ใครคิดว่าอนัตตาเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของการบรรลุนิพพาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lotte, 10 ตุลาคม 2005.

  1. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ใครคิดว่าอนัตตาเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของการบรรลุนิพพาน


    ' เรื่องอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา
    :
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ


    พระไตรลักษณ์ เป็นอีกหลักธรรมสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา
    เป็นลักษณะสามัญ ๓ ของสรรพสิ่งทั้งปวงในสังสารวัฏ
    คือ ความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ (ทุกขัง)
    และความไม่ใช่ตัวตน ไม่มีใครสร้าง ไม่มีใครบังคับบัญชา (อนัตตา)

    นอกไปจากช่วงที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้ว สรรพสัตว์ไม่ได้เข้าใจ
    เกี่ยวกับลักษณะสามัญ ๒ ลักษณะแรก คือ อนิจจัง กับ ทุกขัง
    โดยความเป็นแก่นแท้จริงๆ ซึ่ง ในแก่นแท้จริงๆ หรือคำว่า อนิจจัง
    หรือ ทุกขัง แท้ๆ นั้น หมายถึง ความไม่เที่ยง ความทนอยู่ในสภาพเดิม
    ไม่ได้ ของรูปและนาม หรือ กายและใจ หรือขันธ์ ๕
    ที่น่าเจ็บปวดหัวใจไปยิ่งกว่านั้นคือ ความเป็น 'อนัตตา' นั้น
    ไม่สามารถปรากฏต่อปัญญาของสรรพสัตว์ได้เลย ในยุคที่พระธรรม
    ที่เปิดแผ่และประกาศโดยพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ปรากฏอยู่
    (คือ ในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรมทั้งปวง)

    เราทั้งหลายจึงโชคดีมีบุญนัก :) ที่ได้มาเกิดอยู่ในช่วงสมัยที่พระธรรม
    ยังคงเปิดแผ่ให้เข้าไปศึกษา พิจารณาและพิสูจน์ด้วยการปรารภ
    ความเพียร ด้วยการเจริญสติ ด้วยการเจริญสมถวิปัสสนากรรมฐาน
    โดยอาศัยพระสัพพัญญุตญาณ (พระปรีชาญาณหยั่งรู้สรรพสิ่งทั้งปวง
    ทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ตามความเป็นจริงจริงๆ) เป็นที่พึ่ง

    เราทั้งหลายในยุคนี้จึงนับว่าโชคดีมีบุญนัก :)
    ที่สามารถจะเจริญสติปัฏฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
    เพื่อจะได้ประจักษ์แจ้งพระไตรลักษณ์คือความไม่เที่ยง
    ความเป็นทุกข์คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ต้องมีอันผันแปร
    เปลี่ยนสภาพหรือดับสลายไป และ ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
    ไม่ใช่สัตว์บุคคลไม่มีใครเป็นผู้สร้าง ไม่มีใครบังคับบัญชาได้
    ไม่มีใครที่ไหนสั่งอะไรได้

    ภัยในวัฏฏสงสารคือการเวียนทุกข์ เวียนเกิดแก่เจ็บตายนี้น่ากลัวนัก
    มีความไม่รู้เท่าทันสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง คือ โมหะ หรือ อวิชชา
    มาปิดบังให้หลงติดข้องอยู่ไม่สามารถออกไปได้จากวงเวียนกรรม
    อันยาวนานนี้

    เวลานี้เป็นช่วงที่มีพระพุทธศาสนาปรากฏอยู่พร้อม
    พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์สุปฏิปันโน ยังคงมีครบถ้วน
    แผนที่เดินทางออกจากสังสารวัฏที่พระพุทธองค์ทรงให้ไว้ยังปรากฏอยู่
    วิธีการเดินทางก็มีบอกไว้พร้อมมูล :) เพียงบุคคลจะเร่งออกเดินทาง
    ตามวิธีการนี้ ก็จะได้ซาบซึ้งด้วยการประจักษ์แจ้งว่าตัวตนคืออะไร
    มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาของเราของเขาอยู่จริงหรือไม่
    ความไม่เที่ยงคืออนิจจังนั้น แท้จริงเป็นอย่างไร
    ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้คือทุกข์นั้น แท้จริงเป็นอย่างไร
    ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่ใช่ของๆ ใคร ไม่มีใครบังคับบัญชาได้
    คืออนัตตานั้น แท้จริงเป็นอย่างไร เป็นเช่นไร

