ใครฝึกอาโลกสิณสำเร็จบ้างครับขอคำแนะนำด้วยครับ

รบกวนสอบถามผู้ที่ฝึกอาโลกสิณสำเร็จด้วยครับ ขอเฉพาะคนที่สำเร็จจริงๆนะครับ

การเพ่งกสิณ เราควรนำอะไรมาเพ่งครับ
เช่นถ้าหากมีตะเกียงดวงเล็กๆ แล้วเพ่งแสงจากตะเกียงที่ส่องออกมา เช่นภาพนี้

http://board.trekkingthai.com/board/upload/photo/2010-11/8b48d0bd0357f0a3a3a8dc11039278ab.jpg

แล้วก็จ้องดวงกลมๆ เล็กๆ นั้นให้จำแสงจากจุดนั้นให้ติดตาไว้ จำแสงแบบนี้จะมีกสิณโทษหรือไม่ครับ (ในภาพมีสามจุดเอาเป็นว่าจ้องจุดไหนก็ได้ใช่ไหมครับ)
ขอบคุณครับ

 

ถาม : จะถามเรื่องคาถาย่นระยะทาง เราภาวนาคาถาเงินล้านหรือว่าภาวนาพุทโธ ถือเป็นการย่นระยะทางได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว การย่นระยะทางต้องเป็นพื้นฐานของวาโยกสิณ

และไม่ใช่วาโยกสิณตัวเดียว ลักษณะของการย่นระยะทางเป็นของผู้ชำนาญในกสิณ ๑๐ พอตั้งใจใช้กำลังของอภิญญา กำลังของกสิณอธิษฐานแล้วถึงจะเป็นไปตามนั้น แต่เท่าที่เคยใช้ได้ผล ให้ภาวนาว่า "สัมปจิตฉามิ"

อาตมาเดินแต่เขาขับมอเตอร์ไซค์ไล่ไม่ทัน ตัวเราเองไม่รู้หรอก รู้สึกว่าเดินตามปกติ สมัยที่ไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ ออกเดินบิณฑบาตระยะทางไป ๕ กิโลเมตรเศษ กลับ ๕ กิโลเมตรเศษ รวมแล้ว ประมาณ ๑๐ กิโลครึ่ง คราวนี้ต้องเดินขึ้นเขาขึ้นเนินตั้งหลายลูก เมื่อไปบิณฑบาตแล้วได้ข้าวของมาเยอะ

พอได้ข้าวของมาเยอะ ชาวบ้านเขาก็ถือมาส่ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมอญ ทวาย ที่ทำงานอยู่กับหน่วยป่าไม้ที่ไปตั้งแคมป์อยู่กันข้างบน เขาก็ถือของมาส่ง วันแรก วันสอง วันสามก็มาส่ง พอวันท้าย ๆ เขาหายกันหมด อาตมาเองก็ไม่รู้เรื่องว่าเป็นเพราะอะไร

จนกระทั่งวันหนึ่งหัวหน้าคนงานเขามาบอกว่า "หลวงพี่เดินเร็วจริง ๆ ครับ" อาตมาก็ถามว่า "ทำไมวะ ?"
หัวหน้าคนงานตอบว่า "ปกติพวกคนงานเดินกัน ผมต้องวิ่งไล่ตาม แต่หลวงพี่เดินคนงานต้องวิ่งไล่ เขาวิ่งไล่กันไม่ไหว..บอกว่าเหนื่อย จึงไม่ถือของตามมาส่งให้หลวงพี่อีก"

"ผมก็สงสัยว่าหลวงพี่เดินอย่างไร พวกคนงานถึงไล่ไม่ทัน ผมจึงลองเอามอเตอร์ไซค์ไล่ตามดู ไล่ไม่ทันจริง ๆ ครับ..!" เขาว่าอย่างนั้น เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้อยู่อย่างเดียวว่าเดินตามปกติ


ถาม : ภาวนาว่าอะไรคะ ?
ตอบ : "สัมปจิตฉามิ"

เหตุเพราะหลวงพ่อท่านสั่งไว้ตั้งแต่บวชพรรษาแรก ท่านบอกว่าให้ภาวนาคาถาบทนี้ให้เป็นปกติ เพราะว่าบทนี้จะเป็นคาถาสำหรับสร้างอภิญญา ถ้าใครทำทรงตัวจะเล่นอภิญญาได้เหมือนกับได้กสิณ ๑๐

ท่านบอกว่านานไปข้างหน้าบรรดาเดียรถีย์จะโจมตีศาสนาพุทธมาก โดยเฉพาะเรื่องของอภิญญาสมาบัติ เขาจะกล่าวว่าเป็นเรื่องหลอกลวงกัน เมื่อถึงเวลานั้น พวกแกจะต้องไปแสดงให้เขาดูว่า เรื่องของอภิญญาเป็นเรื่องจริง ท่านสั่งให้ทำตั้งแต่พรรษาแรกเลย

แล้วอีกครั้งหนึ่งก็เดินทางไปเยี่ยมสถานีวิจัยลุ่มน้ำแม่กลอง ก็เดินขึ้นไปดูพื้นที่การจัดการลุ่มน้ำของเขา เดินไปเรื่อย ๆ เวลาก็ประมาณ ๑๑ โมงครึ่งแล้ว ระยะห่างจากสถานีประมาณ ๔ กิโลเมตรเศษ หัวหน้าเขาบอกว่านิมนต์ฉันเพลด้วยครับ เพราะว่าสั่งเขาจัดอาหารไว้แล้ว เราก็มองนาฬิกา "ตายห่...!" ๔ กิโลเมตรเดินครึ่งชั่วโมง..อย่างไรก็ไม่ทันอยู่แล้ว..ใช่ไหม ? ก็เลยต้องใช้วิธีนี้

บอกเขาว่า "เออ..ถ้าอย่างนั้นขอเดินล่วงหน้าไปก่อน พวกโยมตามมาก็แล้วกันนะ" แล้วก็ออกเดิน เมื่อมาถึงข้างสถานี รถเขาออกมาแล้วบอกว่า "กำลังจะไปรับพอดี" อาตมาก็บอกว่า "ไปรับหัวหน้ากับคนอื่นเขามาก็แล้วกัน ของอาตมาถึงแล้ว ไม่ต้องรับหรอก"

จากนั้นก็ลงไปนั่งฉัน และดูนาฬิกาเพิ่งจะ ๑๑ โมง ๔๐ นาทีเท่านั้น ปรากฎว่าเมื่อคณะตามมาถึง แม่ของจุ๊บเขาบอกว่า "ท่านเดินอย่างไรเร็วขนาดนั้น จุ๊บวิ่งตามซะจนเลือดกำเดาไหลยังไล่ไม่ทัน" อาตมาบอกว่า "ไม่รู้เหมือนกัน ก็เดินปกตินี่แหละ รู้สึกว่าระยะทางยังไกลเท่าเดิม แต่ว่าถึงเร็วขึ้นเท่านั้น"

เท่าที่ใช้ดูก็ใช้บทนี้แหละ แต่ถ้าอย่างหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก พาหลวงพ่อฤๅษีไปสุวรรณวิหารที่อินเดีย นั่นเป็นอำนาจของกสิณ ๑๐ ไม่ใช่ประเภทคาถาอย่างนี้หรอก

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ttp://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2426

 

การฝึกอะไรก็แล้วแต่ ควรทำตาม ครูบาอาจารย์ที่สอนสั่ง

ควรทำตาม ตำรา นะครับ

ไม่ใช่ เก่งเกิน นอกครู นอกตำรา เก่งแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเอง ใครก็ช่วยไม่ได้นะ

.

 

จากในรูปนั้น พูดตรงๆ ตอบไม่ได้หรอกครับ

เพราะไม่ใช่รูปตอนที่ เปิดแล้วมีแสงออกมาให้เห็น

จะให้นั่งเดา นั่งเทียนเขียนบอก ก็ไม่ได้หรอก

 

รบกวนสอบถามผู้ที่ฝึกอาโลกสิณสำเร็จด้วยครับ ขอเฉพาะคนที่สำเร็จจริงๆนะครับ

เชิญอ่าน คำสอน ของ ครูบาอาจารย์ แล้ว ปฏิบัติ ด้วยตัวเองครับ

อย่าไป นอกครู นอกตำรา ก็แล้วกัน



คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง

โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



อาโลกกสิณ

อาโลกกสิณ แปลว่า เพ่งแสงสว่าง ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝาหรือช่อง
หลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือแผ่นหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว ตามที่กล่าวในปฐวีกสิณ
แล้วภาวนาว่า อาโลกกสิณัง ๆๆ อย่างนี้ จนอุคคหนิมิตปรากฏ อุคคหนิมิตของอาโลกกสิณ
มีรูปเป็นแสงสว่างที่เหมือนรูปเดิมที่เพ่งอยู่ ปฏิภาคนิมิตนั้นปรากฏเป็นแสงสว่างหนาทึบเหมือนกับ
เอาแสงสว่างมากองรวมกันไว้ที่นั้น แล้วต่อไปขอให้นักปฏิบัติจงพยายาม ทำให้เข้าถึงจตุตถฌาน
เพราะข้อความที่จะกล่าวต่อไป ก็เหมือนกับที่กล่าวมาแล้วในปฐวีกสิณ

 

<CENTER>


ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)</CENTER>
หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?
กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป

 

<center>ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)</center> <center> </center> ผู้ถาม:- “หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?”
หลวงพ่อ:- “กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง”







กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ

 

จขกท. ปฏิบัติ โดยการ ฝึก กสิณ อยู่

ผลของการฝึกกสิณ ก็คือ ปฐมฌาน นั้นๆ ของ องค์ กสิณนั้นๆ ขึ้นไป

ทีนี้ เราลองไปเทียบกับ ตำรา ดูนะครับ

ปฐมฌาน องค์ของปฐมฌาน มี 5 คือ

๑. วิตก
๒. วิจาร
๓. ปีติ
๔. สุข
๕. เอกัคคตา




ปฐมฌาน มีอารมณ์เหมือนกับฌานในกรรมฐานอื่นๆ แปลกแต่กสิณนี้
มีอารมณ์ยึดนิมิตเป็นอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ให้พลาดจากนิมิต






จขกท. ลองอ่านดูครับ

. กสิณ 10 โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอรหันต์แห่งวัดท่าซุง

http://www.palungjit.org/smati/k40/kasin10.htm

 

ลองอ่าน คำเทศน์ ของ ครูบาอาจารย์ ดูครับ

กสิณ

โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอรหันต์แห่งวัดท่าซุง


อาโปกสิณ

อาโปกสิณ อาโป แปลว่า น้ำ กสิณ แปลว่า เพ่ง อาโปกสิณ แปลว่าเพ่งน้ำ
กสิณน้ำ มีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ ท่านให้เอาน้ำที่สะอาด ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี ถ้าหาน้ำฝนไม่ได้ท่านให้เอา
น้ำที่ใสแกว่งสารส้มก็ได้ อย่าเอาน้ำขุ่น หรือมีสีต่างๆ มา ท่านให้ใส่น้ำในภาชนะเท่าที่จะหาได้
ใส่ให้เต็มพอดี อย่าให้พร่อง การนั่ง หรือเพ่ง มีอาการอย่างเดียวกับปฐวีกสิณ จนกว่าจะเกิด
อุคคหนิมิต อุคคหนิมิตของอาโปกสิณนี้ปรากฏเหมือนน้ำไหวกระเพื่อม สำหรับปฏิภาคนิมิต
ปรากฏเหมือนพัดใบตาลแก้วมณี คือใสมีประกายระยิบระยับ เมื่อถึงปฏิภาคนิมิตแล้วจงเจริญ
ต่อไปให้ถึงจตุตถฌาน บทภาวนา ภาวนาว่า อาโปกสิณัง <!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณคุณ Saber หมายความว่าจะให้ทำตามตำรา

