อนุโมทนา กระทู้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้พิจารณาเล่นกันเฉยๆ พิจารณาว่า เราเห็นว่าธรรมเราเป็นอย่างไร เห็นแล้ว มีคุณ มีโทษ ในสิ่งที่เห็นหรือไม่...
ในเมื่อไม่ควรมองเรื่องลำดับธรรม สูงกว่าต่ำกว่า แล้วเหตุใด จึงต้องมีการจัดลำดับธรรมไว้ด้วยล่ะขอรับ
ระหว่างท่านกับพระพุทธเจ้า ธรรมใครสูงกว่ากัน? ท่านพอจะตอบได้มั๊ย
(deejai)
อ้าว ท่านศรีมาตอบกระผมอยู่นี่เอง :VO
55 ขออภัยที่ตอบอ้อมโลก งั้นก็ตอบให้แคบลงมาอีกหน่อยแล้วกัน มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะการที่ท่านจะละ สักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส...
การสำคัญว่าตนเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ การพอใจว่าตนเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ เป็นผู้ที่ไม่ได้มีศักดิ์อะไรเลย มีแต่อัตตาที่ใหญ่
ต่อให้จะชื่นชมยินดีกับเพชรพลอยที่อยู่ในย่ามแค่ไหน ยังงัยเสีย ย่ามมันก็หนัก สู้เดินปลิวตัวเปล่าไม่ได้
ธรรมยิ่งสูง ยิ่งมีแต่อ่อนน้อม เกรงใจ ให้เกียรติกัน เขาไม่ได้อ่อนน้อมเกรงใจ เพราะยึดในรูปหรืออรูป เขาไม่ได้ให้เกียรติเพราะเขายึดในเกียรติ...
ความคิดทั้งหลายดังว่านี้ ท่านได้แต่ใดมา
สังเกตุได้ จากการรู้เท่าทันในความคิดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ครับ รู้เท่าทัน แล้วสามารถจำแนกได้ ว่าสิ่งที่กำลังคิดอยู่ เป็นบวก หรือเป็นลบ...
ถ้าดูตอนไม่สงบ มันก็ฟุ้งซ่านนั่นเอง ฟุ้งไปทั่ว ฟุ้งไปกระทั่งว่า เข้าใจว่า ขณะนี้มันสงบ ยิ่งพยายามประคับประคองให้มันสงบด้วยแล้ว...
คนเพ่ง เขาก็ได้ฝึกพิจารณา ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดีเท่านั้นเอง ถ้าไม่เพ่งเลย ไม่พิจารณาเลย ก็จะกลายเป็นว่าเชื่อไปตามเขา เขาว่าดี ก็ว่าดี...
ถ้าไม่มีโทษให้เพ่ง ใครเขาจะเพ่งยังงัยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ พระดีจริง เขาก็ไม่กลัว ว่าใครจะเพ่ง ยิ่งเพ่งยิ่งดี ยิ่งเห็นธรรม
ที่มันอิจฉา เพราะว่ามันอยากมีเหมือนเขา เราก็พิจารณาให้เห็นโทษมันไปเลย ว่านี่แหละ โทษของความอยากได้อยากมี มันทำให้ร้อนรนกระวนกระวายอย่างนี้...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา