เทคนิค สร้างสติ ที่แก่กล้าขึ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 22 พฤศจิกายน 2019.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ใช่ครับ ก็ควรที่จะต้องปฎิบัติได้ด้วยครับ
    จะดีมากเลยครับ
    ปัญหาของนักปฎิบัติคือ
    ไม่เคยเพ่งโทษตัวเอง
    ไม่เคยเห็นความผิดตนเอง
    ไม่เคยยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นๆ
    เอาตนเองเป็นที่ตั้ง

    แม้มีการแย้ง ด้วยเหตุและผล
    ก็ยังไม่ยอมรับ
    เลยไม่รู้จักคำว่าให้อภัย
    ไม่รู้จักคำว่า สายกลาง
    ประมานว่า ถ้ามีภาพถ่าย หรือวีดีโอ
    ก็จะแย้งว่า นั้นคนหน้า
    เหมือนตนเอง มีคนใส่ร้าย
    นั่นหละครับ

    แล้วที่หนักกว่า ก็คือการชอบ
    ยกเอาครูบาร์ อาจารย์ท่านมาอ้าง
    เสริมตน ยกตน
    ทั้งที่พฤติกรรม และการปฎิบัติ
    ของตนเข้าไม่ถึงครับ


    ดังนั้นควรเริ่มจากการ
    อ่านข้อความให้ดีๆอย่างมีสติ
    ก่อนที่จะตีความก่อนอะไร
    ก่อนที่จะโพสอะไรๆ ไม่งั้นก็จะกลาย

    เป็นเลือกข้าง กลายเป็นว่าตนเองนั้นหละที่จับผิดคนอื่นเหมือนกันแต่ไม่รู้ตัวเองครับ
    แล้วสุดท้ายก็จะโดนแย้งคืน
    แล้วก็ทำเฉยๆ ทำเนียน
    เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยนั่น
    แล้วก็หาคำพูด ที่จบแบบห้วนๆ

    สุดท้ายนี้ ก็ควรจบครับ
    ส่วนตัวมองว่า
    อย่าโตแต่ตัว เพราะอยู่นาน
    ควรมีวุฒิภาวะแห่งตน
    และลักษณะเอกลักษณแห่งตน
    ที่บอกผลการปฎิบัติมาว่าได้ผลอย่างไร
    ร่วมด้วยนั่นเอง

    เพราะนี้ ห้องอภิญญา สมาธิ
    ควรละอายตนเองบ้าง
    ไม่งั้น ก็จะถูกมองได้ว่า
    เป็นศูนย์รวมพวกหลงตัวเอง
    แต่ไร้ความสามารถทางจิต
    เหมือนที่บุคคลภายนอกมองเข้ามา

