อยากทราบอานิสงส์การใช้มือเปล่าทำความสะอาดพระพุทธรูป

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ณตฤณ, 23 กันยายน 2013.

  1. ณตฤณ

    ณตฤณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +234
    เวลาผมไปตามวัดหรือโบราณสถาน จะชอบเดินดูพระโดยรอบฐานพระ ถ้าเห็นหยากไย่ใยแมงมุม จะเอามือไปปัดออกดึงออกมา ผ้าเช็ดก็ไม่ ทิชชูก็มี ก็เลยใช้มือเปล่าๆ จะเป็นทุกครั้ง ถ้าเห็นหยากไย่ที่พระพุทธรูปหรือฐานชุกชี จะไปปัดให้สะอาดๆ มีท่านได้พอทราบอานิสงส์บ้างไหมครับ
     
  2. ooi2211

    ooi2211 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +2,987
    [​IMG]

    เรื่องที่ ๑๑๗ ในชาติก่อนซ่อมพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง
    ตายแล้วมาเกิดเป็นคนที่มีความสาวความสวยไม่เปลี่ยนแปลงจนอายุ ๑๒๐ ปี


    "..พูดถึงคนสวยชั้นยอด ว่ากันแค่ร่างกายภายนอก อย่ามองเข้าไปถึงกระเพาะ ตับ ไต ไส้ ปอด ภายในร่างกายเพราะมันเต็มไปด้วยความสกปรกน่าเกลียด ไม่มีความสวย ในที่นี้หมายถึงรูปร่างภายนอกไม่เปลี่ยนแปลง คลอดบุตรคนแรกสวยขนาดไหนก็เป็นสาวขนาดนั้นจนกระทั่งถึงวันตาย

    อานิสงส์ซ่อมพระพุทธรูป
    ตัวอย่างก็คือ พระนางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านสวยด้วยอำนาจเบญจกัลยาณี ตามที่ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศาวาส ท่านแต่งเป็นคำกลอนไว้ว่า

    งามผมสมพักตร์ลักขณา งามโอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา

    งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด ผิวทัดกณิการ์งามราศี

    คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย


    คำว่า "งามผมสมพักตร์ลักขณา" ก็เพราะว่าผมจะเรียบอยู่ตลอดเวลา ถ้าต้องการให้เป็นคลื่นก็จะเป็น และก็เรียบโดยไม่ต้องหวี ไม่ต้องแต่ง และก็จะยาวไม่มากถ้ายาวไปถึงเอวก็จะช้อนงอนขึ้นไม่ยาวลากดิน ผมก็ไม่เหม็นสาบเหม็นสาง ไม่ต้องสระไม่ต้องล้าง

    คำว่า "โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา" ก็เพราะว่าริมฝีปากแดงระเรื่อไม่แดงมากนัก แล้วเรียบไม่มีริ้วไม่มีรอย ปากสวย

    คำว่า "งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด" ก็เพราะว่าฟันเรียบแลดูเป็นเงาเหมือนมุกน่าชม ไม่ต้องใช้แปรงสีฟัน ไม่ต้องขัด ไม่ต้องแต่ง

    คำว่า "ผิวทัดกณิการ์งามราศี" ขึ้นชื่อว่าผิวไม่มีไฝไม่มีฝ้า ถ้าขาวก็ขาวเนื้อละเอียดดี ถ้าดำก็ดำนวลๆ เรียกว่าพอสวยสำหรับในสมัยที่เขาต้องการ

    คำว่า "คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี" หมายความว่าเวลาที่คลอดบุตรคนแรกอายุเท่าไร ท่านคลอดบุตรคนแรกอายุ ๑๖ ปี แล้วก็เลยเป็นสาวแค่ ๑๖ อยู่แบบนั้น ร่างกายไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไปจนกระทั่งอายุ ๑๒๐ ปี พระนางวิสาขามีบุตรหญิง ๒๐ คน แล้วบุตรหญิงของท่านคลอดบุตรมาอีกคนละ ๒๐ คน ระหว่างที่บรรดาหลานๆ เป็นสาวคราว ๑๕-๑๖ ปี ท่านวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางหลาน ท่านชีวกโกมารภัจนำพระเจ้าปเสนทิโกศลไปดู อยากจะทราบว่าพระนางวิสาขาคนไหน ก็ดูไม่ออกเพราะสาวเท่ากัน เรียกว่าท่านสาวเท่าอายุ ๑๖ ตลอดกาล

    อานิสงส์ที่พระนางวิสาขามหาอุบาสิกามีความสาวความสวยไม่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะว่าในชาติก่อนท่านซ่อมพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง ทรุดโทรม คือมีผิวแตกทองลอกไปเสียแล้ว ท่านซ่อมพระพุทธรูปด้วยกุศลเจตนาจริงๆ เกิดมาชาตินี้จึงกลายเป็นคนสวย

    และการที่ท่านมีเครื่องประดับประกอบไปด้วยแก้วเพชรนิลจินดาและทองคำ เสื้อคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า มีนกยูงรำแพน มีแก้วมณีตั้ง ๒๐ ทะนาน และมีแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล อะไรต่ออะไรอีก เสื้อตัวนั้นไม่มีด้ายเลย ที่ทำเป็นด้ายก็ทำด้วยเงินหรือเป็นทองคำ ก็เพราะอาศัยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาในอดีตชาติ.."

    ที่มา : หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง


    --------------------------------------------------------

    อานิสงส์การสร้าง บูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูปและโทษของการทำลายพระพุทธรูป

    ถาม : จะถามเรื่องการทำบุญ ที่ไปหล่อพระพุทธรูปหรือการสร้างพระพุทธรูป บูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูป บุญกุศลเหล่านี้จะได้บุญอย่างไรคะ ?
    ตอบ : พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดช มีอำนาจมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นเทวดา พรหม ก็จะมีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นคน ส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้นำหมู่ชนเขา และการซ่อมพระพุทธรูป ถ้าหากว่าเกิดใหม่รูปร่างหน้าตาจะสวยงามเป็นพิเศษ ถ้าเป็นสุภาพสตรีจะได้เบญจกัลยาณี หรือไม่ก็อาจจะถึงขนาดอิตถีลักษณะ ๖๔ ประการ ที่เป็นพุทธมารดา อันนั้นหายากสุด ๕ อย่างก็ยากเต็มทีแล้วอันนั้นอีก ๖๔ หัวข้อ

    ถาม : แล้วถ้าไม่ได้ซ่อมพระพุทธรูปแต่เป็นฐานพระพุทธรูปละคะ ?
    ตอบ : ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งด้วย

    ถาม : แล้วถ้าเป็นผู้ชายละครับ จะได้เบญจกัลยาณีหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : มันหวังสูงนะ ...(หัวเราะ)... ตั้งความปรารถนาไว้แล้วกัน ดีไม่ดีได้เกินนั้น

    ถาม : ทีนี้ในทางตรงกันข้ามล่ะเจ้าคะ ถ้าทำลาย ?
    ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ลงอเวจีมหานรกเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็เคยทำอะไรไว้ ก็ช่วยซ้ำครบทุกขุมเลย

    ถาม : มีเพื่อนที่รู้จักเจ้าค่ะ คือเขานำพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง แล้วเขาไม่ทราบว่า เขาคิดว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นปูน เขาคิดว่าองค์ท่านควรจะมีน้ำล้อมรอบเขาก็เอาไปแช่น้ำเจ้าค่ะ พอแช่ทิ้งเอาไว้ท่านก็บวมขึ้นเรื่อย ๆ เลยมาทราบทีหลังว่าเป็นขี้เลื่อยอัดกาวค่ะ แล้วอย่างนี้ไม่ทราบว่า...?
    ตอบ : จริง ๆ เขาทำโดยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจจะถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เรื่องเป็นโทษคงจะไม่มี เพียงแต่ว่าพระชำรุด

    ถาม : ชำรุดมากเลยค่ะ หลุดเป็นชิ้น ๆ เลยค่ะ
    ตอบ : หาองค์ใหม่ให้เขาเอาที่แช่ได้ทน ๆ

    ถาม : เนื่องจากว่าเขารักองค์นี้มากเลยค่ะ เขาก็เลยให้ช่างไปซ่อม ทีนี้ช่างบอกซ่อมไม่ไหวแล้ว ต้องทุบท่านทีนี้ไม่ทราบว่า...?
    ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นถือว่าทำลายพระพุทธรูป โทษอเวจีเหมือนกัน ลักษณะนั้นควรจะบรรจุไว้ในองค์ที่ใหญ่กว่าแล้วบูชาต่อไป

    จำไว้เลยนะ พระที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ว่าองค์ใหญ่องค์เล็กก็ตาม จะชำรุดหรือไม่ชำรุดก็ตาม ถ้าเราเอาไปป่นทำลาย โดยเฉพาะสมัยนี้นิยมกันนัก สร้างเป็นองค์พระขึ้นมาใหม่ มีส่วนผสมของพระเก่า คุยซะดิบดีเลย นั่นเป็นโทษทำลายพระพุทธรูป อเวจีมหานรกรออยู่ รีบ ๆ กราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียดี ๆ

    ถาม : แล้วจะหายไหมคะ ?
    ตอบ : ไม่หายหรอก ขอไปเรื่อย ๆ จนกว่าท่านจะยอม คือจิตของเราจะคลายออกจากจุดนั้นเอง ใช้คำว่าท่านจะยอม ท่านยอมตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเขาทุบไปเรียบร้อยแล้ว

    ถาม : มีรูปจิ๊กซอว์เป็นรูปพระค่ะ โรยกากเพชรเอาไว้แล้วฝุ่นจับ เอาไปล้างน้ำทำความสะอาดแล้วหัก จะเอาไปใส่กรอบแล้วกาวหลุดค่ะ ?
    ตอบ : อย่างเดียวกัน เป็นเจตนาดีไม่มีโทษ ก็ไปซื้อกาวมาทาใหม่ ขวดละ ๒๐ บาทเอง

    ถาม : ติดเสร็จแล้วใส่กรอบแล้วละค่ะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ อันนั้นเจตนาดีเหมือนกัน จะทำความสะอาดพระ แต่ไม่รู้ว่ากาวจะละลาย

    ถาม : แล้วไปเจียฐานพระเป็นอะไรไหมคะ ?
    ตอบ : ฐานพระ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ตกแต่งในลักษณะที่เราจะให้สวยงามใช่ไหม ? อย่างนั้นได้บุญด้วย ต่อไปถ้าเกิดมาจะผอมสวยกว่านี้จ้ะ ...(ห้วเราะ)...

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
     
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ถ้าคนหมั่นขยันทำบุญ ทำความสะอาดพระพุืทธรูป มีส่วนในการซ่อมพระพุทธรูป
    แต่ไม่รักษาศีล จะได้ความงามแบบไหนหนอ?
     
  4. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ก็ตอนเขาทำบุญ ทำความสะอาด ซ่อมแซมพระพุทธรูป
    จิตเขาบริสุทธิ์นี่คะ ศีลจะด่างพร้อยได้ไง
     
  5. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ไม่ได้ว่าเจ้าของกระทู้ไม่รักษาศีลค่ะ
    เพียงแต่อานิสงส์การทำความสะอาดพระพุทธรูปทำให้มีความงาม
    ก็เลยแค่สงสัยว่ากรณีเป็นคนที่สร้างหรือซ่อมแซมหรือทำความสะอาดพระพุทธรูป
    แต่ไม่รักษาศีัล จะได้ความงามแบบไหน เท่านั้นเอง
     
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    สมมุติว่าเสียศีลเลยเกิดมาตัวดำ แต่ทำความสะอาดพระพุทธรูปมา เลยมีบุญได้ใช้ครีมทาให้ขาวหรือขัดผิวจนงาม..แต่วันดีคืนร้าย ความดำอาจโผล่มาอีก ด้วยอำนาจบาปที่ล่วงศีล แต่ก็ไปพบหมอมือดีแก้ไขให้ได้ อะไรทำนองนี้กระมัง..

    หรือผิดศีลข้อ๔มา ฟันเหยเก ขึ้นซ้อนกัน ปากเขยิน ปากเหม็น โอ้โฮ แต่ผิวเธอนี่สิ นางงามจักรยานสู้ไม่ได้ ทีเดียว ทำนองนี้ก็มีให้เห็นนี่นา ..

    พึงทราบว่า แต่ละส่วนของร่างกายเรานั้นมาด้วยผลบุญบาปมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วนเลย..ไม่ได้มาด้วยบุญบาปชนิดใดชนิดหนึ่งหรอก..จึงในคนคนหนึ่ง อาจมีลักษณะดีและเสียปนกันได้เป็นปรกติ..

    ข้อนี้ ท่านหัวมัน..คงเข้าใจได้ว่าบุญก็ส่งผลของตนไป บาปก็ทำนองเดียวกัน ..นะครับ...



