3 ภูเมืองเลย เสน่ห์ที่แตกต่าง

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 22 ธันวาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ผาหล่มสัก ภูกระดึง หนึ่งในจุดชมตะวันลับฟ้าที่สวยที่สุดของเมืองไทย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อากาศปลายปีไก่หนาวเย็นเอาเรื่อง

    แน่นอนว่าเมื่ออากาศหนาวเย็นแวะเวียนมาทายทักเมืองไทย ผู้ที่ชื่นชอบเที่ยวสัมผัสอากาศหนาว หน้าหนาวนี้คงจะเล็งหาภูเขาหรือดอยสูงเดินทางขึ้นไปโต้ลมหนาว โดยแหล่งภูสูงดอยสวยที่เด่นๆในเมืองไทยก็คงจะไม่พ้นทางภาคเหนือและภาคอีสาน

    ซึ่งภูเขาและดอยสูงแต่ละที่ต่างก็มีเสน่ห์ชวนเที่ยวแตกต่างกันออกไป ดังเช่น 3 ภูในจังหวัดเลย ที่ประกอบด้วย ภูกระดึง ภูหลวง และภูเรือ โดยแต่ละภูต่างก็มีเสน่ห์ชวนเที่ยวแตกต่างกันออกไป

    ภูกระดึงขุนเขายอดนิยมแห่งอีสาน

    ภูกระดึง นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแบบอมตะนิรันดร์กาล ซึ่งในแต่ละปีช่วงหน้าหนาวหลังเปิดภูจะมีคนเดินทางขึ้นภูกระดึงกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวบนภูกระดึงมีคนมาเที่ยวกันมืดฟ้ามัวดิน

    เหตุที่ภูกระดึงมีคนนิยมมาเที่ยวกันอย่างต่อเนื่อง ก็เพราะว่าบนยอดภูกระดึงที่มีลักษณะเป็นภูเขายอดตัดขนาดใหญ่คล้ายใบบอนมีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตรนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ทั้งป่าสน ทุ่งหญ้า น้ำตก ป่าดิบ หน้าผา ซึ่งถึงแม้ว่าการขึ้นภูกระดึงจะค่อนข้างลำบากเพราะต้องเดินเท้าขึ้นเขาสูงชันไปหลายกิโลเมตร จากนั้นพอถึงบนยอดเวลาไปเที่ยวตามจุดต่างๆก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปสถานเดียว แต่ว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนก็ไม่หวั่นต่อการเดินขึ้นภูด้วยประการทั้งปวง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ผานกแอ่น ภูกระดึง จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยไม่เป็นรองใคร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เพราะบนภูกระดึงนั้นมีจุดท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย โดยที่โด่งดังที่สุดก็คือ ผาหล่มสัก ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูกระดึง ที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง มีต้นสนใหญ่ขึ้นใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา ซึ่งวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ พระอาทิตย์สีแดงลูกกลมโตจะค่อยๆเคลื่อนคล้อยลอยต่ำ ท่ามกลางแสงสีทองเหลืองอร่าม ที่มีฉากประกอบเป็น ทิวเขา ท้องฟ้า มีแท่นหิน และต้นสนเดียวดาย ตั้งตระหง่านโต้สายลมหนาว นับเป็นจุดชมตะวันลับฟ้าที่สวยและคลาสสิคที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย

    ไม่เพียงมีจุดชมตะวันลับฟ้าที่สวยงามเท่านั้น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ณ ผานกแอ่นก็สวยงามไม่เป็นรองใคร

    นอกจากนี้บนภูกระดึงยังมีน้ำตกมากมายให้นักท่องเที่ยวเลือกชม ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกวังกวาง น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกธารสวรรค์

    ส่วนที่ถือว่าเป็นเสน่ห์พิเศษมากๆบนภูกระดึงก็คือช่วงเดือน ม.ค -เดือน ก.พ. ที่ใบเมเปิ้ลบนภูกระดึงจะพร้อมใจกันเปลี่ยนสีแดงทั่วบริเวณตัดกับสีเขียวของต้นไม้ชนิดอื่นๆดูสวยงามมาก ซึ่งหนึ่งปีจะมีให้ชมช่วงนี้ช่วงเดียว

    สำหรับภูกระดึงปัจจุบันอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย ของทุกๆปีทางอุทยานฯ จะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูกระดึงเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภูหลวงอาณาจักรแห่งพรรณไม้ที่งดงามไปด้วนสีสันของดอกไม้นานาชนิด(ภาพ : ททท.)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ท่องอาณาจักรพรรณไม้ ที่ ภูหลวง

    ภูหลวง อยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง นับเป็นอาณาจักรแห่งพรรณไม้ที่งดงามไม่เป็นสองรองใคร

    ภูหลวง เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก ชื่อ "ภูหลวง" หมายถึงภูเขาของพระเจ้าแผ่นดินหรือภูเขาลูกใหญ่ ซึ่งภูเขาที่ภูหลวงก็ใหญ่สมชื่อ

    บนภูหลวงมี 3 ฤดูเหมือนพื้นราบ แต่ว่าอากาศจะหนาวเย็นกว่าที่พื้นราบมาก โดยแต่ละฤดูของภูหลวงจะพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันออกไป

    ฤดูร้อน(ก.พ.-เม.ย.) มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส โดดเด่นไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันเจิดจ้าสวยงาม อาทิ เอื้องตาเหิน กล้วยไม้ป่าดอกขาว กุหลาบขาวและกุหลาบแดง

