เมตตาจริงเหรอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bamrung, 30 กรกฎาคม 2014.

  1. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ไม่อยากเห็นสัตว์ถูกฆ่า ถูกทรมาน ก็เลิกอุดหนุนคนขายเนื้อสัตว์ เลิกกินมัน ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะ90%สัตว์ถูกฆ่ามาเพื่อกิน ไม่อยากฟังคนบ่นว่าสงสารสัตว์ถูกฆ่า ถูกทรมาน ขณะที่ในท้องเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นครับ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สร้างกรรมอะไรมา ถึงได้ไปเกิดให้เค้าฆ่า ชดใช้กรรม

    กฏแห่งกรรม สร้างกรรมอะไรไว้ก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้น

    ^^

    .
     
  4. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เมตตาจริงไปนิพพานเถอะครับ เเก้เเค่ไม่กินเเก้ได้เเค่นิดหน่อยไม่กี่ชาติเผลอๆชาติเดียว
    เพราะถ้าคุณเกิดใหม่ชาติต่อๆไป ยังไงคุณก็ต้องมีชาติที่เป็นผู้ฆ่า เเละผู้ถูกฆ่าสลับกันไปอยู่เเล้ว
    ปล.เเมวพิมพ์ เหมือนไม่เกี่่ยวเเต่เหมือนเกี่ยว

    ผมว่ากินเเล้วเเผ่เมตตาให้เขาก็โออยู่นะ ไม่กินเลยผมก็คงทำไม่ได้
    ถ้ามื้อไหนกินเนื้อสัตว์เยอะๆเวลานั่งสมาธิผมจะอุทิศบุญให้เขาด้วย
    เเต่ถ้ากินน้อยๆก็ขี้เกียจเหมือนกัน ผมว่าทำเเบบนี้ก็กำลังดีอยู่ ถ้าเมตตากว่านี้(มาก)
    คงเเผ่เมตตาให้เนื้อทุกชิ้น น้ำปลาทุกหยดเลยเเหล่ะ 555+
     
  5. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573

    เห็นด้วย

    แล้ว จะรณรงค์กันอย่างไรดี?
     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    จขกท ทานเจ หรือทานมังสวิรัติครับ?

    แค่ละเว้นจากการสนับสนุน ละเว้นแค่เรื่องกิน ก็ยังไม่เมตตา ถ้ายังฉีดมดปลวก ตบยุง เผารังแตน วางยาเบื่อหนู ฯลฯ
    เมตตาแท้ๆ ต้องละเว้นการเบียดเบียนกับสิ่งมีชีวิตว์ทุกระดับ ตั้งแต่มดปลวกยันก๊อดซิลร่า
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  8. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    การเจริญเมตตาที่ดีคือ การเจริญเมตตาในพรหมวิหาร 4
    มนุษย์ทุกคนย่อมดำเนินไปตามกิเลส
    รวมทั้งเราด้วย

    การเจริญเมตตาที่เห็นผลคือ การที่เราให้อภัยแก่คนที่ทำเราเจ็บช้ำ เสียใจ หรือที่เรียกว่าเจ้ากรรม นายเวร
    เมื่อจิตเมตตาถึงขั้นหนึ่งแล้ว ละความพยาบาทได้แล้ว จิตจึงเกิดเมตตา
    เพราะว่าจิตไม่ถูก โทสะ พยาบาท ครอบงำ จิตเลยว่างจากโทสะ พยาบาท
    จึงทำให้ว่างจากความรู้สึกอัดแน่น ร้อนรนเป็นไฟ
    จิตจึงเป็นสุข

    เพราะฉะนั้น เมตตาแท้จริงแล้ว คนแผ่เมตตานั้นเอง เป็นสุข
    เพราะทำให้จิตใจว่างจากความโกรธ ความพยาบาท อันเป็นของร้อน ของมีโทษ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2014
  9. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ตอนไปไหนๆแล้วไม่มีอะไรจะกิน ทุกข์น่าดู ทุกข์ไปถึงคนที่ไปด้วยและไม่ได้กินเจด้วย ทางสายกลางก็ดีนะ ผมทานทั้งเจทั้งมัง สุดท้ายก็ไม่สดวก ไปไหนกินอะไรก็ได้ที่ไม่ได้สั่งฆ่าก็พอใจแล้วสำหรับผม เจอร้านที่ไม่มีเนื้อสัตว์ก็กินได้ สบายไม่ยึดติด
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กินเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่า ได้บุญ ถ้าปิดเสียนี้ ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศล ไม่มี

    แชร์คำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่า

    หลวงตามหาบัวเล่าเรื่องความรู้พิสดารของแม่ชีแก้วหยั่งรู้สัตว์ที่ตายไป...

