เด็กใหม่อยากเรียนรู้พวกเวทย์อาคมอ่ะครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย 7สยอง, 26 ธันวาคม 2006.

  1. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    คือผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มากเลย ทั้งๆที่ผมไม่มีความรู้อะไรเลยน่ะ เพราะผมยังเป็นเด็กอยู่เลย ผมพึ่งอยู่ ม.2 อ่ะครับ แล้วพอดีวันหนึ่ง ผม กับรุ่นพี่ พากันขี้รถไปพิสูจอ่ะครับ รวมทั้งหมด 7 คน จะไปที่วัด ไปตอน 4 ทุ่มกว่าๆครับ ขณะที่ขี่รถไปกันเป็นกลุ่ม ไฟ ตรงถนน มันก็ดับครับ ในใจผมก็ตะหงิดๆ แล้วล่ะว่าต้องมีอะไร แล้วพอขี่ไปถึงหน้าวัดครับค่อนข้างไกลเหมือนกัน รุ่นพี่ผู้หญิงที่ไปด้วยคนหนึ่ง (เขาเป็นคนที่มีพลัง แปลกๆ คือ บางครั้ง เขาจะรู้อนาคตล่วงหน้าได้นิดนึงอ่าครับ คือ สมมติว่ามันมีเรื่องแว๊บเข้าหัวเขาว่า เขาจะเจอผมที่ไหน ตอนไหน แล้ว เขาก็เจอผมที่นั่นตอนนั้นจริงๆ) เขาได้ยินเสียงคนหัวเราะ เหอะๆๆ 3ครั้งอ่ะครับ แล้วพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเขาบอกว่า เห็นเหมือนมีเงาตัดผ่านหน้ารถไป พวกผมก็หยุดคุยกันอยู่หน้าวัดซักพักเพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วทางออกอีกทางไม่เปิดจะกลับออกมายากอ่ะครับ อีกอย่างแม่ผมก็โทรมาตามเพราะตอนนั้นดึกมากแล้วอ่าครับ พวกผมจึงตัดสินใจกลับบ้านกัน ตอนนั้นก็ 5 ทุ่มได้แล้วครับ ขณะที่พากันขี่รถไปส่งกันที่บ้าน ไฟตรงถนนมันก็เริ่มดับไล่ตาม รถที่เราขี่ครับ ไล่มาตั้งไกล เลยครับ พอมาถึงที่บ้านผม ทุกคนก็จอดคุยกันแล้วผลัดกันคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนั้น หมาที่หน้าบ้านก็หอนเอาๆ -*- นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ผมเคยได้สัมผัสอะไรแปลกๆแบบนี้ พวกผมก็ตกลงกันว่าวันหลังจะลองเข้าไปดูในวัด หลังจากวันนั้นมาผมก็เลยอยากเรียนรู้วิชาเวทย์อาคมต่างๆ ผมรู้สึกชอบเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่รู้ผมจะเริ่มต้นยังไง ผู้รู้ช่วยบอกทีนะครับ ^^
     
  2. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    ลืมบอกไปเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย เกิดวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เองครับ
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    ใช่ว่าจะได้เรียนกันทุกคนนะครับ อันนี้ผมว่าแล้วแต่ บุญวาสนาด้วยนะ
     
  4. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    - - งั้นพอจะมีอะไรให้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มั้ยอ่ะ เอาแบบ Basic ก็ได้อ่ะครับ อยากมีความรู้ติดตัวซักนิดก็ยังดี สงสัย คุณ Specialzed ทำบุญไว้เยอะแน่เลย ผมเห็นกระทู้ที่ คุณตั้งด้วย เล่นเวทย์อาคม ^^
     
  5. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    แล้วพวก คาถา ต่างๆ นี่ อ่ะ ผมเคยนำไปสวดอ่ะครับ อย่าง คาถากันสุนัข คาถาบูชาพระแม่ธรณี คาถาท่านปู่พระอินทร์ ฯลฯ แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันช่วยอะไรได้มากเท่าไรเลย เป็นเพราะอะไรเหรอครับ?
     
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    คงเป็นบุญกรรมที่เคยทำร่วมกันมาเลยได้เรียนครับ
    อ่านขั้นต้นกันก่อนนะครับ

    ขันธ์ 5 คือ เครื่องสักการะบูชา ที่ผู้จะมาขอเป็นศิษย์จัดมาให้ครูบาอาจารย์ เพราะในบรรพกาลผ่านมาจวบจนปัจจุบัน การเรียนรู้สารพัดวิชา จะต้องอาศัยการศึกษาจากผู้ที่เป็นครู และการจะขอเรียนวิชาการเหล่านั้นก็จำเป็นต้องจัดตั้งขันธ์ 5
    ขันธ์ 5 ดังกล่าวประกอบด้วย ดอกไม้ขาว ธูป เทียน ผ้าขาว และใช้ใบตองทำกรวยทรงแหลม 5 กรวย บรรจุดอกไม้ ธูป เทียน 5 คู่ ใส่ลงในกรวยทั้ง 5 แล้วจึงนำวางลงบนผ้าขาวที่วางรองรับอยู่บนพานหรือภาชนะ แล้วจึงนำเข้าไปกราบครูบาอาจารย์ เพื่อขอเป็นศิษย์ ซึ่งผู้เป็นครูก็จะตรวจดูดวงชะตา ว่าสมควรจะรับเป็นศิษย์ได้หรือไม่ เพราะบางทีจะกลายเป็นศิษย์คิดล้างครูได้ในภายหลัง จึงจำเป็นต้องตรวจเช็คดูเสียก่อน หากไม่ประสงค์จะรับเข้าเป็นศิษย์ก็จะไม่รับขันธ์ 5 หากพิจารณาเห็นสมควรแล้วก็รับขันธ์ 5 นั้นมา
    ขันธ์ครู คือ เครื่องมงคลทั้ง 5 ที่ผู้เป็นครูประสิทธิประสาทพร ในรูปแบบของวัตถุให้กับศิษย์เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นที่รำลึกแก่ศิษย์ให้มีความขยันหมั่นเพียรศึกษาวิชาความรู้ที่ครูมอบให้ไปศึกษาเล่าเรียน ขันธ์ 5 องค์เทพ หมายถึงขันธ์ 5 และขันธ์ครูรวมเข้าด้วยกันนั่นเอง

    กรณีการรับขันธ์
    ขันธ์ 5 ของมนุษย์นั้น ประกอบไปด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
    เทพ เป็นจิตวิญญาณ มีขันธ์เพียง 3 ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ จึงต้องอาศัยการแต่งขันธ์ 5 ของมนุษย์ ที่จัดตบแต่งขึ้นมาเป็นตัวแทนของตน ว่าได้ยอมรับเป็นร่างให้กับเทพองค์นั้น ๆ และยังหมายถึงข้อตกลง ระหว่างเทพกับมนุษย์ผู้ตกลงปลงใจยอมรับหน้าที่เป็นสังขารขันธ์ให้กับองค์เทพผู้นั้นไว้ใช้ร่างของตนสร้างบารมี โดยมีองค์เทพผู้ทำพิธีมอบขันธ์ให้เป็นสักขีพยาน หากแม้นมีใครระหว่างเทพกับมนุษย์มีการผิดข้อตกลง ก็ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นครูที่เป็นสักขีพยาน จะต้องทำหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดต่อไป ดังนั้นความหมายของการรับขันธ์ขององค์เทพ จึงเป็นสัญญาใจหรือข้อตกลงในการประพฤติปฏิบัติทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนแห่งเทพ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องในความหมายดังนี้
    ขันธ์ 5 หมายถึงการรับศีล 5 มาปฏิบัติโดยเคร่งครัด ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเผลอไปรับเข้า มิฉะนั้นอาจถูกลงโทษได้
    ขันธ์ 8 หมายถึงการรับศีล 8 ซึ่งจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามร่วมหลับนอนฉันท์สามีภรรยา งดเว้นอาหารมื้อเย็น สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา เหมือนการถือศีลบวชพราหมณ์นั่นเอง
    ขันธ์ 9 หมายถึงการรับศีลอุโบสถ ถือศีล 8 เคร่งครัด เด็ดดอกไม้ก็ไม่ได้ ดมดอกไม้หรือเครื่องหอมก็ไม่ได้ กินแต่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ
    ขันธ์ 10 หมายถึงศีลของสามเณรหรือสามเณรี ก็เท่ากับการถือบวชโดยถือสิกขาบท 10 ประการ
    ขันธ์ 16 หมายถึงศีลของนักบวช ที่มุ่งการบำเพ็ญสมาธิภาวนา กินอาหารมือเดียว งดเว้นของสดของคาว กินแต่ผลไม้ เผือกมัน ไม่เที่ยวเดินพลุกพล่าน อยู่ด้วยการสำรวมปฏิบัติ นั่งสมาธิเป็นที่เป็นทาง แทบจะทำตัวเหมือนนักบวช เพียงแต่เป็นการบวชใจไม่ได้บวชกายเท่านั้น ดังนั้นหากถือปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ ก็จงอย่าได้รับเลย หากแม้นมีใครแนะนำให้รับก็จงพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะการรับขันธ์นั้นไม่ใช่เพียงนำมาบูชาเท่านั้น จะต้องปฏิบัติเป็นประจำด้วยก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงองค์เทพที่รับมาด้วยจึงจะถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วอาจสร้างปัญหาให้เดือดร้อนได้ เพราะถือว่าผิดสัจจะที่รับมา ถ้าจำเป็นต้องรับด้วยเหตุอันใดก็ตาม เช่น นิมิตจากองค์เทพมาบอกเอง ก็ควรพิจารณาให้ดีว่าจะรับจากใคร หรือถ้าเป็นตำหนัก ก็ต้องดูว่าร่างนั้นปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมหรือไม่ เหมาะที่จะเป็นครูบาอาจารย์ที่จะทำพิธีมอบขันธ์ให้หรือเปล่า เพราะหากเป็นร่างที่แอบอ้าง หรือเป็นเทพกึ่งเปรต ก็อาจจะนำเอาบริวารที่เป็นตีนโรงตีนศาลมาครอบให้แทน ก็จะวุ่นวายไปกันใหญ่ อันนี้ต้องระวังให้หนัก .....
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ไสยศาสตร์
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 width=752 align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: rgb(255,153,0) 1px solid; BORDER-TOP: 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,153,0) 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px solid" width=748> คือ ผู้สั่งสอนและถ่ายทอดวิชชาไสยศาสตร์ให้สืบต่อตกทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า หรืออาจหมายถึงสิ่งอันทรงอานุภาพ ทรงศักดิ์ ทรงฤทธิ์ มีอำนาจในการประทานอำนาจเพื่อให้ผู้ที่ประกอบพิธีสามารถทำพิธีได้สำเร็จก็ได้

    ครูอุปัชฌาย์อาจารยไสยศาสตร์ที่สำคัญ ๆ มีหลายพระองค์ดังจะยกตัวอย่างพอสังเขปดังนี้ คือ