    ฤดูฝน(พ.ค.-ต.ค.) มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับหน้าร้อน มีดอกไม้ป่าดอกเล็กๆสีชมพูอมม่วงขึ้นแซมตามทุ่งหญ้าทั่วไป

    ส่วนฤดูหนาว(พ.ย.-ม.ค.)อุณหภูมิลดลงมาก เฉลี่ย 0-16 องศาเซลเซียส ช่วงนี้ตามพื้นดินจะเห็นต้นกระดุมเงินและรองเท้านารีปีกแมลงปอขึ้นอยู่บนก้อนหินและตามพื้นป่าดิบเขา รวมถึงเมเปิ้ลที่ใบเปลี่ยนเป็นสีแดง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    รอยเท้าไดโนเสาร์ อันซีนไทยแลนด์แห่งภูหลวง (ภาพ : ททท.)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้มากมายไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดจนได้รับฉายาว่า "อาณาจักรแห่งพรรณไม้" บนภูหลวงยังมีป่าอยู่หลากหลายชนิด ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็น ป่าสนสองใบ และป่าสนสามใบ อีกทั้งยังมีสวนสนและลานสนหินที่น่าสนใจ อาทิ ลานสนโหล่นแต้ โหล่นสาวแยงคิง รวมไปถึงผาต่างๆที่น่าสนใจ เช่น ผากบ ผารุ่งอรุณ

    ส่วนมาแรงบนภูหลวงในช่วง 3 ปีหลังก็คือซากหินรอยเท้าไดโนเสาร์อายุกว่า 120 ล้านปีที่ททท.ยกให้เป็นหนึ่งจุดท่องเที่ยว "อันซีนไทยแลนด์" โดยทางเขตรักษาพันธุ์ฯภูหลวง ได้ผ่อนผันให้บางจุดเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวเพื่อศึกษาธรรมชาติและพรรณไม้ ซึ่งจะเปิดให้เที่ยวได้ในช่วงเดือน ต.ค.-เม.ย. เฉพาะบริเวณที่กำหนด

    ภูเรือ แดนหนาว พราวสะพรั่งดอกไม้

    อุทยานแห่งชาติภูเรือ หรือที่คนทั่วไปมักเรียกสั้นๆว่าภูเรือ เป็นภูเขาสูงใหญ่เต็มไปด้วยต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน และมีลักษณะพิเศษเป็นผาชะโงกยื่นออกไปดูคล้ายหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ บนภูเรือมีเสน่ห์ตรงที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยบางปีหนาวถึงขนาดเกิด "แม่คะนิ้ง" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อากาศหนาวมากจนน้ำค้างบนยอดหญ้าจับตัวกันจนเป็นน้ำแข็ง

    สำหรับจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูเรือนั้นก็มี

    ยอดภูเรือ เป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานหินที่มีทุ่งหญ้าขึ้นแซมสลับกับป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติและสนสามใบที่เป็นสนปลูก จากจุดนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาวได้

    จุดชมทิวทัศน์เดโช เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ในวันที่อากาศดีนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูต่างๆของเมืองเลยได้

    ผาโหล่นน้อย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก จากจุดนี้จะมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขาสลับซับซ้อน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภูเรือโดดเด่นด้วยธรรมชาติและอากาศที่หนาวเย็น(ภาพ : ททท.)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> น้ำตกห้วยไผ่ ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน มีความสูงประมาณ 30 เมตร น้ำตกแห่งนี้นำไปใช้ทำน้ำประปาในอำเภอภูเรือด้วย

    นอกจากนี้บริเวณเส้นทางสู่ภูเรือยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรพวกสวนดอกไม้ให้เลือกชมเลือกซื้อกัน ส่วนไวน์ที่ภูเรือก็ถือว่ารสชาติไม่เป็นรองใคร

    สำหรับหน้าหนาวนี้ใครที่อยากท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวท่ามกลางธรรมชาติอันพิสุทธิ์ในบรรยากาศโรแมนติก 3 ภูในเมืองเลย นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

    * * * * * *

    อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง จากตัวเมืองเลยใช้เส้นทางหมายเลข 201(เลย-ภูกระดึง) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 75 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 อีก 8 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ และหากไปทางรถโดยสารประจำทางสายนั่งรุถกรุงเทพฯ-เลยที่หมอชิตใหม่ ไปลงที่ผานกเค้า แล้วต่อรถสองแถวไปที่ทำการอุทยานฯ โทร.0-4287-1333

    อุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ที่ อ.ภูเรือ จากตัวเมืองเลยไปตามทางหลวงหมายเลข 203 (เลย-ภูเรือ) ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณหลักกิโลเมตร 49-50 ตรงที่ว่าการอำเภอภูเรือ เข้าไปเป็นทางลาดยางประมาณ 8 กิโลเมตรและเดินเท้าไป 700 เมตร ก็จะถึงยอดภูเรือ โทร. 0-4288-1716, 0-4288-4144

    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จากตัวเมืองเลยไปตามเส้นทางสายเลย-ภูเรือ ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร ถึงบ้านสามตม แล้วแยกซ้ายที่บ้านสามตมไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง โทร. 0-1221-0547


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 ธันวาคม 2548 16:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,454
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    เยี่ยมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...