    ....องค์หลวงตาเล่าความรู้แปลกพิสดารของคุณแม่ชีแก้วไว้ ดังนี้

    "...สัตว์บางประเภทๆ นี้ รายไหนตายไปเนื้อหนังของเขา เขาหวังประโยชน์จากเนื้อหนังของเขาตลอด เวลาได้นี้ไปทำบุญให้ทานเขามีหวังได้รับ ถ้าปิดเสียนี้ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศล ไม่มี
    ..คุณแม่แก้วก็เป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนั้นแหละ แกนั่งภาวนาอยู่...ตอนเช้า ที่ห้วยทรายนะ มีบุรุษคนหนึ่งมาเข้านิมิตแม่ชีแก้ว เข้ามาขอว่า

    "..คุณแม่ นี้ผมเป็นลูกหมูถูกนายบินยิงอยู่ที่ภูเขาลูกนั้น ไปเผลอตัวถูกเขายิงตาย เวลาผมตายแล้วนี้เขาเอาเนื้อเอาหนังมาถวายมาทานที่นี้ เมตตาให้ฉัน(กิน) ฉลองศรัทธาให้ผมด้วย ผมจะได้มีส่วนบุญส่วนกุศลจากเนื้อนี้ ผม ตายด้วยความผลั้งเผลอ คือหิวน้ำไปกินน้ำ เขาฆ่าตาย เขายิง ผมสุดวิสัยตายไปแล้ว บุญกุศลจะเป็นเครื่องหนุนผม เวลาเขาเอามาถวายขอให้คุณแม่ช่วยฉลองให้หน่อย"

    นี้เห็นไหมละ พอตื่นเช้ามาก็เรียกหมู่เพื่อนมา แล้วแกก็เล่าให้เขาฟัง "ทำไมแปลกๆอย่างนี้ มันจะจริงไหม มันเป็นอย่างนั้นเมื่อคืนนี้"

    ไม่นานพวกลูกเมียของนายบินที่ฆ่าหมูตายแล้ว เอาเนื้อมาถวายสำนักแม่ชี "นี้เนื้ออะไร" โดยเนื้อหมูนี่ไอ้บินมันไปฆ่า ได้หมูมาจากภูเขานั้นๆ เลยเอามาทำบุญให้ทาน

    เป็นไงเข้ากันได้มั้ยละ ตรงเป้งเลย ชื่อไอ้บินจริงๆ ยิงหมูตายแล้ว ทางหมูได้มาบอกไว้ก่อน ..พอพระออกบิณบาตกลับมานี้ เขาก็เอาเนื้อหมูมา เราชักใหญ่เลยที่นี้ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นซักครู่ พูดกันยังไม่จบ มาก็เรื่องเข้ากันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย อย่างนี้เป็นต้น เข้าใจไหม มันลึกลับ

    "..สัตว์ทั้งหลายที่ตายไปนั้นจะห้ามกันได้อย่างไง เมื่อห้ามอันนี้ความมุ่งหมายของสัตว์ที่ตายไปแล้วจะไม่มีทางก้าวเดิน ไม่มีทางออก เข้าใจไหม ต้องอาศัยบุญกุศลจากเนื้อหนังของเขาที่ตายไปแล้วนั้น มาหนุนตัวเองไปอีก..."

    คัดลอก...จากหนังสือญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์

    โดย สายลม พเนจร

    ttps://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=270040719797358&id=241613022569390

    ตัดกำลังใจได้แค่นี้จะไม่มีโทษอะไร


    ฉันเนื้อสัตว์

    --------------------------------------------------------------------------------

    เรื่องของพระนางอุบลวรรณาเถรีมีอยู่ตอนหนึ่งที่ยืนยันได้เลย ปรากฏในพระไตรปิฎก ก็คือ ที่เขาสงสัยกันว่าพระพุทธเจ้าฉันเจหรือว่าฉันเนื้อสัตว์ ก็คือพระนางอุบลวรรณาเถรีท่านจำพรรษาในป่าสีตวัน (สีตวันก็คือ ป่าเย็น แสดงว่าเป็นป่าดงดิบลึกมาก)

