หลวงพ่อพลองวัดเพรชดอนยางชัยภูมิ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    c91be655009f82f234935058c41be89e.jpg
    พระผงเหมือนใบโพธิ์
    หลวงปู่มัง
    พระมงคลธรรมภาณี (มัง มงฺคโล) หรือ หลวงปู่มัง ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพกุญชรวราราม จังหวัด
    ลพบุรีพ.ศ. ๒๔๗๙ – ๒๕๓๙ (ธรรมยุติกนิกาย) เป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าคุณพระเทพวรคุณ
    (หลวงปู่อ่ำภ ภัทราวุโธ) และ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) อดีตแม่ทัพธรรมใหญ่ คู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งชาวลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงต่างรู้จักท่านเป็นอย่างดีในฐานะพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นพระสุปฏิปันโน พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประชาชนทั้งในและต่างประเทศต่างเลื่อมใสศรัทธาเข้ามานมัสการ กราบไหว้ ขอพร รดน้ำมนต์กันอย่างไม่ขาดสายและท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี – สระบุรี
    ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ - ๒๕๓๙
    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านพระอาจารย์สาโรชเคยเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่มัง ผมฟังเเล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก เลยนำมาถ่ายทอดให้อ่านกัน ครับท่านเล่าว่า
    "หลวงตาท่านเคยถูกนิมนต์ให้ไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องที่วัดแห่งหนึ่ง พอเสร็จพิธี จู่ๆหลวงตาบอกว่าพระเครื่องรุ่นนี้พระนั่งหลับนะ"
    ท่านอธิบายว่า "ระหว่างที่หลวงตาท่านส่งกระแสจิตไปยังวัตถุมงคลต่างๆในพิธี เวลานั้นท่านก็สังเกต ดูอารมณ์ ดูกำลังของกระแสจิตของพระภิกษุที่เข้าร่วมพิธีในขณะนั้นด้วย ท่านเห็นว่าพระที่กำลังปลุกเสกนั้นไม่มีกระแสจิตส่งผ่านออกมาเลย แล้วท่านก็กำหนดจิตเข้าไปดูต่อว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพบว่าพระรูปนั้นท่านกำลังนั่งหลับ" ท่านจึงได้เล่าให้ศิษย์ที่ติดตามท่านในวันนั้นฟัง ว่าพระเครื่องรุ่นนี้ พระนั่งหลับนะ
    ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพระภิกษุในพิธีนั้นนั่งหลับ ทั้งๆที่ต่างคนต่างดูเหมือนว่ากำลังบริกรรมคาถา นั่งหลับตากันอยู่
    เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เกี่ยวกับอำนาจจิตของท่าน การหยั่งรู้วาระจิตของผู้อื่น (เจโตปริยญาณ) ที่ว่าท่านเก่งเงียบก็คงไม่ผิดแต่ประการใด วัตถุมงคลที่หลวงปู่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคลต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัว เพื่อเกียรติคุณและบารมี อีกทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ของจังหวัดลพบุรี ที่กราบได้อย่างสนิทใจ
    เล่าประสบการณ์ที่เค้าเจอให้ฟังว่า.. มีลุงคนนึงแกขับรถข้ามทางรถไฟแล้วรถเกิดดับตรงทางรถไฟพอดี แล้วถูกรถไฟชนเข้ากลางรถเต็มๆ สภาพรถเละมาก จนทุกคนคิดว่าลุงแกไม่รอดแน่ๆ แต่ปรากฏว่าลุงแกไม่เป็นอะไรเลย ลุงห้อยเหรียญหลวงปู่มังรุ่นแรกเหรียญเหรียญเดียว
    ทหารลพบุรีนำวัตถุมงคลไปลองยิง ไม่ออก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนใบโพธิ์
    หลวงปู่มัง ๓ องค์
    230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240717_104953.jpg IMG_20240717_105028.jpg
     
  2. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,981
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ขอปิดครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721198469890.jpg


    พระสมเด็จผงมหาจินดามนต์รุ่นแรกปี2533หลวงพ่อเกษมวัดม่วงและเหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อเกษมปี 2528
    วัดม่วงก็ถูกปล่อยให้รกร้างแต่นั้นมา จนเมื่อปี พ.ศ.2525 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างจึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง ในปี พ.ศ.2534 หลวงพ่อเกษมฯ ได้วางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีหน้าตักกว้าง63 เมตร สูง 95 เมตร โดยให้พระนามอย่างเป็นทางการว่า “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” แต่ชาวบ้านบ้างเรียกติดปากว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งก่อนที่หลวงพ่อเกษมฯ จะมรณะภาพลง ท่านเคยสั่งบอกฝากกับลูกศิษย์ การก่อสร้างองค์พระ ให้ช่วยกันก่อสร้างต่อจากหลวงพ่อ ให้เสร็จ และหลวงพ่อเกษมได้ตั้งนามองค์พระเอาไว้ว่า "พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9



    กท2 17/7/67
    พระสมเด็จผงมหาจินดามนต์รุ่นแรกปี2533หลวงพ่อเกษมวัดม่วงและเหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อเกษมปี 2528
    วัดม่วงก็ถูกปล่อยให้รกร้างแต่นั้นมา จนเมื่อปี พ.ศ.2525 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างจึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง ในปี พ.ศ.2534 หลวงพ่อเกษมฯ ได้วางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีหน้าตักกว้าง63 เมตร สูง 95 เมตร โดยให้พระนามอย่างเป็นทางการว่า “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” แต่ชาวบ้านบ้างเรียกติดปากว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งก่อนที่หลวงพ่อเกษมฯ จะมรณะภาพลง ท่านเคยสั่งบอกฝากกับลูกศิษย์ การก่อสร้างองค์พระ ให้ช่วยกันก่อสร้างต่อจากหลวงพ่อ ให้เสร็จ และหลวงพ่อเกษมได้ตั้งนามองค์พระเอาไว้ว่า "พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จผงมหาจินดามนต์ รุ่นแรกปี 2533 หลวงพ่อเกษมวัดม่วงและเหรียญรุ่นแรกสภาพไม่สวยแต่บูชาพึ่งพาพุทธคุณได้ มวลสารดีพิธีดี ๒ องค์ 250 พร้อมส่งด่วนครับ
    รุ่นแรกปี 2533 หลวงพ่อเกษมวัดม่วงและเหรียญรุ่นแรกสภาพไม่สวยแต่บูชาพึ่งพาพุทธคุณได้ มวลสารดีพิธีดี องค์ ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240717_134952.jpg IMG_20240717_135016.jpg IMG_20240717_135114.jpg IMG_20240717_135135.jpg IMG_20240717_135034.jpg IMG_20240717_135055.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    index (4).jpeg

    เปิดดูไฟล์ 6414059


    ประวัติหลวงพ่อ
    หลวงพ่อคำ ชาตสุโข พื้นเพเป็นชาวจังหวัดอ่างทอง เกิดเมื่อวันอังคาร เดือนสาม(กุมภาพันธ์) ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2436 เป็นบุตรของคุณพ่อแสง แสงศรี และคุณแม่กลิ่น แสงศรีครอบครัวของท่านประกอบอาชีพทำนามาแต่เดิม มีพี่น้องร่วมกัน 5 คนคือ 1.นางขลิบ 2.นางเล็ก 3.นายหาด 4.นางหนู 5. คือหลวงพ่อคำ ซึ่งท่านเป็นคนสุดท้อง ต่อมาโยมพ่อของหลวงพ่อได้ออกบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวัน อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ส่วนท่านเองก็ได้เป็นลูกศิษย์วัดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อท่านมาตั้งแต่อายุ ได้ 8 ขวบ วันหนึ่งหลวงพ่อของท่านเตรียมอัฐบริขารเพื่อออกธุดงค์ ก่อนไปหลวงพ่อของท่านได้บอกกับท่านว่า “พ่อไปนะลูก” สิ้นคำเท่านั้นแล้วหลวงพ่อของท่านก็เดินดุ่มลงกุฏิ ท่านถามหลวงพ่อของท่านว่า “หลวงพ่อจะไปไหน” หลวงพ่อของท่านไม่ตอบยังคงมุ่งหน้าเดินออกจากวัดไป ท่านวิ่งตามและตะโกนถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายหลวงพ่อของท่านจึงหันมาพูดว่า “ถ้าพ่อไม่เจออาจารย์ดี พ่อจะกลับมาภายใน 1ปี แต่ถ้าพ่อเจออาจารย์ดี ก็อย่าคอยพ่อเลยนะลูก” แล้วท่านก็เดินออกจากวัดไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
    เมื่อหลวงพ่อคำโตเป็นหนุ่ม จึงได้ข่าวว่า บิดาของท่านรุกขมูลไปอยู่ถ้ำ ทางภาคเหนือชื่อบ้านสระหนองแว้ง บิดาของท่านนอนอาพาธอยู่คนเดียวในถ้ำแต่บ้างก็ว่านอนอาพาธอยู่กลางป่าสัก ชาวบ้านไปพบเข้าจึงนำท่านมารักษาตัวที่วัดอ้อมแก้ว อ.สวรรคโลก จนกระทั่งมรณภาพ ก่อนมรณภาพชาวบ้านได้สอบถาม ชื่อ นามสกุล และชื่อญาติพี่น้องของท่านไว้ หลวงพ่อคำจึงทราบข่าวได้ในภายหลัง
    ครั้งหนึ่งแม่ของหลวงพ่อคำ จะไปขอผู้หญิงมาเป็นภรรยาให้ท่าน แต่หลวงพ่อแอบไปได้ยินผู้หญิงคนนั้นใช้คำพูดรุนแรงขึ้นเสียงกับแม่ของตนเอง หลวงพ่อคำจึงบอกกับแม่ของท่านว่า “หญิงคนนี้ไม่ดี อย่าได้เอามาเป็นเมียเลย” ด้วยอุปนิสัยโน้มเอียงไปสู่การถือเพศพรหมจรรย์ ท่านก็เลยไม่มีภรรยาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลังจากบิดาของหลวงพ่อออกรุกขมูลแล้วหายสาบสูญไป หลวงพ่อคำได้ทำหน้าที่ของความเป็นบุตรผู้รู้กตัญญูกตเวทิตาคุณ ปรนนิบัติเลี้ยงดูผู้เป็นแม่มาโดยตลอด จนกระทั่งแม่ของหลวงพ่อถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 82 ปี ขณะนั้นหลวงพ่ออายุ 41 ปี ท่านได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณครั้งสำคัญอีกครั้งโดยการโกนหัวบวชเณร หน้าไฟให้แก่แม่ของท่านที่วัดขุมทรัพย์ อ.เมือง จ.อุทัยธานี แล้วได้ไปหาอาจารย์บุตร ให้พาไปบวชพระที่วัดใหญ่ ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหาดทะนง เป็นพระอุปัชฌาย์ในปี 2482 หลังอุปสมบทแล้วท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อทิมวัดบ้านบน ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะ จ.นครสวรรค์
    ต่อมาในปี 2475 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศพม่าเพื่อเสาะหา ศึกษาวิทยาความรู้ต่างๆ และกระทำบำเพ็ญความเพียรทางจิตอย่างจริงจัง
    ประมาณปี 2489 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ ท่านได้กลับมาจำพรรษาปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อทิม วัดบ้านบน ผู้เป็นอาจารย์ตามเดิม
    และในปีเดียวกันนั้นเองได้มีผู้ใจบุญผู้หนึ่งชื่อนายรัตน์ นุ่มทองคำ ได้มานิมนต์หลวงพ่อให้ไปช่วยสร้างวัดหัวทะเล ต.น้ำทรง อ.พยุหะ จ.นครสวรรค์
    ที่ดินของวัดหัวทะเล เดิมเป็นที่ของนายถนอม นุ่มทองคำ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายรัตน์ นุ่มทองคำ มีเนื้อที่ 10 ไร่ 1งาน แต่เดิมนั้นเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยป่าหญ้าคาและป่ายางหนาทึบจนแดดส่อง ไม่ถึง หลวงพ่อและลุงรัตน์ ได้เป็นกำลังสำคัญในการชักชวนชาวบ้านบ้าง พระจากวัดบ้านบนบ้าง ร่วมกันหักร้างถางพงบุกเบิกพื้นที่จนเป็นพื้นที่โล่งเตียน หลังจากนั้นลุงรัตน์จึงเริ่มนำวัตถุมงคลของหลวงพ่อคำ บอกหาเงินสร้างกุฏิถวายหลวงพ่อไว้จำพรรษาได้ 1 หลัง และต่อมาลุงรัตน์ก็ยังได้นำวัตถุมงคลของหลวงพ่อบอกบุญหาเงินเพื่อสร้าง ศาสนสถาน ศาสนวัตถุต่างๆขึ้นมา จนกระทั่งมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ทั้งนี้ก็ด้วยอำนาจบุญญาบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ในองค์หลวงพ่อและวัตถุมงคล ของท่านโดยแท้ (หากพิจารณาตามนี้จึงจะพอสันนิษฐานได้ว่าได้มีการริเริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้น มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2489 – 2490 เรื่อยมาตามลำดับ )
    บุคลิกของหลวงพ่อนั้นหากมองจากหน้าตาท่าทางท่านดูเหมือนท่านจะเป็นคนดุ แต่แท้ที่จริงแล้วหลวงพ่อท่านมีอุปนิสัยอ่อนโยน เยือกเย็น มีอัธยาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สร้างความเชื่อถือศรัทธาและความซาบซึ้งตรึงใจ ให้กับผู้ที่เข้าไปพบปะกราบไหว้ได้อย่างดียิ่ง มีคุณลุงท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่แกไปกราบหลวงพ่อซึ่ง เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว แต่หลวงพ่อท่านก็ยังกล่าวทักทายต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีมิได้บ่ายเบี่ยง ด้วยเรื่องเวลาแต่อย่างไร และที่สำคัญหลวงพ่อท่านยังมีน้ำใจชงโอวัลตินให้ลุงดื่มด้วยตัวท่านเอง สร้างความปลาบปลื้มปีติใจให้แก่คุณลุงยิ่งนัก ใครมาใครไปท่านจะบอกให้ทานนู่นทานนี่เท่าที่จะมีอยู่ใกล้ๆตัวท่านอยู่เป็น ประจำ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในกุฏิท่านใครจะขอเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างไรท่านให้ โดยที่ไม่มีแสดงอาการห่วงหวงเลย ท่านมีอัธยาศัยต้อนรับขับสู้เสมอภาคกันหมดไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่แบ่งยศถาบรรดาศักดิ์ ท่านจะทรงไว้ซึ่งพรหมวิหารธรรมอยู่เป็นนิจ และองค์ท่านก็มีจิตวิทยาในการโน้มน้าวจูงใจคนสูง ใครจะมีอุปนิสัยมาอย่างไร ท่านก็คุยเข้ากันได้กับทุกอุปนิสัย ท่านเข้าใจสนทนาหว่านล้อมจนกระทั่งสุดท้ายก็ต้องยอมลงให้แก่ท่าน ท่านก็ได้โอกาสสอดแทรกธรรมมะ หรือคติเตือนใจเข้าไปได้ ญาติโยมเข้ามาหาเครื่องรางของขลัง ท่านก็มักจะสอนให้ปฏิบัติที่ตัวเองมากกว่า เช่นมาหานางกวัก ท่านก็ว่า “จะมาหานางกวักอะไรที่นี่หล่ะ ไปหานางกวักที่บ้านซิดีกว่าเยอะ”โยมก็ไม่เข้าใจว่านางกวักจะมีที่บ้านของเขา ได้อย่างไรก็เลยถามหลวงพ่อว่านางกวักที่บ้านเป็นยังไง หลวงพ่อท่านก็เฉลยให้ฟังว่า “ก็หัวจอบซิจ๊ะ ยิ่งใช้เท่าไรก็ยิ่งรวยเท่านั้น” แม้แต่เรื่องทำบุญท่านก็ว่า “บุญน่ะไม่ใช่จะมาทำที่วัดกันอย่างเดียว กลับไปก็ต้องไปทำที่บ้านด้วย ขยัน อดทน ประหยัด ไม่สุรุ่ยสุร่าย ขยันให้เป็นหลัก ยกตัวอย่างโยมขยันทำนาได้ข้าวมาก ชาวบ้านเขาก็ว่า เอ้อ..ปีนี้มันได้ข้าวเยอะบุญของมันเน๊อะ นี่ไงเล่าบุญ” และโดยเฉพาะเด็กๆท่านจะเอ็นดูมากถ้าท่านเห็น ท่านก็มักจะเรียกมาแจกพระบ้าง แจกขนมนมเนยบ้าง สังเกตได้ว่าเหรียญของท่านจะทำเป็นเหรียญเล็กๆขนาดกะทัดรัดสำหรับคล้องคอ เด็กๆได้เหมาะสม และเหรียญของท่านก็สร้างปาฏิหาริย์ให้กับเด็กๆมามากต่อมากด้วยเช่นกัน ในคอเด็กๆในละแวกนั้นส่วนใหญ่จะมีเหรียญหรือไม่ก็ล๊อคเก๊ตของท่านเกือบทุกคน เด็กๆก็รักและเคารพนับถือท่านมาก บ้างก็ไปปัดกวาดเช็ดถู บ้างก็ไปบีบนวดให้ท่านท่านก็ได้โอกาสอบรมสั่งสอนคุณธรรมให้แก่เด็กๆไปในตัว

    ในสมัยที่ท่านอยู่พวกหมา พวกไก่ใครมาปล่อยไว้หรือพัดหลงมาเองท่านก็มีเมตตารับเลี้ยงไว้หมด คำพูดคำจาของท่านออกจะนุ่มนวลและเป็นกันเองตามแบบฉบับลูกทุ่งโดยแท้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะดีร้ายอย่างไร ท่านจะว่า “ ดีจ๊ะดี ” หมด เคยมีโยมท่านหนึ่งมาบอกหลวงพ่อว่าไฟไหม้บ้านเขา หลวงพ่อก็บอกว่า “ไฟไหม้ก็ดีซิจ๊ะ ก็จะได้บ้านใหม่ล่ะซิหว่า” น้ำท่วมอ้อยท่วมข้าวท่านก็ว่าดี “น้ำท่วมก็ดีซิจ๊ะ ก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาดูแลมันอีกไงล่ะ” อย่างนี้เป็นต้น เรื่องขันติธรรมท่านก็เป็นหนึ่งตลอดอายุสังขารในเวลาที่ท่านเจ็บป่วย ท่านไม่เคยออกปากขอความช่วยเหลือจากใคร และไม่เคยแสดงอาการให้ใครเห็น เคยมีลูกศิษย์จะพาไปหาหมอ ท่านไม่ยอมไป ท่านว่าของท่านว่า “เป็นเองก็หายเองซิหว่า” ในด้านการขบฉัน ด้วยนิสสัยของพระปฏิบัติที่เคยถือธุดงค์เป็นวัตรทำให้ท่านมีปกติที่จะฉันแบบ เอกา คือการฉันในบาตรแต่อย่างเดียวไม่ใช้ภาชนะอื่น และฉันมื้อเดียว แต่เพื่อไม่ให้ขัดศรัทธาญาติโยมท่านก็ผ่อนปรนลงบ้างในกรณีที่มีกิจนิมนต์ฉัน เพลท่านก็สามารถฉลองศรัทธาได้ไม่ให้เสียกำลังใจญาติโยม เวลาท่านออกบิณฑบาต ท่านจะมีบาตรของท่านติดตัวไปเพียงใบเดียวเท่านั้น ใครจะใส่หวาน ใส่คาว ก็เทใส่รวมลงไปในนั้น บางคนหวังดีไม่อยากให้กับข้าวปนกันเกรงว่าท่านจะฉันไม่ได้รส พอท่านรับบิณฑบาตแล้วลับหลังท่านก็แก้ถุงออกแล้วเทรวมลงไปตามเดิม ท่านบอกของท่านว่า “ อย่างนี้ฉันง่ายดีจ๊ะ ไม่ต้องไปคลุกเคล้า เดี๋ยวก็ลงไปเคล้ากันในท้องอยู่ดีแหละจ๊ะ” เส้นทางที่ท่านใช้บิณฑบาตก็แปลกเช่นกันพอได้เวลาสักประมาณ 4 -5 เย็นท่านจะพาพระลูกวัดปัดกวาดทำความสะอาดทุกวันตั้งแต่ออกจากวัดจนกระทั่ง สุดเส้นทางบิณฑบาตทั้งขาไปและขากลับอยู่เป็นประจำ ท่านเป็นพระขยัน นอกเสียจากเวลาปฏิบัติของท่านแล้ว ท่านมักจะทำนู่นทำนี่อยู่เสมอ กว่าจะเข้ากุฏิจำวัดได้ก็ค่อนข้างดึกบางคราวท่านก็นั่งปฏิบัติทั้งคืน หากจำวัดท่านก็ตื่นแต่เช้าประมาณตี 3 ทำกิจวัตรส่วนตัวทำวัตรสวดมนต์ตามปกติของท่าน สักประมาณตี 4 ท่านก็จะออกปัดกวาดบริเวณวัด พระลูกวัดรูปไหนยังไม่ตื่นท่านก็ไม่ดุไม่ว่าแต่ท่านจะไปเที่ยวกวาดอยู่ใน บริเวณใกล้ๆกุฏิของพระรูปนั้นนั่นเอง นับว่าเป็นอุบายวิธีที่แยบคาย การจำวัดของท่านท่านจะจำวัดในท่าสีหไสยาสน์เสมอ จะเห็นได้จากรูปอิริยาบถต่างๆของท่านที่วัดสุวรรณรัตนาราม และด้วยปฏิปทาจริยาวัตรที่ท่านถือปฏิบัติบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรมาอย่างอุกฤษฏ์ นี้เอง จึงเป็นผลให้วัตถุมงคลของท่านทรงอานุภาพศักด์สิทธิ์ แม้แค่เสกเป่าเพียงพ่วงเดียวก็ก่อให้เกิดความเข้มขลังมีประสบการณ์เป็นพยาน ยืนยันมาหลายต่อหลายราย เมื่อจิตของท่านยังทรงกำลังฌานอยู่ ท่านจะกำหนดที่อะไรกะแสจิตก็ยิ่งไวต่อสิ่งนั้น ดังที่ชาวบ้านเกรงบารมีท่านกันนักหนาในเรื่องวาจาสิทธิ์ของท่าน ท่านพูดอย่างไรย่อมเป็นไปอย่างนั้นไม่มีพลาดเลย ยกตัวอย่าง ท่านเห็นญาติโยมที่กราบลากลับไปขึ้นรถกันหมดแล้วแต่ยังไม่ทันได้สตาร์ท เครื่อง ท่านจึงทักว่า “ เอ้า..มันยังไม่ไปกันหรือหว่าน่ะ” ทีนี้เองเจ้าของรถจะสตาร์ทรถอย่างไรก็ไม่ติด พอท่านเห็นท่าไม่ค่อยดีท่านจึงกล่าวว่า “เออ..ไปกันได้แล้ว” เท่านั้นแหละรถก็สตาร์ทติดชึ่ง ได้อย่างง่ายดาย ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เล่ากันว่าหากไม่ขออนุญาตท่านแล้วจะถ่ายรูปท่าน อย่างไรก็ถ่ายไม่ติด การล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความพิศวงงงงวยให้ กับบุคคลใกล้ชิดอยู่เสมอ เช่น เรื่องของคุณหมอในตลาดพยุหะท่านหนึ่งมากราบหลวงพ่อเมื่อเสร็จธุระแล้วก่อน กลับคุณหมอก็กราบขอพรหลวงพ่อ แต่คราวนี้แทนที่หลวงพ่อจะให้พรตามปกติ หลวงพ่อกลับกล่าวทักขึ้นมาว่า เออ..ไปเถอะอย่างหมอเนี่ยถึงชนกันก็ไม่ตาย คุณหมอก็งงๆกับพรของหลวงพ่อเช่นกัน แต่เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกพยุหะปรากฏว่ามีรถวิ่งเข้ามาชนรถคุณหมอจริงๆ สภาพรถยับเยินแต่คุณหมอไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างไร

    ในเรื่องโชคลาภนั้นมีอยู่มากมายเช่นกัน อย่างเช่นคราวหนึ่งเมื่อนายโย มากราบหลวงพ่อแต่การกราบคราวนี้ต่างจากการเข้ามากราบทุกๆครั้ง เนื่องจากเมื่อนายโยก้มกราบหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อกลับใช้เท้าเหยียบลงไปบนหัวของนายโย สร้างความประหลาดใจให้กับนายโยเป็นอย่างมาก และในงวดนั้นนั่นเองปรากฏว่านายโยถูกล๊อตตารี่รางวัลที่ 1 อย่างไม่คาดคิด คราวนี้เองนายโยจึงเข้าใจพระคุณรอยเท้าหลวงพ่อที่ประทับลงมาบนศรีษะว่ามี ความหมายและเป็นศิริมงคลต่อตนอย่างไร
    มีโยมคนหนึ่งมาขอหวยจากหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อก็ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงว่าท่านไม่รู้หรอกว่าหวยมันจะออกเลขอะไรถ้า อยากรู้ก็ให้ไปถามกองสลากกินแบ่งโน่น โยมบอกว่าไปไม่ถูกแต่เขาได้เลข 82 มาจากหลวงพ่ออื่น หลวงพ่อก็เลยควักแบงค์ 20 ฝากโยมซื้อหวยเลขนั้นด้วย “งั้นข้าฝากซื้อ 20 นะ” ชาวบ้านเห็นหลวงพ่อซื้อเลข 82 ก็พากันซื้อเลข 82 กันยกใหญ่ ปรากฏว่าหวยงวดนั้นออก 20 ชาวบ้านได้ยินแล้วหงายท้องตามๆกันที่สำคัญความหมายของหลวงพ่อผิด
    คุณลุงอีกท่านบ้านอยู่ทางวัดดงขวาง จ.อุทัยธานีเล่าว่า ตอนแกบวชแกไปสึกกับหลวงพ่อคำ(แกเล่าว่าตอนนั้นหลวงพ่ออยู่ที่วัดอีเติ่ง) แกแลเห็นกุฏิหลวงพ่อจุดเทียนสว่างจนดึกจนดื่นด้วยความสงสัยแกจึงแอบดู ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านนั่งสมาธิตลอดทั้งคืน เมื่อตอนหัวค่ำหลังจากที่พระลูกวัดแยกย้ายกันไปจำวัดแล้วแกก็เห็นหลวงพ่อ เดินไปเดินมา เหมือนกับเดินจงกรมแต่แกก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่อเมื่อฟ้าสว่างท่านเดินผ่านกุฏิหลวงพ่ออีกครั้ง ทำให้ลุงแกถึงกับอึ้ง..เพราะปรากฎว่าหลังกุฏิหลวงพ่อเป็นลำคลองที่มีน้ำอยู่ เต็มตลิ่ง นอกจากนั้นลุงท่านนี้ยังเล่าว่าหลวงพ่อท่านกล่าวถึงหลวงปู่แหวนวัดดอยแม่ ปั๋ง เหมือนกับท่านไปมาหาสู่กันอยู่เสมอทั้งๆที่หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย
    สำหรับข้อห้ามในการใช้เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อ ท่านไม่มีข้อห้ามยุ่งยากเหมือนหลวงปู่หลวงพ่อท่านอื่นๆเลย ท่านห้ามผิดศีลข้อ 3 เป็นหลัก และก็ห้ามด่าพ่อด่าแม่ เท่านั้นเอง ท่านว่า ทองคำอย่างไรก็เป็นทองคำ ตกน้ำก็เป็นทองคำ ตกไฟละลายแล้วก็ยังเป็นทองคำ อยู่วันยันค่ำ
    ความมหัศจรรย์ในองค์ท่านผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่าเล่าวันนึงก็ไม่หมด ด้วยเหตุที่หลวงพ่อเป็นพระผู้นั่งอยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของชาวบ้านทุก เพศทุกวัยจึงพูดได้เต็มปากว่าท่านเป็นเสมือนหนึ่ง “เทพเจ้าแห่งน้ำทรง”

    ขอบคุณข้อมูลดีๆจากคุณฝุ่นดิน (สูญญากาศ) และคุณสิทธิ์พยุหะ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่คำผูกพัทธสีมาปี๒๕๒๔ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240717_142037.jpg IMG_20240717_142114.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1695934842041-jpg.jpg

    fb_img_1721112061750-jpg.jpg
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่สุต ผสมเกษา
    หลวงปู่สุต วัดปฐมพานิช เมื่อท่านละสังสังขารแล้ว ปรากฏว่าสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย กลับเหมือนคนนอนหลับไปเท่านั้น วัตถุมงคลท่านล้วนมีประสบการณ์ คนท้องที่หากันมากที่สุด พระพิมพ์สมเด็จเป็นสุดยอดมหามงคลของหลวงปู่ เป็นพระยุคต้นของท่านที่สร้างน้อย หายากสุดๆ พบเห็นกันไม่บ่อยนัก พระเครื่องของท่านทุกรุ่นทุกพิมพ์เป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่อย่างมาก
    สมัยก่อนนั้นคนบ้านหมี่ที่เดิน ทางไปกราบหลวงพ่อเดิม ต้องนั่งรถจากสถานีรถไฟบ้านหมี่ ขึ้นเหนือไปลงที่สถานีรถไฟหนองโพ แล้วเดินเท้าต่อไปจนถึงวัดหนองโพ พอไปกราบท่านๆก็ถามว่ามาจากไหน เมื่อท่านรู้ว่ามาจากตลาดบ้านหมี่ ท่านก็ถามว่า "..มาทำไมตั้งไกล แค่เดินข้ามทางรถไฟไปก็มีพระอาจารย์ดีให้ไปกราบอยู่แล้ว.." (วัดปฐมพานิช อยู่คนละฝั่งของทางรถไฟสายเหนือ ตรงกันข้ามกับตลาดและที่ว่าการอำเภอบ้านหมี่) เรื่องเล่าสืบต่อกันมานี้แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่สุต มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพมิใช่น้อย ดังปรากฎว่าเมื่อคราวใดที่หลวงพ่อเดิมเดินทางมาบ้านหมี่ (ท่านมักจะขี่ช้างมาวัดบ้านกล้วยบ้าง วัดกำแพงบ้าง) ท่านจะต้องแวะมาจำวัดที่วัดปฐมพานิชด้วยทุกครั้ง และหลวงพ่อเดิมท่านก็ต้องรู้ว่าหลวงปู่สุตเก่งเพียงใด พระสุดยอดเกจิอย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพย่อมไม่กล่าวคำเท็จแน่นอน
    นอกจากนั้นกับหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ๆ ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ก็สนิทสนมกับหลวงปู่สุตมากเช่นกัน ท่านได้มาเข้าร่วมพิธีสำคัญของวัดปฐมพานิชเกือบทุกครั้ง โดยท่านจะเรียกว่าหลวงปู่สุตว่าหลวงพี่ ในฐานะศิษย์ร่วมสำนักของหลวงพ่อเดิม และเป็นศิษย์รุ่นน้องของหลวงปู่สุต ว่าก้นว่าหลวงปู่สุตสามารถรับการถ่ายทอดวิชาของหลวงพ่อเดิมมาได้จนหมดสิ้น
    ครบถ้วน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงปู่สุตท่านเป็นศิษย์เรียนกรรมฐานจากลพ.เภาถ้ำตะโก และท่านเป็นอาจารย์ลพ.ศรี วัดหน้าพระลาน สระบุรี หลายปี ก่อน มีข่าวลงหนังสือ อาทหารลพบุรี จะฆ่าตัวตายเอาปืนยิงตัวเอง แต่ยิงไม่ออก พบพระเครื่อง ลป.สุต ในตัวเอง จนเลิกคิดสั้น ฆ่าตัวตาย
    พระสมเด็จหลวงปู่สุต ผสมเกษา ๑ องค์และพิพม์ยอดขุนพลหลังรูปเหมือนผสมเกษา ๑ องค์ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240717_154920.jpg IMG_20240717_154944.jpg IMG_20240717_155005.jpg IMG_20240717_155033.jpg IMG_20240717_155055.jpg IMG_20240717_155134.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    P9050001s.jpg

    เหรียญหลวงพ่อสังข์ จันทรุปราคา ปี๒๕๓๐
    หลวงพ่อสังข์ วัดบ้านใหม่(กลอ)ต.ใหม่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อสังข์ หรือ พระครูประโชตินวการ (สังข์ ชุติมันโต) ท่านเกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2456 ได้อุปสมบทเมื่ออายุ 23ปี ที่วัดใหม่กลอ มีพระปลัดแจ้ง วัดใหม่สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเปีย เป็นพระกรรมมาวาจารย์ พระอยู่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้เรียนรู้สำเร็จนักธรรมเอก นอกจากนี้ท่านยังสนใจในวิชาอาคมต่างๆ ท่านสวดมนต์เก่ง ทั้งยังฝึกด้านกรรมฐานและสมัยนั้นนิยมการเดินธุดงค์ ท่านติดตามพระอาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน ไปตามสถานที่ต่าง ๆ และเล่าเรียนวิชาที่สอนให้ด้วย ต่อมาท่านเดินทางไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อคง วัดถนนหัก พระอาจารย์น้อย หลวงพ่อหลง และหลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ท่านเรียนวิชากับพระอาจารย์รูปใดก็มักจะได้วิชาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมนต์วิชาพิสดารต่าง ๆ แม้กระทั่งการลงเขี้ยวเสือ ลงยันต์หนังเสือ ตะกรุดโทน ตะกรุดเมตตามหาอำนาจ แต่ท่านชอบทางมหาอำนาจ ทางป้องกันอันตราย พระเครื่องต่างๆของท่านจะเด่นด้านคงกระพันชาตรีไม่น้อยหน้าพระรูปใดในโคราช
    หลวงพ่อสังข์ มรณภาพเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2534 สิริอายุรวม 77 ปี
    สมัยนานเนมาแล้วนั้น มีเคอร์ฟิวส์แถวชายแดนไทย-เขมร ในเขต อ.เสิงสาง นครราชสีมา

    ทหารตั้งด่านตรวจสกัดอยู่ทั่วไป

    คุณธวัชศักดิ์ กลับจากธุระในเมืองมาถึงด่านก็เป็นเวลาเคอร์ฟิวส์แล้วทหารจึงกักตัวไว้ โดยให้พักอยู่ที่ด่านให้รอจนถึงพรุ่งนี้เช้าพ้นเคอร์ฟิวส์แล้วจึงจะปล่อยไประหว่างนั้นมีรถอีแต๋น บรรทุกคนงานทำไร่ฝ่าด่านมา ทหารเรียกให้จอดก็ไม่จอดในที่สุดทหารที่ด่านก็ซัลโวเอาด้วย M 16 ตายหมดทั้งคันรถเว้นแต่คนขับรถอีแต๋นคนเดียวที่ไม่ตายโดดหนีลงไปซุกอยู่ใต้ท้องรถตัวสั่นงันงกตกใจจนแทบเสียสติ เมื่อทหารลากตัวออกมาปรากฏว่าเสื้อแสงขาด พรุนเป็นรูกระสุนมีรอยปูดเป็นลูกมะนาวทั้งตัวกระสุนไม่เข้าหนังแม้แต่นัดเดียว

    เมื่อดูที่คอก็เห็นว่าแขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อสังข์ วัดบ้านกลอใหม่เพียงเหรียญเดียว
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลทุกที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240718_124458.jpg IMG_20240718_124522.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc3_img (27).jpeg get_auc3_img (28).jpeg
    พระสมเด็จท่านพ่อเณรสมบูรณ์จริงหลังเสือ
    - หลวงพ่อเณร หรือ ท่านพ่อเณร สมบูรณ์จริง
    ท่านเป็นชาวขอนแก่น เกิดที่ขอนแก่น ท่านออกจำพรรษา และชอบสร้างวัดในหลายๆจังหวัด
    ช่วงปีพ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๔ ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดหนองหลัว สระบุรี
    ในช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านมาสร้างวัดสมบูรณ์วนาราม ที่ขอนแก่น และเป็นเจ้าอาวาสจนมรณะภาพ
    ท่านเกิดและมรณะภาพที่ขอนแก่น วัดสมบูรณ์วนาราม ได้จากฉายาของท่าน ถือเป็นวัดคู่บารมีของท่านครับ
    พระปลัดสมาน สมบูรณ์จริง (หลวงพ่อเณร โพธิสัตโต) ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จอมกสิณไฟแห่งเมืองละโว้
    ท่านพ่อเณร เป็นสงฆ์ที่ชำนาญในทางไสยเวทย์ และภาวนาน้ำพระพุทธมนต์ ในยุคกึ่งพุทธกาล แสดงอิทธิฤทธิ์ โดยการลงไปสรงน้ำในขวดแก้ว
    ให้ประชาชนในยุคนั้นได้ประจักษ์แก่สายตา ท่านเคร่งทางเวทย์มนต์ จะสรงน้ำปีละ1ครั้ง ในการสรงน้ำนั้นจะไม่ปลดจีวร
    แต่จะย่อร่างสรงน้ำในขวดแก้ว สบงจีวรไม่เปียกน้ำ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลังเสือท่านพ่อเณรให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240717_213640.jpg IMG_20240717_213831.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721374431330.jpg

    พระพุทธนฤมิตรรัตนชนะมาร รุ่น๑ และ พระรูปเหมือนนั่งตั่งรุ่นแรก วัดเจดีย์หอย ลพ. ทองกลึง
    เปิดวัดเจดีย์หอยฟังเทศนา“พระครูสุนทร คุณธาดา”
    ชนะใจตัวเองไม่ได้ แล้วจะชนะใจใคร?

    ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการและฟังธรรมเทศนา กับ พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา อายุ 77 ปี บวช 56 พรรษา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ปกครองพระสงฆ์ 18 รูป สามเณร 10 รูป สังกัดมหานิกาย บนเนื้อที่ กว่า 100 ไร่ เป็นที่ตั้งของ กุฎิ อุโบสถ เป็นต้น

    ทว่า ที่โดดเด่น เป็นที่สะดุดตา สำหรับนักเดินทาง นักท่องเที่ยว ผู้ผ่านไปมา ยิ่งนัก ก็คือ เจดีย์หอย ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหน้าวัด ด้วยประติมากรรม ทำมือ ประดับเปลือกหอย นับหลายล้านชิ้น ตกแต่ง สวยงาม กลายเป็น “เจดีย์หอย” อย่างน่าทึ่ง
    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา หรือ หลวงพ่อทองกลึง สุนทโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เล่าประวัติวัยเด็กให้ฟังว่า อาชีพนั้น ทำไร่ทำนา โยมพ่อ โยมแม่ ทำนา ทำสวน ระหว่างได้เติบโตมา อายุ 2 ขวบ 4 เดือน เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ใน จ.ปทุมธานี เกิดอหิวาตกโรค ทำให้ โยมแม่และโยมพี่ 2 คน เสียชีวิต ซึ่งโยมพ่อ ฟุ้งซ่านสับสน เพราะทำใจไม่ได้ จึงพาโยมพ่อไปหาญาติพี่น้อง ให้ญาติพี่น้องปลอบใจ เป็นกำลังใจ อยู่กับญาติหลายวัน เห็นว่าดีขึ้นแล้ว จึงพาโยมพ่อมาอยู่กับโยมพี่สาว กระทั่งอาตมาถึงวัยเกณฑ์ทหาร ก็เกณฑ์ทหาร เป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ 2 ปี และพี่สาวบอกว่า ก่อนแม่เสียชีวิต อยากให้บวช ก็เลยอุปสมบท เมื่อตอนอายุ 26 ปี วันที่ 9 ก.ค. พ.ศ.2512 ณ.พัทธสีมา วัดชินวรารามวรวิหาร ต.บางขะแยง อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย กล่าวว่า บวชมาประมาณ 5 พรรษา จึงไปคุยกับพระอุปัชณาย์ วัดบางโพธิ์ใน ว่า กระผมตอนนี้ ได้ศึกษาเรียนนักธรรม สอบได้นักธรรม ชั้นโท จะเรียนนักธรรมชั้นเอก แต่นักธรรมชั้นเอก ขอหยุดก่อน ผมมีความประสงค์ อยากไปหาหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุตตมะ พร้อมศึกษาเกี่ยวกับธรรมะ วิปัสสนา กรรมฐาน การเดินธุดงค์ พร้อมกับ เรียนเวทย์มนต์ คาถา ภาษามอญ ศึกษาอยู่กับหลวงพ่ออุตตมะ ประมาณ 6 ปี จากนั้น ได้กลับมาศึกษาต่อกับหลวงพ่อรอด วัดเกริน จ.ปทุมธานี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลานั้น โดยศึกษาเกี่ยวกับ การทำแหวนพิรอด สร้างพระสมเด็จ 2 หน้าและเกี่ยวกับ เวทย์มนต์คาถา ต่อมา ไปหาหลวงพ่อบุตร ที่วัดชินวราราม ศึกษาการทำน้ำมนต์ การถอนของ และศึกษาเวทย์มนต์คาถาด้วย เสร็จแล้ว เดินทางไปวัดน้ำวน ได้สอบถามพูดคุยกับท่านพระอาจารย์กล้ม ท่านพระอาจารย์อำภา และครูบาอาจารย์เกี่ยวกับเวทย์มนต์ คาถา ในการทำน้ำมนต์ต่างๆแล้ว จึงไปหาศึกษาเรียนกับหลวงพ่อเส็ง วัดบางนา และหลวงพ่อลี่ วัดสองพี่น้อง ไปศึกษาธรรมกับหลวงพ่อสลัก วัดประดู่ทรงธรรม ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้น เดินทางไปหาหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานีและไปหาหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ปฏิบัติธรรม เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อ ที่วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา สมัยนั้น หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม มีชื่อเสียงโด่งดัง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา กลับมาศึกษากับหลวงปู่รอด วัดเกริน ศึกษา เกี่ยวกับ เวทย์มนต์ ถาคา ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บกับหลวงปู่รอด ท่านบอกว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สมควรที่จะศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน เลยกลับไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่ออุตตมะอยู่เป็นประจำ และบอกกับหลวงพ่ออุตตมะว่า กระผมจะขออนุญาตหลวงพ่อ ออกธุดงค์วัตร จะไปทั่วๆ จะตั้งสัจจะว่า จะขอไปองค์เดียว ไม่ใส่รองเท้า ไม่รับปัจจัย จากญาติโยม จะฉันมื้อเดียว
    “ธุดงค์วัตร คือ ข้อปฏิบัติที่เข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อขัดเกลากิเลส พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ภิกษุถือปฏิบัติ ใครจะปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ มี 13 ข้อ ประกอบด้วย 1.ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 2.ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร 3.ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร 4.ถือการบิณฑบาตไปตามลำดับแถวเป็นวัตร 5.ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร 6.ถือการฉันในภาชนะเดียว คือ ฉันในบาตเดียว 7.ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร 8.ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร 9.ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร 10.ถือการอัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร 11.ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร 12.ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร และ 13.ถือการเนสัชชิกังคธุดงค์ คือ การไม่นอนเป็นวัตร ซึ่งอาตมา เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซียและพม่า รวม 13 ปี”
    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย เทศนาสอนญาติโยม ว่า การที่จะให้ของดีแก่ญาติโยมนั้น ญาติโยมเอาธรรมะไปก็แล้วกัน ถ้าญาติโยม มีความประสงค์จะได้ขอให้ไปที่วัด แล้วจะมอบให้ แต่หมายความว่า วันนี้ ให้ญาติโยมนั้น ให้รับธรรมะไปก่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ญาติโยมทั้งหลาย พิจารณาว่า ชีวิตเกิดมานั้น มันเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดีได้ ความดีไม่มีขาย ต้องหาเอา ต้องทำเอา โยมต้องอดทน โยมต้องขยัน โยมต้องประหยัดและโยมต้องทำหน้าที่ของโยมให้เต็มที่ ดังนี้ 1.ให้รักพ่อแม่ 2.เคารพครูบาอาจารย์และ 3.ให้ทำบุญสุนทาน แล้วโยมจะทำอะไรก็สุดแท้ ให้ตั้งสติ โยมต้องมีสมาธิ และโยมทำงานด้วยปัญญา โยมไม่มีปัญญา โยมจะทำงานได้อย่างไร โยมไม่อดทนจะอยู่ได้ไง โยมไม่อดทนจะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร โยมไม่อดทนจะเป็นครูบาอาจารย์คนได้อย่างไร ดังนั้น โยมจะทำอะไรก็สุดแท้ โยมจะต้องเข้าใจว่า โยมต้องคิดก่อนแล้วทำ คิดก่อนแล้วพูด คิดก่อนแล้วไป คิดก่อนแล้ว โยมจะทำอะไร ฉะนั้น โยมต้องคิดก่อน
    การที่อาตมา เดินธุดงค์ ไปภาคใต้ทุกจังหวัด เราได้สัมผัสกับชาวใต้ เดินทางประมาณ 3 ครั้ง ที่ธุดงค์ไป นอกจากนั้น เราไปจังหวัดทั่วไป ทุกภาค เพื่อเราไปหาความสงบ และเราไปชนะใจตนเอง เรานั่งสมาธิทุกสถานที่ ทุกจังหวัด ทุกป่า “ ชั่วช้างกระดิกหู ชั่วงูแลบลิ้น ชั่วไก่ขบปลีก “ อานิสงส์ ทำจิตให้สงบ ทำใจให้สบาย จะทำให้เรานี่ เกิดปัญญาญาณ และได้ความคิดเห็น จากความสงบ ทุกสถานที่

    ญาติโยมทั้งหลาย คิดอยู่ตลอดเวลาว่า อยากจะอยู่คนเดียว รับรองว่า ในโลกนี้อยู่ไม่ได้แน่นอน จะอยู่ในสถานที่ใดก็ได้ จะไปนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่ท้องสนามหลวงก็ได้ หรือสวนจตุจักรก็ได้ หรือที่ไหนก็ได้ ดังนั้น ถ้าจิตสงบแล้ว มันจะไม่ฟุ้งซ่าน มันจะไม่สับสน เพราะจะต้องเอาชนะจิตของเราให้มันสงบ จนได้ จิตของเราเหมือนลิง ซึ่งลิงจะอยู่ในสวนสัตว์หรือในป่า มันไม่สงบ มันจะยุกยิกยักตลอดเวลา

    เพราะฉะนั้น จิตของเรา จะต้องเอาชนะ ถ้าเราเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะเอาชนะใจใคร....
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับวปไซท์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
    พระพุทธนฤมิตรรัตนชนะมาร พระผงนั่งตั๋ง ๒ องค์คู่ ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับครับ

    FB_IMG_1721374434845.jpg FB_IMG_1721374437831.jpg FB_IMG_1721374440931.jpg IMG_20240719_143657.jpg IMG_20240719_143726.jpg IMG_20240719_143747.jpg IMG_20240719_143803.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1721386664407.jpg
    หลวงปู่พวง
    ประวัติ หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์
    หลวงพ่อพวง เกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสิบ ปีวอก ตรงกับพ.ศ.๒๔๑๕ หลวงพ่อพวงเกิดที่บ้านฟากคลอง ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาเล่าเรียนที่วัดหนองกระโดน ซึ่งการเรียนนั้นมุ่งไปที่การอ่านหนังสือไทย และหนังสือขอม การท่องบทสวดมนต์ และต่อหนังสือกับพระในตอนเย็น
    เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยรุ่น จึงลาออกจากวัดไปช่วย บิดามารดาประกอบอาชีพ จนอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงเข้าอุปสมบทที่วัดมหาโพธิใต้ ต.มหาโพธิ อ.บรรพตพิสัยเดิม(ปัจจุบันขึ้นอ.เก้าเลี้ยว) โดยมีพระครูพิสิษฐ์สมถคุณเป็นพระอุปัชณาย์ อยู่ในสมณเพศได้ 1 พรรษา ที่วัดหนองกระโดน แล้วก็ลาสิกขา ไปช่วยบิดามารดาทำนาทำไร่ครองเพศฆราวาสอยู่ได้ไม่นานนักก็เบื่อหน่ายใน ฆราวาสวิสัย จึงกลับเข้าอุปสมบทอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออายุ ๒๓ ปีบริบูรณ์ ตรงกับพ.ศ.๒๔๓๘ที่วัดมหาโพธิใต้ โดยมีพระครูพิสิษฐ์สมถคุณ(หลวงพ่อเฮง)วัดเขาดินใต้เป็นพระอุปัชณาย์ แล้วกลับไปอยู่ที่วัดหนองกระโดน
    ในการอุปสมบทครั้งนี้ หลวงพ่อพวงได้ตั้งปณิธาน ไว้ว่าจะดำรงสมณเพศตลอดไป จึงตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย จากพระปลัดเคลือบเจ้าอาวาสวัดหนองกระโดน การปฏิบัติตามวิสัยของหลวงพ่อพวงนั้น จะออกบิณฑบาตรเป็นกิจวัตร มีการทำวัตรเช้า-เย็นทุกวันไม่มีขาด เวลากลางคืนท่านจะนั่งเจริญกรรมฐานจนดึกทุกคืน จริยาวัตรของท่าน เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ยึดมั่นในสัจธรรมที่ว่า"ยถาวาที ตถาการี"หมายถึง"คนตรงพูดอย่างไรทำอย่าวนั้น" จนมีคำพูดว่าหลวงพ่อพวงเป็นพระจริงๆ
    ในปีพ.ศ.๒๔๕๐ หลวงพ่อพวงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกระโดนเมื่อ มีพรรษา ๑๒ พรรษา เนื่องจากพระปลัดเคลือบเจ้าอาวาสท่านเดิมนั้นประชาชนได้อาราธนาไปเป็นเจ้า อาวาสวัดหัวเมือง(วัดนครสวรรค์) ต่อมาปีพ.ศ.๒๔๖๘เมื่อต.ลาดยาว ได้ยกฐานะขึ้นเป็นอ.ลาดยาว ขณะนั้นตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดลาดยาวได้ว่างลง ขุนนิพัธ์ประสาสน์ นายอำเภอลาดยาวขุนลาดบริบาล พ่อค้า ประชาชนจึงได้จัดขบวนไปรับหลวงพ่อพวงที่วัดหนองกระโดน ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดลาดยาวและเจ้าคณะแขวงลาดยาว ในปีพ.ศ.๒๔๗๓ หลวงพ่อพวงได้ รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอตรี ชื่อ"พระครูนิวิฐธรรมสาร" และเป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตแขวงลาดยาวเมื่อมีอายุ๕๘ ปี พรรษาที่ ๓๕
    หลวงพ่อพวงมีความรู้ด้านการช่างฝีมือเป็นอย่างดี โดยได้ช่วยพระปลัดเคลือบสร้างศาลาวัดหัวเมืองจนแล้วเสร็จ ต่อมาปีพ.ศ.๒๔๕๙ได้เป็นผู้นำการสร้างศาลาวัดหนองยาว อ.ลาดยาว ปีพ.ศ.๒๔๖๗ ได้บูรณะวัดหนองกระโดนโดยสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ ปีพ.ศ.๒๔๖๘ได้เป็นกำลังสำคัญสร้างศาลาการเปรียญให้แก่วัดเก้าเลี้ยว ปีพ.ศ.๒๔๖๙ ได้สร้างศาลาการเปรียญให้แก่วัดทัพชุมพลและไปช่วยสร้างวัดหนองโรงต.หนองกรด อ.ปากน้ำโพ
    นอกจากนี้ยังได้ไปช่วยหลวงพ่อขันสร้างวัดลาดยาว อ.ลาดยาว ปีพ.ศ.๒๔๗๐ ได้ก่อสร้างมณฑปที่วัดหนองกระโดนเพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและก่อ สร้าวศาลาวัดเนินขี้เหล็กและวัดบ้านไร่ ในปีพ.ศ.๒๔๗๑หลวงพ่อพวงได้เริ่มก่อสร้างวัดเขาสมุกโดยสร้างศาลาการเปรียญ โรงน้ำร้อน กุฏิ ๔ หลัง หอฉัน ศาลา ๙ ห้อง สร้างรอยพระพุทธบาทจำลองไว้บนยอดเขาสมุก และสร้างมณฑปครอบไว้ การก่อสร้างใช้เวลา ๕ ปี แล้วเสร็จเมื่อพ.ศ.๒๔๗๕ มีเนื้อที่ดิน ๓๐ ไร่เศษ
    หลังจากหลวงพ่อพวงได้มรณะภาพแล้ว ได้มีการปั้นรูปเหมือนหลวงพ่อพวงไว้ที่วัดหนองกระโดน วัดลาดยาว วัดเขาสมุก วัดหนองยาว และวัดศรีสุธรรมาราม
    FB_IMG_1721386124660.jpg

    หลวงปู่เปลื้อง

    พระสมเด็จ หลวงพ่อพวง ผสมอัฐิ ปี พ.ศ. 2529
    ลป.เปลื้องลาดยาว ลพ.แพ พิกุลทองเจ้าพิธีพุทธาภิเษก เสก
    #ประวัติการจัดสร้างหลวงพ่อพวงวัดลาดยาวสมเด็จผสมอัฐิ
    คำสัมภาษณ์หลวงพ่อสำรวย เจ้าอาวาส วัดลาดยาว เกี่ยวกับประวัติการจัดสร้างเหรียญปี ๒๕๒๙
    สมัยนั้นหลวงพ่อเปลื้อง จัตตสโรเป็นเจ้าอาวาสหลวงพ่อสำรวยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส
    ( นิมิตฝัน หลวงพ่อพวง มาหาหลวงพ่อสำรวย )
    ช่วงปี ๒๕๒๗ เดือนกุมภาพันธ์ พระสำรวยได้คิดจะสึกออกจากวัดลาดยาวอยู่หลายครั้งหลายหน เวลาพบค่ำของคืนวันนั้น เกิดนิมิตฝันว่าตนเองนั่งอยู่หน้าวัด เห็นรถบัสสีส้ม มีคุณดิเรก สกุณาทวงค์ อดีต ส.ส. นั่งหน้ารถบัส ตนเองจึงออกไปรับ ด้วยคิดว่าจะมาทอดกฐินที่วัดลาดยาว ปรากฏว่ารถบัสสีส้มคันนั้นเข้ามาจริง เเต่ขับรถ เข้ามาในวัดลาดยาวเพื่อกลับรถเท่านั้น ตนเองรู้สึกอายขายขี้หน้า จึงเข้าไปก้มกราบ รูปปั้นของหลวงพ่อพวงที่ศาลาเก่า และได้พูดกับหุ่นปูนปั้นนั้นว่า หลวงพ่อครับผมอาย ผมเดินไปรับผ้าป่า เขาก็ไม่มาทอดวัดเรา ทันทีทันใดหุ่นปูนปั้นนั้นก็ได้กลายเป็นหลวงพ่อพวงเสมือนกับมีชีวิตจริง เดินลงจากแท่นเข้ามานั่งยอง แล้วเอามือทั้งสองจับเขาหลวงพ่อสำรวย บอกว่าให้อยู่ช่วยพัฒนาวัดลาดยาวก่อน พระสำรวยจึงตอบไปว่า ทำไม่ได้หลอกครับหลวงพ่อ ผมไม่มีความรู้วิชาช่างเลย จบเพียงแค่ ป.๔ เท่านั้น ทำไม่ได้หรอกครับหลวงพ่อ หลวงพ่อพวงท่านก็บอกกับพ่อสำรวยว่าทำได้สิท่านอยู่ต่อเถอะ โต้เถียงกันเรื่องทำได้กับทำไม่ได้จน "ตื่นจากความฝัน"
    รุ่งเช้าหลวงพ่อสำรวยได้นัดพระในวัดจำนวน ๑๐ รูปปรึกษาหารือที่จะสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาทุนทรัพย์มาบูรณะ วัดลาดยาว หารือกันแล้วเสร็จจึงได้หยิบยืมเงิน พระดิลก ๒หมื่น พระอุดมศักดิ์ ๓ หมื่นและส่วนตัวของพระสำรวยมี
    ๓ หมื่น รวมทั้งหมด ๘ หมื่นบาท จึงจะเอายอดเงินทั้งหมดนี้สร้างวัตถุมงคล รุ้งเช้าตี ๔ ได้ว่าจ้าง คุณปรีชา พูลเขตนคร
    ขับรถไปหาหลวงพ่อแพที่วัดพิกุลทองจังหวัดสิงห์บุรี ถึงวัดประมาณ ๖ โมงเช้าโดยประมาณ เหมือนหลวงพ่อแพท่านจะรู้ว่าหลวงพ่อมาหา จึงบอกกล่าวให้ผู้เฝ้าหน้าศาลาตามหลวงพ่อมาฉันข้าว ก่อนที่จะเอ่ยปากคุยเรื่องปัญหา เมื่อฉันข้าวเสร็จแล้ว หลวงพ่อแพจึงเอ่ยถาม ท่านมาทำธุระเรื่องอะไร ตนจึงได้เล่าให้ฟังว่าเกิดปัญหาในการจัดสร้างเมื่อปี ๒๕๒๘ เมื่อหลวงพ่อแพรู้จึงรับคำมานิมนต์ มาเป็นประธานในงานพุทธาภิเษก
    ปี ๒๕๒๙ โดยที่หลวงพ่อกำหนดฤกษ์ยามและวันเอง
    วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ทั้งนี้พระสำรวยไม่ได้ทำฎีกาเพื่อยื่นให้หลวงพ่อแต่อย่างไร
    มีเกจิคณาจารย์ร่วมพุทธาภิเษกในพระอุโบสถจำนวน 9 รูป
    ๑,หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    ๒,หลวงพ่อเปลื้อง วัดลาดยาว
    ๓,หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู
    ๔,หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์
    ๕,หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดวังม้า
    ๖,หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๗,หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้
    ๘,หลวงพ่อเป้า วัดถ้ำพรสวรรค์
    เพื่อทำพิธีให้สมบูรณ์จะต้องมีบทสวดสำคัญ"คาถาพุทธาภิเษก"
    พิธีกรรมวันนั้น ได้เชิญพระภิกษุ อาวุโสมาจากวัดเขาแก้วจำนวน ๔ รูป เพื่อเทศมหานาค ภิกษุ ๑ ใน ๔ ได้นำเหรียญ
    มาจากวัดเขาแก้วจำนวน ๒ ถุงปุ๋ยเพื่อจะเข้าร่วมพิธีแต่กรรมการ
    วัดไม่ให้นำเข้า จึงสร้างความไม่พึงพอใจให้กับชุดสวดมหานาคอย่างมาก ๑ ใน ๔ ภิกษุอาวุโสจากวัดเขาแก้ว ถึงอธิษฐานท้าทายหลวงพ่อพวง "หากแม้นหลวงพ่อพวงวัดลาดยาวศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ไฟในพิธีกรรมนี้จงดับด้วยเทอญ" เมื่อสิ้นเสียงคำพูดนั้น ไฟในพระอุโบสถก็ดับทันที ภิกษุทั้ง ๔ ก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเหตุบังเอิญ ครั้งที่ ๒ ห่างกันประมาณครึ่งชั่วโมง จึงได้ทักทายกับหลวงพ่อพวงอีกครั้ง ใช้คำท้าทายเดิม คือขอให้ไฟดับ ถ้าคราวนี้ถ้าเกิดปาฏิหาริย์อีกภิกษุทั้ง ๔ จะเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าหลวงพ่อพวงศักดิ์สิทธิ์จริง เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของพระภิกษุ ไฟดับทั้งวัดและทั้งอำเภอ
    เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้วหลวงพ่อแพได้เรียกพระสำรวยเข้าไปพบในพระอุโบสถ เจตนาจะสร้างการลองของเพื่อให้ประชาชนได้ประจักษ์เชื่อว่าพุทธคุณของวัตถุมงคลในการปลุกเสกครั้งนี้ไม่ได้ย่อหย่อนไปมากกว่ารุ่นใดเลย ช่วยจัดหาคนที่สามารถปลุกเสกพระมาที ให้ประชาชน ข้าราชการ พ่อค้าได้ลองของกัน คุณบุญศรีเป็นศึกษาอำเภอในขณะนั้นได้ให้ ทายกแอบ ทวัตติง มาเป็นผู้ปลุกของ ปรากฏว่าของขึ้นต่อหน้าหลวงพ่อแพในพระอุโบสถ คุณบุญศรีกำเหรียญ ๒๙ ตบหลังของจึงออก พิธีหน้าพระอุโบสถ หลวงพ่อแพได้กำเหรียญเพื่อให้พ่อค้า ประชาชนได้ ลองของโดย กล่าวว่าใครจะยิง แทงมาได้เลย
    ระหว่างปี ๒๕๒๘ และปี ๒๕๒๙ เหรียญที่ถูกสร้างไม่สำเร็จในปี ๒๕๒๘ ได้ถูกนำมาปลุกเสกซ้ำในปี ๒๕๒๙ ทั้งหมด จัดไปว่ามีการปลุกเสก ๒ ครั้งนั้นเอง ส่วนวัตถุมงคลที่สร้างใหม่ในปี ๒๕๒๙ คือพระบูชา ที่มีการจัดสร้าง 999 องค์
    สมเด็จผสมอัฐิหลวงพ่อพวง และรูปหล่อโบราณเท่านั้น
    ความพิเศษของวัตถุมงคลรุ่นนี้ดีอย่างไร สิ่งที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นสมเด็จเพียงอย่างเดียวที่ถูกฝังไว้ใต้ฐานพระบูชาหลวงพ่อพวง สมเด็จที่จำหน่ายแยกเป็นองค์ละในขณะนั้น มีส่วนผสมของอัฐิหลวงพ่อพวง คำยืนยันของพระสำรวยผู้ ผสมมวลสาร อัฐิหลวงพ่อพวงลงไปในสมเด็จ
    ย้อนไปเมื่อสมัยที่หลวงพ่อพวงได้มรณภาพที่วัดหนองกระโดน หลวงพ่อเปลื้องเป็นประธานในการฌาปนกิจ ร่วมกับขุนราษฎร์บริบาล ได้นำเถ้าอัฐิกองฟอนหลวงพ่อพวงห่อใส่ผ้าขาวบางมา ๒ ห่อ ก่อนที่จะสร้างวัตถุมงคลในปี ๒๕๒๙
    หลวงพ่อแพได้ถาม หลวงพ่อสำรวยว่า ท่านพอจะมี อัฐิของหลวงพ่อเหลือบ้างไหม ถ้ามีเหลือก็เอามาเป็นส่วนผสมในการสร้าง ก็เสมือนทันตัวท่านแล้ว จะมีคนเช่าหาเยอะ หลวงพ่อสำรวยฉุดคิด ได้จึงได้ตอบว่ามี แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสหลวงพ่อเปลื้องก่อน หลวงพ่อเปลื้องอนุญาตให้นำมาเป็นส่วนผสมได้จึงเป็นสมเด็จปี ๒๕๒๙ ที่มีส่วนผสมของอัฐิ หลวงพ่อพวงนั่นเอง
    ยอดเงินที่จำหน่ายวัตถุมงคลหักแล้วเหลือ ๗-๘ แสนบาท ได้หัก ออกให้ภิกษุทั้ง ๓ องค์ที่หยิบยืมมาสร้างวัตถุมงคล คือพระดิลก ๒ หมื่นบาท พระอุดมศักดิ์ ๓ หมื่นบาท ส่วนยอดเงินของ หลวงพ่อสำรวย ๓ หมื่นบาทได้ให้กรรมการวัด ชื่อโยมปรีดาเป็นผู้ถือครองไว้ เพื่อจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อพวงปี ๒๕๓๗ ต่อไป วัตถุมงคลรุ่นนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยพัฒนาวัดลาดยาวให้เจริญมากยิ่งขึ้น จวบจนปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20240719_174956.jpg IMG_20240719_175021.jpg IMG_20240719_174932.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2024
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721532115954.jpg

