กรณี Sriaraya5 VS iofeast โต้แย้งกัน... ขอลบออกทุกโพสต์

สิ่งที่ท่านจืออบรมสั่งสอนควรจำไว้ สิ่งที่ท่านจือมิได้อบรมสั่งสอน เช่นที่ท่านทำจีวรเปียกเลอะแล้วสับเปลี่ยนกับท่านจือ ควรปฎิรูปใหม่ ฮ่าฮ่าฮ่า





ป.ล. วันนี้เราอารมณ์ดีจึงนำรูปพี่ชายอาพี่สาวน้าบักดานี้มาให้ท่านทั้งหลายได้ชมก็แล้วกันนะจ๊ะ นี่เป็นรูปที่พวกเขาถ่ายคู่กันตอนจีบกันใหม่ๆ ........ และเราคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นจำพวกพันธุ์ผสมระหว่าง SPICIES ไหนบ้าง ชื่อมันจึงลงท้ายด้วยรวิพันธุ์ อ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกกๆๆๆๆๆๆ

 

.......VS.......

 

.......VS.......

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ฤทธิ์ที่เกิดขึ้นเองด้วยอำนาจแห่งบุญที่ได้สะสมมาอย่างยาวนานมากมาย เขาเรียกว่า "บุญฤทธิ์" ไม่ต้องกำหนดก็เกิดขึ้นเองได้ คนสติไม่ดีที่เอาแต่ลอก แต่ก๊อปอย่างท่านจะไปรู้อะไร มีแต่เขาบนหัวที่งอกออกมาเองโดยธรรมชาติแบบพี่ชายอาพี่สาวน้าท่านเท่านั้นแหละจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า



เอ้า ดูกันให้ชัดๆอีกทีว่า ว่าความโง่รวมถึงนิสัยต่ำๆท่านมันสืบทอดมาทางกรรมพันธุ์จากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่าง 2 SPICIES เป็น SPICIE ไหนกับ SPICIE ไหนบ้าง ดูที่เขาบนหัวท่านแล้วคงไม่ต้องให้เราบรรยายต่อนะจ๊ะ ฮ่าฮ๋าฮ๋า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆ

 

ปิดกั้นความเลวร้าย ความชั่ว ความวุ่นวายทั้งหลายไม่ให้เข้ามาทางตา หู ปาก ของเราแล้วก็อุดความดีเอาไว้ในตัวของเรา

ไม่ให้มันไหลออกไป กาย วาจา ใจของเราก็จะบริสุทธิ์ในธรรม ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ ปฏิบัติชอบ ตาอย่าได้ดูในสิ่งที่ไม่เป็น

ธรรม หูอย่าได้ฟังในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ปากอย่าได้พูดในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม อุดความดีทั้งหลายเอาไว้ ให้เกิดความบริสุทธิ์ใน

ธรรม ถ้าทุกคนพยายามตั้งอกตั้งใจปฏิบัติก็จะพบแต่ความสำเร็จปรารถนาไว้ทุกประการ

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ปิดกั้นความเลวร้ายไม่ให้กรรมพันธุ์ชั่วๆเยี่ยงนี้ถ่ายทอดไปสู่ใครได้อีก ด้วยการจับไปทำหมันหรือไปตอนก็ได้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะออกมาไม่เพียงแต่จะเหมือนเตี่ยมันเท่านั้น แต่จะเหมือนปู่ย่ามันด้วย
ตอนแล้วอย่าให้มันเดินเพ่นผ่าน อย่าให้มันก๊อป ลอก ข้อความของผู้อื่น มาตู่เป็นของตน เพื่อให้ดูว่าตนมีปัญญาอีก อย่าให้มันมาหลอกขายตะกรุดได้อีก
ถ้าสัตว์แพทย์ร่วมมือร่วมใจไม่ให้พันธุ์นี้ขยายต่อไปได้อีกก็จะดี หลังจากนั้นก็ส่งต่อให้เป็นหน้าที่ของจิตแพทย์ ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้จำพวกนี้แพร่ขยายพันธุ์ต่อไปได้ เป็นการกำจัดภัยสังคมที่ดียิ่ง ฉะนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

