เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน มรรคผลนิพพาน คืออะไร ค้นหาคำตอบได้ที่นี่

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย aum hermit, 16 พฤษภาคม 2012.

  1. aum hermit

    aum hermit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +124
    เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน มรรคผลนิพพาน คืออะไร ค้นหาคำตอบได้ที่ สถานปฎิบัติธรรมศิริอาริโย 28 พ.ค.- 4 มิ.ย. พ.ศ 2555 (ฟรี)

    ที่สถานปฎิบัติธรรมศิริอาริโย (ดงยางเดี่ยว) อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
    ติดต่อที่ อ.แปลง สุวรรณกาญจน์ โทร.086-8548018

    ค้นหาคำตอบ 7 วัน ดังนี้

    วันแรก… ปัญหาชีวิต รู้จักตน รู้จักธรรมจึงจักทำชีวิตให้มีสุขได้

    วันที่ 2 กิเลสวัฏฏะ กรรมวัฏฏะ วิบากวัฏฏะ กฎแห่งกรรม วิธีแก้กรรม

    วันที่ 3 ภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณ 26 ชั้นฟ้า 5 ชั้นดิน

    วันที่ 4 ทาน ศีล สวรรค์ อาทีนพ เนกขัมมะ

    วันที่ 5 ศีล สมาธิ ปัญญา อานิสงส์เลิศ ทำได้อย่างไร

    วันที่ 6 มหาสติ มหาปัญญา พารู้ธรรม เห็นธรรม บรรลุมรรคผลนิพพาน

    วันที่ 7 อาสวักขยญาณและจิตบริสุทธิ์

    …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

    ประสบการณ์ อ.แปลง สุวรรณกาญจน์

    - ถือศีลปฏิบัติธรรม 44 ปี
    - โล่เกียรติยศ ผู้มีผลงานด้านจริยศึกษา ดีเด่น กระทรวงศึกษาธิการ ปี 2536
    - รางวัลเสมาทองคำ สาขา การแต่งหนังสือพุทธศาสนาดีเด่น ปื 2542

    ผู้เขียนหนังสือ ตายแล้วไปไหน อยู่บ้านนิพพานได้ รู้ทันกรรมนำสุขพ้นทุกข์ อุโบสถศีล พัฒนาจิต
    - วิทยากรบรรยาย แนวทางปฏิบัติธรรม อย่างฆราวาส 25 ปี
    - ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติธรรม ศิริอาริโย (ดงยางเดี่ยว) มีกิจกรรมฟังธรรม รักษาศีลแปด เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทุกวันพระ

    ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

    อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจการประพฤติธรรม

    ตามภาวนามยปัญญาของผู้เขียนเห็นว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจการประพฤติธรรม เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน คือ กิเลส อันได้แก่

    1. ตัณหาความอยาก

    กามตัณหา เป็นอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานของมนุษย์ตลอดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก่อนจะมาปฏิสนธิในท้องแม่เสียอีก ได้เกิดมาก็เพราะกามตัณหาของพ่อแม่ ได้เกิดมาแล้วตัณหาความอยากก็ครอบงำ ทำให้อยากกินอยากใช้อยากมีอยากเป็น สิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของตัณหา เป็นเหยื่อของตัณหา ใครๆ ก็เป็นอยู่เช่นนั้น คนทั้งหลายไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกกิเลสตัณหาครอบงำ โดยเฉพาะกิเลสหลงหรืออวิชชาหรือความไม่รู้ เป็นกิเลสที่ร้ายมาก นอกจากไม่รู้แล้วมันทำให้เห็นผิดเป็นชอบอีกต่างหาก คือเห็นว่าตนคือร่างกาย หลงรัก หลงหา หลงห่วงร่างกาย จนลืมศีลลืมธรรม และเป็นเหตุให้เห็นผิด คิดผิด ทำผิดตลอดไป ถ้าไม่เคารพในไตรสิกขา คือ ถือศีลปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนา เจริญปัญญาให้แก่กล้าขึ้นเป็นภาวนามยปัญญา

