เริ่มฝึกสมาธิแต่ยังรู้สึกฟุ้งซ่านอยู่ค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย chomchom, 25 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. chomchom

    chomchom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    อายุยี่สิบปี เพศหญิงค่ะ เริ่มต้นอยากฝึกสมาธิแต่เวลาพอนั่งที่ไรรู้สึกว่าฟุ้งซ่านตลอดเลยค่ะ ปกติเป็นเด็กขี้กลัวเด็กขี้กังวลคิดมาก ชอบนั่งคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าทำแบบนั้นขอให้แบบนี้นะ บางทีก็เผลอคิดอะไรให้เกิดแย่ๆกับตัวเองกับคนอื่นไปถ้าเราทำแบบนั้นแบบนี้ เหมือนตั้งเงื่อนไข แล้วก็มานั่งคิดว่ามันน่าคิดไปเลย กลัวมันจะเป็นจริง ไม่น่าทำแบบนั้นเลยถ้าที่คิดเป็นจริงขึ้นมาละ แต่ก็ไม่ได้ไปพูดหรือบนบานกับสิ่งศักดฺสิทธิ์หรือพระที่ไหนนะคะ คือตีรวนกันอยู่ในความคิดตัวเองที่ ไม่เคยจะเจตนาให้เป็นแบบนั้นเลย เหมือนแบบ พอคิดแย่ๆไปปั๊ปก็ ไม่เอานะไม่เอาไม่เป็นแบบนั้นนะ ถ้าทำแบบนั้นไม่เป็นแบบนั้นนะ พอคิดแบบนั้นก็กังวลสุดโต่ง กลัวนู้นกลัวนี่กลัวนั่น กลัวเรื่องสุขภาพ ความคิดเราดูเหมือนคนจิตอ่อนเลยค่ะ เลยกังวลมาก กลัวบาป กลัวกรรมอ่ะ เพราะเป็นคนที่คิดมาก ถึงมากที่สุด พอคิดปั๊ปมันก็ต่อยาวเลย บางทีก็แบบอยู่ดีๆมันก็ฟุ้งซ่านอีกแล้ว คือทรมานมาก ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้วค่ะ มีวิธีอะไรแนะนำในการฝึกขั้นต้นให้มีสมาธิไหมค่ะ ตอนนี้ก็ทำบุญตักบาตรทุกวันพระ สวดมนต์ก่อนนอน แผ่เมตตารู้สึกทำให้หลับสบายมากขึ้น แต่พอมีความคิดแย่ๆคิดกังวลไปก่อนมันก็กลับมาฟุ้งซ่านกลัวนู้นกลัวนี่อีกแล้วค่ะ ขอความช่วยเหลือด้วยนะคะ T^T
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จริงๆ ลองถามตัวเองดูครับ นั่งสมาธิ แล้ว ฟุ้งซ่าน

    พอไม่นั่งสมาธิ เวลา ดูทีวี ดูหนัง ดูซีรี่เกาหลี อื่นๆต่างนาๆ ฟุ้งซ่านไหมเวลาดูสิ่งเหล่านั้นอยู่



    กรรมฐาน มี 40 วิธีการ

    ลองเลือก กรรมฐาน ให้ตรง จริต ฝึกแล้ว ฟุ้งซ่านน้อยลง จนจิตสงบ ดูครับ

    ตอนแรกๆ มาฝึก ก็เป็นแบบนี้กันหมดทุกคนละครับ ฟุ้งซ่าน ไปเรื่อยๆ


    พอฝึกไปนานๆ ผลเริ่มมา ฟุ้งซ่าน จะลดน้อยลงไป


    หาคำบริกรรม ภาวนา อย่าให้หลุดจากคำบริกรรม ฝึกไปนานๆ จะแก้ความฟุ้งซ่านได้ครับ


    บริกรรมไปเรื่อยๆ เผลอสติ ไปฟุ้งซ่านเมื่อไหร่ พอ สติตามทัน รู้ตัวว่า ฟุ้งซ่านไปแล้ว ให้ตัดความคิดฟุ้งซ่านออก ก็ให้กลับมาที่คำบริกรรม ครับ

