ให้ ตั้ง สัจจะ

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย paang, 19 ธันวาคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    [​IMG]

    แสดงแก่พระภิกษุ วันที่ ๕ กมภาพันธ์ ๒๕๒๗

    การปฏิบัติเราจะเดินให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้
    เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหว
    เราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริง ๆ

    กำหนดตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้
    หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความ
    สัตย์ว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้
    กำหนดระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่
    ปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะ
    ธรรมโม .

    อย่าละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน
    จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอด
    คืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะ
    ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวัง
    รักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป

    ให้พยายามรักษาความดีความหมั่น ความขยันของ
    เราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรา
    นี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง

    เราต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วย
    ความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้
    บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออก
    จากกาย จากวาจา จากใจ

    อาศัยความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจ-
    คร้านนั้นได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีให้ละเสียให้
    วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณา
    กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียร ความ
    หมั่น ความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน

    เราต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วย
    อุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบาย
    มาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญู ร่าเริง
    ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้
    จิต นิ่งเฉย เกียจคร้าน

    เราต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วย
    อบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอบายอันชอบ
    ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตผล เกิดความมุมานะพยายามในความ
    เพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อย ๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อ
    ความ เพียร

    ถ้าเราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน
    ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติ
    ไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นใน
    จิตในใจของตน

    จิตของเรา ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะให้เรา
    นอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหา
    อุบายมาข่มขู่ ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้ว
    จิตยอมเชื่อฟัง นั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน
    ลักษณะนั้นและในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดย
    อุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิต
    ถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์
    ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบาย
    มาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยก
    ธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา

    ให้ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดี
    ของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหล่ะ ถ้าไม่อาศัย
    ความขยันหมั่นเพียรไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่
    อารมณ์ต่าง ๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจง
    ให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม

    ถ้าเราไม่หมั่นหาอบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิต
    มักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของ
    สำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง
    เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไร
    เราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้น
    ให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส

    ให้ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะ ตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม
    พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิริยะ ความพากความเพียร
    ในภาวนาในคุณความดี

    ให้ตั้งอยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร

    ให้ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้ อย่าเป็นคนเกียจคร้าน
    พระพุทธเจ้าสั่งสอนเอาให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายาม
    รักษาจิตรักษาใจของเรา อาศัยความองอาจกล้าหาญ ใน
    ความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้.
    กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้

    ให้รักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษากาย รักษาใจ
    ของตน ในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน
     

แชร์หน้านี้

Loading...