    1. องค์พระศุกกราอาจารย์ (พระ - ศุก - กรา - อา - จา - ระ - ยะ) หรือ ฤาษีศุกร์ และอีกนามหนึ่งคือครูอสูร ผู้ซึ่งเป็นคุรุ หรือครูของเหล่าอสูรยักษ์ทั้งหลาย เป็นบุตรแห่ง (มหาฤาษีภฤคุผู้ทรงเป็นหนึ่งในเจ็ดมหาสัปตะฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ ทั้ง 7) ฤาษีศุกร์เชี่ยวชาญในมนตราวิชาทุกแขนงที่สันทัดเป็นพิเศษ คือ การกำหนดปลุกฟื้นคืนชีพและการทำลายชีวิตศัตรูแบบช้า ๆ ด้วยความทรมานด้วยสารพัดศาตราและโรคา การกดดวงชะตาให้ตกต่ำไม่มีผู้ค้ำจุน หรือการทำลายฐานดวงให้ชีวิตพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก ในทางกลับกัน ก็เชี่ยวชาญในการแก้ไขเช่นเดียวกันด้วย พระฤาษีศุกร์มีลูกศิษย์คนสำคัญ ๆ ยกตัวอย่าง เช่น โสมเทพ (พระจันทร์) ราหู (พระราหู) เป็นต้น ฤาษีศุกร์ถือเป็นฤาษีที่อยู่ในศักดิ์เทพฤาษีอันเป็นชั้นที่ 2 ของระดับชั้นของฤาษีเบื้องบน (ฤาษีแบ่งเป็นฤาษีเบื้องบนคือชั้นฟ้าและฤาษีเบื้องล่างคือชั้นดิน) ในชั้นแรกสุดของฤาษีชั้นฟ้าคือราชฤาษี ชั้นที่ 2 คือ เทพฤาษี ชั้นที่ 3 คือ พรหมฤาษี และชั้นสูงสุด คือ มหาฤาษี

    2. องค์พระฤาษีอังคีรส (พระ - อัง - คี - รส) หรือ ฤาษีพฤหัส และอีกนามหนึ่ง คือ คุรุเทพ เป็นคุรุ หรืออาจารย์ของเหล่าเทพทั้งหลาย ยกตัวอย่าง เช่น พระสุริยเทพ (พระอาทิตย์) องค์อมรินทราเทวาธิราชเจ้า (พระอินทร์) เป็นต้น เป็นฤาษีชั้นฟ้าในระดับเทพฤาษี เป็นบุตรของ (มหาฤาษี อังคีระสะ หนึ่งในมหาสัปตฤาษีผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7) ฤาษีพฤหัส เป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกแขนงมนตรา วิชา และที่ถนัดเป็นพิเศษคือวิชาในการให้สติปัญญา สร้างจิตสำนึกที่ดี เปลี่ยนแปลงแก้ไขความชั่วร้ายทั้งหลายให้กลายเป็นความดีงาม สร้างความรักความเข้าใจของคู่สามีภรรยาในครอบครัว และองค์กรต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

    3. ฤาษีตาวัว หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ ฤาษีหน้าวัว พระนามที่จริง คือ พระนนทิ (พระ - นน -ทิ) นั่นเอง เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นบริวารองค์สำคัญและยังเป็นพระราชพาหนะของ (องค์พระสดาศิวะมหาเทพ) เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรี การร้อง ฟ้อน รำ เต้น มีศิลปะในการพูดจา เจรจาได้น่าฟังเป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยกย่อง อีกทั้งเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีเสน่ห์ดึงดูดใจเพศหญิงเป็นอย่างดีในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือดาวสีเหลือง ศีรษะเป็นวัวหนุ่มสีขาว สวมประคำหินสีดำ

    4. ฤาษีหน้าเสือ หรือพระนามที่จริงคือ ท่านท้าวหิมวัต (หิม - มะ - วัต) เป็นฤาษีในชั้นเทพ เป็นพระราชบิดาของ (องค์พระแม่ปารวตีมหามาตาอุมาเจ้า) เป็นหนึ่งในคณะปติบริวารสำคัญขององค์พระสดาศิวะมหาเทพ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการปราบและกำราบศัตรูเก่งกาจในเรื่องการรบ และการปกครองบริวารควบคุมดูแลบริวารได้อย่างดีเยี่ยมในภาคนี้มีรูปร่างเป็นมนุษย์ นุ่งห่มหนังเสือโคร่งสีเหลือง ศีรษะเป็นเสือโคร่ง สวมประคำรุทรากษะ

