หลวงพ่อผู้เปรียบประดุจดังดวงอาทิตย์กับลีลาการสอนพระลูกศิษย์

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 22 สิงหาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ตอบ : มีอยู่ครั้งหนึ่งมางานศพ หลวงปู่ธรรมชัย ที่วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่มรณะภาพวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ มรณะภาพก่อน หลวงปู่มหาอำพัน ๒ ปีคราวนี้พระผู้ใหญ่ท่านก็มากราบศพหลวงปู่ธรรมชัยกันมาก สมเด็จพระญาณสังวร ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชก็มา สมเด็จญาณฯ นี่ร่างกายท่านไม่ค่อยแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาเดินท่านลากเท้าไปกับพื้นน่ะ ลากแบบถูๆ ไปกับพื้น ถ้าหากว่าใครใส่รองเท้าในลักษณะนั้นก็คือพังเร็ว

    คราวนี้ ศาลากวีเนรมิตร ที่ตั้งศพหลวงปู่ครูบาธรรมชัยมันจะมียกชั้นขึ้นมาประมาณสักฝ่ามือหนึ่ง แล้วก็จะเป็นพื้นศาลาข้างบน เราก็ตายล่ะวาพระผู้ใหญ่เป็นสิบเป็นร้อยยืนไหว้สมเด็จพระญาณสังวรกันหมด ไม่มีใครไปเตือนท่านสักองค์หนึ่งว่า ตรงนั้นน่ะถ้าลากเท้าต่อในลักษณะนั้นน่ะหน้าทิ่มแน่เลย เราก็เลยพรวดเดียวเข้าไปถึงจับแขนท่านบอกพระเดชพระคุณขอรับ มันเป็นขั้นอยู่นะครับ ยกเท้าขึ้นนิดหนึ่ง ท่านก็ เออ...เออ...ขอบใจนะ แล้วท่านก็ยกเท้าก็เดินไป เราก็ประคองท่านเข้าไปจนกระทั่งท่านกราบหลวงปู่เสร็จเรียบร้อย ประคองท่านนั่งกราบท่านเสร็จแล้วเราก็กลับที่เดิม พระข้างหลังเขาซุบซิบกันว่า พระองค์นั้นมาจากไหนทำไมไม่กลัวสมเด็จฯ ท่านเลย เราก็ได้แต่นึกในใจว่าอยู่กับดวงอาทิตย์มาทั้งดวงไปกลัวอะไร (หัวเราะ)

    โอ้โห... อยู่กับหลวงพ่อนี่อกสั่นขวัญแขวนน่ะ ไม่มีใครอยู่กับหลวงพ่อได้อึดกว่าอาตมาอยู่แล้ว นี่กล้ายืนยันเลย เพราะว่า ๖ ปีสุดท้ายเฝ้าหน้าห้องให้หลวงพ่อมาตลอดโดนเข้ากระเจิงหมด เวลาหลวงพ่อด่าแล้วเขาอยู่ไม่ได้ เขารู้สึกมัน... ไอ้ที่เรียกว่าจะขาดใจตายน่ะ ขอเผ่นก่อน ไม่กล้าสู้หน้าหลวงพ่อ ของเราน่ะ....มันคิดอยู่อย่างเดียวว่า หลวงพ่อด่าเพราะอยากให้เราได้ดี ถ้าเราแก้ไขในสิ่งที่เป็นความผิดต่อไปมันจะไม่ผิดอีก แล้วส่วนใหญ่หลวงพ่อด่าท่านจะด่ากลางคนหมู่มาก ด่าให้จำมันจะได้เข็ด เคยโดน... รู้สึกเลยล่ะว่าหัวหูมันร้อนวูบวาบไปหมด แต่ว่าแล้วเราจะจำนานมันจะไม่ผิดอีก