    ตอนแรกๆ จิต ยังไม่มีกำลังพอ อาจจะลำบากหน่อย


    พอฝึกไปนานๆ จิต เริ่มมีกำลัง อาการฟุ้งซ่าน จะหายไป

    ฝึกไปเรื่อยๆ จะสามารถ หยุดความคิดได้ ครับ


    อีกวิธี ใช้ ปัญญาอบรมสมาธิ ครับ

    คือ ใช้ สติ ไล่ความคิดไปเรื่อยๆ พิจารณาไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย มันจะหาคำตอบไม่ได้ มันก็จะหยุดความฟุ้งซ่าน ได้เหมือนกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2013
  3. chomchom

    chomchom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    ชอบฟุ้งซ่านเวลาว่างๆค่ะ อย่างก่อนนอน ช่วงก่อนจะหลับ ช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรทำ จิตมันชอบหลุดไปเรื่อย พอเผลอคิดอะไรที่ทำร้ายตัวเองไปหรือไม่เกิดผลดีกับตัวเอง ก็เครียด แล้วก็จิตตกหนักกว่าเดิมค่ะ ต้องฝึกไปเรื่อยๆใช่ไหมค่ะ มันคงไม่หายปุ๊ปปั๊ปใช่ไหมค่ะ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หากที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้ สร้างเงื่อนไขขึ้นมา เพื่อหลอกถามที่แอบแฝง
    หรือ โดนยุแยงบางอย่างมาจาก พวกภาวนาไม่เป็นแต่อยากสอน( หมายถึง
    คนอื่น พูดให้เรา ปริวิตก หรือ กลายเป็นพวกเสแสร้ง อย่างหนึ่งอย่างใด)

    แต่เป็นพฤติจิตบางประการที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ที่ตัวคุณเอง ขอให้
    คุณพูดตรงนี้ซ้ำๆ ก่อนสักสี่ห้ารอบร้อยรอบ จนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลย
    ก็ได้

    สิ่งที่ต้องการให้หยิบ ข้อเท็จจริง ปัจจัตตัง ที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง ย่อม
    หมายถึงไม่ใช่อาการนกแก้วนกขุนทอง หากมันมีอยู่จริง ก็คือ คำว่า

    "กลัวบาป กลัวกรรม" แล้วไม่ต้องเติม "อ่ะ" อย่าให้ "สักกายทิฏฐิ" มัน
    เกิดมาปิดบังผลงาน ข้อเท็จจริง ปัจจัตตัง ที่เกิดจากการ หมั่นสดับธรรมะ

    เมื่อไม่มี "....อ่ะ" มีแต่ "กลัวบาป กลัวกรรม" แล้วภาวนาเห็นจิตของ
    ตนพัฒนาไปตามเส้นทางนี้ จะค่อยๆละ การเลือกข้าง ไม่ใช่แค่ กลัวบาป
    เท่านั้น แต่จะต้องมี ฉันทะในการประกอบกุศล ที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย
    ( ถ้าเป็น ความกลัวข้างเดียว ความฉลาดในการประกอบกุศล จะถูกกดไว้ )

    ซึ่ง ที่แนะให้เห็นตัวนี้ เพื่อให้เกิด ความกล้าหาญ ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้

    คนเราหากมั่นใจในพฤติกรรมของตนว่า ห่างไกลจากบาป นั่นหมายถึง
    ย่อมต้องฉลาดในการประกอบกุศล การสมาทานสิกขานั้น จะต้องเกิด
    ความร่าเริง ตื่น และ เบิกบาน ในการภาวนา

    มีแค่นี้

    ส่วนเรื่องอื่น จะจัดเป็นเรื่อง หากไม่มาถามเพื่อจงใจให้เขว ก็ถูกคนอื่น
    จูงใจให้พูดธรรมเขว ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว ประกอบอยู่ ถึงดีมั๊กๆ


    เช่น

    ถามว่า จะทำสมาธิแบบไหนดีค่าเพื่อให้ใจสงบ ก็พบว่า มีการถามเอง
    ตอบเองไปแล้วว่า แผ่เมตตา ทำให้จิตใจสงบ .......แต่ ถ้าเป็นเคส
    โหลยโถ่ยโดยไม่เจตนา ก็คือ พอใจ สงบ ดันเอาไปเป็นประโยชน์ต่อ
    การ ติดนอน ( จริงๆ เขามีแต่ ใจสงบแล้วก็มา ภาวนา ให้ยิ่งๆขึ้น )


