อานิสงส์คูณด้วยแสน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 20 มีนาคม 2024.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,521
    3_148.jpg

    อานิสงส์คูณด้วยแสน

    พอเริ่มอุทิศส่วนกุศล ท่านบอกว่ามีบางส่วนที่ยังต้องเกิดอีก อาจจะท่านที่มากันใหม่ บอกท่านอย่าเพิ่งบอกนะ ผมไม่จดนะ มีบางส่วนนะและก็อาจจะเพิ่มมาใหม่ๆ มาใหม่อาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่พร้อม ไม่อบายภูมิ แต่ส่วนใหญ่ท่านบอกตกล่ะ ไอ้พวกนี้ตกก็ดี ขี้เกียจนั่นล่ะดี ใช่ไหม ถ้าขี้เกียจตกเสียได้เราสบายใจ เพราะอะไร ก็เพราะว่า ทุกคนที่ทำเนืองๆมันเป็นการทำบุญที่มีความบริสุทธิ์มาก อย่างตอนกลางคืนก็เหมือนกัน ต่างคนต่างมาก็มีศีล

    อย่างกลางคืนนี่มีความหมายเหมือนกัน เพราะว่าก่อนจะทำบุญทุกคนตั้งใจมาด้วยดี มาถึงก็สมาทานศีล นี่เป็นเริ่มต้นแห่งความบริสุทธิ์ ต่อมาก็เจริญสมาธิวิปัสสนาญาณ และก็หลังจากนั้นเราก็ทำบุญ เราให้ทานกัน ทำบุญกันตอนนี้แหละ เพราะว่าการทำบุญระยะนี้กับระยะต้นที่เราไม่มีอะไร ผลมันต่างกันมาก ต้องคูณด้วยแสนนะ ฉันไม่รู้จะเอากี่แสนคูณมันไม่ได้คูณด้วย 1 หรือ 2 ต้องใช้จำนวนแสนๆ คูณให้สมศักดิ์ศรีนะ ให้สมกับเวลาที่ออกจากสมาบัติ

    แต่พระออกจากสมาบัติอย่างเดียวฝ่ายเดียว และก็ญาติโยมไม่ได้ออกจากสมาบัติ ก็พระองค์เดียวกันนั่นแหละ ทำบุญมีผลต่างกันตั้งเยอะ เวลายามปกติ ถึงแม้ท่านจะดีขนาดไหนก็ตามท่านดี

    สมมุติว่าถวายทานกับพระอรหันต์นะ แต่พระอรหันต์ยังไม่ได้ออกจากสมาบัติ อานิสงส์สูงมาก พอท่านออกจากสมาบัติต้องคูณด้วยแสน ของชิ้นเดียวกัน เท่ากัน บาทเดียวน่ะ ราคาไม่เท่ากัน ไอ้บาทต้นน่ะดีหนึ่ง บาทหลังนี่เป็นทองคำประดับเพชร ค่าต่างกันเยอะ ทีนี้ถ้าจะถวายทานกับพระบอกแกนั่งเข้าสมาบัติสัก 2 นาทีก่อนถึงจะให้นะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่แน่

    แต่ท่านที่มีฌานสมาบัติหรือท่านที่เป็นพระอริยะ ส่วนใหญ่ตอนเช้ามืดท่านหวดเต็มที่เลยใช่ไหม ตื่นขึ้นมาแล้วโดยมากเขาจะเข้าสมาบัติกันเต็มอัตรา เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมตลอดวัน นี่แสดงว่าไม่ต้อง เพราะเขาเข้าสมาบัติกันแล้วใช่ไหม มันก็คลุมเต็มๆวัน

    อย่างญาติโยมทำกันเมื่อกี้นี้ พระออกจากสมาบัติ ออกหรือไม่ออกไม่สำคัญแต่เมื่อกี้นี้ถวายสังฆทาน สังฆทานนี่ถ้าพระไม่ดีก็รับได้ ถ้ารับแล้วโยมไปสวรรค์ พระดันไปนรก สังฆทานนี่ใช้ดีๆ เขาไม่ลงนรกหรอก ใช้ผิดระเบียบก็ลงนรก สังฆทาน นี่อาตมารับแต่ผู้เดียว เขาถือว่าเป็นผู้แทนสงฆ์ ไม่มีสิทธิ์ใช้ของพวกนี้แต่ผู้เดียว ถ้าไปกันไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งใช้แต่ผู้เดียว พระยายมท่านบอกว่าอเวจีว่าง ท่านเปิดห้องไว้เลย เรียบร้อยจัดให้เสร็จ และไม่ต้องสอบสวน เวลาตายปั๊บนำลงดิ่งสบายเรียบร้อยดีมาก นี่พระอยู่ในเกณฑ์ลำบากไม่สบายนะ

    และเมื่อกี้นี้ญาติโยมออกจากสมาบัติด้วย สมาธิของญาติโยมจะดีหรือไม่ดีขนาดไหนก็ตาม คำว่า "สมาธิ" นี่ต้องถือว่าดี บางคนนั่งไปใจวอกแว่กๆ ใช่ไหม บางทีก็นั่งหลับ แทนที่จะนึกถึงคู่รัก ดันไปนึกถึงเจ้าหนี้เข้าให้ (หัวเราะ) นึกถึงคู่รักจิตใจมันชุ่มชื่นนะ นึกไปนึกมาไปชนเอาเจ้าหนี้ถอยหลังกรูดเลย

    คือว่าอารมณ์ไม่แน่นอน บางทีจิตใจก็ภาวนาไปบ้าง พิจารณาไปบ้าง จิตเผลอ คิดเรื่องอื่นบ้าง แต่ก็อย่าลืมนะ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า "ดูก่อน สารีบุตร บุคคลใดทำจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตเดียว เรากล่าวว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาน"

    เห็นไหม วันหนึ่ง 24 ชั่วโมง แต่ว่าจิตมันสะอาดจริงๆ ไม่น้อมถึงกิเลสเป็นปกติชั่วขณะจิตเดียว ขณะจิตเดียวนี่ได้หนึ่งนาทีหรือเปล่า นี่เป็นอันว่าผลของจิตที่ว่างจากกิเลสมีค่าเหมือนเพชรน้ำหนึ่ง ราคาสูงมาก

    พอจิตว่างจากกิเลสจริงๆ นานสัก 2 นาที ถ้า 10 วันมัน 20 นาทีนะ 100 วัน 200 นาที แล้วความดีประเภทนี้มันไม่ได้สลายตัว มันสะสม

    ที่พระพุทธเจ้าบอกการบำเพ็ญบารมีมาจนกว่าจะเต็ม คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะการบำเพ็ญบารมี 4 อสงไขยกับแสนกัป ถ้าศรัทธาธิกะต้องบำเพ็ญ 8 อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะต้องบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขยกับแสนกัป

    เราจะเห็นว่าการทำบุญทุกครั้ง บุญนี่ไม่ได้สลายตัวไป มันสะสมตัวจนกว่าจะเต็ม ถูกไหม คิดว่าไม่ถูกจะค้าน ค้านก็อธิบายไปเลย ถูกเหรอๆ (หัวเราะ) นี่ต้องปัญญาครูนะ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการยอมรับนะ (หัวเราะ) กลัวเหรอ ไปกลัวอะไรไม่มีกรรมการ เออ..ดีๆมาก นุ่งขาวห่มขาวนี่ ทีหลังได้บุญตอนหลับ


    (จากจุลสาร "สารธรรม" ฉบับที่ 7 เดือนตุลาคม 2547 หน้า 33-35)
     

แชร์หน้านี้

Loading...