    5. ฤาษีสุตะ เป็นฤาษีในชั้นดิน เป็นศิษย์เอกของ (มหาฤาษีวยาสะหนึ่งในคณะอาจารย์แห่งฤาษีชั้นฟ้าและชั้นดิน) ฤาษีสุตะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับอ่านโศลก และแตกฉานเชี่ยวชาญในปุราณะทั้ง 27 ปุราณะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะปุราณะซึ่งแบ่งออกเป็น 24,000 บาท แยกย่อยได้อีกเป็น 7 สัมหิตา (เรื่องราวโดยสังเขป) ฤาษีสุตะมีรูปกายเป็นชายในสังขารราว 60 - 70 ปี ผิวกายขาว ร่างกายทาด้วยขี้เถ้า ไว้เหนวดเครายาวเสมออก ผมยาวมุ่นเป็นมวย ผมเผ้าหนวดเคราเป็นสีดำสนิท นุ่งห่มผ้าสีเหลืองส้ม คล้องประคำรุทรากษะ

    6. ฤาษีกษิโรธ เป็นฤาษีในชั้นเทพฤาษี ถือได้ว่าเป็นเสมือนบิดาของ (องค์พระมหาลักษมีมาตาเทวีเจ้า ผู้เป็นพระชายาในพระมหาวิษณุผู้เป็นเจ้า) เป็นผู้สันทัดในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยสมบัติอันมากมาย ฤาษีกษิโรธ ภาคนี่มีรูปเป็นมนุษย์ ศีรษะเป็นพญานาค ผิวกายสุกสว่างเป็นสีขาว นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับล้ำค่าดั่งกษัตริย์เป็นสีขาว คล้องประคำไข่มุกสีขาว

    7. ฤาษีศิลาท เป็นฤาษีในชั้นดิน เป็นบิดาของ (พระนันทิน หรืออีกนามหนึ่งคือ พระนันทิเกศวร ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะปติขององค์พระสดาศิวะมหาเทพ) ฤาษีศิลาท เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่ามีบุตรอันยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ เป็นอภิชาตบุตรอันหาที่เสมอเหมือนมิได้ ฤาษีศิลาท มีรูปกายเป็นมนุษย์สูงใหญ่ผิวแดง หนวดเคราหนาสีดำสนิท แข็งแรง คล้องประคำรุทรากษะ นุ่งห่มผ้าสีเหลืองส้ม ผมยาวมุ่นเป็นมวยสีเทา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    ศาสตร์ทั้งหลายบนโลกนี้แบ่งแยกได้เป็น 2 ศาสตร์ใหญ่ ๆ คือ

    1. พุทธศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการตื่น เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและการกระทำต่าง ๆ ที่สามารถแสดงและพิสูจน์ให้ผู้อื่นรู้จริงเห็นแจ้งชัด สามารถแสดงให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้ทุกขั้นตอนอย่างเป็นหลักการ เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น

    2. ไสยศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการหลับ เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและการกระทำต่าง ๆ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นหลักการทุกขั้นตอน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ ให้คุณ แสดงผล และแสดงคุณของไสยศาสตร์ได้ตามความต้องการของผู้กระทำได้ และแม้ว่าไสยศาสตร์จะหมายถึงการหลับใหลก็ตาม แต่ก็หมายความว่าเป็นเพียงการหลับของร่างกายสังขารเท่านั้น โดยนัยยะจริง ๆ ก็คือเป็นการหลับเพียงร่างกายเท่านั้นแต่ "จิต" เป็นผู้กระทำนั่นเอง ดังนั้น ไสยศาสตร์ จึงสรุปได้ว่า คือการกระทำให้สำเร็จได้ด้วยจิตโดยไม่สามารถพิสูจน์หรือแสดงขั้นตอนการกระทำ หรือชี้แจงหลักการของความเป็นไปของการกระทำได้นั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น การฝังรูปฝังรอย ที่ใช้วิธีนำเอาดินมาปั้นเป็นรูปคนสองคนแล้วนำมามัดเข้าด้วยกันเพื่อให้รักกันนั้น หากมองในทางไสยศาสตร์ก็คือวิชชาเสน่ห์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผลกันมานานนับร้อย ๆ ปี แต่หากมองในแง่พุทธศาสตร์แล้วกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า การที่นำดินสองกองมาปั้นเป็นรูปคนแล้วนำมาผูกกัน จะเกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะให้คนสองคนนั้นมารักกันได้ เป็นต้น

