ *มองปัญหาด้วยปัญญา*
    ไม่มีเจตนาแบ่งแยกสายศรัทธา กรุณาเลือกนำมาคิดมาเตือนตนตามจริตนะคะ...(b-smile)
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ปุจฉา
    สงสัยเรื่องวิชชา

    วิชชาจรณสัมปันโน วิชชา 3 วิชชา 6 วิชชา 8 คือ อะไร

    วิสัชชนา
    คำว่า วิชชา แปลว่า ความรู้ ความรู้ตัวนี้ พระศาสดาไม่ได้เรียนจากตำรา เป็นความรู้ที่เกิดขึ้น มีอยู่ และดับไป เป็นความรู้ที่มีอยู่ในโลก ซึ่งเป็นความรู้ที่พระศาสดาทรงตรัสรู้ในคืนวันวิสาขะ คือ วันเพ็ญ ด้วยการพิจารณาหลักปฏิจจสมุปบาท และ อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค คือ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ทางดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติของทางดับทุกข์ นี่จัดเป็นวิชชา

    ส่วน จรณะ คือ จริยาแห่งการประพฤติของพระอริยเจ้า คือ มีศีล มีจาคะ มีสุตตะ มีฌาณ มีสมาบัติ มีสมาธิ มีปัญญา นี่จัดเป็นจรณะ ความจริงแล้วท่านจัดไว้ 15 อย่าง

    ส่วน วิชชา 3 วิชชา 6 และ วิชชา 8 มีอะไรบ้าง หมายความว่าอะไรถ้าจะว่ากันตามที่เขาเขียนกันไว้ในตำราที่เราเรียนท่องบ่นทรงจำ แล้วนำมาถามฉันขอตอบว่า หลักของวิชชาเหล่านั้นแต่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถจะทำให้บุคคลผู้ใดบรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยะเจ้า และ เป็นพระผู้เข้ากระแสพระนิพพานได้ แต่มีอีกวิชชาหนึ่งที่สูงส่งสุดยอดยิ่งกว่าวิชชาใด ๆ นั้นก็คือ วิชชาแห่งความไม่ยึดในวิชชา วิชชาแห่งความไม่มีในวิชชา วิชชาแห่งความไม่ติดในวิชชา และ วิชชาแห่งความว่างในวิชชา ก็คือเป็นผู้ละ ผู้วาง ผู้ปล่อย ไม่ยึด ไม่ติด เพื่อความเข้าถึงซึ่งองค์แห่งความบริสุทธิ์ คือ ความเป็นพุทธะในใจ

    มีบุคคลที่ปฏิบัติสมาธิจนเข้าถึงความมหัศจรรย์ทางจิตเหนือคนธรรมดาสามัญ แล้วหลงอยู่ในอารมณ์นั้น คิดว่าตนเป็นผู้วิเศษ แต่สุดท้ายนั่นเป็นวิปัสสนูปกิเลส หรือกิเลสอย่างละเอียด อันไม่สมควรไปยึดและผูกผัน เพราะจะทำให้มีทุกข์หนักขึ้น เหมือนอย่างพระเทวทัต ที่เกิดความทรนง เย่อหยิ่งในตัวเอง คิดว่าตนวิเศษกว่าคนอื่น วิเศษกว่าพระพุทธเจ้า จึงใช้สมาบัติทั้ง 8 ไปในทางผิด ทำให้เป็นดาบสองคมกลับมาเชือดเฉือนตนจนวิบัติ

    ส่วน ผลของการปลดปล่อย วาง ละ เว้น ไม่ยึด และไม่ผูกพัน ไม่ใช่ดาบสองคม เป็นดาบคมเดียว และสามารถใช้ตัดในสิ่งที่บุคคลต้องการตัดได้ โดยเฉพาะอาสวกิเลสที่หมักดองอยู่ในใจ

    ดังนั้น หากจะเลือกเดินทางพระนิพพาน ซึ่งเป็นหนทางอันไกล ต้องวางให้หมด สุดท้ายต้องวางแม้แต่สมาบัติ จงรู้แต่เพียงปัจจุบันธรรมเท่านั้น ทำเหตุให้ดี แล้วผลจะออกมางาม ตามหลักเกณฑ์ กฏกติกาของธรรมชาติ คือไม่ว่าจะเป็นวิชชาอะไร สุดท้ายถึงสูงสุดที่จะเข้านิพพานได้ คือ ต้องไม่ยึดติด ไม่ผูกผัน เป็นไท ไม่เป็นทาสกิเลส ทำจิตให้สะอาด สว่าง สงบ จึงจะเข้าถึงความเป็นพุทธะในใจได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,017
    วิชชา 1 = สุกขวิปัสสโก
    1 ตัดกิเลศได้หมด


    วิชชา 3 = เตวิชโช
    1 ระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้
    2 รู้ที่มาที่ไป การตายและเกิดของคนและสัตว์
    3 ตัดกิเลศได้หมด