    https://www.facebook.com/share/v/XuJYokgUYLag3VWz/?mibextid=xfxF2i
    ขุนแผนทาทองลป.อ่อน วัดลุมพินี
    หลวงปู่อ่อน นันทสาโร (พระครูนันทสารพิสุทธิ์)
    วัดลุมพินี ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
    .....#ประวัติโดยสังเขป ท่านเป็นคนพื้นที่นาเตย เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2456 ปีฉลู มีพี่น้องร่วมมารดาอยู่3คน ท่านเป็นคนกลาง และได้อุปสมบทเป็นพระเมื่อปี พ.ศ.2477 (เมื่อครบอายุบวช) นับแต่นั้นมาไม่เคยลาสิกขา ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดลุมพินี และเรียนพระกรรมฐานกับพระอาจารย์แสงที่เป็นพระลูกวัดด้วยกันในคราวนั้น ท่านได้ศึกษานักธรรมตรีและโทจนจบ แล้วไปต่อบาลีอยู่ในเมือง.....
    .....#หลวงปู่อ่อนท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดลุมพินี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2494 จนถึงปีที่ท่านมรณภาพ คือปี พ.ศ.2549 ท่านมีสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูนันทสารพิสุทธิ์ และท่านได้เป็นเจ้าคณะอำเภอท้ายเหมืองอยู่นานหลายสิบปี จนกระทั่งขอลาออกเพื่อให้ท่านอื่นได้เข้ามาบริหารบ้าง ทั้งๆที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรงคล่องแคล่วว่องไว นั่นเกิดจากการไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง พระสงฆ์หลายๆรูปในเขตอำเภอนี้ รวมไปถึงตัวจังหวัดต่างก็เกรงใจ เพราะดูเหมือนว่าในยุคนั้นท่านจะมีอายุพรรษาอาวุโสที่สุดของจังหวัดพังงา อีกประการหนึ่งด้วยความเมตตาธรรมเพื่อส่วนรวมของท่านด้วย
    .....#หลวงปู่อ่อนสมัยที่ท่านเป็นพระหนุ่มนั้น ไม่ค่อยได้พูดได้คุย เป็นผู้นิยมความสันโดษ ยิ่งเมื่อได้ฝึกกรรมฐานกับพระอาจารย์แสงด้วยแล้ว วันหนึ่งๆ ท่านจะเก็บตัวเงียบไม่พูดจาอะไรกับใครท้้งนั้น เดิมทีท่านเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ยิ่งท่านเคร่งครัดปฏิบัติก็เลยไม่พูดกับใครเลย ใครต่อใครต่างก็ว่าท่านเป็นพระดุ หากใครที่ไปหาท่านในสมัยนั้น จะได้ยินท่านพูดไม่เกิน3คำเท่านั้น โยมผู้หญิงหากจะไปกราบท่านจะต้องไปกับญาติหรือมีเพื่อนไปด้วย มิฉะนั้นท่านจะไม่ออกจากกุฏิมาเสวนาด้วยเป็นอันขาด เพราะท่านเกรงว่าจะผิดพระธรรมวินัย เมื่อมีใครเข้าใจผิดแล้วโจษขานกัน
    .....#หลวงปู่ท่านภาวนาสมาธิตลอดเวลา ทุกขณะจิต สำรวมกายวาจาใจ ท่านมีความเมตตาในการช่วยเหลือญาติโยม โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะและศาสนา อิสลามหลายคนให้ความเคารพท่านเป็นอย่างมาก ปฏิปทาของหลวงปู่อ่อนตั้งแต่เป็นพระหนุ่ม จนถึงแก่พรรษา ไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างไปจากกันเลย ด้วยการปฏิบัติของท่านมีความคงเส้นคงว่าเช่นนี้อยู่เสมอ พระสงฆ์ต่างให้ความเคารพในหลวงปู่ อีกทั้งเป็นพระอาวุโสที่พรรษากาลมากที่สุดและยังดำรงขันธุ์อยู่ของจังหวัดพังงายุคนั้นอีกด้วย
    .....#หลวงปู่อ่อนท่านได้นอนอาพาธรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วชิระภูเก็ต ณ ตึกสงฆ์ของหลวงปู่สุภาท่านสร้างไว้ ก่อนหลวงปู่มรณภาพท่านรู้ว่าท่านไม่ไหวแล้ว จึงสั่งให้ลูกศิษย์และผู้ดูแลพาท่านกลับวัด และได้มรณภาพละสังขารลงที่วัดอย่างสงบ ด้วยโรคแก่ชรา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 อายุ 93 ปี 72 พรรษา เวลาประมานตี5หัวรุ่ง และศพท่านก็ไม่เน่าเปื่อย ก่อนละสังขารหลวงปู่ได้เขียนจดหมายสั่งไว้ว่า ห้ามเผาท่านในเมรุเผาศพ ให้เผากลางแจ้งแบบโบราณโดยให้ชาวบ้านช่วยกันหาฟืนมา ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ ห้ามจัดงานพิธีใดๆทั้งสิ้น แต่ลูกศิษย์ลูกหาต่างไม่ยอมเผาศพท่านตามที่หลวงปู่สั่งไว้ จึงได้บรรจุสังขารหลวงปู่ภายในโลงแก้วตั้งไว้ในศาลาวัดลุมพินี เหมือนท่านแค่นอนหลับอยู่และผมก็งอกยาวขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่เคารพนับถือศรัทธา ต่างไปกราบไหว้ขอพรหรืออธิษฐานขอให้หลวงปู่ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ และสำเร็จตามปรารถนา
    .....#ถึงแม้หลวงปู่จะดับขันธุ์ไปแล้ว แต่ท่านได้ฝากความดีด้วยปฏิปทาที่น่าเคารพนับถือและสิ่งสักการะบูชาไว้มากมาย ให้ลูกหลานและผู้ที่ศรัทธาได้ระลึกถึงหลวงปู่ และวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นต่างก็มีประสบการณ์ ทั้งด้านแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางรถ คงกระพันมหาอุต รอดพ้นอันตรายจากสิ่งต่างๆ รวมถึงด้านเมตตาค้าขาย เงินทองไม่ขาด เมื่อจะขอให้หลวงปู่ช่วยกิจอันใดให้จุดธูปบอกกล่าว หากไม่เกินกรรมของผู้นั้นต่างก็ประสบผลสำเร็จ...
    .....#ลูกศิษย์หรือผู้ใด ที่ได้เสาะแสวงหาหรือศึกษาประวัติจริงๆจะทราบกันดีครับ รวมไปถึงผู้ที่มีความศรัทธาในหลวงปู่อ่อน ต่างก็ได้พบเจอกับประสบการณ์ และสำเร็จกิจดังคำอธิษฐานกัน เหมือนตัวผมเองครับ ที่ได้พบเจอประสบการณ์ต่างๆที่ผมขอหลวงปู่แล้วก็สำเร็จมาหลายครั้ง อะไรที่ผมคิดว่าจวนตัวแล้วแต่กลับผ่านพ้นไปอย่างง่ายดาย ผ่อนหนักกลายเป็นเบา แคล้วคลาด และล้มรถไม่เป็นอะไรเลย เงินทองมีใช้ไม่ขาดมือ ทำให้ผมเชื่อสนิทใจ และรู้สึกเกิดความศรัทธาอย่างยิ่ง ผมก็มีเพียงแค่วัตถุมงคลของหลวงปู่เท่านั้นครับ ที่บูชาติดตัวอยู่ทุกๆวันนี้ หลวงปู่ท่านมีเมตตาสูงและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีศีลบริสุทธิ์ ไม่ยึดติด ไม่เปิดเผยหรือโอ้อวด พระดีใกล้ตัวเราที่น่ากราบไหว้นับถือเคารพบูชาได้อย่างสนิทใจโดยมิต้องสงสัย หลวงปู่ท่านไม่เคยทิ้งลูกหลานไปไหนครับ คอยดูแลช่วยเหลือลูกหลานเสมอมา.....ขอเพียงแค่เรา "เชื่อและศรัทธา"......

    ###ประสบการณ์ผ้ายันต์ของหลวงปู่อ่อน วัดลุมพินี###
    สึนามิที่คร่าชีวิตทรัพย์สินผู้คนไปมากมหาอนันตังครั้งนั้นเป็นเหตุให้ผมได้รู้จักหลวงพ่ออ่อน วัดลุมพินีโดยไม่คาด
    คุณธำรง ปัทมภาส ได้เล่าให้ฟังผ่านทางจดหมายและภาพถ่ายซึ่งสมัยนั้นยังไม่รู้จักการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ทว่า ได้ไปกู้ภัยและเก็บศพที่บ้านอะไรไม่ทราบ(ลืม)ได้พบเห็นความน่าอัศจรรย์ยิ่งที่นั่น
    บ้านไม้หลังหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสิ่งสปรักหักพัง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่ราบเป็นหน้ากลอง ทั้งด้านข้างซ้ายและขวาก็ราบพนาสูรไปด้วย
    เรียกว่าโดยรอบบ้านพินาศหมด เว้นแต่บ้านไม้หลังนี้เพียงหลังเดียวที่ไม่ได้รับอันตรายเลยแม้แต่น้อย
    เจ้าของบ้านเองก็ไม่ทราบว่าบ้านของตนเองรอดพ้นคลื่นสึนามิมาได้อย่างไร ในขณะที่บ้านอื่นๆพังพินาศทั้งหมด แม้แต่เพื่อนบ้านบางคนที่วิ่งหนีน้ำเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็ปลอดภัย ไม่มีใครได้รับอันตราย
    คุณธำรงเล่าว่า สังเกตุเห็นที่หน้าจั่วบ้านนั้นมีผ้ายันต์สีแดงแปะอยู่ผืนหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นผ้ายันต์ของใครที่ไหน
    ผมจึงขอร้องให้คุณธำรงช่วยกลับไปสืบดูว่าเป็นผ้ายันต์ของใครกันแน่
    หลังจากนั้นคุณธำรงก็ได้แจ้งให้ทราบว่าเป็นผ้ายันต์ของวัดอะไรจำไม่ได้อยู่แถวๆจังหวัดอะไรก็ไม่แน่ใจอีกเหมือนกัน เพราะว่าลืมสนิท อาจเป็นจังหวัดระนองหรือจังหวัดอื่นๆแถวๆนั้น ซึ่งเป็นวัดที่ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือมีครูบาอาจารย์ผู้วิเศษแต่อย่างใด
    ต่อมาผมได้วานเพื่อนซึ่งเป็นเซลล์ขายยาภาคใต้ให้ช่วยไปดูที่วัดนั้นเพื่อสอบถามความเป็นมาของผ้ายันต์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
    หลังจากนั้นเพื่อนของผมก็ได้รายงานว่า ผ้ายันต์นั้นทางวัดจัดสร้างขึ้นเองแล้วนำไปขอให้หลวงปู่อ่อน วัดลุมพินี จังหวัดพังงา ปลุกเสก
    ผมผู้ซึ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อหลวงปู่อ่อนก็หูผึ่ง รีบโทรฯหาที่อยู่ภูเก็ตว่าไปดูลาดเลาที่วัดลุมพินีว่ามีอะไรยังไงบ้าง เป็นเหตุได้ตะกรุดของหลวงปู่อ่อนมาดอกหนึ่งเหมือนฝัน เขาเรียกว่าตะกรุดรัตนะอะไรสักอย่างนี่แหละ
    จากนั้นจึงค่อยๆเริ่มซึบซับทราบว่าหลวงปู่อ่อนเป็นพระเถระที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่อยู่ในหมู่ครูบาอาจารย์สายใต้หลายรูป ที่แม้ครูบาอาจารย์บางรูปจะออกเหรียญรุ่นแรกของตนเอง ยังต้องเอาไปขอหลวงปู่อ่อนเสกให้
    ชาวเรือประมงแถวนั้นล้วนแต่ศรัทธาเชื่อมั่นในคุณวิเศษของหลวงปู่อ่อนเป็นอย่างยิ่ง
    แม้จะเผชิญพายุกลางทะเลรุนแรงเพียงใด อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากหลวงปู่อ่อน พายุก็สงบลงอย่างน่าอัศจรรย์
    ผมโชคดีที่ได้รับมรดกขลังที่หลวงปู่อ่อนทิ้งไว้ให้มาส่วนหนึ่ง และได้เคยนำมาผสมสร้างพระไปหลายครั้งหลายรุ่น แต่ไม่เคยโม้ให้ใครทราบ
    ดูเหมือนว่าจะโม้เป็นครั้งแรกก็คือพระผงสำเร็จลุนที่สร้างแจกฟรี ซึ่งได้มีการโรยผงแร่เกาะล้านที่หลวงปู่อ่อนเสกให้ไว้ด้วยทุกองค์
    อยากบอกว่า "หอยพริก" ที่ฝังอยู่ด้านหลังพระพิฆเนศปางอุ้มพระชายานั้นคือมรดกขลังที่หลวงปู่อ่อนทิ้งไว้ให้เช่นกัน
    //เครดิต อ.อำพล เจน//
    ## ปัจจุบันศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมของหลวงปู๋อ่อน ซึ่งเป็นผู้ที่เคยเขีนนยันต์ จารยันต์ตะกรุด ปลัดขิกให้กับหลวงปู่อ่อน ในสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็คือหลวงพ่อสมพงษ์ โชติกโร
    ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่ วัดหนองคู ต.โนนโหนน
    อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผ้ายันต์ชุดนี้คือผ้ายันต์ชุดสุดท้ายที่หลวงพ่อสมพงษ์ได้สร้างขึ้น ในนามวัดหนองคู และได้นำไปให้หลวงปู๋อ่อนเสกเป็นชุดสุดท้ายก่อน หลวงปู่อ่อนจะละสังขารลง ในปี 2549
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ขุนแผนทาทองหลวงปู่อ่อนวัดลุมพินี ให้บูชา 350 บาท ค่าส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20240721_101822.jpg IMG_20240721_101855.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2024
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    IMG_00277 (1).jpg
    หลวงพ่อกำชับไว้ว่าเหรียญของท่านห้ามนำไปทดลองเป็นอันขาด>>
    “หลวงพ่อทองสุก”ท่านนี้ ประวัติว่าท่านมีอายุยืนถึง๑๐๐กว่าปีเชียวนะครับ แต่ท่านบวชเอาเมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคน แล้วเคยเรียนวิชาอาคมมาพอตัว ภายหลังได้เข้ามาเป็นศิษย์สาย “พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต.” จึงหันมามุ่งในด้านการปฏิบัติวิปัสสนากรรฐาน เป็นพระเกจิย์อาจารย์ที่ไม่ค่อยจะปรากฏกิตติศัพท์ แต่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านระแวกนั้นทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวมากพอสมควร ท่านเก่งเงียบๆในท้องที่แบบ”ช้างเผือกต้องอยู่ในป่า”มานานทีเดียว
    ครั้งมีอายุครบ ๑๐๘ ปี เมื่อตอนปลุกเสกเหรียญเสร็จแล้ว ท่านได้เอาสายสิญจน์ที่ใช้ในการปลุกเสกเหรียญนั่นแหละ มาจ่อกับเปลวเทียนไขที่ใช้ในพิธี จ่ออยู่พักใหญ่สายสิญจน์ก็ไม่ไหม้ไฟ จนเกิดความฮือฮาในหมู่ลูกศิษย์ที่นั่งชมการปลุกเสกกันมาก นอกจากนี้แล้วท่านยังกำชับอีกว่า "เหรียญของท่านห้ามนำไปทดลองเป็นอันขาด" เพราะท่านได้ลงคาถาป้องกันตัวเอาไว้ หากนำไปทดลองแล้วอันตรายจะสะท้อนกลับมาหาตัวเอง แต่ก็มีคนลองดีเอาเหรียญท่านไปทดลองยิง เท่านั้นแหละครับได้เรื่องเลย “ปืนระเปิดใส่หน้าตาแตกเลือดโกรกเลย” แล้วนับแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเอาเหรียญท่านไปทดลองยิงอีกเลย
    เหรียญหลวงพ่อทองสุกรุ่นนี้ แม้ว่ากระแสนิยมในวงการจะไม่กว้างขวางนัก แต่ก็เป็นเหรียญประสพการณ์ดีที่น่าใช้กว่าพระยุคใหม่หลายเท่านัก ที่สำคัญ”เหรียญนี้หมดไปจากสนามหลายปีแล้ว” แม้ภายหลังจากออกเหรียญรุ่นนี้แล้ว หลวงพ่อทองสุกท่านได้อนุญาติให้ลูกศิษย์สร้างเหรียญพระสยามเทวาธิราชขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่งตอนที่ท่านมีอายุ 109 ปี แต่ก็เป็นเหรียญที่หายากแล้วเหมือนกันครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    นางพญาเสน่ห์จันทร์หลวงพ่อทองสุขวัดหัวบึงทุ่ง
    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240723_233006.jpg IMG_20240723_233023.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญ พระพุทธภัทรนวมบุรินทร์ ปี ๒๕๒๓ เนื้อทองแดง สภาพสวยมากๆ สร้างจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ ทั้งชนวนพระเครื่องเก่าๆหลายสิบรุ่น ตะกรุดและแผ่นยันต์จากเถราจารย์ทั่วประเทศนับเป็นพันดอกพันแผ่น พิธีใหญ่มากๆครับ ประกอบพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 วัน
    เหรียญพระพุทธภัทรนวมบุรินทร์ ใด้มีการจัดสร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธภัทรนวมบุรินทร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปบูชาแบบคันธารราฐ ครั้งนั้นคณะกรรมการผู้จัดสร้างใด้จัดสร้างพระพุทธรูปปางประทับยืนประทานพรศิลปะ 3 สมัย คือ เชียงแสน สุโขทัย และอู่ทอง มีความสูง 160 ซม ประดิษฐาน บนดอกบัวเดียวกันเพื่อนำไปประดิษฐานใว้ที่หน้าบ้านป่าธรรมไตรโสการาม บ้านท่าโสม ตำบลนาวง ปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภู อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธาณี ซึ่งเป็นรอยตะเข็บติดต่อของ 3 จังหวัด คือ อุดร หนองคาย และเลย ซึ่งเป็นวัดป่าในสายกรรมฐาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    วัตถุประสงค์ในการสร้างพระพุทธรูปปางยืนประทานพร คือ
    1 เพื่อถวายเป็นอุเทสิทเจดีย์ใว้เคารพสักการะบูชาในยามระลึกถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
    2 เพื่อให้เป็นศูนย์ใจชาวพุทธที่อาศัยอยู่บริเวณรอยต่อตะเข็บ 3 จังหวัด คือ อุดรธาณี เลย และหนองคาย
    3 เพื่อให้เป็นปูชนียวัตถุที่จัดสร้างขึ้นมีคุณค่าทางศาสนาเป็นแห่งแรกของภาคอีสาน
    4 เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนมีความยึดมั่นในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันจะมีผลทำให้ช่องว่างระหว่างการแทรกซึมของ ผกค ลดไปใด้ทางหนึ่ง (เนื่องจากสมัยนั้นภาคอิสานถูกแทรกซึมด้วย ผกค หลายจังหวัดด้วยกัน)
    พระพุทธรูปปางประทับยืนประทานพรศิลปะ 3 สมัย พระพุทธภัทรนวมบุรินทร์ และเหรียญพระพุทธภัทรนวมบุรินทร์ ใด้เข้าพิธีพุทธาภิเสก ณ อุโบสถ วัดสุทัศน์เทพวราราม ในระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2523 รวมตลอด 3 วัน
    ในครั้งนั้นมีวัตถุมงคลอื่นใด้เข้าพิธีพุทธาภิเสกพร้อมกันด้วย คือ พระลีลาทุ่งเศรษฐีว่านหน้าเงิน พระลีลาทุ่งเศรษฐีว่านหน้าทอง พระนางพญาว่านหน้าเงิน พระนางพญาว่านหน้าเงิน
    พิธีพุทธาภิเษกครั้งนั้น มีสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย โดยมีพระเถราจารย์จากทั่วประเทศหลายสิบรูปนั่งปรกในพิธี
    **พระเถราจารย์ร่วมที่นั่งปรกแผ่เมตตา คืนวันที่ 24มกราคม 2523 ใด้แก่
    1 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพ
    2 หลวงพ่อธูป วัดแคนางเลิ้ง กรุงเทพ
    3 หลวงพ่อเสง วัดน้อยนางหงษ์ กรุงเทพ
    4 หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต กรุงเทพ
    5 หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กรุงเทพ
    6 หลวงพ่อชิด วัดเขาเต่า ประจวบ
    7 หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณ
    8 หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ สุพรรณ
    9 หลวงพ่ออุตะมะ วัดวังค์วิเวการาม กาญจนบุรี
    10 หลวงเที่ยง วัดม่วงชุม กาญจนบุรี
    11หลวงพ่อเชื้อ วัดไหม่บำเพ็ญบุญ ชัยนาท
    12 หลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร ชัยนาท
    13 หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา
    14 หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร
    15 หลวงทองอยู่ วัดไหม่ หนองพะอง สมุทรสาคร
    16 หลวงพ่อบาง วัดหนองพลับ สระบุรี
    17 หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
    18 พ่อท่านบุญรอด วัดประดู่พัฒนาราม นครศรีธรรมราช
    19 หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม สมุทรสงคราม
    20 หลวงพ่อน้อย วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์
    21 หลวงพ่อเณร วัดส้มเสี้ยว นครสวรรค์
    22 หลวงพ่อชม วัดเขาดิน นครศรียุธยา
    23 หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    24 หลวงแช่ม วัดดอนยาย วัดดอนยายหอม
    25 หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    **พระเถราจารย์ร่วมที่นั่งปรกแผ่เมตตา คืนวันที่ 24มกราคม 2523 ใด้แก่
    1 หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม ปราจีนบุรี
    2 หลวงนนท์ วัดเหนือวน ราชบุรี
    3 หลวงพ่อบุญ วัดมะนาว ราชบุรี
    4 หลวงพ่อจ้วน วัดพระพุทธบาทลูกช้าง เพชรบุรี
    5 หลวงพ่อแฟ้ม วัดป่า ชลบุรี
    6 หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ ระยอง
    7 หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทรบุรี
    8 หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมุทรสงคราม
    9 หลวงพ่ออ่อน วัดเพื่อบาตร ศรีษะเกษ
    10 หลวงพ่อผล วัดหนองคณฑี สระบุรี
    11หลวงพ่อละมูล วัดเสด็จ ปทุมธานี
    12 หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    13 หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    14พระญาณโพธิ์ (เข็ม) วัดสุทัศน์ กรุงเทพ
    15 พระวินัย(ธร)วัดสุทัศน์
    16 พระครูสุนทรธรรมวัตร วัดสุทัศน์ กรุงเทพ
    17พระมหาประสิทธิ์ วัดสุทัศน์ กรุงเทพ
    18 พราจารย์สมชัย วัดปากน้ำ กรุงเทพ
    19 หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธ์ อ่างทอง
    20 พระอาจารย์แถม วัดปากน้ำ หาดไหญ่
    21 พ่อท่านชู วัดมุมป้อม นครศรีธรรมราช
    22 พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ นครศรีธรรมราช
    23 หลวงพ่อสิงห์ วัดกุญชรวนาราม มหาสราคาม
    24 พระคัมภีร์ วัดชัยภูมิวนาราม ชัยภูมิ
    25 พระครูบวรชินรัตน์ วัดนางพญา พิษณุโลก
    **พระเถราจารย์ร่วมที่นั่งปรกแผ่เมตตา คืนวันที่ 24มกราคม 2523 ล้วนเป็นสายพระกรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ซึ่งนับเป็นพิธีพุทธาภิเสกที่รวม พระกรรมฐานพิธีไหญ่พิธีหนึ่ง ใด้แก่
    1 พระอาจารย์ วิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพ
    2 หลวงพ่อเมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ นครราชศรีมา
    3 หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชศรีมา
    4 หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม สุรินทร์
    5 หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    6 พระอาจารย์สี วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด
    7 หลวงปู่จันทร์ศรี วัดโพธิสมพร อุดรธาณี
    8 พระอาจารย์บุญมา วัดศิริสาวัน อุดรธาณี
    9 พระอาจารย์อ่อน วัดป่านิโครธาราม อุดรธาณี
    10 พระอาจารย์ บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล อุดรธาณี
    11 หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง จังหวัดเลย
    12 พระอาจารย์ท่อน วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย
    13 พระอาจารย์สีธน วัดถ้ำผาปู่ จังหวัดเลย
    14 หลวงปู่ซามา วัดป่าสอัมพวัน จังหวัดเลย
    15 พระอาจารย์ผัน วัดถ้ำเอราวัณ จังหวัดเลย
    16 พระอาจารย์แว่น วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร
    17 พระอาจารย์วัน วัดถ้ำอภัยวงค์ สกลนคร
    18 หลวงปู่บุญ วัดศรีสว่างดินแดน สกลนคร
    19 หลวงปู่อ่อนศรี วัดธรรมมิการาม สกลนคร
    20 พระอาจารย์คำบ่อ วัดใหม่บ้านตาล สกลนคร
    21 พระอาจารย์จันดี วัดโนนสะอาด สกลนคร
    22 หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต หนองคาย
    23 พระธรรมไตรโกลาจารย์ วัดศรีเมือง หนองคาย
    24 พระอาจารย์ วัดลุมพินีวัน หนองคาย
    25 พระอาจารย์ทองพูล วัดป่าสามัคคีอุปถัมถ์ หนองคาย
    26 พระอาจารย์จวน วัดภูทอก หนองคาย
    27 พระอาจารย์ไพบูลย์ วัดป่ารัตนาราม พะเยา
    28 พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม ชลบุรี
    29 หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง เชียงไหม่
    30 พระอาจารย์พวง วัดศรีธรรมราม ยโสธร
    พิธีครั้งนั้นเมื่อประชนทราบข่าว มีพระเถราจารย์มาร่วมพิธีคับคั่งเป็นประวัติการณ์ และเมื่อทราบว่ามีพระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียง ที่ตนเองเคารพนับถือมาร่วมพิธีในครั้งนั้นด้วย ต่างก้อมารอเฝ้านมัสการพระเถราจารย์เหล่านั้นจนแน่นวัด บางคนก้อมาจากต่างจังหวัดมานอนค้างคืนเพื่อรอนมัสการกันเลยทีเดียว และเมื่อเห็นพิธีพุทธาภิเษกจัดใด้ดีต่างก้อพากันจองวัตถุมงคลในพิธีเป็นจำนวนมาก เพราะขนาดหลวงพ่อถิรย์ วัดป่าเลไลย์เมื่อเสร็จพิธีแล้วถึงกับกล่าวว่า พิธีเขายิ่งใหญ่และสำคัญจริงๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240723_232818.jpg IMG_20240723_232841.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2024
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721798935664.jpg FB_IMG_1721797664140.jpg
    พระผงรูปเหมือนเนื้อว่านครูบาเที่ยงธรรม
    ครูบาเที่ยงธรรม สำนักสงฆ์เวฬุวัน
    อ.พยุหะ จ.ศรีสะเกษ
    เมื่อหลวงปู่สรวงใกล้ละสังขาร
    หลวงปู่สรวง ให้ลูกศิษย์อุ้มขึ้นรถทัวร์ให้พาไปหาหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม พอถึงปากทางเข้าวัดท่านไม่ยอมลงจากรถ ต้องไปนิมนต์หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมมานิมนต์ที่ปากทางเข้าวัดท่านถึงจะยอมลง พอเข้าไปในวัดทั้งสององค์แยกกันอยู่คนละมุม หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมอยู่ในศาลารับแขก หลวงปู่สรวงอยู่ที่กุฏิเก่าหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม ห่างกันประมาณ 30 เมตร ไม่พูดไม่จากันร่วมชั่วโมง หลวงปู่สรวงจึงให้ลูกศิษย์พากลับ ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม "ทำไม ไม่คุยกับหลวงปู่สรวง" หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมตอบว่าคุยกันแล้ว "หลวงปู่สรวงท่านมาลา ท่านจะปลงสังขารอีก ๖ เดือนนี้" หลังจากนั้นหลวงปู่สรวงก็มรณะภาพตามคำบอกของ หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมจริงๆ
    ท่านจะรู้ก่อนว่าใครจะมาหาเพราะท่านคุยกับเทวดาได้ ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดอะไร ใครมีความทุกข์อย่างไรท่านจะทักได้ถูกต้อง หากท่านพิจารณาโดยญาณแล้วเห็นว่าช่วยได้ จะช่วยทันที ท่านเมตตามากเป็นพระที่ไม่เหมือนใครเพราะไม่ยึดถือกฎเกณฑ์
    ท่านชอบเปิดเพลงสวดของจีนและธิเบต จนชาวบ้านแถวนั้นพูดกันว่าท่านชอบฟังเพลงแต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านกลับหัวเราะและบอกว่า "ท่านเป็นพระบ้า" ท่านบอกว่าปล่อยให้พวกชาวบ้านคิดว่าท่านเป็นพระบ้าน่ะดีแล้วเพราะจะได้ไม่มายุ่งกับท่าน ท่านดำรงตนเป็นพระโพธิสัตว์ คือเน้นการช่วยเหลือคน รักษาคนป่วยประเภทที่หมอตามโรงพยาบาลเห็นว่าเหลือวิสัยแล้ว
    ท่านรู้จักกับลป.สรวง ที่บ้านละลม จ.สุรินทร์ เป็นอย่างดี โดยมีปฏิปทาคล้ายกัน คือไม่ยึดติดอะไร ไม่มีอดีต ลืมอายุ และช่วยเหลือมนุษย์ โดยท่านบอกว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน เพราะในแถบนี้ท่านมีอาวุโสที่สุด
    นับเป็นพี่ใหญ่ในสายพระโพธิสัตว์ของย่านนี้ ต่อมาผมจึงได้ทราบว่าพระอาจารย์ของท่านก็คือพระอรหันต์โบราณผมยาวรูปร่างสูงใหญ่ ที่อยู่ในดินแดนมิติพิเศษภพซ้อนภพของเทือกเขาพนมกุเลนในเขมร

    ท่านไม่สรงน้ำ แต่ใช้การเพ่งกสินไฟชำระร่างกายแทน ท่านบอกควรรักษาโรคเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และอังคาร
    ครูบาเที่ยงธรรมท่านไม่ยึดติดในอะไรทั้งสิ้น ท่านบอกการรักษาศีลไม่สำคัญเท่ารักษาจิต การกระทำทุกอย่างของเราจะถูกบันทึกควบคุมโดยเบื้องบนที่อยู่เหนือศรีษะของเราขึ้นไป ๓ คืบ

    ที่วัดท่านได้สร้างเจดีย์ใหญ่ไว้องค์หนึ่ง ทั้งลักษณะรูปทรงและสีสันไม่เหมือนที่อื่น เจดีย์นี้ท่านสร้างด้วยตัวของท่านเองเพียงคนเดียวโดยไม่มีแบบแปลนใดๆ คือทำไปเรื่อยๆ เพราะท่านจำลองมาจากเบื้องบน การสร้างก็ใช้เวลาไม่นานเลยโดยท่านจะให้คนงานผสมปูนให้ แล้วท่านก็เอามือเปล่าตักปูนโปะเข้ากับแบบที่เตรียมไว้โดยไม่กลัวว่าปูนจะกัดเนื้อท่าน ท่านใช้การวิ่งขึ้นวิ่งลงโดยเอา ๒ มือโปะปูนจนกลายเป็นเจดีย์ขึ้นมาทั้งองค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ในรูปถ่ายที่เห็นว่าท่านนั่งอยู่ท่ามกลางดอกบัวนี้ แท้จริงแล้วตอนที่ลูกศิษย์ถ่ายภาพนี้ท่านนั่งอยู่บนก้อนหินเตี้ยๆ รอบๆ ตัวท่านก็เป็นดินแห้งๆ ไม่มีแอ่งน้ำอะไรเลย แต่เมื่อถ่ายรูปล้างออกมาก็ปรากฏว่ากลายเป็นท่านนั่งอยู่กลางสระบัวที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
    "ผ้ายันต์จักรวาล"
    หลวงปู่เที่ยงธรรมมอบผ้ายันต์แดงแล้วกำชับว่า"เอาติดตัวไปเรียกเงินเรียกทองร้อยล้านพันล้าน" ประสบการณ์เด่นด้านโชคลาภและโภคทรัพย์ เป็นของดีนอกดีใน ท่านว่าของท่านไม่มีวันเสื่อม เป็นผ้ายันต์แบบ ๒ หน้า จากที่สัมผัสได้จะมีกระแสพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์
    ภาพบันทึกความทรงจำที่บูรพาจารย์พระเหนือโลกสามองค์พบกัน
    มีหลวงปู่หมุน หลวงปู่อิง หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม สามพระเหนือโลกแห่งยุคพร้อมทายาทธรรมในปัจจุปันหลวงปู่อุดมทรัพย์กับหลวงตาขวัญเมืองในงานทำบุญบ้านอาจารย์หม่อมนิรนามไตรภูมิ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนเนื้อว่าน 108 ครูบาเที่ยงธรรมลป.หมุน ลป.สรวง ร่วมเสก
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240723_232904.jpg IMG_20240723_232936.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721809176868.jpg
    พระสมเด็จหลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอนและเหรียญเสมารุ่น ๒ หลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอน
    ประวัติ หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ

    หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
    เดิม
    ชื่อตั๋ง เต้่าสุวรรณ เกิดวันพุธที่11 ธันวาคม พ.ศ.2455 ปีชวด ที่บ้านโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคุณพ่ออยู่ คุณแม่ใย เต้าสุวรรณ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา7คน
    1 นายพรหม เต้าสุวรรณ
    2น.ส.ลำยวง เต้าสุวรรณ
    3นางชิด อารมย์สุข
    4นายบุญช่วย เต้าสุวรรณ
    5นายตั๋ง เต้าสุวรรณ
    6น.ส.ติ้ง เต้าสุวรรณ
    7นายเชื้อ เต้าสุวรรณ(ถึงแก่กรรมทั้งหมด)
    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ20ปีได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12พฤาภาคม 2475 มีพระอธิการโป๋ เจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการก๋งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอาจารย์โกยเป็นอนุสาวนาจารย์(พระตั๋งได้รับฉายาปิยคุโณ)
    หลวงพ่อตั๋ง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ พูดน้อยแต่แฝงด้วยความปราณี เป็นศิษย์ร่วมครูอาจารย์กับหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน สระบุรีและหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา มีความขลังทางพุทธาคมคาถาเป็นอมตะ สร้างวัตถุมงคลเพื่อการสร้างพระศาสนาไม่หลายรุ่นนัก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง หลวงพ่อตั๋ง นับเป็นพระเถราจารย์บริสุทธิ์ด้วยศิลและมีกฤษฏาอภินิหารอีกรูปหนึ่งแห่งลุ่มน้ำป่าสักตอนใต้ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เอนได้ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นพระปริยัติกับหลวงพ่อก๋ง แต่ไม่ได้เข้าสอบธรรมสนามหลวง ท่านได้หันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและเวทมนต์คาถาโดยมีอาจารย์พ่อก๋งเป็นผู้ประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ มาถึงตอนนี้ขออ้างอิงสิ่งที่น่าเชื่อถือได้สักนิด ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก๋ง ว่ามีมากน้อยเพียงไร หลวงพ่อตั๋งเล่าว่า หลวงพ่อก๋งบรรลุฌานกสิณแก่กล้า สามารถลงไปในน้ำจับปลาเป็นๆขึันมาได้ และยังเดินบนผิวน้ำได้อีกด้วย โดยเฉพาะความขลังในการเสกเป่าน้ำ พระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อตั๋งได้รับการถ่ายทอดวิทยาตุณต่างๆ จากหลวงพ่อก๋งอย่างไม่ปิดบังอำพรางโดยเฉพาะทางสมถกรรมฐานท่านกรุณาแนะนำหลักปฏิบัติจนมีความเชี่ยวชาญ ในการเจริญภาวนา มีสมาธิจิตกล้าแข็งและว่องไว สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ให้เกิดอานุภาพนานาประการทั้งปวง เมตตามหานิยม มหาอำนาจและคงกระพันชาตรี คุณวิเศษที่กล่าวมานี้ คือผลการเจริญกรรมฐาน จนจิตเป็นสมาธิชั้นสูง ซึ่งหลวงพ่อก๋งเป็นผู้บอกพระกรรมฐาน และชี้แนะหลักปฏิบัติแต่เริ่มแรก ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ช่วงนั้นวัดโพธิ์เอนว่างเจ้าอาวาสคณะสงฆ์จึแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนสืบต่อมาจนถึง พ.ศ.2538 หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนแล้ว หลวงพ่อได้ปฎิสังขรณ์และก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างเต็มสติกำลัง ตามความสามารรถ ท่านทุ่มเทกำลังกายกำลังความคิดและมีอุตสาหะวิริยะอย่างยอดเยี่ยม
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อุบัติขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 ผู้ประสบการณ์ไม่ประสงค์ออกนาม ปัจจุบันท่านอยู่ในเพศบรรชิต กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 มีอยู่วันหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืนลูกซองระยะประมาณ5วาเศษเรียกว่าระยะเผาขน ลูกปืนถูกบริเวณหน้าอกและลำคอ ความแรงของลูกปืนทำให้หงายหลังลงไปนอนแผ่หลา ด้วยอานุภาพของ........เหรียญรุ่นแรก.......ปีพ.ศ.2522........คุ้มครองแค่ผิวหนังไหม้เกรียมเป็นจุดลูกปืนเท่านั้น ท่านบอกว่าเหรียญรุ่นนี้มีคุณวิเศษในทางอยู่คงกระพัน อย่างยอดเยี่ยม ถ้าวันนั้นเหรียญหลวงพ่อตั๋งไม่คุ้มครอง ร่างคงพรุนเป็นแน่ ท่านใดที่ได้บูชาไปจากรายการช็อคโลก เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ ประวัติและเกียรติคุณของหลวงพ่อตั๋ง ที่ลำดับความมาตั้งแต่ต้นจนถึงบทสุดท้ายนี้ หวังว่าคงสร้างศรัทธาต่อท่านผู้อ่านตามสมควรโดยเฉพาะวัตถุมงคลของหลวงพ่อ เคยก่ออภินิหารทุกรุ่น แต่ไม่มีผู้ใดนำความศักดิ์สิทธิ์มาเผยแพร่ให้เลื่องลือชื่อเสียง ท่านจึงเป็นเสมือนเพชรน้ำหนึ่งที่ซ่อนแสงอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด
    #วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีประสบการณ์ทุกรุ่น
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอนและเหรียญเสมารุ่น ๒ หลวงพ่อตั๋งวัดโพธิ์เอน
    ให้บูชา 320 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาท

    IMG_20240724_151733.jpg IMG_20240724_151757.jpg IMG_20240724_151621.jpg IMG_20240724_151703.jpg IMG_20240724_151818.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721811908353.jpg

    พระสมเด็จรัศมีฝังข้าวสารดำหลวงพ่อลำใย
    ประวัติ หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ เกจิดังแห่งวัดทุ่งลาดหญ้า
    พระมงคลสิทธิคุณ หรือ หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ วัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
    ท่านเป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีกิจวัตรอันประเสริฐยิ่ง ตลอดชีวิตแห่งการดำรงเพศพรหมจรรย์ นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรจวบจนกระทั่งอุปสมบทเป็นพ ระภิกษุในพระพุทธศาสนา ยาวนานกว่า 60 ปี
    คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมไว้แก่พระพุทธศาสนา และสังคมประเทศชาติ มากมาย จนมิอาจจะกล่าวได้หมดในเวลาอันสั้นนับแต่ได้รับภาระเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากจะพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง ได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกรมการศาสนาแล้ว
    ท่านยังสร้างวัดและร่วมพัฒนาวัดทั้งในเขตปกครองและนอกเขตปกครองอีกกว่า 200 วัด เป็นประธานหาทุนทรัพย์สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ อีกกว่า 100 วัด สร้างโรงเรียน ทั้งมัธยม-ประถม (รวมที่ดินและอาคารเรียน) กว่า 10 แห่ง (โรงเรียนมัธยมวัดทุ่งลาดหญ้า-หลวงพ่อลำใย อุปถัมภ์ ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนมัธยมระดับตำบลเป็นแห่ง แรกของประเทศไทย)
    หลวงพ่อสร้างสถานีอนามัยมอบให้แก่ทางราชการทั้งอาคาร และที่ดินนับได้ประมาณ 20 แห่ง ครั้งหลังสุดเพิ่งสร้างสถานพยาบาลบ้านพักคนชรา บนเนื้อที่ราว 70 ไร่ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท มอบให้แก่กรมประชาสงเคราะห์ และห้องสมุดประชาชนกาญจนาภิเษก ต.ลาดหญ้า พร้อมที่ดิน มูลค่ากว่า 20 ล้าน(ที่ดินติดถนนใหญ่)
    มอบให้แก่กรมการศึกษานอกโรงเรียนหลวงพ่อสร้างระบบประปา มอบให้แก่หมู่บ้านต่างๆหลายสิบแห่ง และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตรงด้านหน้าวัดทุ่งลาดหญ้า มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และอีกแห่งตรงช่วงที่ผ่านตำบลหนองบัว มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท มอบให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ในส่วนของการสงเคราะห์ผู้ยากไร้
    หลวงพ่อได้กระทำอย่างต่อเนื่องนับเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านเป็นธุระจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้แก่สถานสงเคราะ ห์คนชราที่ท่านสร้างขึ้น และทุกวันที่ 14 เมษายน หลวงพ่อจะจัดงานเทกระจาด แจกข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นแก่ผู้ยากไร้ เป็นงานประจำปีที่วัดทุ่งลาดหญ้าในเขตปกครองของท่าน คืออำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นอำเภอติดชายแดน มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
    ทั้ง มอญ กระเหรี่ยง และกระหร่าง เป็นอำเภอที่ทุระกันดานมาก ในช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะนำข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงสิ่งของจำเป็น ไปแจกจ่ายแก่พระสงฆ์ตามวัดต่างๆอย่างทั่วถึงนับเป็นร ัอยวัด ทำให้เขตปกครองของท่านมีความสงบเรียบร้อยมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อบ้านเมืองจากผลงานและจริยาวัตรอันประ เสริฐของท่าน ทำให้ท่านได้การยกย่องเชิดชูจากสถาบันต่างๆมากมาย รวมถึงได้รับพระราชทาน เสมาธรรมจักรในฐานะคนดีศรีสังคม จากสมเด็จพระเทพฯ
    โครงการที่ท่านกำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ภายในบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน น่าเสียดายที่ท่านด่วนจากไป ด้วยความดีอันมากล้นของหลวงพ่อ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระมงคลสิทธิคุณ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539 คนๆหนึ่ง พระสงฆ์รูปหนึ่ง เกิดมามีชีวิตที่ไม่สูญเปล่า สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมประเทศชาติมากมาย
    ตลอดชีวิตของท่านมีแต่การให้และการเสียสละโดยไม่เห็น แก่ความเหนื่อยยากลำบากกายใดๆ ท่านได้ทำหน้าที่ "พระสงฆ์" ที่สมควรกราบไหว้จนถึงนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต สมควรที่เราทั้งหลายจะยกย่องเชิดชูให้เป็นปูชนียบุคคลอันประเสริฐยิ่ง
    หลวงพ่อลำใย ขึ้นชื่อลือนามในเรื่องวัตถุมงคลของขลัง สิ่งที่ท่านสร้างขึ้นแต่ละอย่าง ล้วนเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์ให้เป็นที่เลื่องลือทุกร่นทุกพิมพ์ จนผู้ที่มีไว้บูชาต่างเชื่อมั่นในอานุภาพสรรพคุณอย่างสนิทใจ และท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างกุมารทอง ท่านคือเกจิกุมารทองที่ทรงไว้ ด้วยวิชามหามนต์อันเปี่ยมล้นด้วยความเข้มขลังอีกท่านหนึ่ง
    พระมงคลสิทธิคุณ (หลวงพ่อลำใย ปิยวณฺโณ) อายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๖ เจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้ถึงแก่ มรณภาพที่โรงพยาบาลมิชชั่น กทม.เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น.คืนวันที่ ๒๗ ก.พ.๒๕๔๖ ด้วยอาการระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน
    หลวงพ่อลำใย ชื่อเดิม นายลำใย เกษมโสตร์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ มี.ค.๒๔๖๘ ณ บ้านเลขที่ ๑๘๔ หมู่ ๑ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี การพระราชเพลิงศพจะมีขึ้นภายหลัง ที่พิพิธภัณฑ์จะเสร็จสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อลำใย
    สมเด็จพระรัศมี ยันต์ตรีนิสิงเห
    เป็นพระพิมพ์สมเด็จเนื้อผง ที่หลวงพ่อลำใย จัดสร้างขึ้นเองเพื่อแจกแก่ญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา
    ๏ จัดสร้างปี พ.ศ.๒๕๓๐
    ๏ จำนวนการสร้าง ๑๐,๐๐๐ องค์ ขึ้นไป
    ๏ มวลสาร ผงเก่าของหลวงปู่เหรียญวัดหนองบัว เกสรดอกไม้ ผงวานต่างๆ 108
    ยันต์ตรีนิสิงเห นี้ดีสารพัด เรียกว่า ยันต์ครอบจักรวาล ป้องกันจากภยันอันตรายจากภูตผีปีศาจ
    โบราณาจารย์ท่าน นำเลขมาแทนอักขระคาถา
    เลขเหล่านี้เป็นคาถาสำคัญ ก่อนจะลงยันต์
    ท่านให้อัญเชิญ พระเทวดาตามเลขยันต์คือ
    เลข ๑ อาฬะวกยักษ์ (อาฬะวะกะ)
    เลข ๒ เทวดาเจ้าของกลางวัน-กลางคืน(ท้าววรุนเทวราช-ท้าวมิตรเทวราช)
    เลข ๓ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เลข ๔ ท้าวโลกบาลทั้ง ๔ (ท้าวธตรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักข์ ท้าวกุเวรราช)
    เลข ๕ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ (พระกุกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสปพุทธ พระโคตมะพุทธ พระศรีอริยเมตไตย)
    เลข ๖ เทวดาทั้ง ๖ ชั้นฟ้า
    เลข ๗ พุทธนาคาทั้ง ๗
    เลข ๘ พระอรหันต์ ๘ ทิศ (พระโกณทัญญะทิศบูรพา พระกัสสปทิศอาคเนย์ พระภควัมบดีทิศพายัพ พระสารีบุตรทิศทักษิณ พระอุบาลีทิศหรดี พระอานนท์ทิศประจิม พระโมคคัลลาน์ทิศอุดร พระราหุลทิศอีสาน)
    ท่านอาจารย์ ท่านว่าควรจะนำ "นะ มะ พะ ทะ" ธาตุทั้ง๔
    มารับยันต์ตรีนิสิงเห. จะดีเลิศประเสริฐยิ่งนักแล
    วงผู้นิยมเลื่อมใสวิชาไสยศาสตร์รู้จักสิ่งนี้ในชื่อ ‘ข้าวสารดำ’ บ้าง ‘คดข้าวสาร’ บ้าง ‘ข้าวตอกพระร่วง’ บ้าง ในฐานะเครื่องรางแคล้วคลาดคงกระพัน พระเครื่องและของขลัง ลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ขนาดเท่าข้าวสาร สีมีตั้งแต่น้ำตาล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จรัศมีมีสี ขาว เทา จนถึงดำสนิท ทั้งแบบผิวเรียบ ผิวขรุขระ และผิวลักษณะแบบผลึกก็มี
    หลังฝังข้าวสารดำไม่มีทุกองค์นะครับบางองค์ก็ไม่มีฝังข้าวสาร ๒ องค์นี้ ฝั่ง๑ องค์แต่ ไม่ค่อยเห็น อีกองค์ไม่เห็นเลย คงไม่ฝัง
    ๒ องค์ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240724_160203.jpg IMG_20240724_160230.jpg IMG_20240724_160250.jpg IMG_20240724_160308.jpg IMG_20240724_160330.jpg IMG_20240724_160355.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จวัดสีกัน ๔ รอบในหลวง พระที่ในหลวง ร.๙ พระราชทาน ทองคำมาเป็นมวลสาร
    จัดสร้างในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่๙ ทรงมีพระชนมายุครบ ๔ รอบ ทรงมีพระเมตตาโปรดเกล้าให้วัดทุ่งสีกัน(วัดพุทธสยาม) สร้างพระประธานองค์พระพุทธสมเด็จมหาราชทรงครุฑ ภปร. ขนาดหน้าตัก ๖๙ นิ้ว สูง ๑๑๙ นิ้ว เพื่อประดิษฐานที่วิหารจัตุรมุขไว้เป็นที่สักการะบูชากราบไหว้ แก่พุทธศาสนิกชนชาวพุทธ และทรงพระราชทานทองคำแท่งเพื่อให้นำมาตะไบผสมลงในพระผงพุทธคุณที่จัดสร้างครั้งนี้ ซึ่งร้านทอง " ลิ่มกุยหลี " บางลำพู เป็นร้านที่นำทองคำพระราชทานไปตะไบเป็นผงละเอียด ทางวัดได้มอบให้นายสมชาย แสวงศิลป์ เป็นผู้ดำเนินการ .. จึงเป็นพระสมเด็จที่เพียบพร้อมไปด้วยมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์พระราชทาน ผงธูปบูชาพระประธานศักดิ์สิทธิ์ ดอกไม้แห้งที่ประชาชนนำมาบูชาบดละเอียด น้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และพิธีกรรมที่ดีเยี่ยม จัดเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของวัดทุ่งสีกัน และพระครูธรรมรัตนวิมล(หลวงปู่ทองใบ) เจ้าอาวาส วัดทุ่งสีกัน ได้เกิดมงคลนิมิตว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์( โต พรหมรังสี )ให้สร้างพระผงพุทธคุณสมเด็จทรงครุฑขึ้นด้วยผงมงคล ๓๘ ประการ
    .. พระสมเด็จมหาราชทรงครุฑนี้มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็กจำนวนการสร้างประมาณ ๑๐๐๙ องค์ เท่านั้น ทุกองค์มีผงตะไบทองคำพระราชทาน ผสมในเนื้อไม่มากก็น้อย .. หลวงปู่ทองใบท่านมิได้ให้บูชา แต่ท่านจะแจกประชาชนที่ร่วมทำบุญในการจัดสร้างพระประธานพระพุทธมหาราชทรงครุฑองค์ใหญ่ครั้งนี้ โดยพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ ท่านจะมอบให้เฉพาะนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่ที่มาช่วยงานในยุคนั้น(ปี๒๕๑๘)
    .. สมเด็จมหาราชทรงครุฑ วัดทุ่งสีกัน ดอนเมือง
    1. ได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ถึงสองครั้ง พลโทนวล จันทร์ตรี เป็นผู้ดำเนินการ และได้รับหนังสือตอบจากราชเลขาธิการว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงปิติชื่นชมว่างดงาม และ ส่วนหนึ่งพระราชทานแก่นายทหารผู้ใหญ่ที่เข้าอารักขาเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
    2. พระอธิการทองใบ วิมโม ได้นำพระสมเด็จมหาราชทรงครุฑ แจกทหาร ตำรวจ ประชาชน พ่อค้า จำนวนหนึ่ง ผู้ที่ได้รับแล้วปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ได้ประสบความสุข ความสำเร็จ และรอดพ้นจากภยันตรายอย่างมหัศจรรย์ และได้มาเล่าประสบการณ์ที่ได้ประสบให้ฟังหลายครั้งหลายคราว
    ..วัดสีกัน(ทุ่งสีกัน) เดิมมีชื่อว่า วัดพุทธสยาม ตั้งอยู่ริมถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. เป็นวัดที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ ด้วยแรงศรัทธาจากประชาชน ข้าราชการ ทหารและตำรวจ ได้ร่วมบริจาคที่ดินและทุนทรัพย์เพื่อสร้างวัดนี้ขึ้น และให้ชื่อว่าวัดพุทธสยามเป็นเบื้องต้น ซึ่งต่อมาได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงชื่อเสียใหม่เป็นวัดสีกัน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานที่ตั้ง .. สถาปัตยกรรมเด่นของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถทรงไทยที่งดงามอลังการสร้างขึ้นต้องตามคติทางศาสนาที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณกาล ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านมีนามว่า " สมเด็จพระบรมพุทโธ " และที่เชิงบันไดนาคด้านหน้าโบสถ์ปรากฎรูปปั้นยักษ์คู่ดูน่าเกรงขามซึ่งมีชื่อว่า " สมเด็จท้าวเวสสุวรรณฯ " เป็นเสมือนทวารบาลผู้พิทักษ์รักษาพระบวรพุทธศาสนา เป็นวัดที่สวยงามของเขตทุ่งสีกัน ดอนเมือง ตามศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ยุคปัจจุบันครับ
    .. พุทธคุณนั้นแคล้วคลาด ครบเครื่องเรื่องปลอดภัยยิ่งนัก ปัจจุบันพระสมเด็จทรงครุฑ วัดทุ่งสีกัน รุ่นแรก ปี๒๕๑๘ จัดอยู่ในรายการประกวดพระเครื่องพระบูชาไทยของสมาคมเกือบทุกงาน ในรายการชุดพระผงยอดนิยม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สมเด็จวัดสีกันพิมพ์เล็กทรฃครุฑ องค์นี้มวลสารผงตะไบทองเห็นชัดเจนผสมอยู่ในเนื้อองค์พระ
    บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240724_172442.jpg IMG_20240724_172422.jpg IMG_20240724_172337.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1721815679739.jpg FB_IMG_1721813580311.jpg FB_IMG_1721815662342.jpg
    พระสมเด็จขาโต๊ะ หลังหนุมานเชิญธง และเหรียญหลวงพ่อราหุล หลัง หนุมาน หลวงพ่อคง วัดราหุล สิงห์บุรี (ลป.บุดดา.ลพ.จวน ลพ.แพ ร่วมปลุกเสก) ลป.คงเป็นศิษย์สายลพ.คง บางกะพร้อม วัตถุมงคลท่านบางส่วน นำมาเสกที่ วัดซับลำใย ลป.หมุนเสกด้วยเข้าพิธีใหญ่ อ.จรูญ วัดราหุลเป็นพระลูกชายลพ.คงและเป็น สหธรรมิก อ.ตั๋ว วัดซับลำใย

    ให้บูชาสะพาน 370 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240724_170514.jpg IMG_20240724_170533.jpg IMG_20240724_170439.jpg IMG_20240724_170454.jpg FB_IMG_1721813625143.jpg FB_IMG_1721813589331.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1308099-5b374 (1).jpg 1391883-430c4.jpg 1308099-180a5.jpg 1391883-10230.jpg
    สมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อวัดน้อย วัดสิงห์สุทธาวาสสร้าง ปี 2516
    พิธีใหญ่ ปี 2516-2517
    มีรายละเอียด ต่าง ๆ มาก..ตามเพจ หลวงพ่อ วัดน้อย..
    ซึ่งในพิธีนี้ ...ตามที่ อาจารย์ เฒ่า สุพรรณ ได้เคยเขียน ข้อมูลไว้ ว่า หลวงพ่อ กวย ก็มาเสก เหรียญ หลวงพ่อ จง ในพิธีนี้ครับ...
    หลวงพ่อวัดน้อย วัดสิงห์สุทธาวาส
    18 มีนาคม 2017 ·
    ในปี พุทธศักราช 2516 วัดสิงห์สุทธาวาส ได้สร้างวัตถุมงคลเพื่อให้ประชาชนได้บูชาหาเงินมาบูรณะวัด มีพิธีพุทธาพิเศก 3 วันมีคณาจารย์ที่มาปลุกเสกเป็นจำนวนมาก (ทีสำคัญพิธีพุทธาพิเศกนี้ได้มีการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดของศิษย์หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ภายหลังจากที่หลวงพ่อมรณะภาพลง ในพิธีได้มีการอัญเชิญบารมีหลวงพ่อจง ท่านลงมาเพื่อทำการปลุกเสกอีกด้วย)ได้มีรายการสร้างตามที่รวมรวมมาดังต่อไปนี้
    1.เหรียญเสมา ได้สร้างเอาไว้ 2 พิมพ์เล็ก - ใหญ่เหรียญเสมาหน้าหลวงพ่อจงครึ่งองค์หลังหลวงพ่อวัดน้อย สั่งป้ำมาจากโรงงานจำนวนประมาณ 5000 เหรียญ มีด้วยกันหลายเนื้อเเบ่งเป็น
    ---เนื้อเงิน (สร้างน้อยมาก)
    ---เนื้อทองคำ (สร้างน้อยมาก)
    ---เนื้อทองเหลีอง(ฝาบาตร) กะไหล่เงิน กระไหล่ทอง
    ---เนื้อทองแดง กะไหล่เงิน กระไหล่ทอง
    2.พระกริ่ง พระกริ่งนี้ได้ขอเช่าต่อมาจากวัดไร่ขิง แล้วนำมาตะไบหลังออก (ฐานพระด้านหลัง) ทำให้หลังพระกริ่งปี 16 มีรอยตะไบ สิ่งที่ตะไบออกคือชื่อวัดไร่ขิงทางวัดได้นำมาประมาณ 1000 กว่าองค์ และได้นำเข้าพิธีพุทธาพิเศกในปี 2516 นี้ด้วยมีกด้วยกันหลายเนื้อดังนี้
    ---เนื้อเงิน
    ---เนื้องทองคำ
    ---เนื้อทองแดง กะไหร่เงิน กะไหล่ทอง
    ---เนื้อทองแดงรมดำ
    3.พระสมเด็จ ได้นำมวลสารสำคัญจาคณาจารย์ที่มาปลุกเสกในปี 2516 มาเป็นส่วนผสมมีทัง ผงปัถมัง อิฐิเจ ตรีนสิงเห มวลสารสมเด็จวัดระฆัง ผงของหลวงพ่อกวย มวลสารเก่าหลวงพ่อ ปาน หลวงพ่อจง หลวงปู่โต๊ะ ผงตะไบเงินตะไบทอง มวรสารจากศาสนสถานสำคัญหลายแห่ง และมวลสารที่ถูกนำมาจากคณาจารย์นภาคต่างๆที่เข้าร่วมพิธีพุทธพิเศก มีด้วยกันหลายพิมพ์ เนื้อพระจะคมเพราะตอนผสมมวรสารมีความเหลวของมวรสารเมื่อกดลงพิมพ์ทำให้พระคม ด้านหน้าเป็นพิมพ์พระประธานแบบต่างๆ หลังป้ำตราวัดสิงห์สุทธาวาส ลงแล๊กเกอร์ พระมีลักษณะหนาเป็นพิเศษ มีด้วยกันดังนี้
    ---สมเด็กพิมพ์ใหญ่ แหวกม่าน ขาโต๊ะ เกศไชโย แข้งหมอน ฐานแซม สมเด็จใบโพธิ์
    ---สมเด็จพิมพ์เล็ก
    4.แหวนหลวงพ่อวัดน้อย เป็นกะไหร่เงิน เนื้อด้านในเป็นทองเหลืองและทองแดง ชุบ นิ๊กเกิล ด้านหน้าหลวงพ่อวัดน้อย มีด้วยกันหลายแบบหลายขนาด เป็นโล่รูปอาร์มแขน มีทั้งแบบอาร์มมีขอบ และไม่มีขอบ
    5.ล๊อกเก็ตกระดาษหลวงพ่อวัดน้อย เป็นล๊กเก็ตรูปไข่ มี 2 ขนาด เล็ก-ใหญ่ ด้านหน้ารูปหลวงพ่อวัดน้อย ด้านหลังมีสิงห์
    6.พระพุทธรูปบูชา ฐานป้ำตราวัดสิงห์สุทธาวาส เนื้อทองเหลือง มีขนาด 5 นิ้ว 9 นิ้ว
    7.สมเด็จ พญาไม้งิ้วดำ
    8.งาเเกะรูปสิงห์ และ สมเด็งาเเกะ
    ตามที่ได้รวบรวมมาอาจมีบางอยากตกหล่นหรือไม่ครบถ้วนจึงขออภัยมาณที่นี้ด้วย
    สมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อวัดน้อย วัดสิงห์สุทธาวาส อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างปี2516 พิธีใหญ่ ปี 2516-2517 คู่ที่ 3
    รายละเอียด สมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อวัดน้อย วัดสิงห์สุทธาวาส อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างปี2516 พิธีใหญ่ ปี 2516-2517 หลังปั๊มหมึกสีน้ำเงินกำกับ
    วัตถุมงคลรุ่นแรกหลวงพ่อวัดน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 19 กันยายน 2516 มีรายการที่จัดสร้างดังนี้
    1. พระสมเด็จ พิมพ์ต่างๆ เล็ก-ใหญ่
    2. เหรียญหลวงพ่อจง หลังหลวงพ่อวัดน้อย เนื้อกะไหล่เงิน ทองแดง 2 พิมพ์
    3. พระกริ่งหลวงพ่อวัดน้อย พิมพ์เล็กใหญ่
    4. ล๊อกเก็ตกระดาษ เล็ก-ใหญ่
    5. พระพุทธรูปบูชา ขนาดต่าง ๆ ฯลฯ
    พิธีพุทธาภิเศก โดยมีคณาจารย์แห่งยุค อาทิเช่น...
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตารม ชัยนาท
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    หลวงพ่อคำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง ฯลฯ
    และคณาจารย์ในยุคนั้นอีกหลายท่าน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จวัดสิงห์สุทธาวาสภาพสวยกล่องเดิม พิธีใหญ่พิธีดี บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240725_010549.jpg IMG_20240725_010612.jpg IMG_20240725_010513.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,688
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1721904757333.jpg
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...