    ไสยศาสตร์ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 สาย คือ

    1. ไสยวิชชา หมายถึงวิชา หรือพิธี วิธีที่ได้รับการสั่งสอน อบรมสั่งสอนหรือมอบให้ บางคนเรียกว่าครอบให้ ต่อ ๆ กันมาแบ่งออกเป็น
    1.1 วิชชาไสยขาว โดยทั่วไปหลักการของวิชชาไสยขาวจะต้องมีหลักการหรือหัวใจสำคัญ คือ ต้องใช้ไปในทางช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น
    1.2 วิชชาไสยดำ หลักการโดยทั่วไปของวิชชาไสยดำจะแตกต่างจากวิชชาไสยขาวโดยสิ้นเชิง คือ มุ่งเน้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเป็นหลักสำคัญ โดยไม่ต้องมีแรงจูงใจหรือหลักการใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งมีผู้เดือดร้อนกับการกระทำของผู้เรียนวิชชาไสยดำมากเท่าไหร่ พลังของผู้ที่ศึกษาของวิชชานี้ก็จะยิ่งแกร่งและแก่กล้าขึ้นมากเท่านั้น

    2. ไสยอวิชชา หมายถึงวิชา หรือพิธี วิธีที่คิดค้นขึ้นเองโดยผู้ทำพิธี ซึ่งต้องอาศัยอำนาจของสิ่งที่มีพลัง มีฤทธิ์ มีอาถรรพ์ นำมาเป็นปัจจัยหลัก

    ในบางกรณีมักมีการ กล่าวอ้างว่าไสยศาสตร์ คือเดียรฉานวิชานั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด ๆ เพราะคำว่าเดียรฉาน แปลว่า สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังขนานกับพื้น ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า นิรฉาน ซึ่งหมายถึง สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับพื้น คำว่า เดียรฉานวิชา จึงอาจหมายถึง การด่าหรือต่อว่า ประณามหยามเหยียด
     
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    หากเอ่ยคำว่ามิกจง (ไสยศาสตร์) หรือกู่ (คุณไสย) หลายคนคงนึกถึงวิชาที่ลึกลับน่ากลัวเเละมีอาถรรพ์ ที่จริงคุณไสยก็มีทั้งสองด้านก็คือ เเป๊ะกู่ (ไสยขาว) และเฮ็กกู่ (ไสยดำ)

    ไสยขาวประกอบด้วย
    - เจ๋า (คุ้มครองกาย) เช่น ฮวงอ้วง (ลิงลม) เห้งเจียไคฮุ่ง (หนุมานคลุกฝุ่น) เป็นต้น
    -
    ชื้อ (เมตตา) เช่น นะหน้าทอง เมตตามหานิยม เป็นต้น
    -
    กุยฮุ้น (คืนวิญญาณ) เช่น หุ่นพยนต์ เป็นต้น
    -
    ฮ่วม (มายา) เช่น คาถากำบังตัว เป็นต้น
    -
    ลักค้วง (อำนาจ) เช่น หัวใจราชสีห์ เป็นต้น
    -
    อ้อ (นิทรา) เช่น ขุนแผนสะกดทัพ เป็นต้น
    -
    เปี่ยง (แปลง) เช่น เสกใบมะขามเป็นต่อแตน เป็นต้น
    -
    ไค (ทะลาย) เช่น ธนูมือ เป็นต้น
    -
    ฮก (สกัดหรืออุด) เช่น มหาอุด เป็นต้น
    -
    ปวยเทียน (เหินฟ้า) เช่น คาถากำกับว่านม้าห้อ เป็นต้น
    -
    มี้ซุก (ทรงเสน่ห์) เช่น ขุนแผนชมตลาด เป็นต้น
    - โล่วชวง (นำวิถี) เช่น มือพราย ควายธนู เป็นต้น