    2. รีๆ รอๆ ลังเลสงสัย

    รีๆ รอๆ ลังเลสงสัย เป็นกิเลสอีกชนิดที่ครอบงำจิตใจมนุษย์ให้ช้าต่อการรักษาศีลปฏิบัติธรรม มนุษย์ที่มีกิเลสลังเลสงสัยจะถูกครอบงำ จะมีคำแก้ตัวมากมาย กำลังยุ่งอยู่บ้าง เดี๋ยวก่อนทำงานนั้นเสร็จก่อนหรือทำงานนี่เสร็จก่อน ไม่มีเวลาบ้าง ทั้งๆ ที่ทุกคนก็มีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน ที่รีๆ รอๆ ลังเลสงสัยอยู่นั่นก็เพราะประมาท คือ ดูถูก ดูหมิ่น เลินเล่อ ละเลย มองไม่เห็นคุณค่าของการปฏิบัติ เห็นว่าการถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งๆ ที่งานอื่นก็ยุ่งยากลำบากเหมือนกัน รอไปรอมาเลยไม่ได้ปฏิบัติ ทำให้ช้าต่อการบรรลุนิพพาน

    3. ประมาท

    ประมาท เป็นกิเลสสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เป็นสหายคนสนิทของอวิชชา ชนิดที่เรียกว่าอยู่ไหนอยู่ด้วยกันไปไหนไปด้วยกัน มนุษย์ทั้งหลายส่วนใหญ่รู้จักประมาทในรูปของเลินเล่อและไม่ระมัดระวังเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ประมาทมีความหมายละเอียดลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ภาวนามยปัญญาของผู้เขียนเห็นว่า ประมาทมีองค์ประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ ดูถูก ดูหมิ่น เลินเล่อ ละเลย การประมาทไม่ปฏิบัติธรรมถือศีลภาวนาเจริญปัญญาให้แก่กล้า จึงเกิดจาก 4 อย่างนี้ ดูถูก คือ การตีค่าการปฏิบัติต่ำกว่าอย่างอื่น ดูหมิ่น คือ การตีค่าการปฏิบัติไม่ครบตามความเป็นจริง เลินเล่อ คือ การเผลอไป ลืมไป ไม่เฉลียวใจ ไม่ได้ระมัดระวัง ไม่ได้พิจารณาให้รู้ว่า ถ้าไม่ถือศีลปฏิบัติธรรมแล้ว ตนเองจะต้องเป็นทุกข์ต่อไปไม่สิ้นสุด และประการสุดท้าย ละเลย คือ การไม่ใส่ใจ ไม่เอาใจใส่ต่อการถือศีลปฏิบัติธรรม เนื่องจากมองไม่เห็นความสำคัญหรือมองไม่เห็นคุณค่า คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง เป็นเรื่องของนักบวช ทั้งที่จริงแล้ว ทุกคนต่างก็มีหน้าที่แสวงหาความสุขให้ตนเอง โดยความสุขที่แท้จริงคือความพ้นทุกข์ คือนิพพาน ซึ่งต้องถือศีลปฏิบัติธรรมเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้

    จากหนังสือวัฏฏสงสารกับมรรคผลนิพพานโดยท่านอาจารย์แปลง สุวรรณกาญจน์

    …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

    ภารกิจประจำวัน

    04.00-05.00 ตื่นทำความเพียร/ธรรมรับอรุณ 05.00-06.00 ทำวัตรสวดมนต์เช้า

    06.00-08.00 กิจส่วนตัว ทำอาหาร

    08.00-10.00 ทานอาหาร เก็บล้าง ทำความสะอาด

    10.00-12.00 ทำความเพียร/เดินจงกรม

    12.00-14.00 พักผ่อนตามอัธยาศัย

    14.00-15.00 ดื่มน้ำปานะ ปานะมัตถ์

    15.00-16.00 สนทนาธรรม ซักถามปัญหา

    16.00-18.00 ทำความสะอาดบริเวณอาคารที่พัก

    18.00-19.00 เดินจงกรม/นั่งสมาธิ

    19.00-20.30 ทำวัตร สวดมนต์เย็น

    20.30-23.00 บรรยายเนื้อหาหลักสูตร

    23.00-24.00 เดินจงกรม นั่งสมาธิ

    24.00-04.00 ปฏิบัติตามอัธยาศัย พักนอน

    ติดต่อสอบถาม ได้ที่ท่านอาจารย์แปลง สุวรรณกาญจน์ ที่เบอร์ (086-854-8018)
    หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้ที่ คุณอั้ม โทร.08-5196-5925
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...