อาโลกกสิณ แปลว่า เพ่งแสงสว่าง ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝาหรือช่อง
หลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือแผ่นหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว

หาหลังคาที่มีรูใช่ไหมครับ ไม่ได้กวนนะแต่มันหาไม่ได้เลยมาถามวิธีอื่นนะครับ

 

อูยยยยย

ฝึก เมื่อ ครูบาอาจารย์ บอกให้ฝึก ดีก่า นะนี่ จะได้อยู่ในสายตา

เล่น กันเอง เสียว วูบ เล้ยยยย

 

รู้จัก ดวงกสิณ อื่นๆ ไหมครับ

ถ้ารู้จัก เปลี่ยนภาพ เปลี่ยน ภาพจากสีกสิณอื่นๆ นั้น ให้เป็นสีของ อาโลกกสิณ เท่านั้นเองครับ

ก็จะได้ อาโลกกสิณ เอาไว้ เพ่ง ครับ
.

จะฝึกอะไรก็แล้วแต่ อย่าไปนอก ครูบาอาจารย์ หรือ นอกตำรา ครับ


.

 

พอจะมีใครรู้จักอาจารย์สอนอาโลกสิณหรือไม่ครับ ผมคงฝึกเองไม่ไหวครับอาจจะโดนกสิณโทษเล่นงานเสียก่อน
ขอบคุณครับ

 

วัดท่าขนุน

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ​

 

อยู่ กทม หรือป่าวครับ แนะนำว่า ให้เข้าไปพบ หลวงพี่เล็ก ที่บ้าน วิริยะบารมี ครับ

๓ - ๔ - ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖
พระอาจารย์เล็กรับสังฆทานที่บ้านวิริยบารมี.

แผนที่ และ อื่นๆ เข้าไปดูตามลิ้งนี้ครับ

http://palungjit.org/threads/กำหนดก...ายทอดสด-and-วีดีโอ-and-ภาพงาน-ปี-๒๕๕๖.483148/

.

 

ขอบคุณครับ

 

สอนผมด้วย หวัดดีï¿

 

ขอให้ประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้นะครับ...แต่ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ
ไม่ได้แนะนำนะครับ..อย่างที่ คุณ Saber นำมาลงไว้นั้นก็ถูกต้องนะครับ.ทีนี้ลองมาดู
ในมุมคนที่ปฏิบัติบ้างนะครับ..ขอพูดกันแบบตรงๆเลยนะครับ.ถ้ารู้สึกขัดๆตรงขออโหสิกรรมไว้ก่อนล่วงหน้านะครับ..

๑.ตามสเปคที่คุณระบุไว้ สำเร็จของคุณ
แยกได้เป็น ๒ อย่างคือ ๑.บุคคลที่อฐิษฐานได้
แต่ว่ายังไม่คล่องตัว คือ สามารถอฐิษฐานได้แล้วเพื่อดูผล..แต่ผลยังไม่เป็นไปตามที่อฐิษฐาน ๑oo เปอร์เซนต์
ประเถทนี้จะอยู่ในช่วงการสร้างกำลังจิต.คือฝึกเข้าสู่โหมดปฏิภาคนิมิตรสำหรับสะสมกำลังจิตไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเพียงพอสำหรับการอฐิษฐานและรอจนกว่าจะผ่านด่านสุดท้าย คือ เรื่องยอมตายเป็นด่านที่ผ่านยากที่สุดเพราะระหว่างนี้จะสามารถใช้กสิณกอง
อื่นๆได้เลย เพราะระหว่างฝึกกสิณกองใดกองหนึ่งนั้น พวกกสิณกองอื่นๆที่เคยได้ในอดีตก็จะทยอยกลับมาเรื่อยๆ ถ้าไม่อุเบกขาไว้ จะทำให้ฝึกกสิณกองที่กำลังฝึกอยู่สำเร็จได้ยาก และจะต้องอุเบกขาในทางภพภูมิด้วยและการใช้ในทางด้านไหนก็ตามแม้ว่าในช่วงที่ฝึกแม้ว่าจะใช้เพื่อป้องกันตัวก็ยังถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์

นอกจากด่านเรื่องภพภูมิอีกสารพัดที่เข้ามาเกี่ยวข้องสารพัด.
.และยังต้องมายกระดับจิตใจให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เวลาจะใช้งานได้ต้องใช้เวลานาน คือ เป็นหลักหลายๆนาที..ถ้าสายอภิญญาจริงๆจะเรียก กลุ่มนี้ว่า เด็กพึงเริ่มคลาน..แต่ส่วนมากถ้าทำได้มักจะคิดว่าตัวเองวิ่งได้.

.บางคนยังไม่เคยอฐิษฐานให้เป็นรูปธรรมได้
ทำได้แต่เปิดสำนักหรือแนะนำคนไปเรียนก็มีให้เห็นแต่ว่าถือ
ว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะอย่างน้อยแนะนำให้คนฝึกเข้าสู่ความสงบ และเป็นเหตุให้บุคคลที่ไปเรียนทำความดีต่อไปได้ในอนาคต
โดนส่วนตัวก็ต้องขอชมเชย..

บอกได้เลยครับว่าที่ฝึกๆกัน หรือลงให้ดูในเวป.ถ้าคุณผ่านเกณฑ์บางอย่าง
จะใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที ในการเข้าถึงอุคคนิมิตรแบบที่เค้าแนะนำ และไม่กี่นาทีในการถึงปฏิภาค แต่ยังไม่เคยเห็นวีดีโอหรือเทปไหนสอนถึงการสร้างกำลังจิต ยกเว้นว่าใช้ได้แล้วถึงมาแสดงให้ดู.เรียกได้ว่าอิงตำราหรืออ่านๆมาซะมากกว่า
.แล้วมาแนะนำสังเกตุเรื่องในส่วนปฏิภาคนิมิตรได้
เพราะหาบุคคลที่ทำได้จริงและอยู่ในช่วงสร้างกำลังจิตได้น้อยและ
จะมาคอยสอนคอยแนะนำได้ยาก..ส่วนมากถึงปฏิภาค.จะชอบคิดว่าตัวเองเก่งและจะมีเหตุให้ไปติดเรื่องทางภพภูมิหรือไปทางด้านอื่นๆก่อน.
ซักวันถ้าคุณเข้าถึงจริงๆคุณจะเข้าใจที่พูดให้ฟังอย่างนี้ด้วยตัวเอง
.
๒.บุคคลที่อฐิษฐานได้และคล่องตัว..คือ ผลเป็นไปตามที่อฐิษฐานเพื่อใช้ประโยชน์
ไปในทางธรรมได้ผลออกมา ๑oo เปอร์เซนต์ บุคคลกลุ่มนี้มีกำลังจิตพอตัว.และสัง
เกตุได้ง่ายๆว่า เรื่อง โลภ โกรธ หลง จะน้อยมาก และที่สำคัญคือ พวกปฏิฆะ.จะแทบไม่มี
สายอภิญญาเรียกว่า เดินพอเดินได้ แต่ยังไม่แข็งแรง..กลุ่มนี้อยู่ในช่วงฝึกเทคนิคการใช้
งานเฉพาะแบบต่างๆอยู่.เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางธรรมในอนาคตต่อไป.

๓.กลุ่มผู้ใช้งานได้เป็นปกติและสามารถสอนได้.ก็อย่างที่คุณเห็น ที่คุณต้องไปอ่านเพื่อ
เอามาไว้ดูเป็นแนวทางนั้นหละครับ.ผมไม่ขอพูดถึง.แต่คุณเห็นได้ในเวปนี้
นั่นหละครับที่ลงไว้แบบถาวร..ถึงจะเรียกได้ว่า ตรงตามสเปกที่คุณ วางไว้จริงๆครับ