    ไสยดำประกอบด้วย
    - เทาซิม (ขโมยใจ) เช่น น้ำมันพราย เป็นต้น
    -
    เทาฮุ้น (ขโมยวิญญาณ) เช่น น้ำมันหุง เป็นต้น.
    -
    ฮก (สกัดหรืออุด) เช่น ธูปดักคอหอย เป็นต้น
    -
    ซิงเปี่ยง (แปลงกาย) เช่น สมิง สาง เป็นต้น
    -
    ฮุ้นเปี่ยง (แปลงวิญญาณ) เช่น ผีปอบ ผีโพง เป็นต้น
    -
    (ย่นย่อ) เช่น เสกหนังควายเข้าท้อง เป็นต้น
    -
    เปี่ยงม้วย (แปลงวัตถุ) เช่น เสกดอกพิกุลเป็นแมลงภู่ เป็นต้น.
     
  10. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +2,267
    สนใจตอนเด๊กๆเหมือนกัน เรื่องไสยศาสตร์ คาถา ติดตามหนังสือโลกทิพย์ ตลอดตอนเรียนหนังสือ จดเอาคาถามาท่อง ก็ไม่ได้ผลอะไร เลยเปลี่ยนมาสนใจการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อต่างๆ ประสบการณ์ธุดงค์ ได้ข้อคิดดีๆและทำให้เกิดความสนใจในด้านการปฏิบัติมากขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สิ่งลึกลับเป็นหลัก อิอิ และก๊อิอิ ปฏิบัติธรรม ให้ทุกข์เบาบาง และพ้นทุกข์ จะดีกว่าไหมครับ คุณ สยอง7 อิอิ...และ ก็...อิอิ
     
  11. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    อ่าครับ คือตอนนี้ผมเป็นเด็กน่ะ รู้สึกว่าอยากเรียนคาถามากกว่าอ่าครับ - - แล้วก่อนเรียนเนี่ย ต้องปฏิบัติ ขันธ์ 16 เลยเหรอครับ แล้ว ผู้ที่สอนวิชาต่างๆนี้ เป็นคน หรือ เป็นเทพ ครับ อ่านไปอ่านมาก็งง ก่อนที่ คุณ Specialized จะได้เรียนพวกคาถาอาคมนี้ ก็ปฏิบัติ ขันธ์ 16 มาตลอดเลยเหรอครับ(ไม่ธรรมดาเลย -*-) แล้วถ้าสมมติว่าผมจะเรียนจริงๆเนี่ย ต้องฝึกสมาธิให้สูงๆ ปฏิบัติตามหลักธรรมต่างๆ ให้แน่วแน่ก่อนรึเปล่าครับ แล้วก็ขอบพระคุณความรู้ต่างๆ ที่อุตส่าโพสให้มานะครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2006
  12. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    อ่า...ไม่ต้องรับซะขันธ์ 16 หรอกค้าบ ขันธ์ 5 ก็พอแล้ว

    พื้นฐานเหรอ ... ผมว่าขอให้มีความมุมานะ เคารพครูอาจารย์ และ ความมีสัจจะครับ

    ขอให้โชคดีพบเจออาจารย์นะครับ
     
  13. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    อ่าครับ แล้วสรุปนี่ อาจารย์ที่สอน คือ เทพ หรือ คน อ่าครับ ตอนนี้ผมก็กำลังฝึกสมาธิอยู่น่ะครับ นั่งสมาธิ ค่อนข้างนิ่งแล้วนะกายอ่ะ แต่เวลานิ่งทีไรใจมันจะเต้นแรงจนกายขยับนิดๆตลอดเลย เอาไม่อยู่ - - แล้วตอนเด็กๆผมมีประสบการณ์ประหลาดๆ ตอนประมาณ 4-5 ขวบได้มั้งครับ ผมไม่สะดวกที่จะโพสที่นี่น่ะ คุณ Specialized มีเมลที่ติดต่อง่าย หรือ ได้เล่น MSN รึเปล่าครับ จะได้ไม่ต้องมาโพสกระทู้ให้รกเปล่าๆ ครับ ^^ เออ.. แล้วก็คือผมนอนที่ห้องพระอ่าครับ จะเป็นการรบกวนอะไรหรือเปล่าครับ วันนี้ พ่อแม่เอาเตียงมาใส่เลยงะกลัวลูกนอนไม่สบาย ผมก็บอกไม่ต้องๆ มันสูงๆ แต่แม่ก็ไม่ยอมฟังเลยงะ แล้วถ้าผมนอนเตียงในห้องพระเนี่ย จะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ช่วยตอบด้วยนะครับ ^^
     
  14. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    อาจารย์ในที่นี้ จะเป็นอาจารย์ทางโลก หรือ อาจารย์ทางธรรมก็ได้ครับ

    น้องยังต้องศึกษาอีกเยอะเหมือนกับผมที่ยังเป็นแค่ลูกไก่ในวงการฉันนั้นเลย

    เด๋วผมให้คุณโหน่ง มาช่วยตอบละกันนะ อาจจะได้ความรู้ใหม่ๆไปนะครับ
     
  15. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    1.คาถาตาทิพย์ เหมาะสำหรับคนที่อยากเห็นสิ่งที่ดีงามที่ไม่ธรรมดา
    นะมะพะทะ จะตุระภูตานัง
    อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิติ
    วัตตัพโพ อาคัจฉาหิฯ
    2.คาถาขอนิมิต เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคำตอบในสิ่งที่อยากรู้
    อิทธิ ฤทธิ พุทธานิมิตตัง ทิสวานะตัง ฯ
    ให้ภาวนาเมื่อเข้านอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2007
  16. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ท่องหัวใจพุทธคุณหรือมนตรยานเพื่อป้องกันตัวเรา
    อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2007
  17. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    อายุ12อย่าเพิ่งเรียนเลย
    มีข้อปฏิบัติที่ต้องถือไว้อย่างเคร่งครัดเยอะแยะ
    อยู่จังหวัดไหนล่ะจ๊ะ
     
  18. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    อยู่ศรีสะเกษครับ อีกอย่าง ผม 14 แล้วนะ ^^ ผมจะพยายามนะ อยากช่วยเหลือคนอื่นๆอ่ะครับ ผมนอนอยู่ห้องพระ พ่อแม่ผมมาทำเตียงให้ ผมบอกว่าไม่เอาๆ ก็ยังจะทำให้น่ะ เป็นห่วงลูกจริงๆ -*- เตียงสูงพอๆกับพระเลยอ่ะครับ มันจะเป็นการไม่ดียังไงรึเปล่า ผมจะได้ลงไปนอนพื้นแทน แล้วตอนนี้ผมไม่มีวัตถุมงคลซักอย่างเลยน่ะ สร้อยคอพระยังไม่มีเลยครับ อยากได้บ้างอ่ะจะหาได้ที่ไหนครับ ขอบคุณพ่อมดโลจิ มากนะครับ แล้วที่พิมพ์มาให้ คนที่จะท่องนี่ต้องเป็นคนที่มีสมาธิสูงๆรึเปล่าครับ ผมยังไม่ถึงขั้นนั่น แต่ถ้าไม่เกี่ยวผมจะพยายามนำไปท่องนะครับ เออ... แล้วก็ขอ คาถา กำแพงแก้ว 7 ชั้นด้วยนะครับ เดี๋ยววันนี้ ตอน 3 ทุ่ม ผมจะไปลองของอีกงะ ไปกับพวกรุ่นพี่ รวมกันทั้งหมด 7 คน 7สยอง ถ้าเจอกะว่าจะพากันไปทำบุญช่วยเขานะ ^^
     
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,357
    เวลาท่องมนต์อย่าสักแต่ว่าท่องแบบนกแก้วนกขุนทองนะครับ ศรัทธา + สมาธิเท่านั้น มนต์จึงสัมฤทธิ์ผล
     
  20. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    ครับ คือห้องพระนั่น ไม่มีที่ตั้งธูปเทียนอ่ะครับ ถ้าไม่จุดธูปเทียนก่อนสวดมนต์จะเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ มีพระพุทธรูปตั้ง 10 องค์ กับรูป อีก 1 องค์ แต่ไม่มี ดอกไม้ธูปเทียนเลยอ่ะ -*- ผมนอนห้องนั้นอ่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...