โลกจะจบ เราต้องอยู่บนอวกาศ ชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่มีใครเชื่อ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pakung, 14 ตุลาคม 2008.

  1. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    เนื่องจากดูรายการ นึง จับเข่าคุย ด.ร อาจอง ได้พูดไว้

    ว่า ผมก็เคยบอกนะ แต่คนแถวนี้ไม่เชื่อ อะนะ

    จะเห็นได้จากภาวะโลกร้อน และผลกระทบ ที่ เกิดขึ้นในตอนนี้ที่โลก ได้รับ

    ถึงเวลา ที่ เราจะได้รับ ผลจากการที่เรา ทำไว้ ??? ใช่หรือไม่

    ก็ไม่ใช่ อาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ

    แต่ มันคือส่งที่เราต้องรับ




    ผมเคยคุยกับคนคนนึง ผมบอกว่า โลกจะอยู่ไม่ได้ เราจะต้องไปอยู่ดาวอื่น



    เขาบอกว่า เป็นไปไม่ได้ เขาถามว่า แล้วเราจะอยู๋ได้ยังไง













    อีกเรื่อง ผมเคยถามว่า nasa สำรวจ อวกาศเพื่ออะไร


    เขาบอกว่า เมกา ทำ เพื่อเปน มหาอำนาจ แต่ ตอนนี้อาจไม่ใช่


    เขาอาจกำลัง จะ ไปหาที่อยู่ใหม่ ก็เป็นได้



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    วิกฤติโลกร้อน มนุษย์เตรียมอพยพ สู่ดาวอังคาร

    [​IMG]
    ดร.อาจองเผยวิกฤติโลกร้อน มนุษย์เตรียมอพยพสู่ดาวอังคาร ปี ค.ศ.2020...
    [​IMG]
    ช่วง ระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา มนุษย์รับรู้เรื่องการปรวนแปรของธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก แผ่นดินไหว เกิดพายุรุนแรงในภูมิภาคต่าง ๆ ปัญหากัดเซาะชายฝั่ง อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นจนทำให้คนล้มตาย ล่าสุดคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ไทยภายใน 30 ปี น้ำจะท่วมภาคกลางของไทยเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย

    โอกาส ที่ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา และผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะโลกร้อน เดินทางมายังกรุงเทพมหานครเพราะปกติจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนสัตยาไสย จ.ลพบุรี เพื่อมาบรรยายพิเศษเรื่องการผลิตบัณฑิตคุณภาพบนพื้นฐานคุณธรรม ณ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้สละเวลาให้สัมภาษณ์ประเด็นของโลกร้อนและทางรอดของมนุษย์เกี่ยวกับ เรื่องนี้

    ดร.อาจอง กล่าวว่า ตอนนี้ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไปเยอะทุกอย่างมาจากภาวะโลกร้อน จะเห็นปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ในประเทศไทยที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่ผ่านมาเวียดนามมีหิมะตกเป็นครั้งแรก ล่าสุดมีหิมะตกในเคนยาประเทศเหล่านี้อยู่ใกล้เส้นศูนย์จึงไม่ต้องตกใจหากใน เดือนมกราคมหิมะจะตกในเมืองไทย เดือนมกราคม อากาศจะเย็นที่สุด หิมะน่าจะตกในภาคเหนือ

    ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกใต้ขั้วโลก เหนือละลายเร็วกว่าที่เราคิด จะเห็นว่าขณะนี้มีก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาใหญ่เท่ากับเมืองนิวยอร์กไหลลงสู่ ทะเล แล้วก็ไปละลายในทะเลทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

    “เฉพาะแค่ช่วง ชีวิตผมเองระดับน้ำ ทะเลสูงขึ้น 16 เซนติเมตร ตอนนี้อายุผม 68 ปีแล้ว 16 เซนต์ถือว่าเยอะมากแค่ช่วงระยะสั้น ๆ ปกติจะใช้เวลาเป็น 4,000-5,000 ปีไม่ใช่แค่ 100 ปี ตอนนี้กำลังเร่งเพราะความร้อนมากขึ้นน้ำแข็งละลายมากขึ้น จะเร่งขึ้นไปเรื่อย ๆ”

    เมื่อย้อนไปยังยุคน้ำแข็งตอนนั้นอากาศหนาว เกือบจะทั่วโลกมีหิมะตก น้ำเหล่านี้หมุนเวียนไปเป็นน้ำแข็ง มีน้ำสะสมอยู่บนภูเขา ตรงขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ ถ้าเราเปรียบเทียบ ตอนนั้นน้ำจากระดับน้ำทะเลระเหยขึ้นไปตกมากลายเป็นฝนและหิมะทำให้ระดับน้ำ ทะเลลดลง ตอนนั้นระดับน้ำทะเลอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบัน 120 เมตร และถ้าน้ำแข็งละลายหมดระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 120 เมตรเพราะระดับน้ำทะเลไม่ได้หายไปไหนหมุนเวียนอยู่บนโลก

    เมื่อ เป็นอย่างนี้ก็หมายความว่าน้ำในทะเลสูงขึ้นจะค่อย ๆ กินฝั่งของเราไปเรื่อย ๆ อย่างเขตบางขุนเทียนที่กรุงเทพฯ เราสูญเสียแผ่นดินไปแล้ว 1 กิโลเมตร

    นักวิชาการทางทะเลบอกว่าปรากฏ การณ์เหล่านี้คือปัญหากัดเซาะชายฝั่ง แต่ในมุมมองของอดีตนักวิทยาศาสตร์จากนาซาไม่เป็นเช่นนั้น

    “ตอน นี้เสาไฟฟ้าอยู่ในทะเล หลายคนบอกว่าไม่ใช่น้ำทะเลสูงขึ้น แต่เป็นการเซาะฝั่ง ข้อบ่งชี้ว่าหากน้ำเซาะฝั่งเสาไฟฟ้าก็ล้มไปแล้วแสดงว่าระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และเป็นอย่างนี้ทั่วโลก อเมริกาออกมาพูดว่าเมืองไมอามีอีกหน่อยก็จะไม่มีเหลือ ไม่ได้จมหมายความว่าระดับน้ำทะเลสูงขึ้น”

    ภาวะโลกร้อนแผ่อานุภาพไป ทั่วโลก ดูเหมือน ว่าจะเป็นปัญหาที่ยากจะเยียวยา อาจตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส ว่าโลกจะแตก แต่ทางวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่ได้หมายความว่าแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ จะพังเพราะน้ำท่วม แผ่นดินไหว อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้มนุษย์อยู่อย่างลำบาก ประกอบกับจำนวนประชากรของโลกเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน จำนวนผู้บริโภคมากขึ้นทำให้โลกยิ่งร้อน ซึ่งมีคนคิดถึงทางออกของปัญหานี้ไว้แล้ว

    ดร.อาจอง เล่าว่า องค์การนาซา มีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคารเพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯมีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ เพราะสภาพไร้น้ำหนักทำให้กระดูกเราอ่อนไม่แข็ง กล้ามเนื้อจะหายไป ใน เบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่าง ๆ และการ ขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก

    ขณะ เดียวกันเราเจอน้ำบนดวงจันทร์เยอะมาก จะสร้างฐานบนดวงจันทร์ เป็นจุดเติมพลังงาน เอาน้ำที่อยู่บนดวงจันทร์มาใช้พลังงานแสงอาทิตย์แยกออกซิเจน เป็นพลังงานไฮโดรเจน ใช้พลังงานนี้ไปขับเคลื่อนกับยานต่าง ๆ ทำให้การเดินทางบนอวกาศเป็นเรื่องธรรมดาโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน

    วาง แผนว่ามนุษย์ครึ่งหนึ่งของโลกจะต้องอพยพไปอยู่บนดาวอังคาร อาจไปไม่หมดเพราะโลกวิกฤติ มนุษย์อยู่ลำบากแล้ว การออกแบบสร้างเมืองจะแบ่งเป็นเมืองขนาดเล็กอยู่สัก 2 แสนคน เป็นเมืองในอวกาศโดยสร้างระบบให้มีน้ำหนัก สามารถเดินไปมา ไม่ใช่ลอยไปมา ส่วนการเดินทางในอวกาศจะสร้างเรือใบรับรังสีพลาสม่าเพื่อให้พาหนะนี้เคลื่อน ไปในอวกาศได้

    การดำรงชีวิตในอวกาศไม่ต้องใช้น้ำมันจะใช้แสงแดดแทน เพราะมีเหลือเฟือ โดยจะสร้างแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้ รับรองไม่หล่นลงมาบนพื้นโลกเพราะในอากาศมีสภาพไร้น้ำหนัก สามารถรับแสงแดดได้ตลอดเวลาอีกทั้งไม่มีเมฆมาบดบัง

    ดร.อาจอง บอกว่าองค์การนาซาวางแผนไว้ปี ค.ศ. 2020 มนุษย์จะลงไปบนดาวอังคารเป็นครั้งแรกเพื่อจะเริ่มไปเยี่ยมไปศึกษาอยู่ที่ นั่นสักพักว่าจะอยู่กันได้สะดวกสบายแค่ไหน หลังจากนั้นจะเริ่มเอาคนไปอยู่สร้างตึกสร้างเมือง ตอนแรกจะมีเรือนกระจกแบบกลม ๆ เราเข้าไปอยู่ในนั้นปลูกผักปลูกข้าว

    ต้นไม้ บนดาวอังคารจะโตเร็วกว่าโลกของเรา ที่โตเร็วเพราะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะเดียวกันเราไม่ต้องขนออกซิเจนไป ปลูกต้นไม้ก็คายออกซิเจนให้กับตัวเราได้

    เมื่อผู้คนอพยพมามาก ขึ้นอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ปกติบนดาวอังคารอุณหภูมิตอนนี้ติดลบ เมื่อมนุษย์อยู่มีเครื่องไม้เครื่องมือก็ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นแต่ตรง นั้นไม่ต้องห่วงเพราะอุณหภูมิต่ำอยู่แล้ว อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียส มนุษย์เข้าไปอยู่ได้อีกเยอะ และยิ่งอยู่เยอะยิ่งดีทำให้อากาศร้อนขึ้น

    ที่ สุดแล้วเด็กในวันนี้จะเดินทางไปทำงานอวกาศแทนที่จะเดินทางไปตะวันออกกลาง เกาหลี ญี่ปุ่น การเดินทางไปดาวอังคารจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนกับการเดินทางขึ้น เครื่องบินไปต่างประเทศ

    ระยะทางจากโลกไปดาวอังคารไม่แน่นอนบางครั้งอยู่ใกล้กัน บางครั้งไกลออกไป ตอนที่ผมไปช่วยเขาส่งยานอวกาศลงบนดาวอังคารใช้เวลา 11 เดือน แต่ระยะเวลาที่ใกล้สุดระหว่างดาวอังคารกับโลกคือ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับจังหวะว่าโลกจะหมุนเข้าใกล้ดาวอังคารช่วงไหนของปี

    “เรา ต้องมองการณ์ไกลเริ่มคิดได้แล้วว่าประเทศอื่นส่งคนขึ้นไปบนอวกาศแล้ว ของเรายังไม่มีคนไทยขึ้นไปสักคนไม่ใช่ว่าเราต้องสร้างเอง แต่เราไปร่วมมือกับเขาให้ส่งคนของเราขึ้นไปบ้างเพื่อที่เราจะได้มี ประสบการณ์ได้เรียนรู้ จีนเริ่มส่งขึ้นไปแล้ว มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง คนไทยเรายังไม่มีโอกาสได้ขึ้นไป” ดร.อาจองกล่าวทิ้งท้าย

    ความหวังที่มนุษย์จะไปอยู่บนโลกใบใหม่ใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว.
    ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2008
  2. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
  3. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
  5. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    เมื่อ น้ำท่วม โลก จัดไป

    านล่องสมุทร : Floating Home <!-- Main -->[SIZE=-1]บ้านล่องสมุทร : Trilobis 65 Floating Home

    ผม นำเสนอบ้านแบบต่างๆ ในแนวทางอนุรักษ์นิยมและเศรษฐกิจพอเพียงมาพอสมควร เพราะต้องการให้เกิดค่านิยมใหม่ ในการสร้างที่อยู่อาศัย ให้มีความน่าอยู่ เป็นบ้าน ไม่ใช่ความหรูหรา ความใหญ่โต หรือสร้างเป็นอนุสรณ์ของครอบครัว แต่ไม่น่าอยู่ น่าจะเป็นวังหรือพิพิธภัณฑ์ เสียมากกว่า

    ในตอนนี้ มานำเสนอเรื่องของบ้านลอยน้ำ ที่มีรูปแบบตรงกันข้าม ก็ไม่ได้ต้องการให้เปลี่ยนแนวความคิด หรือค่านิยมตามนะครับ มานำเสนอในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่และการออกแบบมากกว่า ให้ดูจินตนาการของเขา ประดับความรู้เท่านั้น เพราะเรื่องนี้เคยเขียนไว้ในเรื่อง บ้านแบบยั่งยืนแล้วว่าแนวทางบ้านอนาคตนั้นพัฒนาไปได้ 2 ปีก คือแบบก้าวหน้าล้ำสมัย (แต่ไม่ยั่งยืน) และแบบหวนคืนสู่ธรรมชาติแบบยั่งยืน ซึ่งเหมาะกับเรามากกว่าแต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องปฏิเสธการรับรู้เรื่องของเท คโนโลยี่ ความก้าวหน้าไปเสียทั้งหมด เรามาดูบ้านลอยน้ำกันเลยดีกว่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    บ้าน ลอยน้ำนี้ออกแบบให้เป็นบ้านที่ลอยน้ำอยู่ในทะเล แต่ก็มีส่วนที่อยู่ในน้ำด้วย เพราะของที่ลอยน้ำทั้งหลาย ย่อมมีส่วนหนึ่งที่อยู่ใต้น้ำตามน้ำหนักของมัน ดังนั้นเขาก็ออกแบบส่วนใต้น้ำให้เป็นประโยชน์ด้วยทั้งหมด โดยนาย Giancarlo Zema สถาปนิกทางเรือชาวอิตาลี ได้ออกแบบบ้านลอยน้ำ ขนาดความยาว 20 เมตร ความกว้าง 13 เมตร สำหรับครอบครัว 6 คน โดยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน พึ่งตนเองได้ และไม่สร้างมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อม แต่สามารถลอยไปอยู่ที่ไหนก็ได้ทั่งท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ โดยชื่อ Trilobis นี้ ได้ตั้งชื่อมาจากสัตว์โบราณตัวเล็กๆชื่อ Trilobiti ที่อาศัยอยู่ในทะเลมาตั้งแต่เมื่อ 500 ล้านปีที่แล้วมา ตัวบ้านลอยน้ำออกแบบเป็นทรงรีคล้ายไข่ไก่ ให้เหมือนเกาะลอยน้ำ สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 7 น๊อต (เป็นเหมือนเรือยอชท์และเรือดำน้ำผสมกัน) โดยมีแหล่งพลังงานถึง 4 ประเภทคือ เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเยน พลังแสงอาทิตย์ พลังลม และดีเซล

    [​IMG]

    ตัว บ้านมี 4 ระดับโดยมีบันใดเวียนอยู่ตรงกลาง ชั้นบนสุดอยู่สูง 3.5 เมตร จากระดับน้ำทะเล (บ้านบนดิน เราวัดระดับสูงจากพื้น พออยู่ในน้ำเราก็เอาระดับน้ำมาเป็นเกณฑ์ เช่นกัน) ชั้นที่ 2 อยู่ในระดับ 1.4 เมตร เป็นส่วนที่ใช้เป็นทางเข้าออก ส่วนที่ใช้งานตอนกลางวันได้แก่ส่วนนั่งเล่น ทานอาหาร ครัวและส่วนบริการต่างๆ ส่วนด้านบนของบ้านจะดูเหมือนเป็นกระจกใสชมวิว แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นกระจกสองชั้นที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ (electrolyte material) คือเปลี่ยนพลังงานความร้อนของแดดที่ส่องผ่านเข้ามาในส่วนนี้ ชั้นที่สาม จะอยู่ที่ระดับ 0.8 เมตร ใต้ระดับน้ำทะเล เป็นส่วนที่ใช้งานในช่วงกลางคืน คือห้องนอนเป็นหลัก 4 ห้องนอน ห้องนอนคู่ 2 ห้องและห้องนอนเดี่ยว 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่ออยู่ใต้ระดับน้ำแล้ว เรื่องอากาศหายใจ ก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยในการระบาย ถ่ายเทอากาศ ไม่สามารถปล่อยตามธรรมชาติได้ ชั้นล่างสุด อยู่ใต้ระดับน้ำ 3 เมตร ออกแบบเป็นหอสังเกตการณ์ใต้น้ำ เป็นกระจกใสโดยรอบ และเป็นส่วนที่เป็นแหล่งพลังงาน ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาด 300 แรงม้า 2 ตัว ขับเคลื่อนด้วยเซลล์ไฮโดรเยน ซึ่งมีจำนวนจำกัด (ไม่ถึงกับจะแล่นข้ามมหาสมุทรไปไกลๆได้ แต่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่ตั้งเพื่อไปสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงของ ท้องทะเลหรือแนวปะการัง บริเวณริมฝั่งทะเลได้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพแสดงระบบพลังงานทั้ง 4 แหล่งที่นำมาใช้


    นอก จากบ้านลอยน้ำนี้แล้ว สถาปนิกยังได้ออกแบบเกาะลอยสำหรับเป็นท่าเทียบสำหรับบ้านลอยน้ำนี้อีกด้วย เพื่อบริการหลังการขายได้ครบวงจรเลยทีเดียว ใครสนใจอยากได้ก็เตรียมเงินไว้สัก 130-165 ล้านบาท ไว้รอซื้อได้เลย ไม่แพงจริงๆ คริ คริ

    [​IMG]



    เรื่องและภาพจาก
    http://www.sub-find.com/trilobis65.htm
    และ Popular Mechanics November 2002[/SIZE]
     
  6. saranya

    saranya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +68
    ชาวบ้านอย่างเราๆ คงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ขึ้นบนนั้นครับ
     
  7. โอซารัน

    โอซารัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +91
    ;aa19 ขอบคุนคับ คุณ ปังคุง ;aa21
     
  8. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    แต่คนไทยคงยังอีกนาน ตอนนี้ยังทะเลาะกันอยู่เลย

    จะให้ชาติไทยสูญพันธุ์กันไปหมดรึไง
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    บ้านลอยน้ำน่าอยู่นะครับ
    จะมีสักกี่คนที่มีกำลังซื้อเพียงพอ
    สงสัยคงต้องอยู่แพไปก่อน
    ผมว่า อย่ากังวลไปเลย อยู่กับปัจจุบันครับ อนาคตเป็นสิ่งไม่เที่ยง
     
  10. แมวแหมว

    แมวแหมว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +49
    สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตมีการปรับตัว อย่ากังวลมากเกินไป เมื่อเวลามาถึงทุกอย่างก็จะถูกปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของมนุษย์ ทุกอย่างจะค่อย ๆ เกิดขึ้นเพื่อให้มนุษย์รู้จักปรับตัวปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...