    พระนางอุบลวรรณาเถรีก็คิดจะไปเฝ้าพระศาสดา จึงเหาะมาด้วยกำลังฤทธิ์ ปรากฏว่าในช่วงที่ผ่านป่าใหญ่ มันมีลานอยู่แห่งหนึ่ง เห็นมีชิ้นเนื้ออยู่ อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสัตว์มันฆ่าหรือพรานมันฆ่าไว้ ท่านก็ลงไป มองซ้ายมองขวา หาเจ้าของไม่เห็น จะเป็นคนเป็นสัตว์ก็ไม่เห็นมี กระแอมดูว่าจะมีใครตอบรับก็ไม่มี บาลีบอกว่ากระแอมถึงสามครั้งแล้วมั่นใจว่าไม่มีเจ้าของแน่ ก็ถือเอาชิ้นเนื้อนั้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อจะถวายให้พระองค์ท่าน เหมือนกับลูกศิษย์ไปหาอาจารย์ หาของฝากไปให้อาจารย์

    ลักษณะอย่างนั้นยืนยันได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านฉันเนื้อแน่นอน ไม่อย่างนั้น จะเอาไปฝากทำไม ส่วนใหญ่แล้วคนเขาจะให้พระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ความจริงก็ไม่มีที่ให้ติ เพราะท่านบอกว่าถ้าไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งคนอื่นฆ่า ไม่ยินดีเมื่อรู้ว่าเขาฆ่า จะกินก็กินไปเพราะไม่มีส่วนในกรรม แต่ถ้าเราสั่งเขาฆ่าอันนี้ผิดตรง ๆ เลย ลงมือฆ่าเองก็ใช่ หรือว่าเขาทำมาให้เราแล้วดีใจก็ใช่อีก ถ้าหากว่าบริสุทธิ์โดยสามส่วนท่านบอกว่าไม่เป็นไร ฉันได้ไม่มีส่วนร่วมในกรรม

    จริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านตั้งใจที่จะไม่ให้พระรบกวนโยม แบบเดียวกับเวลาที่อาตมาไปพม่า ครูบาน้อยฉันเจ อาตมาก็ฉันเจด้วย โยมเขาจะได้ทำมาชุดเดียว ไม่อย่างนั้นแล้วลำบาก ทำสองชุดแบ่งกัน เสียเวลามาก เสียของมาก

    เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒



    ถาม : ...................................
    ตอบ : เรื่่องอาหารพระ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์มี ๒ อย่างคือ
    ๑. ปะวัตตะมังสะ อาหารที่ เขาขายอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว เราจะสั่งหรือไม่สั่งเขาก็ฆ่าขายกันอยู่ อันนั้นสั่งมากินได้ไม่เป็นไร ซื้อได้อะไรได้ อย่างเช่น หมูที่เขาชำแหละอยู่ ไก่ที่เขาฆ่าขายอยู่
    ๒. อุทิสสะมังสะ เขาเจาะจงให้เฉพาะคน ถ้าเป็นอุทิสสะมังสะเจาะจงให้นี่ เรา"เห็นว่า เขาฆ่าเพื่อเรา รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา" เรากินไม่ได้เลย กินนี่เขาปรับทุกคำที่กลืน อันนี้ของพระนะ ของโยมเอาแค่ว่าเราไม่ได้สั่งก็พอ
    ตัวอย่างต้องหลวงพี่วิชชา หลวงพี่วิชชา ตอนนี้คงเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไปแล้วล่ะ สมัยโน้นท่านอยู่วัดศรีมณีวรรณ เป็นพระอภิญญา มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ ท่านเลื่อมใสหลวงพ่อ เพราะว่าพระระดับนั้นก็ต้องรู้ว่าหลวงพ่อเป็นอย่างไร ไปร่วมงานกันบ่อย คราวนั้นเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน ก็ใกล้เพล เฮ้ย...แวะแม่ลาปลาเผา แต่ตอนนั้นแม่ลาปลาเผางานยังน้อยอยู่ ก็ยังไม่ได้เผาปลารอแล้วมาอุ่นทีหลัง เหมือนสมัยนี้ ปลาจะเป็น ๆ เลย พอเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านเข้ามาถาม "จะรับอะไรดีครับ ?" ตอบว่า "อะไรที่อร่อย ๆ ก็เอามาเถอะ" เขาก็เข้าไปหลังร้าน เสียงทุบป้าบ ๆ ดิ้นพลาด ๆ เลย ได้ยินชัดเลย หลวงพี่วิชชาหน้าเหลือ ๒ นิ้วเลย (หัวเราะ) ตกลงวันนั้นได้นั่งดูปลาเผา ไม่มีใครแตะเลยสักคน (หัวเราะ) ยังดียังมีอย่างอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นอดตาย นั่นน่ะรู้เลยว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถึงไม่เห็นก็ได้ยินเต็มสองหู
    ถาม : ถ้าพระไม่ฉันนี่ผิดหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : เขาปรับตอนฉัน
    ถาม : ไม่ได้ฉันก็ไม่เป็นไรหรือคะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ นั่นจริง ๆ ก็ไม่ได้สั่ง ใครจะไปรู้ว่ามันเป็น ๆ ก็บอกเขาว่า "มีอะไรอร่อย ๆ ก็เอามา" แหม...ของเขาก็อุตส่าห์ขึ้นชื่อแม่ลาปลาเผา เขาก็ต้องเอาเมนูเด็ดของเขาออกมา ที่ไหนได้มันไปทุบเลย เสียงคงจะตีด้วยไม้ เสียงดังป้าบ ดิ้นพลาด ๆ แต่ว่าสมัยหลังใช้วิธีเผารอเอาไว้แล้ วพอถึงเวลาเอาเข้าไมโครเวฟแล้วก็เอาออกมา อย่างนี้เรียบร้อยไปนานแล้ว
    มีเหมือนกันแหละประเภทให้นัย ประเภทที่เรียกว่าให้ แม่ชีเดินจ่ายตลาด แม่ค้าก็ถาม "แม่ชีไม่ซื้อปลาหรือคะ ?" แม่ชีบอกว่า "ยังไม่ตายนี่" พอกลับมาตายเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้ให้นัยเขา มีโทษเหมือนกันนะ

