ใครนั่งสมาธิแล้วมีอาการแบบนี้บ้าง

เวลานั่งสมาธิ พอจิตแล้วนิ่งแล้วจะมีอาการตึง ๆ ตรงหว่างคิ้ว แล้วก็เปลือกตาค่ะ คือ...เหมือนลูกตาเรากรอกไปมาสั่นดุ๊กดิ๊ก ๆ อ่ะค่ะ อธิบายยังไงดี อาการเหมือนตอนที่เราหลับแล้วพยายามจะลืมตาน่ะค่ะ เหมือนลูกตามันกระพริบ ๆ พยายามจะลืมตาทั้ง ๆ ที่เราหลับตาอยู่อ่ะค่ะ มันเป็นเพราะอะไรคะ

 

จิตจะออกนอกกายครับ

เวลานั่ง ควรมีฐานของจิตครับ ลองหาอ่านตามเน็ทครับ

ลองหลายๆแบบ ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น

ไว้พร้อมทั้งความรู้ และ กำลัง ค่อยออกครับ

การเข้าสมาธิ การออกสมาธิ ก็มีลำดับขั้น ควรศึกษาบ้างครับ

 

วางกำลังใจไว้ตำแหน่งอื่นแทน

 

มนต์แก้ธรรมมาร ภาวนาในใจเวลาเกิดอาการว่า " นะ พา ติๆๆๆๆๆ......"

 

ดื่มนม กินนมข้นหวาน ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ อาบน้ำ สระผม นั่งทำสมาธิ และพึงนะให้เป็น สัมมาทิฏฐิ ศาสตร์อริยะคือเป็นสัมมาทิฏฐิ

 

ตาที่สามโดนกระแทก
กำลังจะทำงาน
กะแทกมันบ่อยๆ
ระวัง จิตจะออกจากร่าง
ถ้ายังไม่ปวด ก็ฝึกต่อได้

ถ้าปวดก็ทำวิปัสสนา
หรือ เพ่งที่จุดอื่นแทน

 

จิตออกจากร่างเลยเหรอคะ....ฟังดูน่ากลัวจังค่ะ แล้วต้องแก้ยังไงอ่ะค่ะ (เพราะ 2-3 วันมานี่แทบไม่ต้องรอให้จิตนิ่ง แค่คิดว่าจะทำสมาธิ แล้วหลับตา ลูกตามันก็ดุ๊กดิ๊กแล้วอ่ะค่ะ)

 

ไม่ต้องกลัวครับ

จิตออกจากร่าง
แต่ ไม่ได้แปลว่า ตายนะครับ
นักสมาธิส่วนมาก
มีแต่อยากจะให้จิตออกจากร่าง
ไปท่องเที่ยงยัง 3 ภพ
สรุปคือ ถ้าจิตออกจากร่างได้
แสดงว่า ถึงที่สุดของการทำสมาธิแล้วครับ

 

ลุงแมว น้องเขาสงสัยเนี่ย ว่าไง (tm-love)

 

ลุงแมวช่วย จขกท.ก่อนก่อนที่จิตจะออกจากร่างเขาไปนะ:'(

 

เรื่องของเขา
อย่าไปยุ่ง ถ้าเมื่อใดเขามีบารมีมากพอเขาก็ไปต่อ
ของเขาได้เอง

ตอนนี้กลับไปดูตัวเองดีกว่า ฟอกขาวตัวเอง
ให้สะอาดให้ได้
แล้วค่อยหาโอกาสช่วยชาวบ้าน ดีกว่าครับ

ตัวเองยังเปื้อนมอมแมม จะเป็นการเอาความ
มอมแมมของเราไปเปื้อนซ้ำเติมเขาเข้าไปอีก
จริงไหม?

 

สมาธิกำลังเข้มแข็งขึ้นครับ ฝึกต่อไปครับไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้ากลัวไม่เลิกก็ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าไว้เป็นปกติ จะได้สบายใจ ยังไงฝึกสมาธิก็ไม่ทำให้เราตายแน่นอน ครูบาอาจารย์หลายท่านก็ผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว ทำไปเรื่อยๆครับไม่ต้องกลัวถ้าบอกมากไปกลัวว่าจะทำให้เสียผล ต้องพบกับตัวเองแล้วจะดีเอง ยืนยันว่าอาการที่คุณเป็นไม่มีผลเสียอะไร มาถูกทางแล้วครับ

 