    ปล. อนุโมทนาครับท่านจขกท ในกุศลเจตนา
     
  7. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946

    อืมที่ท่าน ddman กล่าวมานั้น ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงนางปัญจปาปา เลย
    อานิืสงส์ที่ได้ซ่อมหรือสร้างพระพุืืทธรูป แต่ไม่รักษาศีัลปฏิบัติธรรมก็คงจะคล้ายๆ กัน เรื่องของนางปัญจปาปา มีว่า.....


    นิทานเรื่องนี้มาในกุณาลชาดก พระธรรมกถึกทั้งหลายชอบนำมาเทศน์ ชื่อเรื่องว่านางปัญจปาปา ในอดีตกาลนานมาแล้ว ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก เป็นช่วงว่างจากพระพุทธศาสนา แต่ยุคนั้นยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นก็คือพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งตรัสรู้ธรรมด้วยตนเองแต่มิได้ออกสั่งสอนประกาศพระศาสนา นับแต่วันที่ท่านบรรลุอรหันต์ด้วยตนเองแล้ว ท่านก็ปลีกวิเวกไปตามชอบใจของท่านจนกว่าท่านจะสิ้นอายุขัยก็จะเข้าสู่นิพพาน ท่านไม่มีภาระที่จะต้องประกาศศาสนาสั่งสอนใครเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีนางกุมารีคนหนึ่งกำลังขยำดินเหนียวฉาบทาฝาเรือนอยู่ ขณะนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกุฏิที่ท่านอาศัยมีรูโหว่ท่านจึงออกแสวงหาดินเหนียวไปอุดรูกุฏิของท่าน เมื่อท่านผ่านมาเห็นนางกุมารีนางนี้กำลังขยำดินเหนียวอยู่ ท่านจึงถือบาตรเดินตรงไปหานางกุมารีนั้นเพื่อขอบิณฑบาตดินเหนียวใส่บาตรมาสักก้อน นางกุมารีเห็นดังนั้นก็โกรธคิดว่า "สมณะพวกนี้ตอนเช้าเที่ยวเดินขอข้าวชาวบ้านชาวเมืองกินยังไม่พอ ตัวเรานี้สู้อุตส่าห์ไปขนดินเหนียวหอบหิ้วมานั่งขยำ กว่าจะได้ที่ก็ต้องขยำแทบมืองอเท้างอ สมณะนี้กลับมายืนเฝ้าจะขอดินที่เราขยำดีแล้วไปอีก ช่างไม่รู้จักไปหาเองเอาเสียเลย" คิดดังนี้แล้วก็ค้อนควัก เชิดจมูก ปากบ่นอุบอิบพึมพัม เพื่อจะให้พระปัจเจกพุทธเจ้าล่วงรู้อาการว่านางไม่เต็มใจจะให้ จะได้ไปไปเสีย ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีความเมตตาอารี อยากจะโปรดนางกุมารีน้อยให้ได้ทำบุญ จึงแสร้งทำเป็นไม่ทราบอาการของนาง ยืนนิ่งเปิดบาตรรอรับการบริจาคของนางต่อไป นางกุมารีเห็นดังนั้นก็คิดว่า "ชะรอยสมณะองค์นี้ถ้าไม่ได้อะไรคงจะไม่ไปแน่" นางจึงโกรธกระฟัดกระเฟียดปั้นดินได้ก้อนหนึ่งก็โยนใส่บาตรโดยไม่เคารพ พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อได้ดินแล้วท่านก็เดินจากไปเพื่อทำกิจของท่าน นางกุมารีนั้นเมื่อตายจากชาตินั้นได้มาเกิดในตระกูลคนจน มีอวัยวะที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ๕ แห่งคือ มือ เท้า ปาก นัยน์ตา จมูก จึงมีชื่อเรียกว่านางปัญจปาปา แปลว่าผู้มีบาป ๕ ประการ ถามว่าเหตุใดนางจึงมีอวัยวะบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ๕ แห่ง ตอบว่าเพราะนางมีความโกรธเมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบิณฑบาตดินเหนียว นางคิดว่าเราสู้อุตส่าห์ไปขนดินเหนียวมาขยำแทบมืองอเท้างอ สมณะนี้กลับจะมาขอเอาไปเฉยๆ เพราะเหตุนี้จึงทำให้นางมีมือและเท้างอคดอัปลักษณ์ไม่น่าดู และก็เนื่องจากนางใช้ดวงตาค้อนควัก ใช้จมูกเชิดใส่ ใช้ปากบ่นอุบอิบพึมพำให้พระปัจเจกพุทธเจ้า นางจึงมีดวงตา จมูก และปากบิดเบี้ยวพิกลอัปลักษณ์ ฉะนั้นนางจึงมีชื่อว่า ปัญจปาปา แต่ว่าด้วยอานิสงส์การถวายดินเหนียวก้อนนั้นแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีผลอันยิ่งใหญ่แก่นาง คือทำให้ร่างกายผิวพรรณของนางนั้นมีความนุ่มเนียนเรียบลื่นน่าสัมผัสเปรียบประดุจสัมผัสอันเป็นทิพย์ของนางฟ้านางสวรรค์ ใครถูกต้องนางจะติดใจไม่สามารถตัดใจจากนางได้ ด้วยผลบุญที่นางได้ถวายดินเหนียว ทำให้นางได้เป็นอัครมเหสีของพระราชาถึง ๒ พระองค์ คือพระเจ้าพกะ และพระเจ้าทีปาวาริกะ เรื่องราวมีอยู่ว่า การที่นางได้เป็นมเหสีของพระราชาองค์แรกเนื่องจากพระราชาได้ปลอมพระองค์ออกไปตรวจตราบ้านเมืองยามค่ำคืน บังเอิญนางปัญจปาปาวิ่งเล่นได้มาชนพระราชาโดยไม่ตั้งใจ พระราชาก็ติดใจในสัมผัสกายของนางจึงไปสู่ขอต่อพ่อแม่นางและปลอมตัวออกมาสมสู่กับนาง และต่อมายิ่งหลงใหลในสัมผัสของนางมากขึ้น มิอาจตัดใจจึงได้รับนางเข้าวัง แต่ต่อมามีผู้อิจฉาใส่ร้ายนางว่าที่นางอัปลักษณ์ดังนี้คงเป็นยักษ์เป็นมารปลอมตัวมา พระราชาเชื่อจึงจับนางใส่เรือลอยน้ำไป นางลอยไปกับเรือจนไปเจอพระราชาองค์ที่ ๒ กำลังประพาสท่องเที่ยว นางจึงร้องบอกว่านางคือมเหสีของพระเจ้าพกะ แล้วนางจึงออกอุบายให้พระราชาองค์ที่ ๒ คือพระเจ้าทีปาวาริกะฉุดนางขึ้นจากเรือ เมื่อมือสัมผัสมือพระเจ้าทีปาวาริกะก็เกิดหลงใหลในสัมผัสของนาง พานางไปแต่งตั้งอยู่ในอัครมเหสี ฝ่ายพระเจ้าพกะหวนคิดถึงนางปัญจปาปาจนไม่เป็นอันกินอันนอน ต่อมาได้ข่าวว่านางมาอยู่กับพระเจ้าทีปาวาริกะ จึงยกกองทัพมาหวังจะชิงนางคืน ภายหลังได้ตกลงกันว่าจะแบ่งเวลาที่จะอยู่ร่วมกับนางปัญจปาปา นั่นคือนางปัญจปาปาจะอยู่กับพระราชาองค์ที่ ๑ ช่วงหนึ่ง แล้วจึงย้ายไปอยู่กับพระราชาองค์ที่ ๒ อีกช่วงหนึ่งเวลาเท่าๆ กันเหตุการณ์จึงสงบลง นางปัญจปาปาจึงเป็นอัครมเหสีของพระราชา ๒ เมืองได้ด้วยประการฉะนี้

    ฉะนั้นนิทานเรื่องนี้สอนว่า เวลาเราจะทำบุญทำกุศลอันใดให้ตั้งจิตให้ดี อย่าทะเลาะเบาะแว้งโกรธเคืองขุ่นเคืองกับใคร จงทำจิตให้ผ่องใส ปิติร่าเริง บุญกุศลจะได้บังเกิดอย่างบริสุทธิ์ไม่มีมลทินมาแปดเปื้อนอย่างเรื่องของนางปัญจปาปาที่สาธกมาเป็นอุทาหรณ์ดังนี้แล
     
  8. sawok B

    sawok B เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +230
    อานิสง ของการทำพระพุทธรูปไม่มี
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้
    พระพุทธเจ้า ไม่ใครปั้นรูปปั้นแทนพระองค์
    แต่ให้ใช้คำสอนแทนพระองค์

    รูปปั้นสอนไม่ได้ มีไปก็พ้นทุกข์ ดับทุกข์ เพื่อนิพพานไม่ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...