    วิชชา 6 = อภิญญา๖
    1 แสดงฤทธิ์ต่างๆได้
    2 มีหูเป็นทิพย์
    3 รู้ที่มาที่ไป การตายและเกิดของคนและสัตว์
    4 รู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
    5 ระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้
    6. ตัดกิเลศได้หมด

    วิชชา 8 = ปฏิสัมภิทัปปัตโต
    1 แสดงฤทธิ์ต่างๆได้
    2 มีหูเป็นทิพย์
    3 รู้ที่มาที่ไป การตายและเกิดของคนและสัตว์
    4 รู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
    5 ระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้
    6 เชี่ยวชาญ รอบรู้และ ลึกซึ้งในพระธรรม สามารถย่อและขยายพระธรรมได้อย่างพิศดารโดยไม่เสียใจความ
    7 สามารถเข้าใจและพูด ภาษาคนและสัตว์ได้ทุกภาษา
    8. ตัดกิเลศได้หมด

    -----------------------
    ที่ผมเขียนไปอย่าเพิ่งเชื่อทันที เพียงแต่ผมคิดว่าเท่านั้น
     
  4. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    คือยายนำมาให้คนต่างจริตกันมาลองพิจารณาว่าชอบฝึกแนวไหน ศรัทธาแนวใด ลองพิจารณาตามด้วย แต่อย่าปรามาสพระท่านใดๆ เพราะแนวทางแจ้งต่างกัน แต่จุดหมายคือพระนิพาน นิยามต่างๆ ยายว่าไม่จำเป็น สิ่งที่ทำให้หลุดพ้นคือ อย่าส่งใจออกนอก อย่าหลงทาง อย่าจมปลัก อย่าต่อหรือลด ทำตนให้ใสให้มากที่สุด เดี๋ยวได้คำตอบเองเมื่อหลุดพ้น (f)
     
  5. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,017
    วิชา 8 ที่ผมเขียนไปข้างบนผิดนะครับ
    ที่ถูกต้องตามของพุทธศาสนา ผมเคยอ่านเจอในพระไตรปิฏก
    อ่านข้างล่าง

    หลวงพ่อเขียน


    นี่สำหรับ วิชชา ก็มี 8 อย่าง เพื่อทำจิตใจให้สิ้นจากกิเลส คือ ว่าให้พ้นทุกข์ ถ้ากำลังใจอ่อนก็พยายาม
    (1) เจริญวิปัสสนาญาณ เอาจิตเขาไปยอมรับนับถือความเป็นจริง แล้วก็
    (2) ทำฤทธิ์ทางใจให้เกิดขึ้น ที่เรียกกันว่า มโนมยิทธิ ที่เราฝึกกัน
    (3) สร้างฤทธิ์ให้เกิดขึ้น
    (4) ทำหูให้เป็นทิพย์
    (5) สร้างกำลังใจสามารถรู้ใจตนและใจคนอื่น
    (6) พยายามสร้างวิชชาระลึกชาติได้ ถอยหลังไปตามหาความจริง
    (7) ทำตาทิพย์ให้เกิดขึ้น
    (8) ทำจิตให้พ้นจากอาสวะ

    http://www.dhammapratarnporn.com/tum_speed/tum_speedpage1.html
     
  6. บรรพต อ.

    บรรพต อ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +306
    คือแกจะเอาแต่บ้าน แต่ไม่ยอมเอาเครื่องมีอ กรรมของท่านนะ!

    พระพุทธเจ้าเป็นเตวิชโช วิชชาสาม​



    พุทธดำรัส:-ดูก่อนวัจฉะ ชนที่กล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมเป็นสัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ทรงปฏิญาณญาณทัสสนะไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้ ไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้วและชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำที่ไม่มี ไม่เป็นจริง

    ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓ ) ดังนี้แล เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง ชื่อว่าพยากรณ์ถูกสมควรแก่ธรรม

    ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้


    ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียน พระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิฉาทิฐิ เขาเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมทิฐิ..... เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์


    ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง


    จูฬวัจฉโคคตสูตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2005
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ก่อนยายจะนำแนวทางธรรมของท่านมาลง ยายช่างใจแล้วช่างใจอีก เกรงจะมีข้อขัดแย้งระหว่างสาย

    คือยายอยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาญในการศรัทธา มีหลายอย่างที่ยายไม่กล้านำแนวทางของหลวงพ่อพระฤษีมาลง เนื่องจากหน้าหลักพ่อชัยได้จัดไว้เป็นหมวดๆแล้ว ถ้าจะอ้างอิงก้อเกรงผิดพลาด รวมทั้งปัญหาด้านลิขสิทธิ์

