"หลวงพ่อชุ่ม"วัดท่ามะเดื่อ เกจิอาจารย์ลุ่มน้ำแม่กลอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 24 พฤศจิกายน 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    "หลวงพ่อชุ่ม"วัดท่ามะเดื่อ เกจิอาจารย์ลุ่มน้ำแม่กลอง

    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

    ดุสิต จิรภัทรากร




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นับย้อนหลังไปเมื่อปีพ.ศ.2428 "หลวงพ่อชุ่ม จันทโชติ" อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่ามะเดื่อ ต.วนกล้วย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นพระเกจิที่มีพุทธาคมเข้มขลังในสายพระนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน

    ผู้สร้างตำนาน "ปาฏิหาริย์ปราบผี" จนมีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาตลอดมา

    หลวงพ่อชุ่ม เป็นคนบ้านดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุ 23 ปี พ.ศ.2528 อยู่วัดโพธิบัลลังก์ เป็นพระเถราจารย์ยุคเดียวกับหลวงพ่อกล่อม วัดขนอน

    ในพิธีอุปสมบทพระใหม่แต่ละครั้ง หลวงพ่อกล่อมเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชุ่มกับหลวงพ่อหวาน วัดโพธิ์บัลลังก์ เป็นพระคู่สวด

    หลวงพ่อชุ่มเป็นพระนักปฏิบัติธรรมชอบสมถะ เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตลอดจนรอบรู้วิทยาคม เวทมนตร์อาคมต่างๆ สานุศิษย์ทั้งหลายให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก

    วัดท่ามะเดื่อตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองด้านตะวันออก ที่บ้านสวนกล้วย อ.บ้านโป่ง แต่เดิมบริเวณวัดมีต้นมะเดื่อใหญ่อยู่ที่ท่าน้ำ ชาวบ้านจึงเรียกชื่อว่า วัดท่ามะเดื่อ
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดอุทุมพราราม แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดท่ามะเดื่อ จนถึงปัจจุบัน

    วัดท่ามะเดื่อเป็นวัดที่ตั้งมากว่าร้อยปี ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง เล่ากันว่าบริเวณที่ตั้งวัดแต่เดิมเป็นป่ารกทึบแนวเดียวกับวัดบ้านโป่ง มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มาก มีต้นมะเดื่อใหญ่ริมแม่น้ำแม่กลอง

    สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพในเขตอำเภอบ้านโป่งหลายแห่ง ที่หนองปลาดุก หนองตะแคงได้สร้างทางรถไฟไปจังหวัดกาญจนบุรี ทหารอเมริกันทิ้งระเบิดทางเครื่องบินโจมตีทหารญี่ปุ่น 4 ลูก ถูกต้นโพธิ์ใหญ่ที่ท่าวัด มีพระภิกษุบาดเจ็บจากแรงระเบิดหลายรูปด้วยกัน

    ตามประวัติ ก่อนที่หลวงพ่อชุ่มมาปกครองวัดท่ามะเดื่อ มีพระโยคาวจร ผู้ถือธุดงค์ผ่านมาแวะอาศัยเพียงระยะสั้นๆ นอกฤดูพรรษา บางคราวมีพระภิกษุบางรูปอยู่จำพรรษา แต่ที่สุดก็จาริกจากไป

    สิ่งก่อสร้างทั้งหมดได้เริ่มขึ้นสมัยหลวงพ่อชุ่มมาอยู่วัดท่ามะเดื่อ ทั้งอุโบสถ กุฏิสงฆ์ หอฉันศาลาการเปรียญหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันพระมหาปรีชา สามตถิโก เจ้าคณะตำบลปากแรด และเจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อรูปปัจจุบัน ได้ทำการบูรณะในสิ่งที่ชำรุดไปบ้างแล้ว
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หลวงพ่อชุ่มได้สร้างวัตถุมงคลเป็นเหรียญรูปไข่รุ่นแรก รูปหลวงพ่อครึ่งองค์ หูเชื่อ ปี พ.ศ.2463 และเหรียญรูปเสนา นั่งเต็มองค์ ไม่ปรากฏปีที่สร้าง เหรียญรู่นเสมาเท่าที่พบมีน้อยมาก ว่ากันว่าหลวงพ่อดี วัดบ้านยาง สร้างให้เป็นที่ระลึกในงานศพหลวงพ่อชุ่ม ยังมีพระผงผสมดินเผา ขนาดย่อมและบางกว่าพระดินเผาขี่สัตว์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ลูกอม ตะกรุด เป็นต้น

    ที่สำคัญเหรียญรูปไข่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม พ.ศ.2492 หลวงพ่อเงินสร้างขึ้นมอบให้วัดท่ามะเดื่อทั้งหมด เพื่อนำออกให้สาธุชนบูชานำรายได้ซ่อมแซมเสนาสนะของวัดท่ามะเดื่อ เนื่องจากหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มีศักดิ์เป็นหลานหลวงพ่อชุ่ม และมาบวชเป็นสามเณรอาศัยวัดท่ามะเดื่อ ศึกษาวิทยาอาคมกับหลวงพ่อชุ่มซึ่งเป็นหลวงน้า ประสงค์จะแทนคุณทางวัดและหลวงพ่อชุ่ม เหรียญรุ่นนี้เป็นที่นิยมไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ของท่าน

    ควายธนูเป็นเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อชุ่ม เป็นที่กล่าวขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีโจรเข้าไปขโมยควายของญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อ หลวงพ่อชุ่มได้เสกควายธนูไล่จนโจรหนีหายเตลิดเปิดเปิง แม้แต่สัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ยังไปอยู่ร่วมห้อง โดยที่ไม่ทำอันตรายหลวงพ่อแม้แต่น้อย

    ส่วนเรื่องราวการปราบผี ในอดีตบริเวณวัดท่ามะเดื่อเป็นป่ารกร้างน่ากลัว ชาวบ้านกล่าวกันว่ามีผีดุ เมื่อเดินผ่านหน้าวัดจะถูกผีหลอกเป็นประจำ หลวงพ่อชุ่มใช้วิทยาคมปราบผีปีศาจจนหนีกระเจิง

    หลวงพ่อชุ่มเป็นพระถือสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีปฏิปทาปฏิบัติน่าเลื่อมใส ทำวัตรสวดมนต์ถือครองผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต บิณฑบาตเป็นกิจไม่เคยขาด

    หลวงพ่อชุ่มมรณภาพลงด้วยโรคชราเมื่อปี 2465 แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว

    แต่ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีหลวงพ่อชุ่ม ยังคงปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้

    -------------------
    ที่มา:ข่าวสด
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd055MHhNUzB5TkE9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...