    ถ้าจำไม่พลาด เคยอ่านจากหนังสือธรรมะ (จำไม่ได้ว่า
    เป็นจากพระไตรปิฏกหรือไม่) ท่านเรียกความรู้ไม่จริงรู้ไม่ซึ้งรู้ไม่ถึงแก่น
    เกี่ยวกับอนิจจังและทุกขังของสรรพสัตว์ในช่วงเวลาที่ไม่มีพระพุทธศาสนา
    ว่าเป็นการรู้แบบรู้อนิจจังเทียมๆ ทุกขังก็เทียมๆ
    ส่วน อนัตตา นั้น ไม่ต้องพูดถึง คือ ไม่สามารถนำมากล่าวได้
    คิดไม่ออก รู้เห็นไปไม่ถึง แม้แต่แค่อนัตตาเทียมๆ ก็ไม่สามารถรู้จักได้
    ก็คือ คำว่าอนัตตาหรือความคิดเกี่ยวกับอนัตตาแม้จะแค่เฉียดๆ ปลอมๆ
    ก็คงจะมีไม่ได้ในเวลานอกพุทธกาล คำว่า 'อนัตตา' แม้จะแค่เทียมๆ
    ไม่ปรากฏได้ เพราะสรรพสัตว์ทั่วไปไม่สามารถมีปัญญาไปหยั่งรู้
    หรือไปรู้เท่าทันตรงนี้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องอาศัย
    พระสัพพัญญุตญาณของบรมครูคือพระพุทธเจ้า
    ชี้แนะไว้ให้ก่อนได้เลย

    ธรรมเรื่อง 'อนัตตา' และเรื่องอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา
    ที่จะนำมาฝากกันต่อไปนี้ คัดเป็นบางส่วนมาจาก
    พระอภิธรรมปิฎก
    เล่มที่ ๒ วิภังค์ ภาคที่ ๑ และอรรถกถา
    หน้า ๑๗๔-๑๗๖
    + + + + + + + + + + + + + + + + +

    จริงอยู่ เมื่อถ้วยชามหรือขันหรือวัตถุอะไรๆ ตกจากมือแตกแล้ว
    ชนทั้งหลายย่อมพูดว่า โอ! มันไม่เที่ยง ความไม่เที่ยง ชื่อว่า ปรากฏแล้ว
    อย่างนี้ ก็เมื่อฝีต่อมเป็นต้นตั้งขึ้นในอัตภาพแล้ว หรือว่าถูกตอหรือ
    หนามทิ่มเอาแล้วก็ย่อมพูดว่า โอ! เป็นทุกข์ ทุกข์ชื่อว่า ปรากฏแล้วอย่างนี้.

    อนัตตลักษณะไม่ปรากฏ มืดมน ไม่แจ่มแจ้ง แทงตลอดได้โดยยาก
    แสดงได้โดยยาก ทำให้เข้าใจได้โดยยาก. แต่อนิจจลักษณะ
    และทุกขลักษณะ พระตถาคตทั้งหลายจะทรงอุบัติขึ้นก็ตาม
    ไม่ทรงอุบัติขึ้นก็ตาม ย่อมปรากฏ. อนัตตลักษณะเว้นจาก
    การบังเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าแล้วย่อมไม่ปรากฏ
    ย่อมปรากฏในพุทธุปบาทเท่านั้น.

    จริงอยู่ ดาบสและปริพาชกทั้งหลายผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
    แม้มีสรภังคศาสดาเป็นต้น ย่อมสามารถกล่าว อนิจจัง ทุกขัง
    ได้ แต่ไม่สามารถจะกล่าวว่า อนัตตา ได้
    แม้ถ้าพวกดาบสเป็นต้นเหล่านั้นพึงสามารถกล่าวคำว่า อนัตตา
    ในบริษัทที่ประชุมกันแล้ว บริษัทที่ประชุมกันก็จะพึงแทงตลอด
    มรรคและผล เพราะการประกาศให้รู้อนัตตลักษณะไม่ใช่วิสัย
    ของใครๆ อื่น เป็นวิสัยของพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเท่านั้น
    อนัตตลักษณะนี้จึงไม่ปรากฏแล้วด้วยประการฉะนี้
     
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    โมทนาเด้อ ... ครับ

    มีประเด็นความพิเศษสมัยที่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าทรงอยู่ .. กับตีความเรื่องนิพพาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...