อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๐ : อานุภาพพระภูมิเจ้าที่

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 มิถุนายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,342
    10.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๐ : อานุภาพพระภูมิเจ้าที่

    พระภูมิเจ้าที่เป็นเทวดาประเภทหนึ่ง เรียกว่าภุมมเทวดา มีหน้าที่รักษาพื้นที่ของโลกมนุษย์ และบันทึกความดีของมนุษย์ส่งต่อท้าวจตุโลกบาล เพื่อนำเสนอต่อพระอินทร์ในการประชุมเทวสภา วิมานของภุมมเทวดาเป็นทองคำหรือเงินทั้งหลัง ลอยสูงจากพื้นประมาณ ๑ ศอก แต่ละองค์รับผิดชอบอาณาเขตองค์ละหลายตารางกิโลเมตร...

    น่าสลดใจที่มีบุคคลจำนวนไม่น้อย ที่นอกจากจะไม่เคารพพระภูมิเจ้าที่แล้ว ยังจาบจ้วงด้วยวจีกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เช่นว่าท่านเป็นเทวดาตีนโรงตีนศาล ดีแต่อาศัยชาวบ้านอยู่ ควรจะทุบศาลทิ้งซะให้หมดเรื่อง ที่ใจกล้าหน้าด้านกว่านั้น ก็กล่าวว่าเลี้ยงหมาไว้ยังมีประโยชน์กว่า เพราะหมาเฝ้าบ้านได้ ถ้าภุมมเทวดาเห่าได้เหมือนหมาก็จะตั้งศาลให้...!

    ท่านคงจะลืมไปว่าเทวดานั้น อย่างน้อยต้องประกอบด้วยคุณธรรม ๒ อย่าง คือ
    ๑. หิริ มีความละอายแก่ใจ ไม่กล้าทำความชั่วทุกอย่าง
    ๒. โอตตัปปะ กลัวว่าผลของความชั่วจะทำให้ตกสู่อบายภูมิ
    และต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ จึงจะมีสิทธิ์เกิดเป็นเทวดา ไม่ทราบว่าตัวท่านผู้เหยียดหยามเทวดานั้น มีคุณธรรมสูงส่งประการใดจึงกล้ากล่าววาจาเช่นนั้น...

    พระภูมิเจ้าที่แต่ละองค์มีศักดานุภาพแตกต่างกันไป ตามแต่วาสนาบารมีที่บำเพ็ญมา มีที่สังเกตคือให้ดูที่มือขวาของท่าน จากข้อศอกลงไปจะเป็นสีแดง ยิ่งสีแดงจัดมากก็ยิ่งมีอานุภาพมาก ภุมมเทวดาที่เป็นพระอริยเจ้าชั้นสูงก็มีอยู่ไม่น้อย หลวงพ่อเคยพบภุมมเทวดาที่เป็นพระอนาคามี ถามท่านว่าทำไมไม่ไปอยู่สุทธาวาสพรหม ท่านว่าอยากเป็นแค่นี้...!

    การตั้งศาลพระภูมินั้นเป็นการแสดงความยอมรับนับถือ ว่าเราขออยู่ใต้การดูแลของท่าน ไม่ใช่ไปสร้างบ้านให้ท่านอยู่ วิมานของท่านมีเองอยู่แล้ว สวยกว่าศาลที่เราตั้งให้เป็นล้านเท่า เมื่อเรายอมรับนับถือท่าน มีเรื่องอะไรที่ไม่เกินวิสัยท่านก็ช่วยสงเคราะห์เราอย่างเต็มที่...

    หลวงพ่อเคยท้ารบกับพระภูมิเจ้าที่ผู้รักษาวัดบางนมโคมาแล้ว ท่านมาขอให้ตั้งศาลให้ หลวงพ่อบอกว่า "ถ้าเก่งจริงถึงจะยอมรับนับถือ" เทวดาท่านก็รับคำท้า ปรากฏว่าวันแรกจมูกข้างซ้ายหายใจไม่ได้ วันที่สองจมูกข้างขวาตันไปอีกข้าง ตันขนาดสั่งไม่ออกเลยต้องหายใจทางปากแทน จึงยอมตั้งศาลให้ ไม่อย่างนั้นวันที่สามคอจะตันไปด้วย องค์นี้มือขวาแดงแช้ดเลย...

    การตั้งศาลพระภูมินั้นมีหลักเกณฑ์คือ ตัวศาลต้องอยู่ทางทิศเหนือ หรือตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงเหนือของตัวบ้านเท่านั้น (ทิศใต้เป็นทิศของอากาศเทวดา ห้ามตั้งทางทิศใต้อย่างเด็ดขาด อาจถึงตาย!!!) หน้าศาลหันไปทิศใดไม่จำกัด แต่ตัวศาลต้องอยู่ในทิศดังกล่าว หลวงพ่อบอกว่า ทิศตะวันออกเฉียงเหนือดีที่สุด ทิศตะวันออกมักให้หวยแม่น (จุดธูปขอกับท่าน แล้วเอากระดาษกับดินสอใส่ไว้ในศาล ใกล้รุ่งให้รีบไปดู ถ้าสว่างตัวเลขจะเลือนหายหมด) ผู้ที่บอกว่าไม่มีที่ตั้งศาล ให้ดูคุณเซียวมิ้น กาญจนอุทัย เป็นตัวอย่าง หลวงพ่อบอกให้ตั้งศาลที่หัวเตียง งวดนั้นถูกรางวัลที่ ๕ ซะหลายใบ...!

    ที่อู่ซ่อมรถของพี่ประสิทธิ์มีศาลพระภูมิอยู่หนึ่งหลัง อาตมาบูชาท่านทุกวัน จะออกจากบ้านก็บอกท่านว่า “ปู่ครับ...ผมฝากบ้านด้วยนะครับ” พอกลับมาถึงบ้านก็บอกท่านว่า “ปู่ครับ...ผมกลับมาแล้ว ขอบพระคุณมากนะครับ” ทุกวันพระจะจัดข้าวปลาอาหารชุดเล็ก ๆ ถวายท่านหนึ่งชุด ท่านก็ช่วยคุ้มครองรักษาให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา...

    ทำไมอาตมากล้ากล่าวเช่นนั้น...? ก็ซอยที่ตั้งอู่นั้นเป็นแหล่งรวมยาเสพย์ติด และการพนันทุกชนิด บรรดาสิงห์เฮโรอีน ทินเนอร์ กัญชา เดินชนไหล่กันทุกวัน ข้าวของชาวบ้านหายเป็นประจำ วันดีคืนดี ตำรวจก็ปิดซอยกวาดล้างกันที วิ่งหนีกันตกน้ำตกท่า ของอะไรที่พอจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ เผลอเมื่อไรเป็นหายวับติดมือเจ้าพวกนี้ไปทันที... บ้านช่องของใครเจ้าของไม่อยู่ จะมีผู้ถือวิสาสะเข้าไปช่วยขนข้าวของไปอย่างหน้าตาเฉย ปิดประตูสามชั้นมันก็ปีนหลังคา งัดกระเบื้องมุดฝ้าเข้าไปแทน...

    ทีนี้บ้านของพี่ชาย คือพี่ก้องเกียรติกับพี่ประสิทธิ์นั้น มีรั้วเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ด้านข้างกับด้านหลังปล่อยโล่งทิ้งไว้ เย้ยฟ้าท้าดินเล่นโก้ ๆ ซะอย่างนั้นแหละ... ทีนี้เมื่อมีการฝากกับพระภูมิเจ้าที่แล้ว ทั้งที่โล่งโถงปานนั้น แถมทิ้งเครื่องมือซ่อมรถไว้เกลื่อนอู่ ตลอดห้าปีไม่เคยหายซักชิ้น มีกางเกงที่อาตมาใส่ทำงานถูกสอยไปตัวเดียว อาตมาดีใจแทบแถมเงินให้มันด้วยซ้ำ เพราะใส่มาตั้งหลายปี อยากได้ของใหม่เต็มทีแล้ว...

    บ้านพี่ก้องเกียรติถูกงัดครั้งหนึ่ง โทรทัศน์ ตู้เย็น หม้อไฟฟ้า มันไม่แตะเลย เอาแต่วิทยุเทปรุ่นคุณย่ายังสาวไปเครื่องเดียว ซึ่งพี่เขาก็อยากแถมตัวแปลงไฟให้มันไปเช่นกัน ถ้าพระภูมิเจ้าที่ไม่สงเคราะห์ คงถูกขนหมดบ้านตั้งแต่ปีแรกแล้ว...!

    ก่อนนอนอาตมาบอกพระภูมิท่านว่า “ปู่ครับ...ถ้ามีเหตุร้ายปลุกผมก่อน ๑๕ นาทีนะครับ” และแล้วคืนหนึ่ง...เวลาตีหนึ่งกว่า ก้อนดินขนาดหัวแม่มือก้อนหนึ่ง หล่นป๊อกลงที่หัวนอน อาตมาคว้าลูกซองห้านัดแบบกึ่งอัตโนมัติของบราวนิงก์ติดมือ ย่องออกจากห้องอย่างเงียบกริบ แต่มาเสียท่าตรงเปิดประตูบ้าน มันลั่น...แ..อ๊...ด...ด...!

    เสียงฝีเท้าไม่ต่ำกว่าสามคู่เผ่นออกนอกเขตบ้านไปทันที อาตมาเลื้อยตามไปดูที่นอกรั้ว เห็นแต่ไฟบุหรี่แดงวาบ ๆ อยู่เท่านั้น ซุ่มรอจนฝ่ายตรงข้ามหมดความอดทน พากันหนีกลับไปจนหมด อาตมาจึงกลับเข้าบ้าน...

    เปิดไฟหยิบเอาก้อนดินก้อนนั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนนอนอาตมาแง้มบานเกล็ดหน้าต่างไว้นิดเดียว ต้องขว้างย้อนจากข้างล่างขึ้นบน ก้อนดินนี้จึงมีสิทธิ์เข้ามาในห้องได้ แต่ว่าเจ้าดินก้อนนี้มันตกลงมาตรง ๆ จากหลังคา...!

    หลังจากบวชแล้วไม่นาน อาตมาก็ “ฝัน” ว่าไปเยี่ยมบ้าน เห็นมีแสงสว่างล้อมรอบศาลพระภูมิ เป็นวงกลมใสสะอาดกว้างประมาณสองเมตร นอกนั้นมืดตื๋อไปทั้งบ้าน อาตมาถามพระภูมิเจ้าที่ท่านว่าเป็นเพราะเหตุใด...?

    พระภูมิท่านบอกว่า พี่ประสิทธิ์ไม่ทราบว่าเห็นผิดเป็นชอบประการใด เอาของขลังจากหมอไสยศาสตร์ชาวอิสลามเข้ามาไว้ในบ้าน บอกว่าช่วยให้การงานดีขึ้น ท่านเองไม่ทราบว่าจะขัดขวางอย่างไร จึงได้แต่รักษาเฉพาะตนเท่านั้น...!

    ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...