เอาเป็นว่าหลวงปู่ทองทิพย์ฝากมาบอกiofeast;2400338 ผู้ใช้ฉายานี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ท่าน

และท่านยังบอกเราด้วยว่า
ลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์
ลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ ไม่ตกเป็นทาสของความคิด

 

เอาเป็นว่าพี่ชายอาท่านฝากมาบอกว่า รวิพันธุ์ผู้ใช้ชื่อนี้เป็นลูกของ adulterer ไม่ใช่ลูกท่าน

และท่านก็ยังฝากมาบอกให้ทุกคนรู้ว่า
ดาลูก adulterer ท่านชอบมั่วนิ่ม เป็นโรคประสาทชนิดคิดไปเองอย่างรุนแรง
ดาลูก adulterer ท่านเป็นคนสติไม่สมประกอป
ดาลูก adulterer ท่านเป็นบ้า
ดาลูก adulterer ท่านชอบทำตะกรุดมาหลอกขายชาวบ้าน อันละ500บาท
ดาลูก adulterer ท่านมีท่านจือเป็นอาจารย์
ดาลูก adulterer ท่านชอบแอบบ้างหลวงปู่ท่านโน้นท่านนี้ เป็นอาจารย์
ดาลูก adulterer ท่านโง่สุดๆเพราะเป็นลูก adulterer จึงไม่มีใครส่งให้เรียนหนังสือ ส่วนผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง หลังจากไข่ทิ้งไว้กับพี่สาวน้ามันแล้วก็หายสาปสูญอ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

เป็นอะไรก็ได้ที่คนเขาจะเรียกเอา เขาสมมติขึ้นทั้งนั้น​

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ที่ท่านทำจีวรเลอะมันเรื่องจริง เลอะแล้วกลัวความอับอาย นำไปสับเปลี่ยนกับท่านจือ ก็เรื่องจริง พยายามป้ายสีท่านจือก็เรื่องจริงอีกอ่ะ ที่สำคัญท่านเป็นศิษย์ท่านจือก็เรื่องจริงอีกอ่ะนะ หาใช่เขาสมมุติขึ้นมาไม่อ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆ

 

สองคนนี้คุยอะไรกันหว่า???

 

เป็นเรื่องของความเห็นไม่ตรงกันแค่นั้นเองครับ

ฝ่ายหนึ่ง ยังไม่ไม่ปัญญาที่แท้จริงเป็นของตนเอง

ก็พยายามจะเรียกร้องความสนใจ ก่อกวน ให้ยอมรับ
ก็จิตผมไม่ยอมรับในความเป็นอริยของเค้า ผมก็แสดงให้รู้ว่าเค้าไม่ใช่บัณฑิตที่แท้จริงยังเป็น ปุถุชนที่ดันทุรัง

 

พี่จะสั่งสอนน้องอย่าทนงตน
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่มาจาก google
หรือปรุงแต่งขึ้นเอง ก็เป็นธรรม ถ้าใจเราเป็นธรรม

ถ้าใจเราไร้ซึ่งธรรมะ

แม้เอา google มาเป็นเครื่องมือแสวงหาธรรมะ ที่แพร่หลายตามเว็บไซด์ กับแต่งขึ้นเองตามอำนาจกิเลส ที่ยังหนาแน่นไปด้วย ตัญหา อุปทาน สัญญาที่เกิดขึ้นก็เป็นสัญญาวิปลาส

คลาดเคลื่อนไปจากของจริง นี่ศาสนาเสื่อมตรงนี้
เพราะไม่มีผู้แตกฉานในห้องพระไตรปิฏก

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ยอมรับแล้วซินะ ว่าที่ผ่านมา ลอก ก๊อปปี้ ตัดต่อ มาจากกูเกิ้ลล้วนๆ ไม่แตกฉานในพระไตรปิฏกอีกตะหาก ที่ประกาศว่าตนบรรลุธรรมแล้ว ตรัสรู้แล้ว เป็นพระศรีฯ เป็นพระสัพพัญยู ฯลฯ ก็ขี้โม้ แอบอ้างทั้งเพ ฮ่าฮ่าฮ่า