ไม่มีอะไรหรอกครับ..เป็นกันได้ทุกคนหละครับ..
คือเราเผลอไปเพ่งโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ.
และในการเพ่งของเราตรงนี้ยังเผลอใช้การมอง
แบบการมองโดยใช้สายตาปกติซ้ำเข้าไปอีก
ตรงต่ำแหน่งเหนือระหว่างคิ้วโดยไม่รู้ตัว..
ตาเราเลยเหมือนๆว่าจะลืมตาออกได้เอง
ทั้งๆที่เราหลับตาอยู่นั่นหละครับ..๕๕๕
ดีนะว่าไม่ปวดศรีษะร่วมด้วย.เพราะดีตรงไม่ได้
ใช้ความคิดหรือมีความคิดในช่วงนั้นไม่งั้น
จะปวดศรีษะร่วมด้วย.แต่วันไหนเผลอคิด
รับรองว่าตึงๆศรีษะแน่ ๕๕๕..
วิธีแก้ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออกหยุดอยู่
ที่ปลายจมูก.และดันลมหายใจให้ลึกถึงท้องโดยที่
ไม่ต้องไปตามลมนะครับ คือหายใจเข้าลมดันถึงท้อง
แต่ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมหยุดที่ปลายจมูก หายใจออก
ก็เช่นกันปล่อยลมออกให้หมดและทำความรู้สึกรับรู้ว่า
มันสิ้นสุดที่ปลายจมูก..เพื่อสร้างกำลังสติทางธรรมไปในตัว
จะใช้คำภาวนาอะไรได้.ที่เป็นคุณต่างๆ ตามแต่จะชอบ..
และที่สำคัญให้หลับตาปกติไปเลยครับ ให้ชำเรืองลูกตาทั้งสอง
ลงไปที่ลิ้นปี่คล้ายๆตาพระพุทธรูปแล้วไม่ต้องไปสนใจมัน..
เด่วมันจะมีความรู้สึกว่ามีตาอีกลูกหนึ่ง และมีตาเดียวมันจะทำ
หน้าที่มองผ่านระหว่างเหนือคิ้วของเราเองอัตโนมัติ ย้ำว่าอัตโนมัติ
ไม่ต้องไปเพ่งอะไรมัน จะมองอะไรก็ให้มองผ่านตรงนี้
มันจะได้ตัดการใช้ระบบความคิดจากสมองไปในตัว
ซึ่งความคิดจากสมองนอกจากมันจะขวางการพัฒนาระดับ
สมาธิเราแล้วในขั้นนี้ ยังทำให้เราปวดหัวได้ด้วย..
เด่วอาการที่เป็นอยู่ก็จะหายไปเอง แต่ใช้เวลาปรับระบบการ
หายใจตรงนี้หน่อยประมาณเร็วสุด ๒ สัปดาห์ กำลังสติทางธรรม
จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ถ้าไม่ทำอย่างนี้นะ
รับรองว่าเด่วๆความคิดในสมองมันจะชอบพาไปคิดที่เรื่องพวก
สัมผัสอะไรพิเศษต่างๆได้อย่างที่เราไม่รู้ตัวครับ..ซึ่งมันจะยัง
ไม่ใช่ความสามารถที่เกิดจากตัวจิตเราจริงๆในเวลานี้ด้วยครับ..
ปล.ประมาณนี้พอเข้าใจนะครับ..

 

เห็นลุงแมวพูดไว้ที่นี่ทำนองว่า

ครั้นมานี่

ทำไมใจไม้ใส้ระกำ ไม่ดูดำดูดีเลยล่ะ :'(

ถามลุงแมวในฐานะเป็นผู้สนับสนุนบอร์ดพลังจิต ถ้าไม่ได้ให้ผู้ที่เขาข้องใจเรื่องธรรมะปฏิบัติได้ไถ่ถาม สร้างไว้เพื่ออะไร :d(deejai)

 

ลุงแมวพูด ต่างสถานการณ์ต่างวาระ
บริบทก็ต่างกันด้วย

จขกท.ต้องการคลี่คลายปัญหาที่ประสบจากการ
ปฏิบัติภาวนา จึงตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่อขอคำชี้แนะ
จากผู้มีประสบการณ์ตรง

จากนั้นก็มีผู้มีประสบการณ์กำลังเข้ามาแนะนำ
อยู่หลายท่านแล้ว

มาจากดินเข้ามาอ่านดูแล้วอยากแจมด้วย
จึงกวักมือ เรียกลุงแมว มานี่ๆ
ลุงแมวมาช่วยตอบ
ปัญหาให้น้องเขาหน่อยว่าเขาจะทำอย่างไร??