    ตัวอย่างคนอื่นเขาโดนด่าแล้วมันเข็ด เอาใครดีล่ะ... พี่บัญชา สึกไปแล้ว ตอนนั้นประมาณปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อท่านจัดการสะเดาะเคราะห์มันจะมีงานลอยกระทง มีคนเข้าไปดูดวงมา พวกพี่เปี๊ยกนี่แหละ พี่เปี๊ยกสมพร บุญยเกียรติเปลี่ยนชื่อเป็น คณิตพร ไปแล้วมั้ง นั่นล่ะ พี่เปี๊ยกแกเป็นครูมโนด้วย ก็ชอบดูหมอด้วยก็ดูราหูจะเข้าทำอย่างไรหลวงพ่อก็แนะนำวิธีรับให้ต้องทำกระทง หลวงพ่อก็แนะนำวิธีรับให้ต้องทำกระทงกี่กระทง ดอกไม้กี่กระทงธูปเทียนธงอะไรเท่าไหร่แล้วเสร็จแล้วก็เอาไปลอย ลักษณะเป็นการบูชาพระเคราะห์ วันแรกมา ๔ กระทง ลูกศิษย์หลวงพ่อทำอะไรมันเห่อตามกัน วันที่สอง ๑๑ กระทง วันที่สาม ศาลานวราช ไม่มีที่พอให้วางกระทง ข่าวมันเร็วขนาดนั้นน่ะ

    คราวนี้ในช่วงก่อนที่จะไปลอยกระทงสะเดาะเคราะห์ หลวงพ่อท่านจะชุมนุมเทวดา เสร็จแล้วก็ถามท่านท้าวมหาราช ท่านว่าใครมีเคราะห์กรรมอะไรที่ต้องแก้ไขเป็นพิเศษบ้าง จะได้สงเคราะห์เขาเป็นรายตัวไป ท้าวมหาราชท่านก็จะบอกหลวงพ่อท่านก็จะบอกเออ.... หมายเลขนั้นนะชื่อนั้นชื่อนั้นต้องทำอย่างนั้นๆ พิเศษกว่าเขา คราวนี้อ่านไปๆ ไล่ไปถึงหมายเลข ๑๑ ใครหว่า ? โคตรแม่มันลายมือยังกะไส้เดือน ใครจะไปอ่านของแม่มันออกวะ พี่บัญชาเขาคนเขียน คนมันมาเป็นร้อยๆ น่ะ แล้วเวลาหลวงพ่อท่านกำลังจะลงรับแขกก็ต้องรีบเขี่ยให้เสร็จใช่ไหม ? พี่ท่านก็คงจะไม่ได้เจตนาให้หลวงพ่ออ่านยากหรอก พอโดนด่าเต็มๆ ท่านนั่งหน้าเขียวอยู่ตรงนั้น ทำอะไรไม่ถูกเลยนะจะตายเอาน่ะ โดนแค่นั้นนะไม่ได้โดนด่าแบบเราชนิดจิกหัวด่า หลวงพ่อท่านพูดลอยๆ น่ะ แกนั่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

    จนกระทั่งทำพิธีเสร็จ ๔ โมงเย็นหลวงพ่อเลิกจะรับแขกใช่ไหม เห็นว่าขืนปล่อยอยู่ตรงนั้นนี่คืนนี้มันขาดใจตายแน่เลย เดินผ่านว่า เออ...เป็นไงบัญชา วันนี้ขายของได้เท่าไหร่หว่า ? ขายดีไหมลูก ? ขายดีครับ พ่อ เออ...ค่อยหน้ามีสีเลือดขึ้นมาหน่อย ถ้าขืนโดนซ้ำอีกที ตายอยู่ตรงนั้นน่ะ ไม่ต้องไปไหนหรอก

    นั่นน่ะลักษณะนั้นน่ะ แล้วจะกลัวหลวงพ่อกันมากเป็นพิเศษ ถึงว่าถ้าไปได้ถามประวัติวัดท่าซุงนะจะเห็นสังโฆอัปปมาโณ คุณของพระสงฆ์ประมาณไม่ได้ยังไง