    และมีหลายคนที่ผ่านมาต้องการทางเลือกศึกษาที่หลากหลาย ในเมื่อเราตั้งใจนำเสนอเรื่องดีๆ เราต้องไม่แบ่งแยก เราต้องเป็นกลางเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เข้ามาเลือกเอง พิจารณาด้วยสติปัญญาตนเอง ไม่มีเจตนาให้เกิดการกระทบกระทั่งใดๆอีก

    ถ้าเรามองให้ลึกๆกว่านี้ เราจะเห็นเองค่ะว่า อะไรใช่เอาไปใช้แล้วดี อะไรไม่ใช่ไม่เอาไปใช้เพราะไม่ดี

    บางอย่างไม่ใช่ธรรมที่ตรงตามพระไตรฯ ก้อให้มองเป็นปรัชญาแนวคิดจะดีกว่าไปค้านนะคะ
     
  8. pbij

    pbij สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +20
    อยากจะทำให้กระจ่าง

    วิชชาหนึ่งหน่ะ ไม่มีหรอกนะครับ มีแต่วิชชาสาม
    และวิชชาสามเนี่ยเป็น core course ถ้าไม่ได้ก็ไม่สำเร็จอรหันต์
    วิชชาสามประกอบด้วยญานสามอย่าง ทุกคนคงรู้แล้ว
    แต่อย่างไรก็ตามการจะสำเร็จวิชชาสาม อภิญญา หก หรือ วิชชาแปด อะไรก็แล้วแต่ได้จะต้องผ่านวิชชาสุดท้ายก่อน คือ
    อาสวักขยญาณ
    ถ้าไม่ได้ตัวนี้ถือว่าสอบไม่ผ่านเป็นอรหันต์ไม่ได้ ถึงคุณจะได้สารพัดวิชชา อะไรก็แล้วแต่ หรือถึงแม้ว่าคุณจะได้สารพัดวิชชา แต่คุณไม่ผ่าน core course คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
    คุณจะบุกไปสวรรค์ ไปลงนรก ไปแหวกว่ายอากาศ ไปดำดิน อะไรก็แล้วแต่
    ถ้าคุณไม่ผ่าน core course คุณจบไม่ได้ และคุณต้องผ่าน core course ครับทั้งสามตัวแบบเป็นลำดับไปด้วย
    ถามว่าผมเอาที่ไหนมาพูด อืม มีคนเข้าบอกไว้ในพระไตรปิฏกว่าอรหันต์ของท่านทุกองค์จะต้องสำเร็จวิชชาสามเป็นอย่างน้อย ส่วนจะได้วิชชาอื่นๆ มากไปกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีแต่หนหลัง
    ฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็นคอขาดบาดตาย อย่าเอ่ยอ้างไปว่าสำเร็จวิชชาสาม
    ไม่มีใครที่ได้วิชชาสาม ถ้าคุณได้วิชชาสาม คุณไม่ใช่คน คุณเป็นอรหันต์
    และถ้าคุณเป็นอรหันต์ คุณคงไม่มาอ่านข้อความของผมไม่มาเล่นเน็ท ไม่มาหงุดหงิดกับข้อความของผมหรอก
    การศึกษาพระไตรปิฏกก็เหมือนการเรียนประกอบด้วยสองส่วนทฤษฎีกับปฏิบัติ
    เนื่องจากพุทธองค์ท่านทราบดีว่าทฤษฎีนั้นยากเลยให้คนส่วนมากไปในทางปฏิบัติเมื่อปฏิบัติได้แล้วพอไปอ่านทฤษฎีก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
    แต่ทีนี้ คนส่วนมากไปเน้นทางปฏิบัติ แต่ก็ทำไม่ค่อยจะถูกทาง ยกตัวอย่างเหมือนคนใช้โทรศัพท์ไม่เป็น เปิดไปเห็นมีเสียงขึ้นจริงๆ อาจจะเป็นแค่ leave message แค่นี้ก็ดีใจกันยกใหญ่ฉันใช้โทรศัพท์เป็นแล้ว ยกหูแล้วมีเสียงคนพูดดังออกมา
    หรือบางคนอ่านทฤษฎีจนเข้าใจพอไปที่โทรศัพท์ก็เอามือเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะกดปุ่มไหน หรือบางคนพอเห็นโทรศัพท์ปุ๊ปก็ใช้ได้ปั๊ปสามารถสอนคนถึงวิธีใช้โทรศัพท์ได้เหมือนที่ว่าไว้ในคู่มือ หรือบางคนอ่านคู่มือแล้วก็ใช้ได้
    แต่ทุกวันนี้ผมว่ามีแค่สองประเภทแรกเป็นส่วนมาก (รวมทั้งผมด้วย อาจจะหนักกว่าเพราะยังอ่านคู่มือไม่เข้าใจ เห็นโทรศัพท์ก็งงอยู่ว่าจะกดปุ่มไหน)

    อย่ายึดมั่นถือมั่นยึดติดกับนิมิตที่เห็นปล่อยมันไป แล้วจะรู้ว่ามีขั้นต่อไปรออยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...