    ถาม : อย่างเช่นเราสั่งกับข้าว เช่น ผัดหอยลายอย่างนี้ คนทำเขาก็ไปทำมาให้ เขาทำมาขายแล้วอย่างนี้ คนสั่งกับคนทำโดนด้วยกันไหมคะ ?
    ตอบ : คนทำโดนแน่ ๆ อยู่แล้วล่ะ เพราะถ้าหากว่าเป็นอยู่ คนทำต้องทำให้มันตาย คราวนี้คนสั่งถ้าตั้งใจสั่งก็โดนด้วยกัน อย่างของพระเขามี "สาณัตถิกะ" โดนอาบัติศีลขาดเพราะสั่งเขาทำ เขาปรับนะ ไม่ใช่สั่งคนอื่นทำแล้วเราจะปลอดภัย โดนด้วยกันนะ จะมี "สาณัตถิกะ" ศีลขาดเพราะสั่งคนอื่นเขาทำ "อนาณัตถิกะ ทำเองก็ขาด (หัวเราะ) ของพระเขาปรับละเอียด ไม่มีซอกไม่มีมุมให้หลบเลย สมัยหนึ่งเขาว่า "บาปคนทำ กรรมคนกิน" ความจริงโดนทั้งคู่แหละ (หัวเราะ)
    ถาม : อย่างนี้ต้องแผ่เมตตาให้เขาหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : จริง ๆ คือว่า ถ้าสามารถทำบุญให้เขาได้ก็ดี อย่างน้อย ๆ ถ้าเขายังจองเวรอยู่ ก็เอาเป็นว่าได้รับความดีไปเรื่อย ๆ จะได้ใจอ่อนบ้าง
    ถาม : วันนั้นไปปล่ยอปลากับเขาที่ตลาดพงษ์เพชร ก็ไปเอาปลาดุกที่เราจะเอาไปปล่อย เขาก็กำลังเลือกให้เราอยู่ แล้วเขาก็กำลังปิ้งปลาดุกขายด้วยแล้วก็มีคนมาบอก "นี่ปิ้งแล้วก็มี" ก็บอก "ไม่เอา ๆ เอาเป็น ๆ สิ" เราหาเป็น ๆ ไปปล่อย นี่เขาเอาเป็น ๆ ไปย่าง...!
    ตอบ : พูดง่าย ๆ คือว่า ทำกรรมเสียจนชิน ชินเสียจนไม่รู้ เขาเรียกว่า "อาจิณกรรม" อาจิณกรรมที่ทำจนชิน อย่างเรื่องฆ่าสัตว์นี่ลงอเวจีมหานรกแน่อนเลย อเวจีมหาจริง ๆ ลงยาก แต่แหม...มันลงกันจัง ถาม : ถ้าเราทำเป็นอาชีพล่ะคะ ?
    ตอบ : นั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านกำหนดไว้ว่า "มิจฉาวณิชชา"อาชีพในทางไม่ชอบมี ๕ อย่าง ๑. ขายสุรา ๒. ขายยาพิษ ๓. ขายอาวุธ ๔. ขายมนุษย์ ๕. ขายสัตว์ที่ยังมีชีวิต ห้ามเด็ดขาด...! ท่านบอกว่า "ผู้ที่เป็นพุทธมามะกะ มิสมควรจะกระทำ"คือว่าพวกสุรายาพิษ จริง ๆ เราไม่ได้ไปบังคับให้ใครเขากินหรอก แต่ว่าถ้าหากว่าตัดกำลังใจไม่ได้ จะพลอยไปยินดีกับเขา อย่างเช่น ขายได้มากก็ไปดีใจอะไรอย่างนี้ เท่ากับไปโมทนาบาปกับเขา

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ttp://www.grathonbook.net/book/98.html

    ลองอ่านดู
     
  11. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ถ้าจขกท.มีเจตนาอย่างนี้ก็เป็นกุศลครับที่จะไม่เบียดเบียน แต่สัตว์เหล่านั้นก็ยังไม่พ้นการความตายอยู่ดีครับ คนขายไม่ได้ฆ่ามาเพื่อเราครับ เค้าฆ่ามาเพื่อเงินที่เค้าจะได้ ถ้าให้คนฆ่ามาให้เราฟรีๆ เค้าจะฆ่าหรือไม่ครับ ฉะนั้นเราไม่ได้เป็นเหตุให้สัตว์นั้นต้องตายครับ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งคนอื่นฆ่า ไม่ยินดีเมื่อรู้ว่าเขาฆ่า จะกินก็กินไปเพราะไม่มีส่วนในกรรม

    จะกินก็กินไปเพราะไม่มีส่วนในกรรม
     
  13. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    ทำบุญไถ่ชีวิต โค กระบือ จากโรงฆ่าสัตย์

    โรงฆ่าสัตย์ เขามีลูกค้าเขียงที่ต้องส่งเนื้อเป็นประจำ
    ถ้าไปไถ่ วัว มา 5 ตัว ลูกค้าเขียงเนื้อก็จะไม่ได้เนื้อส่งตลาด (เสียลูกค้า)
    ดังนั้น พ่อค้าโรงฆ่า ก็จะสั่ง วัว มาเพิ่ม 5 ตัว (เพื่อทดแทนตัวที่ถูกไถ่ชีวิตไป)
    วัวที่ถูกไถ่ชีวิตไป ทุกตัวจะไม่ถูกวนขายมาเข้าโรงฆ่าสัตย์หรือ?
    ทั้งหมดนี้ ใครได้ผลประโยชน์
    แค่ทำให้คนทำบุญสบายใจ ได้โมทนาบุญ
    ไม่กินเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา แล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม?
    ถ้าไม่ให้กิน ก็น่าจะระบุไว้ในพระไตรปิฎกให้ชัดๆ จะได้ไม่เอาเนื้อสัตย์ไปถวายพระสงฆ์มื้อเพล สาธุ
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คนไถ่โค กระบือ ได้ประโยชน์ ครับ ^^
    ได้ต่ออายุไขตัวเอง บลาๆๆ


    ส่วน โค กระบือ ได้ประโยชน์ เพราะรอดตาย ต่อไปอีกครับ
    ส่วนตัวที่ถูกไถ่ไปนั้น เค้ามีโครงการดูแลต่ออยู่แล้วครับ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่กลับไปโดนเชือด


    ในพระไตรปิฎก ก็มีระบุชัดไว้แล้วครับ ว่า เนื้อแบบไหน ฉันได้ แบบไหนไม่ควร ถ้าจะถวายพระสงฆ์ นะครับ

    หรือแม้กระทั้งเรื่อง พระเทวทัตขอไม่ฉันเนื้อสัตว์ ก็มีบอกไว้หมด ว่าทำไมถึงไม่อนุญาติ ครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2014
  15. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ตรรกะไม่สมเหตุสมผลก็จะลงเอย แบบนี้แล...
     
  16. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ผู้ตั้งกระทู้ มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อศีลแล้วกระมัง....
    ศาสนาพุทธ แตกแยกแขนงได้ข้อคิดข้อพิจารณามาจาก ศาสนาฮินดู เล็งเห็น ได้เห็น ได้รู้จากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจากศาสนาฮินดู มีข้อศีลที่ได้แม่แบบมาจากศาสนาฮินดู จึงได้บัญญัติข้อศีลในศาสนาพุทธเอาไว้ แต่เนื่องด้วย "พระพุทธเจ้า สมณโคดม" เป็นผู้รู้จริงรู้แจ้ง เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จึงเพียงบัญญัติข้อศีลเอาไว้ว่า
    ๑.เว้นจากการฆ่าสัตว์
    ๒.เว้นจากการลักทรัพย์
    ๓.เว้นจากการพูดปด
    ๔.เว้นจากการประพฤติในกาม
    ๔.เว้นจากการดื่มเครื่องดองของเมา
    ที่บัญญัติไว้อย่างนั้นก็เพราะมองเห็นหลักความจริงในหลายๆด้าน และถือว่าเป้นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์
    คุณรับประทานเนื้อสุนัขหรือไม่....
    คุณรับประทานเนื้อคนด้วยกันหรือไม่....
    คุณรับประทานเนื้อหมู,ไก่,วัว,ปลา และอืนๆที่มนุษย์รับประทานกันเป็นปกติวิสัย เป็นธรรมชาติของมนุษย์ มันเป็นเรื่องธรรมดาขอรับ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
    แต่ถ้ามนุษย์หรือบนโลกมนุษย์ มีแต่พืชผักที่กินได้อย่างพอเพียงมนุษย์ก็คงไม่กินสัตว์อื่นๆอย่างแน่นอนขอรับ
     
  17. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    แต่กระผมว่า พืชผักนั้นเกลื่อนกลาดมากกว่าสัตว์โลกอีกนะครับ แต่ที่กินเนื้อสัตว์กันนั่นเพราะให้พลังงานมาก และมีรสชาดที่ถูกปากมากกว่า อดีตที่ผ่านมาสัตว์มันไม่ได้มีพอให้ทุกคนกินมาก่อน แต่ปัจจุบันมันเป็นธุรกิจ เลี้ยง ขุน ขยายพันธ์ แปรรูป ก็เลยมีกินกันได้ทั่วถึงนั่นเอง เลี้ยงไว้ฆ่ากิน เกิดมาพร้อมโทษตาย น่าสงสารนักแล
     
  18. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817

    คุณขอรับ ผักนั้นต้องปลูกตามฤดูกาล นะขอรับ คุณอย่าคิดว่าผักมีมากทุกฤดูกาล ประการที่สำคัญทุกคนรวมทั้งตัวคุณด้วย รับประทานเนื้อสัตว์(ไข่ก็จัดอยู่ในจำพวกเนื้อสัตว์อย่างหนึ่งมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย พอโตขึ้นมา เพราะความรู้เท่าไม่ถึงกาล ทำเป็นดัดจริตว่าสงสารสัตว์ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์(ขออภัยนะขอรับ) ข้าพเจ้ารับรองได้เลยว่า คุณต้องขาดสารอาหารที่สำคัญอย่างแน่นอน พอขาดสารอาหารคุณก็จะเป็นทุกข์ขอรับ เข้าไปหาศาสนาพุทธเลยนะขอรับ ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องขจัดทุกข์ ต้องเรียนรู้หลักโภชนาการเพื่อให้พ้นทุกข์ได้ในระดับหนึ่ง ร่างกายสำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณหรือใครๆเป็นทุกข์ได้ทุกรูปแบบ และร่างกายก็สามารถทำให้ลุดพ้นจากทุกข์ได้เช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2014
  19. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ใครจะแดรกอะไรก็แดรกๆไปเหอะ แต่อย่าบ่นว่าสงสารสัตว์ ทั้งๆที่ตัวเองยังแดรกเนื้อเขาอยู่ เครนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2014
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........ถ้าเรียกว่า การรณรงค์ เช่น รณรงค์ ไม่ให้ทิ้งขยะเพ่นพ่าน...รณรงค์ให้ ปลูกป่า..รณรงค์ให้โตไปไม่โกง..ก็ดี ครับ...การรณรงค์ ก็ ย่อมมีท่าที แบบนั้น ส่วนใครจะนำไปทำได้แค่ใหน มันก็คงแล้วแต่.....:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...