    มีโยมบางคนเขามาปรารภ หลวงพี่เจ้าขาไม่ทราบว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ พยายามพิจารณายังไงก็พิจารณาไม่ออก เราเองนั่งอยู่หน้าห้องยามหลวงพ่อ เออโยม เคยเดินรอบวัดหรือยังล่ะ ยังเจ้าค่ะ เออไปเดินนะโยมนะ เดินให้รอบวัดเดี๋ยวก็เห็นเอง เสร็จแล้วโยมเขาไปเดินหายไปสัก ๒ ชั่วโมง กลับมาเหงื่อหยดติ๋งเลย เป็นไงจ๊ะโยม เห็นบ้างหรือยัง ? ยังเจ้าค่ะ เออ... มันโง่ มันน่าเดินอีกรอบหนึ่งนะ บอกโยมลองคิดดูสิว่านี่คือศรัทธาที่ชาวบ้านเขาถวายมาสำหรับพระองค์หนึ่งพระแก่ๆ องค์หนึ่งเลยน่ะ ถ้าหากว่าท่านไม่ได้สร้างบารมีมาถึงขนาดนี้ใครเขาจะให้ วัดท่าซุงตอนนั้นการก่อสร้าง ๓๐๐ ล้านกว่าๆ เกือบๆ ๔๐๐ ล้านแน่ะ แต่ว่าทางพวกวิศวะเขาไปตีราคาเขาบอกว่าประมาณ ๔ พันล้านบาทเป็นอย่างน้อย ๔ พันล้านนี่ถ้าเป็นงบประมาณของกรมอะไรสักกรมหนึ่งมันก็ไม่มาก ถ้ายิ่งของกระทรวงยิ่งน้อยใหญ่เลย แต่ลองนึกถึงหลวงตาแก่ ๆ องค์หนึ่งอยู่วัดบ้านนอกด้วย มีคนเอาเงินไปถมวัดให้ ๔ พันล้านมันเป็นยังไงล่ะ ? คราวนี้เห็นสังฆคุณบ้างหรือยัง ? ถ้ายังไม่เห็นไปเดินอีกรอบหนึ่ง เอาให้เข็ด

    หลวงพ่อท่านขึ้นพระไง พระชำระหนี้สงฆ์หน้าตัก ๔ ศอก ตอนแรกก็อยู่ข้างศาลา ๒ ไร่ ๒๘ องค์ เสร็จแล้วก็มาใหม่ขึ้นที่ที่ของโยมมา ๑๒๐ องค์ แล้วก็มาขึ้นที่ศาลา ๒ ไร่ ๒๐๙ องค์ แล้วก็ไปขึ้นที่หน้าวิหาร ๑๐๐ เมตร ๖๘ องค์ แล้วตอนนี้ที่รอบที่ธุดงค์ ๑๐๐ ไร่กับที่ห้องกรรมฐาน ๒๕ ไร่ มิปาเข้าไป ๓- ๔๐๐ องค์เหรอ ? ลองคิดๆ ดูว่าพระประธานหน้าตัก ๔ ศอกน่ะ เป็นพันองค์แล้วนะ หลายวัดในประเทศไทยยังหาพระประธานขนาดนั้นยังไม่ได้เลย

    อาตมาไปทำเป็นพระประธานไว้ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี เขาบอกพระประธานที่ใหญ่ที่สุดของ อำเภอทองผาภูมิ ไม่มีใครใหญ่กว่านี้อีกแล้ว ของวัดท่าขนุนเขา ๓๐ นิ้ว แล้วคิดดูว่าทั้งชีวิตเขาสร้างกันไม่ได้แต่หลวงพ่อว่าทีละหลายร้อยองค์ อันนี้ต้องถาม ช่างประเสริฐกับช่างจำเนียร อยู่วัดตั้งแต่เพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ จนกระทั่งวันนี้หลานโต แล้วงานยังไม่หมดเลย คราวนี้รู้หรือยังว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณเป็นยังไง? ไม่งั้นจะไล่มันไปเดินเอาให้เข็ด วิหาร ๑๐๐ เมตร โคมไฟทั้งหมดถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่า ๑๓๗ ช่อมั้ง ช่อหนึ่งแสนสี่หมื่นกว่าบาท บริษัทเขาต้องส่งคนของเขามาทำความสะอาดฟรีให้ทุกปี เขาบอกว่าหลวงพ่อสั่งซื้อเขานี่เขาไม่ต้องสั่งนำเข้าไป ๕ ปีก็ได้ ภายใน ๕ ปีมันจะขายได้ไหม ร้อยสามสิบกว่าช่อเนี่ย ? เขายอมลดให้หลวงพ่อตั้ง ๓๐-๔๐ % เพราะสั่งเขามาก





    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...