    ส่วนเรื่อง " ความกลัว กับ ความฝุ้งซ่าน " หรือ "ความฝุ้งซ่าน ผลิกกลับ
    เป็น ความกลัว " อันนี้ เจ้าของกระทู้ ก็พูดในแง่ ของปัจจัยการ สำแดง
    การเห็น ปัจจัยการ อิทัปปจัยยตา อยู่แล้ว มันจึงเป็น การกล่าวภูมิธรรม
    ด้วยตัวคุณเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครหน้าไหน ไปชี้ ปัจจัยการ ที่เกิดขึ้น
    อีก.......แต่ ถ้าเป็นเคสโหลยโถ่ยโดยไม่เจตนา ก็จะคล้ายๆกัน คือแทน
    ที่จะเอามาเป็นประโยชน์ต่อการภาวนา ดันเอาไป สนองให้กับ นิวรณ์5
    คล้ายๆ ภาวนาดีแต่เอาผลงานยกให้การนอน ไปซะงั้น ( ทำให้ มัน
    แปลกๆ เหมือน มาแกล้ง แสร้งถาม มากกว่า จะถามจริงๆ )



    ยิ่งประโยคนี้นะ

    ประโยคนี้ จะเป็นประโยคหากินของพวก เดียรถีย์ ที่เอาไว้พูดให้เขว
    ทั้งๆที่ " กลัวนู้น กลัวนี่ กลัวเรื่องสุขภาพ " มันเป็นเรื่อง การเห็นทุกขสัจจ แท้ๆ
    แต่ดันพูดให้เขวว่าเป็นเรื่องของ คนจิตอ่อน.......แต่ ถ้าเป็นเคส
    โหลยโถ่ยโดยไม่เจตนา ก็ไม่เห็นต้องตกใจ ควรภูมิใจ ที่ "ยกจิตมาพิจารณา
    ทุกข์สัจจอยู่เนืองๆ"
    เสียก็สิ้นเรื่อง แถมเป็น การพิจารณาอริยสัจจที่ใช้
    ได้ตั้งแต่ต้น จนจบกิจเลยด้วยซ้ำ อรหันต์จำนวนมาก ก็พิจารณาทุกข์แบบนี้แล้ว
    ก็สำเร็จกันหลายต่อหลายท่าน เช่น เห็นช้างแล้วจิตสะดุ้ง พอเห็น จิตสะดุ้งมีอยู่
    ก็เห็นอริยสัจเลิกโง่เกยตื้นเป็นผีใหญ่ เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2013
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แนะนำว่าให้ ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อนทุกๆ วันครับ

    คนที่ไม่ได้ฝึก จิต ย่อม ฟุ้งซ่าน เป็นธรรมดาอยู่ส่วนนึงอยู่แล้วครับ

    เราฝึก จิต ปฏิบัติ สมาธิ เราต้องหางานให้ จิตทำ ลดความฟุ้งซ่าน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ครับ

    จะหายปุบปับได้นั้น เวลา เราตั้งใจทำอะไร ในชีวิตประจำวัน มันก็หายฟุ้งซ่านปุบปับ อยู่แล้วครับ

    เพียงแต่ว่า ถ้าไม่มีอะไร อยู่เฉยๆ จิตมันก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ ตาม จิตแต่ละคนนั้นเองครับ


    ถ้าฝึก สมาธิ ก็ช่วยให้หายฟุ้งซ่านได้ครับ
     
  6. chomchom

    chomchom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณมากค่ะ จะปฏิบัติตามนะคะ
     
  7. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เจริญอานาปานสติไปเรื่อยๆนะครับ
    เพราะเป็นกรรมฐานดัดนิสัยอารมณ์ฟุ้งซ่าน

    ปล. ทุกคนที่เริ่มปฏิบัติก็ฟุ้งซ่านทั้งนั้นแหละครับ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    การคิดแล้วไปปรุงร่วมกับความคิดต่อ.เป็นการสร้างกำลังให้ความคิดนั้น
    โดยที่เราไม่รู้ตัว..ให้ฝึกดับความคิดไม่ว่าจะเรื่องอดีตหรืออนาคต
    ไม่ว่าจะไม่ดีหรือดีให้ดับให้หมด ส่วนมากเรื่องไม่ดีชอบไปคิดตาม
    เพราะว่าความคิดจุดนี้พอมีกำลังจากการไปปรุงแต่งร่วมที่เราได้สะสม
    กำลังให้จุดนี้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน และเรื่องดีก็ไม่ยอมดับเหมือนกัน
    เป็นเหตุให้เรื่องพวกนี้ผุดขี้นมาทำให้รู้สึกฟุ้งซ่านขณะทำสมาธิ.
    ถ้าแรกๆความคิดอาจยังไม่ลง ให้ใช้หลักคิดดีๆป้อนให้ก่อนได้ เช่น เรื่องนี้
    ไม่มีนะเป็นอกุศล เรื่องนี้ผ่านมาแล้ว..ไม่ควร ไม่ใช่ทางทำนองนี้..และ

    ให้ฝึกดับความคิดด้วยการเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ได้ต่อเนื่อง
    ด้วยนะครับ.เพราะเป็นการสะสมกำลังสมาธิแบบเล็กๆน้อย
    แบบสะสม..โดยที่เราไม่รู้ตัวจะทำให้นั่งสมาธิและลดอาการคิดฟุ้งซ่านได้ดีขึ้น
    .และที่สำคัญอย่าไปใส่ใจกิริยาของบุคคลอื่นๆ
    แล้วเก็บมาคิดนะครับ..ยกเว้นเวลาทำงานให้ใช้หลัก อิทธิบาท ๔
    ซึ่งใช้ความคิดได้เต็มที่ไม่เป็นไร..
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  10. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ก็เอาความฟุ้งซ่านนั้นละเป็นอารมณ์ ดูความฟุ้งซ่านนั้นละครับตอนที่มีความฟุ้งซ่าน หากมันไม่มีก็ทำสมาธิต่อไป หากมีก็ดูกันไป ง่ายๆแค่นี้ครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  11. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    คริสซ้ำกันหลายๆรอบว่า

    มีเหตุอย่างนี้ปัจจัยเป้นอย่างนี้
    แล้วผลจะเป็นอย่างไร
    ต้องเป็นอย่างนี้หรือไม่

    ลองหามุมมองมาเปลี่ยนว่า
    เหตุเก่าเหล้าขวดใหม่
    เมาเหมือนเดิมไหม
     
  12. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ที่คุณเล่ามาก็พอจะคาดเดาได้ว่า คุณเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ค่อนข้างจะรุนแรง เวลารักก็จะรักจริงจัง เวลาเกลียดก็จะเกลียดสุดขั้ว เวลาคิดอะไร ก็จะคิดจนกว่าจะหาข้อยุติ ฯลฯ จะสอนหรือแนะนำให้คนอย่างคุณไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสอนหรือแนะนำไปคุณจะทำได้หรือทำไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะคุณไม่ใช่คนจิตใจอ่อนแอ แต่คุณเป็นคนมีทิฎฐิ ยึดมั่นถือมันในตัวเองมากเกินไป คือรู้มากแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ในทางตรงกันข้ามคุณกลับใช้ความรู้ และความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองที่มีอยู่ไปในทางที่ผิด ใช้ไปในทางที่ทำให้ตัวเองเกิดทุกข์ ดังที่คุณเล่ามา ไม่มีใครแก้ไขให้คุณได้ นอกจากตัวคุณ สิ่งที่คุณทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว เช่น ทำบุญสวดมนต์ แผ่เมตตา และคิดจะปฏิบัติสมาธิ แต่คุณต้องแก้ไขตัวคุณเอง แก้ให้ตรงจุด การปฏิบัตสมาธิ อาจจะไม่ช่วยให้คุณดีขึ้น เพราะมันขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและความต้องการของคุณ กลับไปอ่านอีกสักสองรอบ แล้วค่อยๆพิจารณา ขอรับ
     
  13. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถามจริงขอรับ
    หน้านี้เขาเน้นการรู้จักตัวเอง
    และการ ระลึกวาด
    กระผมเองวาดมาเยอะไม่เจอชาติ
    ท่านเป็นหรือกระผมเป็นไคร...เป็นใคร่
    คามจริงเสียกับเสือ
    แต่ยังแบกปุ๋ยอยู่

