เราสามารถจับพลังพระเครื่องผ่านเพียงภาพถ่ายได้จริงหรือเปล่าครับ

เคยได้ยินเรื่องราว การจับพลังพระเครื่องมาพอสมควร และเคยเห็น ท่านผู้มีความรู้ด้านนี้ จับพลังมากับตัวเอง โดยการจับเหมือนๆที่ทั่วๆไปทำกันคือ จับพลังผ่านพระเครื่องนั้นๆโดยตรง แต่ไม่นานมานี้เพิ่มเคยได้ยินการจับพระเครื่องผ่านทางรูปภาพ หรือรูปถ่าย เลยเกินข้อสงสัยว่า ทำได้จริงหรือไม่ ต้องฝึกสมาธิสูงกว่าจับผ่านพระเครื่องโดยตรงหรือเปล่า และมีใครพอจะทำวิธีนี่ได้บ้างครับ รบกวนขอความรู้ และแชร์ประสบการณ์ร่วมกันได้นะครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านมากครับ ^^

 

ต้องบอกว่าเเสดงความมโน ว่า น่าจะได้ ทิพย์จักษุ ก็รู้ได้หมด เเต่เท่าที่ควรจะรู้ ไม่เกิน พระ อรหัตน์ พระปักเจก พระ พุทธเจ้า

 

จะเล่าให้ฟังเป็นลำดับอย่างนี้นะครับ
เรื่องการจับพลังงานในวัตถุนะครับ
จริงๆเรื่องที่ถามว่าเห็นจากรูปยังไม่ใช่
ประเด็นหลักๆนะครับ แต่ให้ลองอ่านดูก่อนนะครับ
และไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระเครื่องอะไรนะครับ
เป็นวัตถุอะไรก็ได้หมดครับ

ลำดับของการเข้าถึงเรื่องพลังงานคือ
๑.ความรู้สึกรับรู้ได้ทางกาย และใจ
เป็นอาการเบื้องต้นของผู้ที่เริ่ม
เข้าถึงทางด้านพลังงานครับ

๒.คือการได้จับต้องวัตถุ
และรู้สึกได้ทางกาย

๓.การเห็นเพียงภาพเป็นลำดับต่อมาครับ...
๔.การเพียงแค่พูดถึงแล้วรู้สึกได้เป็นลำดับต่อมาครับ...

ทั้ง ๔ ข้อที่กล่าวมา ระดับใช้งานก็คือ ข้อ ๔ ครับ
ถ้าข้อ ๑ ๒ หรือ ๓ นั่นถือว่าธรรมดาและก็ธรรมดามากครับ
ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถนะครับ
แต่ว่ามันธรรมดาๆพอเข้าใจนะครับ
ยังไม่ต้องไปให้ความสนใจมากครับ...
ส่วนจะยังชอบหรือเกี่ยวข้องกับข้อไหน
ก็สุดแล้วแต่ เพราะมันสามารถพัฒนาถึง
ข้อที่ ๔ กันได้ทุกๆคนครับ ไม่ใช่เรื่องแปลก
และไม่ใช่เรื่องวิเศษวิโสอะไรเลยครับ
สำหรับบุคคลที่สามารถเข้าถึงพลังงานได้ครับ

และสิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะรับรู้ได้แบบไหนทั้ง ๔
ข้อที่กล่าวมา ก็คือ รู้แล้วเข้าใจได้
ว่าเป็นอย่างไรนั่นหละครับ
ตรงนี้สำคัญที่สุดครับ
เพราะจิตจะต้องแปลการรับรู้ได้
ออกมาเป็นสิ่งที่รู้ได้ครับ
ไม่งั้นก็จะแค่รับรู้ได้ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร
เช่น ไม่รู้ว่าพลังงานแบบไหน พลังงานอะไร
แหล่งพลังงานจากไหน ประมาณนี้
รวมทั้งความสามารถในการเพิ่ม ลด ดึง
และเล่นกับพลังงานซึ่งจะต้องมีเป็นปกติครับ..

โดยปกติแล้วถ้า จิตเคย เคยเข้าถึงอรูปฌานได้
ด้วยการขึ้นรูปฌานต่างๆไม่ว่ารูปอะไร จะภาพพระ
จะกสิณ หรืออะไรก็ได้มาก่อนแล้วถึงรูปฌานในระดับ
กำลังสมาธิสูงหน่อย
และก็สามารถทิ้งรูปฌาน
ไปเล่นอรูปฌานต่อได้
สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดข้างบนนั้น
จะเกิดขึ้นกับจิตของบุคคลนั้นได้ เป็นปกติ
ย้ำว่าเป็นปกติธรรมดา แม้ไม่อยากให้เกิดมันก็จะเกิดได้เอง
เป็นธรรมชาติของจิตครับ
เหมือนๆเราหายใจได้ในชีวิตประจำวัน
นั่นหละครับ...

ถ้าเห็นแล้วว่าคงยากกว่าจะทำได้
ให้สวดคาถาสายบารมี ที่รู้ๆกันอยู่นั่นหละครับจนกระทั่ง
เห็นมวลอากาศรอบตัวๆเคลื่อนที่ได้
เห็นการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้
แบบชนิดที่ว่าใสๆและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆนะครับ
ย้ำว่าใสและเห็นได้ขณะลืมตาด้วยนะครับ
ที่ไม่รู้เข้าไม่ถึงกัน เพราะชอบสงสัย
อะไรที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง ต้องระวังนะครับ
ถ้าอยากเข้าถึงได้ อะไรไม่รู้ช่างมันไว้ก่อนครับ
เด่วมันจะมีเครื่องย้อนรู้ได้เองในอนาคตครับ
ความสามารถของจิตก็จะถึงข้อที่ ๔ ได้โดยธรรมชาติ
จะต่างแค่ความละเอียดของจิต
ในการรู้สิ่งที่สัมผัสได้เท่านั้น
ขึ้นอยู่กับการคลายกิเลสในจิตครับ
หรือก็ต้องเจอคนที่ช่วยดึงความสามารถ
ตรงนี้ของเราขึ้นมาซึ่งตรงนี้มันมีวาระ
ไม่ใช่ว่าจะดึงขึ้นมาให้ทุกคนได้นะครับ.(^_^)
ปล.พวกนี้ร่างกายรู้สึกได้ ใช้มือสัมผัสได้ และสามารถแตะต้องได้
ไม่ใช่มโนนะครับ

 

ช่วยเสริมครับ กรณีนี้ถ้ามาทางทิพย์จักษุโดยตรง ส่วนตัวเรียกว่า
พระอภิญญาจิตภายใน ในระดับที่มักเรียกท่านว่า พระจิตไว
ในระดับที่ไม่ต้องเห็นนะครับ แค่อะไรก็ได้ที่สื่อถึงวัตถุครับ..

 

ขอบคุณ พี่นพมากๆครับป๋ม ^^

 

ภาพถ่ายบางภาพก็มีพลังแฝงจริงครับ
เป็นพวกภาพถ่ายพระเครื่องบางองค์ ภาพเกจิ หรือภาพถ่ายดาราบางคน มีพลังแฝงอยู่จริง
แต่จะเท่าต้นแบบหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบ

 

อาชวิน จิรจินดา เคยสอนให้พวกที่นำพระเครื่องไปตรวจกับเขาว่า
ภาพถ่ายพระเครื่อง มีพลังเทียบเท่าองค์จริง ดังนั้นจึงพกติดตัวเพื่อคุ้มภัยได้
ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เพียงแต่ฟังไว้เฉยๆเท่านั้น ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ

 

ความจริงเรื่องทำนองนี้
ก็ไม่ควรไปให้ความสำคัญ
อะไรมากมายจนลืมคำสอน
และแนวปฏิบัติที่แท้จริงไป..
เพราะการห้อยพระที่แท้จริง
เรื่องความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ยังไม่ใช่ประเด็นหลักครับ
แต่ก็เป็นไปตามวาระนะครับ

แต่ถ้าไม่สนใจอะไรเลย
ก็เฉยๆไปก็ไม่มีผลอะไร


แต่ถ้าต้องการจะเข้าถึงได้ก็ควรปฏิบัติ
ให้รู้และเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง
พอรู้แล้ว ก็ละซะ แล้วก็วาง

เพราะการปฏิบัติบูชา
ที่ดีที่สุดแท้จริงคือปล่อยวางครับ

ยิ่งวาง ยิ่งเบา ยิ่งวาง ยิ่งนิ่ม
ยิ่งวาง ยิ่งเข้าถึงได้ไว
ได้เร็ว และอัตโนมัติมากกว่า.
และมันจะเป็นไปอัตโนมัติ
ของมันได้เองในอนาคต
โดยที่ไม่มีตัวเราไปเป็นผู้กระทำครับ..

 

(เสริมครับ)
...พระคือสื่อพลังงาน รูปลักษณ์ (เช่น รูปภาพ) ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน
เป็นสื่อพลังงาน...
...มี รูป (เช่นภาพ) ก็ต้องมี นาม (พลังงาน)...
...ตา มองภาพ จิต สัมผัสพลังงาน...
...รูปลักษณ์ใด ๆ ที่สร้างขึ้นมา ก็จะมีพลังงาน เข้าจับทันที บางทีไม่ต้องปลุกเสกก็มีขึ้นมาเอง เช่น พระหลวงปู่ทวด เป็นต้น...
....อนุโมทนาบุญ ขอน้อมกราบหลวงตาม้า ครับ...