เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 กุมภาพันธ์ 2025 at 18:04.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,641
    ค่าพลัง:
    +26,500
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,641
    ค่าพลัง:
    +26,500
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันซ่อมสุขภาพของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งขนาดได้รับการเฉลี่ยจากท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์ ท่านบอกว่าวัดของท่านต้องอ่านชื่อว่า วัด-โพ-ทิ-ลัง-กา ก็ยังรู้สึกว่าจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ ส่วนตัวท่านที่รับการเฉลี่ยไปนั้น ปรากฏว่าอาเจียนอยู่ ๒ วัน หน้าตาห่อเหี่ยว สุขภาพทรุดโทรม ทำท่าจะสิ้นชีวิตอยู่เหมือนกัน..!

    สรุปว่าสองเกลอหัวเห็ดนั้น รายหนึ่งที่ไปเพราะว่าติดสัญญากับท่านสุวรรณนาคราช ที่ขอให้ไปช่วยพรรคพวกเพื่อนฝูงของท่านหน่อย ส่วนของท่านอาจารย์บ๊ะนั้น ต้องบอกว่ากรรมสัมพันธ์มาแต่อดีต เพราะว่าท่านยายทวดหรือท่านย่าทวดก็ไม่ทราบ เป็นคนเวียงจันทน์ อพยพข้ามมาอยู่ดอนมดแดง (จังหวัดอุบลราชธานี) ตั้งแต่สมัยในหลวงรัชกาลที่ ๑ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงกลายเป็นภาระที่ต้องไปช่วยกัน

    และการช่วยครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นการปลดผนึกถอนคำสาปอะไรตามความเข้าใจของญาติโยมก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้ท่านนาคราชตระกูลกัณหาโคตมะท่านนั้นหลุดออกที่จองจำเลยทีเดียว หากแต่อยู่ในลักษณะของการบรรเทาโทษ เพิ่มระยะเวลาในการหลุดพ้นให้เร็วขึ้น ถ้าหากว่าไม่มีเช่นนี้ก็อาจจะโดนถ่วงให้ช้าลงไป แล้วบุคคลที่ต้องรับผลกระทบเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ก็คือพี่น้องลาวของพวกเรานั่นเอง

    ในส่วนที่อยากจะกล่าวถึงในการที่ไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก็คืออันดับแรกเลย เศรษฐกิจลาวไม่ดีเอามาก ๆ บรรดาคนจีนที่เข้ามาหากินอยู่ในประเทศลาว ก็มาในลักษณะกอบโกยเอาอย่างเดียว เช่นโรงแรม "เมืองถ่าน" (Muong Thanh Luxury Vientiane) ที่ว่านี้ ก็มีหน้าที่อยู่อย่างเดียวก็คือรับคนจีนเข้าพัก คณะของเราที่เป็นคนไทย ถ้าไม่ใช่จำนวนมากถึง ๖๐ กว่าคน เขาอาจจะไม่รับให้พักก็ได้..!

    ทางด้านบริษัททัวร์จีน เมื่อติดต่อคนจีนมาแล้วก็พักโรงแรมจีน กินอาหารภัตตาคารจีน ช็อปปิ้งในร้านขายของที่ระลึกของชาวจีน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จับจ่ายใช้สอยอยู่ในประเทศลาว ก็กลายเป็นว่าโดนขนกลับประเทศจีน ส่วนที่เหลือให้คนลาวต้องเช็ดต้องล้างก็คือ สถานที่ซึ่งสกปรกซกมกไปหมด ขนาดโรงแรมชั้น ๑ อย่างโรงแรม "เมืองถ่าน" พ่อเจ้าประคุณยังอัดบุหรี่จนเหม็นตลบไปทั้งห้อง ต้องบอกว่าคนจีนยังต้องศึกษาในเรื่องของการเข้าสังคมอีกมาก ไม่เช่นนั้นแล้วก็ยังทำอะไรตามใจตัวเอง เพราะว่ายุคนี้เป็นยุคของ "ฮ่องเต้น้อย" เป็นใหญ่
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,641
    ค่าพลัง:
    +26,500
    คำว่า "ฮ่องเต้น้อยเป็นใหญ่" ก็คือส่วนใหญ่แล้วคนจีนในยุคนั้นให้มีลูกได้คนเดียว ในเมื่อมีลูกคนเดียวส่วนมากก็จะให้มีลูกชาย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คนจีนที่หาคู่ไม่ได้มีเป็นสิบ ๆ ล้านคน..! ในเมื่อเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ ๒ คนเอาใจ ปู่ย่า ๒ คนเอาใจ ตายาย ๒ คนเอาใจ ในเมื่อ ๖ คนที่สามารถชี้เป็นชี้ตายในครอบครัวได้ มาทูนหัวทูนเกล้าให้ นิสัยคนจีนก็เลยกลายเป็นทำอะไรตามใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้อย่างนั้น จึงได้ชื่อว่า "ฮ่องเต้น้อย"

    เมื่อหาคู่ในประเทศจีนไม่ได้ ก็มาหาคู่ในเวียดนาม ในลาว ในไทย ในรัสเซีย ในอุซเบกิสถาน ในมองโกเลีย เหล่านี้เป็นต้น แล้วผู้หญิงพอไปถึง ถ้าหากว่าเป็นคนหัวอ่อน ไม่มีปากไม่มีเสียง ก็กลายเป็นทาสในบ้านดี ๆ นี่เอง..! ถ้าหากว่าเป็นคนหัวแข็ง รักษาสิทธิ์ตัวเอง ก็หย่ากันในเวลาอันไม่นาน

    ในที่นี้จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ไปมาก เพราะว่ากล่าวถึงประเทศลาวที่ไม่มีอะไรเหลือจากคนจีนเลย นอกจากบรรดาสิ่งที่ทิ้งเอาไว้ให้เช็ดล้างทำความสะอาด ประเทศไทยของเราก็เริ่มอยู่ในลักษณะแบบนี้ เพียงแต่ว่าไทยเอาจริงเอาจังมากกว่าเท่านั้น

    ประการต่อไปที่อยากพูดถึงก็คือระบบโทรศัพท์ ไอ้ตัวเล็ก (นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล) ผู้ดูแลเว็บไซต์วัดท่าขนุน และเว็บเพจเฟซบุ๊กวัดท่าขนุน อุตส่าห์เปิด eSIM ให้กระผม/อาตมภาพไป พอไปถึงประเทศลาวปรากฏว่าใช้งานไม่ได้ ไม่ว่าจะทุบ จะตี จะตบ จะถองกันอีท่าไหน ก็ไม่กระดิกกระเดี้ย จนกระทั่งเข้าไปถึงโรงแรม "เมืองถ่าน" ถึงได้ฟื้นคืนชีวิตมา

    เมื่อสอบถามไปแล้ว ทางบริษัทบอกว่าระบบของประเทศลาวยังเป็น 4G อยู่ ซึ่งไม่รองรับกับ eSIM ที่ของเรานำไป แต่ว่าโรงแรม "เมืองถ่าน" นั้นเป็นระบบ 5G ตามแบบของคนจีน ที่ลาวเทเลคอมได้จัดการให้เป็นพิเศษ ในฐานะของแขกบ้านแขกเมืองรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุน จึงกลายเป็นว่าสามารถแม็ทช์กับระบบได้เป็นอย่างดียิ่ง ก็เลยลำบากไอ้ตัวเล็กต้องเปิดโรมมิ่งโทรศัพท์หมายเลขปกติให้

    กลายเป็นว่าอยู่ในโรงแรม กระผม/อาตมภาพต้องใช้ระบบของ eSIM เมื่อออกนอกโรงแรมถึงต้องมาใช้ระบบโรมมิ่ง ตามหมายเลขโทรศัพท์อีกซิมหนึ่งที่ติดอยู่ในเครื่อง ก็คือใช้ระบบของประเทศไทยแทน พอที่จะกล้อมแกล้มใช้คลื่นของประเทศลาวไปได้ แต่ว่าการจะส่งภาพ การจะส่งไฟล์เสียงก็จะมีปัญหา บางทีส่งข้อความไปรูปถึงก่อน บางทีส่งรูปไปข้อความถึงก่อน ส่งรูปชุดแรกไปส่งไม่ออก รูปชุดที่สองขึ้นก่อน สลับให้ปวดหัวกันไปหมด..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,641
    ค่าพลัง:
    +26,500
    ดังนั้น..ถ้าหากว่าประเทศใดก็ตาม ระบบเทเลคอมของเขายังไม่สามารถจะรองรับ 5G หรือ 6G ได้ ให้เปิดเป็นโรมมิ่งจากเมืองไทยไปจะเหมาะสมที่สุด ถ้าหากว่าใช้ eSIM ไป ก็อาจจะ "แบ๊ะ ๆ" แบบที่กระผม/อาตมภาพเจอมา แก้ไขวิธีไหนก็ตามไม่สามารถจะใช้งานได้ เพราะว่าระบบไม่รองรับกัน

    อีกส่วนหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ บรรดาท่านผู้มีจิตศรัทธาแต่ขาดปัญญา หอบข้าวของไปถวายกระผม/อาตมภาพที่ต่างประเทศ..! เห็นแก่น้ำใจที่ท่านทั้งหลายหอบไป กระผม/อาตมภาพจึงไม่ได้ "โบก" ให้ ไม่เช่นนั้นแล้วมีสิทธิ์โดนแน่นอน ..!

    อย่างเช่นมีท่านหนึ่ง หอบเอากระดาษเช็ดแว่นไปให้ ๓ กล่อง กระผม/อาตมภาพมีกระเป๋าขึ้นเครื่องอยู่ใบเดียว ข้าวของไปก็แทบจะพอดีแล้ว ยังมายัดเยียดข้าวของให้อีก อีกรายหนึ่งก็เป็นพระเลี่ยมทอง ๗ - ๘ องค์ ใส่กล่องกำมะหยี่ไปอย่างดี ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ศรัทธาแล้ว มีหวังโดนแน่นอน..!

    โปรดใช้ปัญญาด้วยว่าจะถวายอะไรก็ตาม อย่าหอบไปถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะบรรดาข้าวของเงินทอง ซึ่งอาจจะผิดกฎหมายบ้านของเขา ถ้าหากว่าวัตถุเลี่ยมทองมากขนาดนี้เข้าไปประเทศอินเดีย มีหวังติดคุกหัวโต..! เพราะเขาจะถือว่าเราขนเข้าไปขาย ถ้าไม่ติดคุกก็ต้องจ่ายภาษีกันอานไปเลย ดังนั้น..ต่อไปถ้าหากว่าใครคิดจะร่วมขบวนไปด้วย โปรดอย่าติดอะไรไปถวาย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพขี้เกียจขนกลับมา แล้วยังต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางด้วยตนเองอีก

    อีกส่วนหนึ่งก็คือข้าวของบางอย่างนั้นอาจจะผิดกฎหมายบ้านของเขา เราเองออกจากประเทศไทยอาจจะไม่ผิด แต่ไปถึงประเทศเขาแล้ว ต้องไปเสียเวลาติดคุกติดตาราง หรือโดนปรับแพง ๆ ก็ใช่ที่ โยมที่ไปกับกระผม/อาตมภาพเคยโดนปรับไปแสนห้า..! เพราะว่ากลัวหลวงพ่อจะไม่มีผลไม้ฉัน อุตส่าห์พกผลไม้ไปเผื่อด้วย แต่บ้านเขาห้ามนำผลไม้สดเข้า เนื่องเพราะเกรงว่าจะมีพวกเชื้อราหรือว่าบรรดาศัตรูพืชติดเข้าไปด้วย โดนปรับไปแสนห้า รู้สึกว่าชื่นใจมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเรารู้จริงหรือว่ามีหนทางจริง ๆ สามารถที่จะเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ก็อย่าพยายามทำเช่นนั้น เพราะว่ากลายเป็นการสร้างภาระให้แก่กระผม/อาตมภาพเป็นอย่างมาก

    ส่วนท่านทั้งหลายที่จะเดินทางไปกับคณะทัวร์ ถ้าเห็นกระผม/อาตมภาพซื้อหาต่อรองอะไร กรุณาไปไกล ๆ เลย..! ไม่ใช่ว่าเห็นว่าราคานี้เราจ่ายได้ ก็พุ่งเข้ามาจะจ่ายแทนหลวงพ่อ..! เนื่องเพราะว่าราคาที่ท่านจ่ายได้นั้น กระผม/อาตมภาพต่อลงไปได้อีกเป็นครึ่ง..! ยิ่งถ้าไปประเทศอินเดียแล้วยิ่งหนักใหญ่ ตอนแรกกระเป๋าใบหนึ่งบอกว่า ๑,๕๐๐ รูปี พอเห็นพวกเราไม่ซื้อเขาจริง ๆ รถกำลังเคลื่อนออก ก็วิ่งมาบอกว่า ๒๐๐ รูปี..! ไม่ต้องต่อเลย แล้วถ้าท่านซื้อไปที่สัก ๑,๒๐๐ รูปี หรือ ๑,๐๐๐ รูปี จะนั่งร้องไห้หรือไม่ ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,654
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,641
    ค่าพลัง:
    +26,500
    การซื้อของต่างประเทศ ขอได้โปรดรักษาหลักการที่กระผม/อาตมภาพบอกเอาไว้ ก็คืออำนาจการต่อรองอยู่ที่เรา ซึ่งเป็นเจ้าของเงิน เอ็งไม่ขาย เงินข้าอยู่ในกระเป๋าก็ไม่บูด..! แต่ถ้าหากว่าเอ็งขาย ไม่ใช่ราคาที่ข้าต้องการ ข้าก็ไม่ซื้อ..!

    ดังนั้น..หลายต่อหลายท่านที่เคยไปกับกระผม/อาตมภาพ จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพต่อทิ้งต่อขว้างเสมอ ขนาดไปยุโรป เขาบอกว่ากระเป๋าใบหนึ่ง ๒๐๐ ยูโร กระผม/อาตมภาพซื้อได้ที่ ๖๓ ยูโรเท่านั้น..! ถ้ามีเวลามากกว่านั้นจะต่อลงไปอีกด้วย ไม่ใช่ว่าต่อไม่ได้ แต่สำคัญว่าท่านจะต่อหรือไม่ ? ไปปากีสถาน อาตมภาพซื้อลาพิสลาซูรีชิ้นหนึ่ง เขาบอกว่า ๑๐๐ ดอลลาร์ อาตมาซื้อมาในราคา ๑๐ ดอลลาร์เท่านั้น..!

    ถ้าท่าน
    ใจไม่ถึงระดับนี้อย่าได้ไปต่อทีเดียว เนื่องเพราะว่าถึงเวลาเขาบ่นเขาว่าอะไรขึ้นมา ท่านก็ทำหน้าบางแล้วก็รีบควักเงินจ่ายไป อันนั้นอาตมภาพถือว่าซื้อค่าโง่..! ดังนั้น..ถ้าเห็นกระผม/อาตมภาพซื้อของ โปรดอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ถ้าตกลงกันได้เมื่อไร จะช่วยจ่ายเงินแล้วค่อยวิ่งเข้ามา ไม่เช่นนั้นโปรดออกไปไกล ๆ เลย..!

    เรื่องพวกนี้ถ้าท่านทั้งหลายหน้าไม่ด้าน ใจไม่ดำ ทำตัวเป็นเศรษฐี โปรดทราบไว้ด้วยว่า เราจะกลายเป็น "เซียม
    ตือ" หรือว่า "หมูสยาม" ให้เขาเชือดอย่างที่เขาว่ากัน เพราะพวกเรามักจะคิดว่าราคานี้เราซื้อได้ ไม่หนักใจ แล้วก็ควักกระเป๋าให้เขาไป กลายเป็นซื้อของที่ราคาแพงกว่าปกติหลายเท่า..!

    เรื่องอย่างนี้ไม่สามารถที่จะฝึกหัดกันได้ เพราะว่าอาตมภาพเป็นคนเห็นคุณค่าของเงิน จะให้ไปช็อปปิ้งส่งเดช เผาเงินเล่นก็ไม่ใช่วิสัย ถ้าต้องการอะไรก็ต้องอยู่ในราคาในใจของตน จะไม่ใช้ล้างใช้ผลาญ แม้ว่าโยมเป็นคนจ่ายก็ตาม เรื่องพวกนี้เป็นหลักปฏิบัติเฉพาะของกระผม/อาตมภาพเท่านั้น ขอบคุณที่ท่านทั้งหลายช่วยเป็นห่วงเป็นใย แต่ว่าอย่ายุ่งด้วยจะดีที่สุด พูดง่าย ๆ ว่ายิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ยุ่ง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...