    เครจบครับ
    โตๆกันแล้ว ^_^
     
  2. ~หัตถ์oBuddha~

    ~หัตถ์oBuddha~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    573
    ค่าพลัง:
    +401
    ขอบคุญครับ ที่นำมาให้เกิดความรู้มากขึ้น / มันคือการเจริญสติโดยให้กำหนดรู้อยู่ที่จิตเพื่อให้เห็นรูปนามตามความเป็นจริง เมื่อสติเห็นสภาวะที่ละเอียดฯฯฯขึ้น ก็จะเข้าสู่กระบวนการทำวิปัสนาเองเเบบอัตโนมัติ
    ความเห็นส่วนตัว: ยากกว่าการพิจารณากายมาก เเต่ที้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับพื้นของเดิมของจริตเเละ/ หรือลำดับความสามารถหรือลำดับขั้นของการปฏิบัติที่เหมาะสม เพราะเเต่ละท่านย่อมมีพื้นที่ไม่เท่ากันเเน่นอน จิตนี่มันไวยังกะอะไร... ผมดูมันหกเดือนติดต่อ รู้สึกตัวเองเเทบจะบ้ามันอึดอัด อัดอั้นจนบอกใครไม่ได้ เหมือนใจมันจะระเบิดเเตกตายยังยังไม่รู้ ต้องบอกเลิกฯฯ ไม่เอาอีกเเล้ว พอเลิกไม่สนใจในดีมัน มันรู้สึกมีความสุขมากเหมือนเด็กฯมีอิสระมากจะทำอะไรก็ได้ จะคิดอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ไม่ผิด ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรฯทั้งสิ้น เเม้จะมีคนมาจ้องมอง คอยมอง ตามดูอยู่ เด็กก็รู้นะ คือ "รู้ว่ามีคนคอยตามดู เเต่ไม่ได้ไปสนใจอีกต่อไปเเล้ว!" หลายวันต่อมามันเริ่มจะรู้สึกว่า อ้าว " ไอ้ผู้ใหญ่ที่มาคอยตามดูเรา เค้าหายไปไหนเเล้วบ้ะ" ต่อไป ฯ มันก็เเวะไปดูของมันเอง ้เลยไม่รู้ว่าใครตามดูใคร??? มันคิดมันทำอะไรต่อมออะไรตลอดเวลา มันเอาเเน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอกครับ ทำไปทำมามันก็รู้ทั่วไปทั้งตัวทั้งใจไปพร้อมฯกัน อะไรที่เคยหนักเป็นภาระก็เบาลงฯ จิตเบาใจเบา กายเบา วันฯในหัวไม่อยากจะคิดอะไรเหมือนจะติดสุขกับความขี้เกียจคือขี้เกียจจ้องดู ขี้เกียจคิด ขี้เกียจรับรู้ความคิดที่มันจ้องจะปรุงไปเรื่อย ไร้สาระ... ผมว่าดีที่สุดคือ " เอาเเบบประคองความรู้ไว้ตลอดเวลาง่ายกว่าเเละเบากว่ากันเยอะครับ มีอะไรมากระทบก็ดูฯมัน ก็จบเท่านั้น... ช่วงหลังฯนี้ขี้เกียจมากขึ้นฯ ช่างมันจบ ทำเเบบคนขี้เกียจ เเม้เเต่จะคิดก็เริ่มขี้เกียจ ที่เขียนมานี่ประสบการณ์ส่วนตัวเอามาเล่านะครับ ท่านได้มีอะไรดีฯมาเเนะนำกัน ก็เรียนเชิญนะครับ ผมเองก็ไม่ได้ฟังเทปหรือศึกษาตำรับตำราที่ไหน เพียงเเค่อยากรู้อยากทำ โลกมันน่าเบื่อฯเข้าทุกวันฯเเล้ว ตายเมื่อไร่ก็จะได้จบฯกัน ขอโมทนาด้วยครับ...
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ต้องฝึกทุกอารมณ์ครับ ก้ทำแบบเดิม

    เบื่อ เซ็ง รำคาญ หงุดหงิด สุข ทุก เศร้า สลด ชอบ ชัง รันทด อารมณ์ ทั้งนั้น
     
  4. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ที่เหน ขี้เกียจ อันนั้นแหละ ดูจิต

    ส่วนการประครอง กับ การดูแบบ
    ผู้ใหญ่(ช่วงแรก) อันนั้นเปนการ
    ทำ สมถะ เพื่อให้จิตมีกำลัง

    จิตมีกำลังคืออะไร

    คือจิตเบา กายเบา อ่อน ควรแก่การงาน

    ทำไมเหน ขี้เกียจ จึงถูก เรียกว่า
    รู้ถึงฐาน หรือ จิตรวมอัปปานา
    ( สังเกต ปิติ จะไม่ห่างจากจิต)

    ก้เพราะ จิตขี้เกียจ คือ สภาวะ
    เหนจิตไม่เที่ยง

    เหน ปฏิปทาที่ปฏิบัติอยู่ ไม่เที่ยง

    เหน จิตไม่เที่ยง จะเปนสัมมาทิฏฐิ
    นำหน้า การเหนหลังจากนั้น จะไม่
    เลือกฐาน จิตจะเปนกุสลก้รู้ อกุสล
    ก้รู้ อัพยกตาก้รู้

    ส่วนการเหน ปฏิปทาไม่เที่ยง คือ
    เหน ทุกคามินีปฏิปทา(รู้ชัดปฏิปทา
    ทุกชนิด ไม่เที่ยง)

    หาก เหนปฏิปทาไม่เที่ยง แล้ว ดัน
    เข้าประครองการปฏิบัติ คือ รู้ช้า
    ทันทภิญญา

    หาก ปฏิปทามันผลิกไปผลิกมา
    แล้วเหน สัพสังขารา อนิจตา อนัตตา
    เรียก รู้เร็ว ขิปภิญญา

    เหน จิต ภาวนาของมันเอง จะเลิก
    ภาวนาก้ไม้ได้แล้ว เรียกว่า มรรค
    เจริญ....แต่เงื้อนที่จะพยากรณได้
    อย่างนั้น คือ ในมือต้องมีใบไม้

    เพียงสี่ใบ ไม่ใช่มีทั้งป่า

    ถ้ามี ทั้งป่า ก้ เตรียมผ้าขาว เข้าเมืองขวด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2019
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    การรู้ ไม่ใช่ ไปรู้ ทุกอารมณ์

