เรื่องเล่า ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 27 เมษายน 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    คัดมาจากหนังสือประสบการณ์เรื่องวิญญาณของคุณทองทิว สุวรรณทัต
    เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปคุยกับ คุณณัฐชัย หงษ์ยนต์ ผู้จัดทำหนังสือ "ประมวลประวัติและภาพวัตถุมงคล ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" ที่มีเนื้อหาสาระและภาพประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด คุณณัฐชัยได้เล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดแก่ตัวคุณณัฐชัยให้ผู้เขียนฟังอยู่สองเรื่อง ซึ่งขออนุญาตนำมาเปิดเผยเล่าสู่กันฟังดังนี้
    เรื่องแรก ได้แก่ความฝัน กล่าวคือ อยู่ๆ คุณณัฐชัยก็ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ มาร้องเรียกให้ไปอยู่ด้วยกัน เสียงเรียกนี้แม้เมื่อตื่นจากความฝันก็ยังได้ยินอยู่ นัยว่าคุณณัฐชัยเคยเป็นคนชาวบ้านบางระจันที่เคยรบกับพม่าร่วมกับเจ้าของเสียงมาอย่างโชกโชน และด้วยเหตุนี้ชาวบ้านบางระจันจึงเรียกร้องให้คุณณัฐชัยกลับไปอยู่กับพวกเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง
    ความฝันดังกล่าวมิใช่เกิดขึ้นคืนเดียวแล้วก็จางหายไป แต่เป็นความฝันที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอีกนับเป็นปีๆ จนคุณณัฐชัย อดทนไม่ไหวก็พาบุตรและภรรยาขึ้นรถไปยังอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
    เมื่อไปถึงยังสถานที่ค่ายของชาวบ้านบางระจันเคยตั้งอยู่ คุณณัฐชัยก็มีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูคุ้นลูกหูลูกตาไปหมด ซึ่งถ้าพูดไปทางธรรมะก็หมายถึง สัญญาเก่า คือ ความทรงจำมั่นหมายมั่นหวนกลับมาโดยมิคาดฝัน
    แต่คุณณัฐชัยยังมีสติ จึงจุดธูปปักกลางแม่ธรณี แล้วบอกว่า ถึงตัวเคยเป็นชาวบ้านบางระจัน เคยรบทัพจับศึกกับพม่าร่วมกับพี่น้องชาวบางระจันทั้งหลายมาก็จริง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ ปัจจุบันนี้มันคนละภพคนละชาติกันแล้ว จะให้ไปอยู่ร่วมกันอีกก็คงจะไม่ได้ แต่คุณณัฐชัยจะทำบุญถวายสังฆทาน อุทิศกุศลให้แก่บรรดาชาวบางระจันที่ล่วงลับไปทุกตัวตน
    ครั้นอธิษฐานดังนี้เรียบร้อย คุณณัฐชัยก็พาบุตรภรรยาขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ในใจก็คิดว่าหมดเรื่องหมดราวแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอตกกลางคืน คุณณัฐชัยหลับไปงีบเดียวก็ฝันว่า มีคนตะโกนร้องเรียกให้คุณณัฐชัยกลับบ้านเหมือนเดิม
    เสียงเรียกคุณณัฐชัยดังเข้าไปในหูอยู่หลายปีก็ยังไม่หายจนหมดหนทางที่จะแก้ไขอยู่แล้ว ก็พลันนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมจนสามารถติดต่อกับ "พ่อปู่"ได้
    คุณณัฐชัยก็เดินทางไปหาเพื่อนคนดังกล่าว และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พลางขอให้เพื่อนช่วยเหลือสักครั้ง
    เพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมได้ฟังความทุกข์ของคุณณัฐชัยแล้วก็พาคุณณัฐชัยเข้าห้องพระ นั่งทำสมาธิติดต่อ "พ่อปู่" อยู่ครู่ใหญ่ก็บอกคุณณัฐชัยว่า เรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นคนละภพคนละชาติกันแล้ว แต่คุณณัฐชัยนั้น เคยเป็นระดับหัวหน้า ถึงจะตายไปแล้วเกิดใหม่ พวกลูกน้องที่ยังจงรักภักดีก็ยังอาลัยอยากให้ไปอยู่เป็นหัวหน้าพวกเขาเหมือนเดิม เรื่องถึงได้ยุ่ง
    วิธีแก้ก็คือ ให้หาพวงมาลัยสี่ชายที่ปลายผูกด้วยดอกจำปามาหนึ่งพวงแล้วให้คุณณัฐชัยจุดธูปเก้าดอกปักลงที่พระแม่ธรณี บอกกล่าวพวกเขาเสียว่ามันเป็นเรื่องชาติเดิม ภพเดิม ตนได้มาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้วจะหวนกลับไปร่วมไม่ได้ ได้แต่จะทำบุญอุทิศกุศลไปให้เท่านั้น
    พออธิษฐานเสร็จก็ให้เด็ดดอกจำปาทั้งสี่ดอก ขว้างไปทั้งสี่ทิศ ทุกอย่างก็จะเงียบหายไปไม่เกิดขึ้นอีก
    คุณณัฐชัยกลับบ้านก็มาปฏิบัติตามคำแนะนำของ "พ่อปู่" นับแต่นั้นก็ไม่มีใครมาร้องเรียกให้กลับไปบางระจันอีก
    a8a8a8a8a8a8a8a8a8a
    เรื่องที่สอง นี้เกิดขึ้นกับคุณณัฐชัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ในสมัยคุณณัฐชัยประสบแต่วิบากกรรม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขาดทุนไปหมด จนเกือบจะหมดทุนอยู่แล้วจะเหลียวหน้าไปหาใครก็ไม่มี จะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่เห็น
    เผอิญเงยหน้าไปมองรูปถ่ายของท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ตั้งไว้บนที่สูง คุณณัฐชัยซึ่งหมดหนทางแล้วก็จุดธูปสามดอกปักที่กระถางธูป แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์บอกกล่าวว่าเจ้าคุณนรฯว่า ตนกำลังอับจนข้นแค้น ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ทำมาหากินก็ขาดทุนย่อยยับ ขอให้เจ้าคุณนรฯ โปรดเป็นที่พึ่งชี้หนทางสว่างให้พ้นจากความมืดมิดในครั้งนี้ด้วยเทอญฯ
    กราบเจ้าคุณนรฯ เสร็จ ด้วยความอ่อนใจในโชคชะตาของตน คุณณัฐชัยก็เอนตัวลงนอนบนเตียงหมดเรี่ยวแรง
    พอเคลิ้มไปได้หน่อยเดียว ก็ปรากฏมีพระรูปหนึ่งยิ้มอยู่บนเหนือศีรษะถามว่า "มีทุกข์อะไรหรือ"
    ในฝันหรือช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น คุณณัฐชัย รีบลุกขึ้นนั่งพับเพียบกราบลงไปแทบเท้าของท่าน แล้วเล่าถึงความทุกข์ยากของตนให้ท่านฟัง แล้วขอให้ท่านช่วยโปรดด้วยเถิด พระรูปนั้น หรือที่แท้จริงคือ เจ้าคุณนรฯได้บอกแต่เพียงว่า
    "ทำไมมีของดีแล้วไม่รู้จักใช้ ก็ก้อนกรวดหรือปฐวีธาตุที่มีอยู่นั่นไง"
    เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ คุณณัฐชัยก็แหวกหน้าอกเสื้อควักก้อนกรวดขนาดปลายนิ้วก้อยหุ้มด้วยพลาสติกสี่เหลือง เลี่ยมทองจับขอบ ออกมาให้ผู้เขียนชมบอกว่า "นับแต่วันที่ผมนำปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯแขวนติดตัว ก็ค่อยกระเตื้องขึ้นจนพอมีกินมีใช้ในทุกวันนี้แหละครับ"
    อันก้อนกรวดที่ว่านี้ กล่าวกันว่าเป็นวัตถุมงคลที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกเพื่อต้องการมอบให้คุณโกศล ปัทมะสุนทร หลานชายของท่านซึ่งเป็นบุตรของนางเลื่อนน้องสาวของท่านเอง ทั้งนี้เนื่องจากคุณโกศล เคยเอ่ยปากขอของดีจากท่าน แต่ท่านไม่มีให้ แต่ก่อนที่จะมรณภาพเพียง 6 วัน ท่านได้บอกแก่คุณโกศลว่า ถ้าอยากได้ของดีให้ไปเก็บก้อนกรวดที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการมาท่านจะเสกให้
    แต่คุณโกศลสงสัยก็ถามว่า ถ้าที่บางบ่อไม่มี จะไปเอาที่ชลบุรีหรือสมุทรสงครามได้ไหม ท่านก็บอกว่าไม่ได้ ต้องที่บางบ่อเท่านั้น เพราะชื่อเป็นสิริมงคล เป็นบ่อเงิน บ่อทอง และจังหวัดสมุทรปราการก็เป็นชื่อที่ไพเราะ
    คุณโกศลก็รีบไปหาก้อนกรวดนำไปให้ท่านปลุกเสกครั้งแรกเก้าก้อน ซึ่งท่านเจ้าคุณนรฯ ใช้เวลาปลุกเสก 15 นาที ก็ส่งให้คุณโกศลให้นำไปแจกลูกหลานห้อยคอ ทั้งบอกให้คุณโกศลไปเอาก้อนกรวดจากบางบ่อมาให้ท่านปลุกเสกอีก คราวนี้มีผู้ทราบเรื่องเป็นจำนวนมากก็พากันไปขอก้อนกรวดจากคุณโกศล จนท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกให้คุณโกศลที่นำก้อนกรวดมาถวายเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2514 ซึ่งเป็นของดี ชุดสุดท้ายจริงๆ
    พอรุ่งขึ้น ท่านเจ้าคุณนรฯ ก็มรณภาพ
    เรื่อง พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ
    จากหนังสือ ประวัติ
    พระภิกษุ พระยานรรัตนราชมานิต ธมมวิตกฺโกภิกขุ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    โดย ท. สิริปญฺโญ ภิกฺขุ
    วัดอุดมรังสี หนองแขม กรุงเทพ
    [​IMG]
    พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ ๙ ค่ำ
    [​IMG]เกร็ดประวัติของพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ ท่านปลัดโกศลได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ท่านเจ้าคุณธมมวิตกโกได้มอบไว้ให้แก่ครอบครัวของท่าน ปรกติท่านเจ้าคุณฯมิได้สนใจในเรื่องเครื่องรางต่าง ๆ นัก แต่เนื่องจากมีผู้ที่นับถือท่านฯ ได้ขออนุญาตจากท่านสร้างพระเครื่องรางต่าง ๆ มอบให้ท่านฯ อธิษฐานจิตให้ และเป็นที่น่าประหลาดมาก โดยเฉพาะการปลุกเสกพระเครื่อง ท่าน ฯ มิได้เคยหันหน้าเข้าทำพิธีอย่างพระคณาจารย์อื่น ๆ ท่าน ฯ จะนั่งหันหลังให้ คือหันหน้าเข้าหาพระประธาน ต่อจากนั้นท่านก็จะสวดแผ่เมตตาจิตให้
    ท่าน ฯ เคยได้กล่าวไว้ว่าท่านไม่สามารถที่จะเสกพระพุทธเจ้าซึ่งเปรียบประดุจบิดา และพระองค์ ก็เป็นผู้ประเสริฐ ฉะนั้นพิธีต่าง ๆ ที่ทางลูกศิษย์ได้จัดขึ้น ท่านจงเป็นเพียงแต่อธิษฐานให้เท่านั้น แต่สำหรับพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุนั้น ท่านฯ ได้เจาะจง โดยท่านฯ ได้สั่งให้คุณปลัดโกศล ซึ่งเป็นหลานชายของท่านฯ และคุณปลัดผู้นี้ก็เคยเป็นผู้ที่ส่งอาหารให้ท่านฯ ตั้งแต่ครั้งที่คุณปลัดยังเรียนอยู่ ชั้น ม. ๑-๒ ครั้งหลังที่คุณปลัดได้ศึกษาจบและได้เข้ารับราชการ จึงไม่ค่อยมีเวลา คุณปลัดจึงได้ให้ทางคุณน้ารับช่วงส่งอาหารแทน แต่ครั้งหลังตอนท่านฯ ป่วย คุณปลัดจึงได้ปฏิบัติท่านอีก คือทำอาหารซุปส่งให้เป็นประจำ ท่านฯ ได้เคยถามคุณปลัดว่า เหนื่อยไหมหลาน เพราะระยะทางจากบ้านซึ่งจะต้องนำอาหารมาส่งที่วัดนั้น มีระยะทางไกลพอสมควร ส่วนซุปซึ่งเป็นอาหารชนิดอ่อนนั้นท่านฯ ได้เป็นผู้สอนโดยจดแต่ละประเภทของอาหารรวมกันมีหลายชนิด คือ
    ๑. ผักขม ๒. ถั่วฝักยาว ๓. หัวผักกาดขาว ๔. หัวผักกาดเหลือง ๕. ถั่วเขียว ๖. ถั่วลิสง๗. ถั่วเหลือง ๘. มันฝรั่ง ๙. ผักกาดเขียว ๑๐. มะขามเปียก ๑๑. เกลือ ๑๒. น้ำตาลมะพร้าว๑๓. มันฮ่อ ๑๔. หัวหอม ๑๕. มะนาว
    โดยนำถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถัวลิสง มันฝรั่ง เคี่ยวให้เปื่อยแล้วบดให้ละเอียดด้วยเครื่องบด แล้วนำผักต่าง ๆ ต้ม พอสุกแล้วใช้เครื่องบดให้ละเอียดเช่นกันแล้วนำมาผสมกันใส่เครื่องปรุงมีน้ำตาล เกลือ มะขามเปียก มะนาว แล้วตั้งไฟให้เดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำบรรจุโถพลาสติกนำไปส่งที่วัด พร้อมด้วยผลไม้ตามที่ท่านจะสั่งแต่ละวัน แต่ที่จะต้องมีประจำได้แก่ผลฝรั่งทั้งเปลือกฝานเอาแต่ผิว แล้วนำมาบดด้วยเครื่องให้ละเอียดผสมเกลือลงไปเล็กน้อย ใส่โถพลาสติกเช่นกัน และกล้วยน้ำว้าสุก ๓ ผล ส่วนผลไม้อื่น ๆ สุดแต่ปลัดโกศลและภรรยาจะนำไปถวาย เท่าที่ทราบได้แก่ ชมพู่สาแหรก สับปะรด ลูกพลับสด สาลี่ ฯ ล ฯ โดยบดให้ละเอียดเช่นกัน และกว่าจะออกจากวัดไปทำงานต้องใช้เวลานานมากจึงจะถึงที่ทำงาน แต่คุณปลัดและภรรยาคือคุณนายจำเนียร ก็ได้ทำซุปเองทุกวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลา ๒๓.๐๐-๒๔.๐๐ น. ทุกวัน ซึ่งทั้งคุณปลัดและคุณนายก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกปลื้มปีติในความมานะพยายามอันเป็นมหากุศลของคุณปลัดและคุณนายทั้งสองคน
    ก่อนที่ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ (ธมฺมวิตกฺโก) ท่านจะมรณภาพ เหมือนว่าท่านจะรู้ตัวมาก่อน ท่านจึงพูดกับคุณปลัดผู้เป็นหลานว่า หลานจงไปเก็บก้อนกรวดที่บางบ่อมา ลุงจะทำของดีให้ คุณปลัดจึงได้เรียนถามท่านว่า ผมจะเก็บที่อื่นได้ไหม ท่าน ฯ บอกว่าไม่ได้ คุณปลัดจึงสงสัยว่าเหตุใดท่านฯ จึงมีความประสงค์เช่นนั้น
    ดูเหมือนท่าน ฯ จะรู้ว่าคุณปลัดมีความสงสัย ท่าน ฯ จึงได้อธิบายว่า อันธรรมตากรวดที่อำเภอบางบ่อนั้น ชื่ออำเภอก็เปรียบเหมือน บ่อเงิน บ่อทอง และถือเคล็ดว่าจังหวัดสมุทรปราการด้วย คำว่าปราการ เปรียบเหมือนเป็นเกราะป้องกันภยันตรายต่าง ๆ นั้น บางครั้งท่านจะเรียกก้อนกรวดว่า
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หนังสือเล่มนี้มีจำหน่ายที่ไหนบ้างครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2006
  3. โมฆบุรุษ

    โมฆบุรุษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +6,023
    หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พระยานรรัตนราชมานิต.pdf

    หนังสือหายากครับ
    เพื่อนของพี่ท่านหนึ่งคือ พระสุภสิทธิ์ ผู้มีโชคชัย วัดป่าดาราภิรมย์ เชียงใหม่ (คุณ Tavaj) ได้เจอเลยซื้อมาจากร้านหนังสือเก่า
    เลยมาทำเป็นหนังสือแบบ PDF ไฟล์ ขนาด 111 เมกเศษ 136 หน้า
    upload ขึ้น server เรียบร้อย
    Download ได้ที่
    http://LuangPor.com/eBooks/book_nor.zip
    (โปรดใช้โปรแกรม GetRight ช่วย download ครับ
    http://GetRight.com/ )

    ท่านใดศรัทธา พระยานรรัตนราชมานิต(ท่านเจ้าคุณนร)
    เชิญโหลดครับ เป็นหนังสือที่มีประโยชน์มาก
    โมทนากับท่านTAVAJ ที่ได้จัดทำไว้
    ซึ่งบัดนี้เปลี่ยนสถานะเป็นโชติธัมโมภิกขุแล้ว สาธุ
    แจ้งข่าวอีกนิด ชุดที่ทำเป็น CD ได้ถวายพระวัดเทพศิรินทร์
    หวนคืนสู่ที่(วัด)เดิมแล้วส่วนหนึ่ง สาธุอีกรอบครับ
     
  4. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    อนุโมทนา และขอขอบคุณมาก ๆ สำหรับ file ที่ให้ download คะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...