แล้วปัจเจกภูมิ ผู้หลงคิดว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิ ปฏิบัติทุกอย่างเหมือนพุทธภูมิ บำเพ็ญทุกอย่างเหมือนพุทธภูมิ ท่านทั้งหลายมีความเห็นเป็นเช่นไร
เท่าที่ผมทราบ น่าจะแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ 1) เบื่อในวัฎฎะ จนเกิดอยากลาพุทธภูมิ 2) เปลี่ยนใจตั้งปณิธานที่จะช่วยเหลือหมู่สัตว์ไปเรื่อยๆ ก่อน...
บางครั้ง ผู้ที่กล่าวว่าผู้อื่นมีมิจฉาทิฐิ อาจจะเป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฐิเสียเอง เพราะความยึดมั่นถือมั่นว่าตนมีปฏิปทาที่ถูกต้องแล้ว เมื่อยึดมั่นถือมั่น...
ช่วยยกตัวอย่าง มิจฉาทิฐิ ของ พระโพธิสัตว์ ให้ฟังด้วยครับ เพราะบางครั้งพระโพธิสัตว์บางองค์ก็ต้องยอมเอาตัวเข้าแลกในมิจฉาทิฐินั้น...
ภาษาเวียตนาม
เท่าที่ทราบ อู๋ไท่ฝอ หมายถึง พระศรีอริยเมตตรัย คำว่า ไท่ฝอ หมายถึง พุทธที่ยิ่งใหญ่ หรือ พระพุทธเจ้า อนุตรธรรม ก็ ไม่ได้มีแค่...
เมื่อหยิบพระขรรค์หมายจะฆ่าชูชก แต่ยับยั้งชั่งใจได้ เกิดเป็นขันติ และทานที่ให้ไปแล้วย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับ ก็วางใจเป็นกลาง เกิดเป็นอุเบกขา
แต่เท่าที่ทราบ การให้ทาน ลูก เมีย และอวัยวะ เป็นทานระดับ อุปบารมี ใม่ใช่เหรอครับ ส่วนทานระดับปรมัต คือ การให้ชีวิตตัวเองเป็นทาน แล้วเหตุใด...
เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ก็จะไม่เผลอทำผิดข้อกาเมอีกใช่หรือไม่ เพราะเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว จะเกิดเป็นชายเท่านั้น พระนิตยโพธิสัตว์ทั้งหลาย...
ขณะเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ ก็เวียนว่ายตายเกิดในนรก จนหมดทุกขุมแล้ว เพื่อให้ตนเองได้รับและนำมาสั่งสอนสรรพสัตว์...
หากทานบารมีเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสุด เหตุใดพระโพธิสัตว์เวสสันดร เมื่อบริจาคลูกทั้งสองให้กับชูชก เห็นชูชกเฆี่ยนตีลูกต่อหน้าต่อตา...
ผม ก็เห็นว่า อุเบกขาบารมี เช่นกัน ท่านใดเห็นเป็นเช่นไรบ้างครับ
ในทศบารมีที่เหล่าพุทธภูมิต้องบำเพ็ญ บารมีข้อใด ถือว่ายากที่สุด หรือ หากเป็นไปตามจริตของแต่ละคน จริตแบบไหนที่บำเพ็ญบารมีใด ที่ถือว่ายากที่สุด
ผมชอบตรง "วางไม่ลง"
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา