เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 มิถุนายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มิถุนายน 2021
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อสักครู่ก่อนทำวัตร คุณจริญญา จักรกาย อดีตวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีพาครอบครัวแวะมาเยี่ยม ต้องบอกว่า ในปัจจุบันสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหน่วยงานที่มีปฏิสัมพันธ์หรือทำงานร่วมกับทางวัดต่าง ๆ มาก เนื่องจากว่ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีของรัฐบาล กำหนดให้เอาทฤษฎี "บวร" คือบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยราชการ ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาใช้ในการพัฒนาประเทศ ก็ต้องใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ มาสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    ตอนแรกก็เหมือนกับว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะต้องรับบทหนัก ไป ๆ มา ๆ พอผ่านช่วงปีงบประมาณแล้วก็มาเจอกับการที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด เรื่องก็เหมือนกับซาลงไป แต่คราวนี้การทำงานของผมไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าผมทำงานโดยไม่รองบประมาณ ไม่รอนโยบาย ทำงานเพราะเห็นว่าสมควรที่จะทำ ดังที่ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับเรื่องการทำงานเอาไว้ ก็คือ ถ้าทำงานไม่คั่งค้าง ก็จะเป็นอุดมมงคล และขณะเดียวกันหลักการทำงานอื่น ๆ พระองค์ท่านก็ให้ไว้มาก

    ดังนั้น...การที่สภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิสามารถที่จะเลือกตั้งสำเร็จ ต้องบอกว่าเป็นสภาแรกในประเทศไทย ก็คงจะไม่เกินไป เพราะหลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ เราก็ดำเนินการตามกรอบเวลาที่ทางราชการกำหนดไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่อื่นไม่มีความพร้อม เพราะว่าไม่มีคนเสียสละ

    ถ้าท่านทั้งหลายหันกลับไปมองที่ป้ายเฉลิมพระเกียรติด้านหลัง จะเห็นพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งตรัสเอาไว้ว่า เราต้องเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติบ้านเมือง แต่หาคนเสียสละได้น้อยมาก ต้องบอกว่าเป็นปกติของปุถุชน คือผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลส ก็ต้องเอาตัวเองไว้ก่อน อะไรที่ต้องเสีย ไม่ยอมเสีย อะไรที่ควรได้ จะกอบโกยทุกอย่าง

    เราจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็ตาม เมื่อรับงบประมาณไปแล้วก็พยายามทำโครงการ ซึ่งบอกว่าต้องเหลือ "เงินทอน" ให้มากที่สุด เป็นการกระทำที่อุบาทว์มาก..! เคยมีนักศึกษาชาวญี่ปุ่นทำงานวิจัยเกี่ยวกับประเทศไทยเอาไว้ แล้วระบุว่า นอกจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้ว ไม่มีคนไทยคนไหนไม่โกง..! ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่เขาทำงานวิจัยอยู่ สรุปว่าแม้แต่พระอย่างพวกเราก็โดนรวบยอดไปด้วย ก็เพราะว่าไม่มีใครเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    ช่วงที่ผมทำหน้าที่เป็นส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้ ได้เห็นการใช้งบประมาณของเขา แล้วรู้สึกเสียดายงบประมาณที่ควรจะได้พัฒนาประเทศชาติให้เจริญไปมากกว่านี้ ก็คือถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปีงบประมาณ ยังใช้งบประมาณได้แค่ประมาณ ๓๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    ท่านผู้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการ จึงตั้งโต๊ะเซ็นอนุมัติทุกโครงการที่ส่งเข้ามา เซ็นไปยันเที่ยงคืนเป๊ะ...! ก็วางปากกา เปิดแชมเปญฉลองกัน งบประมาณ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ใช้เวลา ๓๖๔ วัน แต่งบประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ที่เหลือใช้หมดภายในวันเดียว..!

    เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่า ทำไมเรามีเสาไฟต้นหนึ่งหมื่นกว่าบาท..! หรือว่าอย่างวัดท่าขนุนของเรา ผมติดกล้องวงจรปิดไป ๕๐ ตัว ใช้เงินไป ๓๐๐,๐๐๐ กว่าบาท แต่ผมได้ยินว่ากล้องวงจรปิดที่รัฐสภา ซึ่งไม่ได้คุณภาพดีกว่าของผมเลย ตัวละ ๑๔๐,๐๐๐ บาท..!

    สมัยที่มาถึงทองผาภูมิใหม่ ๆ ทางด้านป่าไม้จัดให้ไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี การเข้าออกลำบากมาก ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นเตาขนมครกตั้งแต่ปากซอยไปจนกระทั่งถึงเหมืองสองท่อ พอถึงเขตเหมืองถึงจะเป็นถนนที่ดี เพราะว่าทางเหมืองเขาทำเอาไว้ให้รถของเขาวิ่ง

    ผมไปสอบถามบริษัทรับเหมาว่า ถ้าหากว่าจะลาดยาง คิดกิโลเมตรละเท่าไร ? เขาบอกว่า "ปกติราคากิโลเมตรละ ๓ ล้านบาท แต่ถ้าหลวงพ่อจะเอา ผมคิดแค่ล้านเดียว..!" พอถามไปว่า "ทำไมถึงลดได้มากขนาดนั้น ?" เจ้าของบริษัทบอกชัดเจนว่า "ของหลวงพ่อไม่มีคนตรวจเพื่อเซ็นรับงาน..!" แล้วคุณลองคิดดูว่า แต่ละปีประเทศชาติของเราสูญเสียงบประมาณไปมหาศาลขนาดไหน ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เกิดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ธรรมดานี่เอง เพียงแต่ว่าเป็นเรื่องของความโลภความหลงที่หนักหนาสาหัส จนกลายเป็นมอดเป็นปลวก แทะประเทศชาติของเราจนพรุนไปหมด..!

    ต่อให้ได้คนดีแค่ไหนเข้ามาแก้ไข ถ้าเราไม่สามารถที่จะอบรมให้ชาวบ้านละอายชั่วกลัวบาป เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะไม่จบลง จึงเป็นหน้าที่ของเราท่านทั้งหลาย ที่ทำอย่างไรจะให้ญาติโยมลดความ รัก โลภ โกรธ หลง ของตนเองลง ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องฝึกฝนตนเองให้มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการต่อสู้กับกิเลส จะได้นำไปบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมเขาได้อย่างชัดเจน

    เพราะว่าส่วนใหญ่พวกท่านปฏิบัติธรรมมา บางคนนี่นับสิบปี ถ้าเป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงเก่า ๆ ก็หลายสิบปี แต่ส่วนหนึ่งที่ผมเห็นเป็นปกติก็คือ
    เวลาชนกับกิเลสแล้วงัดกรรมฐานขึ้นมาสู้ไม่ทัน เพราะว่าขาดความชำนาญ ขาดความคล่องตัว ความโลภเข้ามาจะแก้อย่างไร ? ความรักเข้ามาจะแก้อย่างไร ? โทสะเข้ามาจะแก้อย่างไร ? โมหะเข้ามาจะแก้อย่างไร ? เตรียมตัวไม่ทัน โดนกิเลสตีหงายท้องทุกครั้ง แล้วก็เกิดอาการสมาธิตก จิตตก กรรมฐานแตก แต่ไม่เคยพินิจพิจารณาว่าข้อผิดพลาดของตนเองอยู่ตรงไหน ?


    ในเมื่อไม่เห็นข้อผิดพลาด ก็แก้ไขตนเองไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าหากว่าผิดตรงไหนก็ตาม ต่อไปต้องไม่ผิดตรงนั้นอีก ถึงพอจะมีทางก้าวหน้าได้ ไม่ใช่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เรื่องเดียว
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    ถ้าเคยอ่านลายมือที่หลวงปู่เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ธมฺมวิตกฺโก วัดเทพศิรินทราวาส เขียนเอาไว้ จะเห็นท่านเขียนเป็นโคลงว่า

    ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....................ในสมอง
    เร่งระวังผิดสอง......................ภายหน้า
    สามผิดเร่งคิดตรอง......จงหนัก..เพื่อนเอย
    ถึงสี่อีกทีห้า.................หกซ้ำ..อภัยไฉน

    ท่านให้เราผิดได้แค่ ๓ ครั้ง ธรรมเนียมพระของเราตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนปัจจุบัน ก็ไม่เกินตติยัมปิ ๓ วาระ เพราะฉะนั้น..ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร ฆราวาส อยู่ประจำในวัดก็ดี อยู่บ้านก็ดี อยู่ต่างประเทศก็ดี ถ้าเรื่องเดียวกันผิดเกิน ๓ ครั้ง โอกาสได้ดีในการปฏิบัติก็น้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ผิดพลาดอีก ก็ต้องประกอบไปด้วย สติ สมาธิ ปัญญา ที่สมบูรณ์

    คราวนี้คำตอบทั้งหมดก็อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวไป ก็อยู่ที่สมาธิ สมาธิทรงตัว สติก็แหลมคม ปัญญาก็ว่องไว คำตอบเกือบทั้งหมดในการปฏิบัติธรรมอยู่ที่สมาธิเท่านั้น กำลังสมาธิมากพอ ก็หักห้ามใจตนเองไม่ให้ไปละเมิดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ กำลังสมาธิมากพอ ก็พยายามที่จะระมัดระวังรักษาใจของเราได้

    หลายท่านที่ปฏิบัติอยู่ ยังอยู่ในระดับแค่ทาน แค่ศีล ยังเอาตัวรอดได้ยาก ต้องพยายามเน้นเรื่องสมาธิให้มากขึ้น อย่าไปฟังบรรดาอาจารย์เฮงซวยที่บอกว่า "สมาธิมากเกินไปทำให้ขี้เกียจ..!" เพราะว่าสมาธิไม่ว่าจะเป็นแบบใช้งานหรือไม่ใช้งานก็ตาม ถ้าทรงตัวได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนกดดับลงชั่วคราว สภาพจิตจะผ่องใสขึ้นมา ถ้ารู้จักใช้ปัญญาพินิจพิจารณา เราจะรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปเพื่อความก้าวหน้าของตน

    ใช้เวลามาพอสมควร ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณร และขอเจริญพรให้แก่ญาติโยมไว้แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...