    เพื่ออะไร
     
  14. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    มีทางเดียวที่จะพบสุข

    ท่านต้องสงบก่อนหรือไม่อย่างไรขอรับ
    ลองศึกษาเรื่อง
    วิตกแล้วนำมาวิจารณ์
    พิจารณาแล้วให้เกิดปิติ
    คือเราก็แก้ปัญหานี้ได้แม้ไม่ถาวร
    คือดับเขาลงไปก่อนไม่ว่าวิธืใดแต่อย่าขัดจารีตศิลธรรม
    คือดับชั่วคราว
    ด้วยการทำสมาธิเดียว
    กล่อมตัวเองด้วยคำภาวนาซ้ำๆเดี๋ยวสงบขอรับ
    พอสงบแล้วไม่นำสู่ปัญหาแน่นอน
    จะนำไปสู่ความสุขใดเท่าความสงบไม่มี
    และจะพบกับเอกคตารมณ์แน่นอน

    เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าดับทุกได้

    แต่หากท่านอยากดับทุกข์

    ได้ทุกขณะ

    ก็มีทางเหมือนกันท่านมีศรไว้อย่างดี
    เพียงแต่เราจะทำหรือไม่อย่างไรเท่านั้นขอรับ

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เอาความฟุ้งซ่านนั้นละเป็นอารมณ์

    กำลัง ฟุ้งซ่าน เรื่อง เสื่อมๆ กามๆ

    เอาความฟุ้งซ่านนั้นละเป็นอารมณ์

    ดูความฟุ้งซ่านนั้นเข้าไป

    (tm-love)


    ธาตุ ๖
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕
    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


    ถ้าเราทำความสงบของใจเข้ามา กิเลสสงบตัวลง เห็นไหม
    ถ้ากิเลสไม่สงบตัวลงเป็นสมาธิไม่ได้ นี่สมาธิที่เป็นไม่ได้เพราะมันฟุ้งซ่าน มันฟุ้งซ่าน ความคิดมันแผ่กระจายไปทั่ว




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  16. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    หากทั้งหมดเขาดับไป
    ทำอย่างไรขอรับ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เคล็ดลับ นักธรรม

    โปรพุธโธนี่ กล่าวไว้ว่า เวลาลงไปในบ่อทรายอุธัจจะ ความฝุ้งซ่าน
    นั้นจะกระจัดกระจาย แต่จะทำอย่างไรให้ เป็นหนึ่ง

    ความฝุ้งซ่าน ชื่อ มันเหมือน เป็นสภาพธรรมที่กระจัดกระจาย ไม่อาจ
    เป็นหนึ่งได้

    แต่ สมาธิของนักธรรม จะต้อง พิจารณาด้วย อารมณ์ใดๆ เป็นหนึ่ง

    ความฝุ้งซ่าน จะเป็นหนึ่งได้ โปรพุทโธ แนะนำว่า ให้เห็นความฝุ้ง
    ซ่านนั้นด้วยความเป็นสามัญลักษณะ ( ไตรลักษณ์ )

    เมื่อ พิจารณาอารมณ์ฝุ้งซ่านด้วยความเป็นสามัญลักษณะ จิตจะเป็นหนึ่งทันที

    หรือ ......เพียงแค่ รู้ไปตรงๆว่า ความฝุ้งซ่านนี้เป็นสภาพธรรมที่ขวางกั้นความ
    เจริญไว้ ทำความรู้สึกเห็นความฝุ้งซ่านที่ปรากฏไปตรงๆ แบบนี้ ก็ พลิกกลับ
    เข้า จิตหนึ่ง ได้เหมือนกัน

    ถ้าผลิกเข้าจิตหนึ่งได้ โอกาสเกิดอัปปนาสมาธิ จะมีสูงมาก สามารถทำโฮลอินวัน
    ได้เลย เพียงแต่ ......... จะต้องขยัน ระเบิดหลุมทรายใน หลุมซาฮาร่า ให้ถึง
    ที่สุดไม่ท้อไม่ถอยไปเสียก่อน เท่านั้น !

    ************

    ปล. อุธธัจจะ ในทางธรรม หมายถึงความฝุ้งซ่าน แต่ ความฝุ้งซ่านแบบ
    สนองกิเลส มีความเห่อเหิม (ไม่เกรงกลัวต่อบาป ต่อกรรม ) จะคนละ
    อย่างกันกับ ฝุ้งซ่านทางธรรม ( ฝุ้งธรรม ธัมมุธัจจะ ก็เรียก ) ความ
    ฝุ้งธรรม ที่ไม่ทำให้เกิดความเห่มเหิม ธรรมชนิดนี้เอามาตามพิจารณา
    ไปได้เลย ความฝุ้งธรรม ไม่มีทางทำร้ายใคร เพียงแต่ มันขวางกั้น จิตรวม
    ที่เป็นปัจจัยให้ประจักษ์ นิพพานแท้ๆ เท่านั้นเอง [ ถ้าสังเกตดีๆ นี่เป็น
    การสอนให้ทำสมาธิ คนมีปัญญาเท่านั้นพิจารณาได้ คนมีปัญญาทราม
    ฟังแล้วจะไม่เข้าใจ ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2013
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ธัมมุธัจจ์ แปลว่า ความฟุ้งซ่านธรรม หรือ ตื่นธรรม

    ธัมมุธัจจ์ มาจากคำว่า ธัมมุทธัจจะ หรือ ธรรมุทธัจจะ (ธรรม+อุทธัจจ์ - ความฟุ้งซ่าน)

    อรรถกถาเรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส (องฺ.อ.2/447; วิสุทธิ.3/267)

    ธัมมุทธัจจ์ = ความฟุ้งซ่านธรรม

    หรือ วิปัสสนูปกิเลส = เครื่องเศร้าแห่งวิปัสสนา มี ๑๐ อย่าง
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ธัมมุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านในธรรม เหตุแห่งวิปัสนูปกิเลส
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้วไงครับ เจอ ศัพท์บาลี เห็นคำว่า วิปัสนูปกิเลส แล้ว ขี้หด ตดหาย เหรอ

    ไม่เอาหน่า

    วิปัสนูกิเลส นั้น มันเป็น สภาวะธรรมที่ขวางกั้นนิพพาน ของคนที่ใกล้ถึงนิพพาน

    คนที่บ่ายหน้าเข้าหานิพพาน ย่อมต้อง เจอะกับ วิปัสนูปกิเลส กิเลสชั้นสูง
    กิเลสปราณีต ซึ่ง จะคนละเรื่องกับ ปุถุชนคนหนาที่ไม่เคยภาวนา เจอคำ
    ว่าวิปัสนูปกิเลส ก็ขี้หดตดหาย ขี้ขึ้นสมอง ต้อง วิ่งไป อมคำครูบาอาจารย์
    สำนักนั้น สำนักนี้ มาปะปุขี้ในสมองของตน

    อย่าไป งง นะ เจ้าของกระทู้

    คนที่ภาวนาเป็น ทำอานาปานสติ มาสักระยะหนึ่ง หากภาวนาถูก จิตจะไม่มี
    ความคิด

    คำว่า จิตไม่มีความคิด เขาหมายถึง เอาความคิดบรรรดามี ที่ผุดขึ้นในจิต
    มาอาศัยระลึก เพื่อเจริญสติ เจริญปัญญา

    เพราะว่า อาศัยระลึกเท่านั้น จึงไม่ชื่อว่า มีความคิด

    กายคตาสติ เนี่ยะ เอาเข้าจริงๆ ภาวนาเป็นเนี่ยะ ความคิดบานตะไทยเลย

    คนที่ใกล้นิพพานมากๆ ก็จะ ฝุ้งธรรมกระจาย อันนี้เป็นเรื่องปรกติ

    เหมือน หลวงปู่เสาร์ ท่านปรารภ กับหลวงพ่อพุธ

    "เอ่อ วันนี้จิตเราไม่ดีเลย จิตเราฝุ้งมาก "

    พระที่ภาวนาไม่เป็น ได้ยินแบบนี้ปั๊ป ปรักปรำหลวงปู่เสาร์เลยนะว่า
    ไม่ใช่พระอริยะเจ้าแล้วหละ เลยทิ้งวัดไปกันหลายคน

    หลวงพ้อพุธบอกว่า คนเขาจะสำเร็จ ไอ้คนภาวนาไม่เป็น ได้ยินแล้ว
    ก็อวดโง่ คิดว่า สมาธิจะนำปัญญามาให้ ไปโน้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...