เสียงธรรม หัวใจการปฎิบัติกรรมฐานพิจารณา"เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ"

ในห้อง 'สติปัฏฐาน ๔' ตั้งกระทู้โดย chpu, 29 เมษายน 2012.

  1. chpu

    chpu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +28
    หัวใจการปฎิบัติกรรมฐานพิจารณา"เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ"
    ในการนั่งกรรมฐาน ก่อนที่เราจะนั่งต้องกราบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สามครั้ง กราบด้วยศรัทธา เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นของมีจริง เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูง ไม่มีสิ่งใดที่จะเคารพยิ่งกว่าพระรัตนตรัย แล้วกราบบิดามารดาอีกครั้งหนึ่ง กราบครูบาอาจารย์ผู้ที่สั่งสอนธรรมเราอีกครั้งหนึ่ง รวมแล้ว ๕ ครั้ง เรียกว่า ปัญจเคารพ เมื่อเราออกจากนั่งสมาธิก็กราบอีก ๕ ครั้ง เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เรามีศรัทธาและมีความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ บิดามารดาของเราก็เป็นพระอรหันต์ของลูก พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างนั้นเป็นความจริงเราจึงจำเป็นที่จะต้องกราบไหว้บูชาเป็นการระลึกถึงพระคุณของท่านครูบาอาจารย์ก็เช่นเดียวกัน การที่เรามีความรู้ในปัจจุบันนี้ได้ ต้องอาศัยครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น แม้จะทางโลกก็ตาม ยิ่งทางธรรมด้วยแล้ว ยิ่งสำคัญมาก เพราะการที่ครูบาอาจารย์ไม่รู้หรือรู้ผิดๆ แล้วมาสอนเราผู้เป็นศิษย์ เราก็ต้องรู้ผิดตามไปด้วย ต้องหลงผิดตามไปด้วย เมื่อครูบาอาจารย์ยังไม่รู้แจ้งเห็นจริง จะไปสอนศิษย์ให้รู้แจ้งเห็นจริงได้อย่างไร นี่ให้ทำความเห็นอย่างนี้ให้ถูกต้อง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ด้วย เหมือนกับตัวอาจารย์นี้ ไม่เคยคิดว่าให้พวกศิษย์หรือใครๆ กราบไหว้อาจารย์นักหนา เพราะในความคิดความนึกในใจของอาจารย์ ไม่มีสิ่งเหล่านี้เพราะไม่ได้ยึดถือโลกธรรม ๘ อันมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และทุกข์ก็เช่นเดียวกัน อาจารย์ก็ไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นโลกธรรม ๘ ซึ่งมีฝ่ายที่ดี ๔ และฝ่ายไม่ดี ๔ ฝ่าย ในการสั่งสอนของอาจารย์ ก็เพื่อเป็นแบบแผนให้ศิษย์มีปัญญา ถ้าศิษย์ไม่เคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา และครูบาอาจารย์แล้วจะไปเคารพอะไร เมื่อมีศรัทธาในการเคารพกราบไหว้บูชาอันเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีรู้คุณแล้วก็จะช่วยให้จิตใจของเราผ่องใสเป็นสิริมงคล ก่อนที่เราจะปฏิบัติกรรมฐานต่อไป
    การนั่งก็เช่นเดียวกัน เวลานั่งกรรมฐานถ้าเป็นฝ่ายอุบาสิกาจะนั่งพับเพียบก็ได้ จะนั่งขัดสมาธิก็ได้ ฝ่ายอุบาสกหรือผู้ชายก็นิยมนั่งขัดสมาธิ คือนั่งเอาเท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาวางทับมือซ้ายบนตักของเรา และตั้งตัวให้ตรงอย่าให้ตัวงอหน้าตรงอย่าก้ม ถ้าหลังงอแล้วนั่งได้ไม่ทน มันจะปวดเอวปวดหลัง ทำให้เรานั่งนานเป็นชั่วโมงหรือ ๔๐,๕๐ นาทีไม่ได้ ฉะนั้นกายให้นั่งตัวตรง เมื่อเสร็จแล้วก็เริ่มบริกรรมภาวนา คือใช้ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ เรียงกันไปเรียกว่าเป็นอนุโลม เมื่อครบแล้วก็ท่องถอยหลังว่า ตโจ ทันตา นขา โลมา เกศา เรียกว่าปฏิโลม ระหว่างที่ภาวนาอยู่นั้นหากมีความคิดใดๆขึ้นมาที่จิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามก็ให้พยายามมีสติรู้ว่ากำลังคิดเรื่องนั้นๆ แล้วละความคิดนั้นเสีย หันมาภาวนา เกศา โลมา...ใหม่ โดยมากจิตเรานั้นชอบนึกชอบคิดเสมอ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงมีอุบายให้ภาวนา เพื่อให้จิตไปยึดกรรมฐาน ๕ (เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ) นอกจากกรรมฐาน ๕ แล้วยังมีกรรมฐานอื่นๆ อีกทั้งหมด ตั้ง ๔๐ อย่าง แต่จะไม่สอนเพราะถือว่ากรรมฐาน ๕ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ว่าเป็นสิ่งสำคัญก็เพราะว่าตามบัญญัติเรียกว่า เป็นโกฏฐาส คือเป็นสิ่งของที่หยาบมีอยู่ในตัวเราทั้งสิ้น สามารถเห็นด้วยตาเนื้อได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Chay 4

    Chay 4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +94
    อนุโมทนาในธรรมทานด้วยใจอันบริสุทธฺนี้ครับ
     
  3. นาย Huoto

    นาย Huoto Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +43

แชร์หน้านี้

Loading...