    ศาสนาพุทธ เปน ศาสนาของ คน
    มีปัญญา ไม่ดื้อ ด้าน

    จะใข้ อารมณ์ที่ใกล้ ง่ายต่อความ
    สงบ สงัด แค่ คู่เดียว เจริญตลอด
    สาย ไม่เปลี่ยน แม้นจะแก่กล้าแล้ว
    ก้ตาม

    เว้นแต่ ไปใช้สิ่งเนื่องด้วย กาย

    ท่านถึงจะแนะ ให้ สำรองเอาไว้
    อีกหนึ่ง โดยไปชี้เอาตรง พระเจ้า
    พิมพิสาร ที่ท่านใช้เท้าเดินจงกรมเปน
    อย่างเดียว พออภิชาติศัตรูแกล้ง
    ทำให้เดินไม่ได้ ก้เลยไม่สามารถ
    เจริญโพชฌงค์ได้

    ซึ่งเปนการ คาดเดาไปของ คนรุ่นนี้

    นะ

    ใบไม้ ต้องมีเพียง สี่ใบ

    หากเริ่มมีเพิ่ม ดื้อ ด้าน เก้อยาก
    ไม่เจริญหลอก
     
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262

    ที่นี้.... คุณหัตถ์ โดน มัจจุมารขวางนิดนึง

    เพราะ ไปเน้น ประครองการภาวนา

    หรือ เน้น สุข เน้นกายเบา จิตเบา
    ในข้างที่เรียกว่า อามิสสุข เหน
    ปิติ เหนเวทนา แล้ว ผลิกไปเอา
    ปิติ สุข เวทนาเปนตน

    ทำให้ มาร5 สบช่อง สร้างเรือน(ทิฏฐิ)
    ที่ผิด จน ปรารภความเพียรผิด

    แต่....

    วิปัสสนานั้น ไม่มีการแก้ ทำอย่างไร
    จึงจะถูก

    จิตเปนอย่างไร ให้รู้ไปอย่างนั้น ตาม
    ไปติดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตามติดไม่ได้ ให้ถอยกลับไป วิหารธรรม
    ที่ใช้เริ่มต้นเดินทาง ที่ใกล้ความสงบ
    สงัด

    แต่ถ้าเปน ฆราวาส ....อย่า ทะลึ่งมุ่ง
    สงบสงัด ปฏิภาณตนเปนภิกษุ

    หากภาวนาไม่ไหวจริงๆ ตื่นเช้า
    ตักบาตร สำรวมอินทรีย(สีล)ก้พอ
    แล้ว สามโลกธาตุราบคราบแล้ว
    ตาม ฐานาฐานะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2019
  7. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุผู้ที่พอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ ยินดีในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ ตามประกอบความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ เป็นผู้พอใจในหมู่ ยินดีในหมู่ ตามประกอบความพอใจในหมู่ อยู่แล้วหนอ เธอนั้น จักมาเป็นผู้โดดเดี่ยว ยินดียิ่งในความสงัดเงียบนั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
    เมื่อไม่เป็นผู้โดดเดี่ยวยินดีในความสงัดเงียบแล้ว จักถือเอานิมิตของสมาธิจิต และของวิปัสสนาจิตได้นั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
    เมื่อไม่ได้ถือเอานิมิตของสมาธิจิต และของวิปัสสนาจิตแล้ว จักยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์นั้น ข้อนี้ ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
    เมื่อไม่ทำสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์แล้ว จักยังสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์นั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้
    เมื่อไม่ทำสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายนั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้
    เมื่อไม่ละสัญโญชน์ทั้งหลายแล้ว จักทำนิพพานให้แจ้งนั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้เลย


    ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุผู้ที่ไม่พอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ ไม่ยินดีในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ ไม่ตามประกอบความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ๆ ไม่เป็นผู้พอใจในหมู่ ไม่ยินดีในหมู่ ไม่ตามประกอบความพอใจในหมู่ อยู่แล้วหนอ เธอนั้น จักมาเป็นผู้โดดเดี่ยว ยินดียิ่งในความสงัดเงียบนั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้เป็นได้
    เมื่อเป็นผู้โดดเดี่ยวยินดีในความสงัดเงียบแล้ว จักถือเอานิมิตของสมาธิจิต และของวิปัสสนาจิตได้นั้น ข้อนี้ก็เป็นฐานะที่จะมีได้เป็นได้
    เมื่อถือเอานิมิตของสมาธิจิต และของวิปัสสนาจิตได้แล้ว จักยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้ เป็นฐานะที่จะมีได้เป็นได้
    เมื่อทำสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักยังสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้
    เมื่อทำสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้
    เมื่อละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้แล
     

แชร์หน้านี้

Loading...