ลุงแมวก็ต้องตอบไปแบบนั้น มันใจระกำตรงไหน
ในเมื่อประสบการณ์แบบนั้น เราไม่มีจะพูดมั่วๆ
ตอบไปทำไม??
นิ่งเสียตำลึงทอง จริงไหมใช่ไหมครับ??

 

ถามลุงแมวในฐานะเป็นผู้สนับสนุนบอร์ดพลังจิต ถ้าไม่ได้ให้ผู้ที่เขาข้องใจเรื่องธรรมะปฏิบัติได้ไถ่ถาม สร้างไว้เพื่ออะไร :d(deejai)[/QUOTE]

ลุงแมวสนับสนุนเว็บพลังจิต
ด้วยจิตใจบ้าง ด้วยปัจจัยบ้าง

เพื่อให้เว็บพลังจิต เป็นสถานที่
ของคนทำดี ด้วยกาย วาจา ใจ
มาแสดงออกกันสืบเนื่องไป

ส่วนคนที่ทำไม่ดี แต่ขยันเข้ามาแจมบ่อยๆ
มาเลือกรับแต่สิ่งที่ดีๆ ซ้ำๆ
ไม่ช้าไม่นาน
ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

หรือไม่ก็หนีห่างหายไปเลย เพราะไม่ถูกจริต
เลยอยู่กับคนดีไม่ได้

 

ที่ว่า เมื่อเขามีบารมีมากพอก็ไปต่อได้เอง "บารมีๆๆ" ลุงแมวหมายถึงอะไรครับ

 

ลุงแมวสนับสนุนเว็บพลังจิต
ด้วยจิตใจบ้าง ด้วยปัจจัยบ้าง

เพื่อให้เว็บพลังจิต เป็นสถานที่
ของคนทำดี ด้วยกาย วาจา ใจ
มาแสดงออกกันสืบเนื่องไป

ส่วนคนที่ทำไม่ดี แต่ขยันเข้ามาแจมบ่อยๆ
มาเลือกรับแต่สิ่งที่ดีๆ ซ้ำๆ
ไม่ช้าไม่นาน
ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

หรือไม่ก็หนีห่างหายไปเลย เพราะไม่ถูกจริต
เลยอยู่กับคนดีไม่ได้[/QUOTE]

จกขท.เขาก็ทำดีด้วยกาย วาจา ใจ นะ

 

ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ....จะลองเอาไปปฏิบัติตามนะคะ ^___^ นักปฎิบัติมือใหม่ มีข้อข้องใจเยอะแยะ หวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากทุกท่านต่อไปนะคะ ถ้าเจออาการอะไรแปลกๆ อีก คงได้มาขอคำชี้แนะอีก ฝากมือใหม่ให้พี่ๆ ทุกท่านช่วยเข็นช่วยดึงด้วยนะคะ ^____^

 

อันที่จริงอาการดังกล่าวข้างต้น เมื่อเราไม่ทำสมาธิ,ไม่นั่งสมาธิ,ไม่เจริญสมาธิ, ไม่ฝึกสมาธิ,ไม่ฝึกอบรมจิต (นี่เรียกให้หมดเลย) มันก็มีก็เป็นของมัน แต่เราเองไม่เคยสังเกต เมื่อไม่เคยสังเกต มันเกิดแล้วๆก็ผ่านไป โดยที่เราไม่รู้ เพราะมัวแต่สารวนอยู่กับงานประจำวันด้านอื่นๆ ....ครั้นมาตั้งใจทำสมาธิ คือ ได้นั่งสังเกตความเกิดขึ้นของรูปของนามเงียบๆอยู่ รูปนามมันเกิดดับไปตามปกติของมัน (แต่ไม่ปกติของเรา) เราก็สงสัยว่าเอ๊ะ อ่ะมันเป็นอะไร ทำไมจึงเป็นยังงี้ มันจะเป็นอะไรไหม ฯลฯ เลยกลายเป็นว่าเราไปยึดติดถือมั่น มันอยู่นั่นไม่ไปไหน ถ้าเรากำหนดรู้ทุกสภาวะที่เกิดขึ้น อะไรเกิดรู้ๆๆๆๆ ก็จะเห็นว่าทุกสภาวะไม่คงที่คงทน เปลี่ยนแปลงทุกขณะ ฯลฯ

มีบางคนนั่งสมาธิแล้วน้ำลายไหล ก็สงสัยว่าเอ๊ะทำไมถึงไหล ก็น้ำลายก็ไหลเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ทำสมาธิมันก็ไหล แต่ไหลเราก็กลืนๆๆ แต่พอมาทำสมาธิสงสัยจัง รำคาญน้ำลาย :d(deejai)