เรื่องเล่าให้ฟังต่อมาคือ...ทั้งสองกลุ่มนี้ยากที่จะยอมสอน
คุณอย่างแน่นอนถ้าคุณตอบ
คำถามไม่ได้ว่า คุณฝึกไปเพื่ออะไร ถ้าตอบว่าฝึกเพื่อเสกโน้นเสกนี้ได้
.บอกได้เลยว่าฝึกอีกนาน.
และก็ยากที่จะมีกลุ่มที่ ๓ คืออาจารย์ทางภพภูมิบางท่านที่จะมาควบคุมการฝึกให้คุณ ถ้าพื้นฐานจิตใจคุณยังไม่ผ่านเกณฑ์และบอกได้เลยว่าถ้าเอาแค่กสิณอย่างเดียวเท่านั้น..เส้นทางเดินกสิณถึงขั้นอธิษฐานเป็นรูปธรรมได้ของคุณก็จะอีกยาวไกลเช่นกัน..

และบอกได้เลยครับ.คุณต้องใช้เวลาอีกนานมาก ในการที่จะพัฒนาในแต่ละขั้นตอนจนกระทั้งไปสู่จุดที่พอเดินได้
ถ้าไม่ได้กลุ่มที่ผมบอกว่าตามสเปกคุณ
มาคอยกำกับดูแลการฝึกของคุณ นอกจากคุณ จะโชคดีได้อยู่ใกล้บุคคลที่
ฝึกสำเร็จแล้วถึงจะมีโอกาส
และถ้าอาจารย์ทางภพภูมิไม่มาคอยช่วยถ่ายพลังหรือว่าเปิดจุดให้ในขณะนี้.
หรือคอยแนะนำเทคนิคต่างๆให้คุณก็จะไม่ง่ายอย่างที่คิด.ผมเล่าให้ฟังอย่างนี้คิดว่า คงจะพอ
วิเคราะห์อะไรหลายๆอย่างได้นะครับ..ว่าควรจะต้องปรับการดำเนินชีวิตอย่างไร.
ควรจะต้องพอมีกำลังสมาธิในระดับพื้นฐานอย่างไรบ้าง.ควรจะต้องปรับระบบ
ความคิดเบื้องต้นอย่างไรบ้าง..หวังว่าในอนาคตข้างหน้าคุณจะประสบความ
สำเร็จนะครับ หลังจากได้อ่านและทำความเข้าใจเรื่องที่เล่าให้ฟังมาทั้งหมดนี้ครับ

​

 

ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ

 

ลองเอาไปทำดูค่ะ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=9fiLU9E5os4&feature=share&list=PL032BA387A338B897]วิธีการเพ่งกสิณ - YouTube[/ame]
ถ้าอยากได้ทิพจักขุญาณ ทำกสินสองอย่างนี้ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้เหมือนกันค่ะ

โอทากสิณ
โอทากสิณ แปลว่า "เพ่งสีขาว" บทภาวนา ภาวนาว่า โอทาตกสิณัง ๆ ๆ ๆ สีขาวที่จะเอามาเพ่งนั้น จะหาจากดอกไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ ตามแต่จะสะดวก หรือจะทำเป็นสะดึงก็ได้นิมิต ทั้งอุคคหะและปฏิภาคก็เหมือนนีลกสิณ เว้นไว้แต่อุคคหะเป็นสีขาวเท่านั้นเอง

อาโลกสิณ

อาโลกสิณ แปลว่า "เพ่งแสงสว่าง" ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝาหรือช่องหลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว ตามที่กล่าวในปฐวีกสิณ แล้วภาวนาว่า อาโลกสิณัง ๆ ๆ ๆอย่างนี้ จนอุคคหนิมิตปรากฏ อุคคหนิมิตของอาโลกสิณเป็นเสงสว่าง ที่เหมือนรูปเดิมที่เพ่งอยู่ ปฏิภาคนิมิตนั้นปรากฏเป็นเสงสว่างหนาทึบ เหมือนกับเอาแสงสว่างมากองรวมกันไว้ที่นั่นแล้ว ต่อไปขอให้นักปฏิบัติ จงพยายามทำให้เข้าถึงจคคุถฌาน

เวลาภาวนา ให้ทำอารมณ์สบายๆ อย่าไปอยากได้