ปู่จะสอนหลานนะว่า หากจะลอก จะก๊อปข้อความจากไหนก็กรุณาใส่ที่มา และเจ้าของ ผู้แต่งบทความนั้นๆด้วย มันเป็นสมบัติผู้ดีที่พึงกระทำซึ่งท่านคงไม่มี ไม่รู้และไม่มีใครเคยสั่งสอนมา ไม่ใช่นำยบทความจากที่ต่างๆมาตัดต่อ สอดไส้แล้วตู่ว่าเป็นของตน เข้าใจ๋ ฮ่าฮ๋าฮ่า

 

สมภารหัวหงอกสิ่งที่<WBR>ต้องแบกรับไว้พอรึยังกับความเป็นเด็ก มีเครื่องอยู่อาศัยแบบเด็ก ๆ ไม่ใช่วิหารธรรมแบบเครื่องอาศัยของผู้ใหญ่กว่า

พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ได้จบเปรียญธรรมเหมือน กับผู้คงแก่เรียนทั้งหลาย

แล้วท่านเอาความรู้มาจากไหนมาสอน จนกระทั้งได้เป็นครูของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าก็เอามาจากธรรมชาติ ของพุทธะที่มีอยู่ในพระองค์เองทั้งสิ้น สมัยเราก็เทียบได้กับประสบการณ์ทางธรรมะที่เป็นผลสำเร็จแล้ว

ที่รับรองต่อ ๆ กันมาผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา


ท่านสมภารยึดติดในสมณรูป สมณนามติดตัวติดตน ติดว่าเป็นอะไร ไม่ยึดสิ่งทั้งหลายเป็นสมมติขึ้นมาทั้งนั้น สิ่งที่เป็นจริงคือ

คุณงามความดี การปฏิบัติที่รู้แจ้งเห็นจริง โดยธรรมแล้วต้องชำระจิตของตนให้ขาว ละทิฐิที่มีในตัวเองยอมรับความจริงแห่ง

การปฏิบัติแล้วเห็นจริง อนัตตา ความไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรทั้งหมดที่บุคคลตั้งสมมติขั้นมา ไม่มีของเรา ไม่มีของเขา<!-- google_ad_section_end -->

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ก็ยังต้องให้เราสั่งสอนอีกอยู่ดีอ่ะนะ........ ท่านก็แค่เกิดก่อนเราจริงๆด้วยอ่ะนะ ไม่ได้ฉลาดขึ้น ไม่เคยพัฒนาเลยจริงๆ ขี้โม้ไม่สร่างซา พูดจากลับไปกลับมา พอถูกถามหลักๆเข้าก็ไม่เคยจะตอบอะไรได้สักครั้ง ดีแต่ไปลอก ไปก๊อปปี้จากตรงGOOGLE มาตอบ มีแต่คำพูดที่ว่างเปล่าหาสาระแก่นสารไม่ได้
ในกาลนั้นพระองค์ก็ทรงศึกษาจากสำนักต่างๆจนแตกฉานในทุกศาสตร์แขนงที่ได้ทรงศึกษา ด้วยพระปัญญาที่ทรงบำเพ็ญมาอย่างยาวนาน พระองค์ทรงรู้ว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงค้นหาทางหลุดพ้นเอง จนเมื่อ 15 ค่ำ เดือน6 จึงเกิด
อภิสัมพุทโธ รู้ยิ่งด้วยพระองค์เอง
เกิด จักขุกรณี มีดวงตาเห็นธรรม
เกิดญาณกรณี มีญาณ รู้แจ้งชัดเจน
เกิดอุปสะมายะ มีจิตสงบจากกิเลส
เกิดอภิญายะ มีวิสุทธิศีล วิสุทธิสมาธิ วิสุทธิปัญญา
เกิดสัมโพธายะ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครสอน รู้เองเห็นเอง ไม่มีใครสอน
เป็นปัจตัง นิพพานะ สังวัตตะติ เข้าสู่นิพพานังทันที

หลังจากนั้นอีกสองเดือนพระองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา ไม่ต้องให้ใครสอน ไม่ได้ลอกมาจากที่ไหนๆทั้งสิ้น เป็นพระธรรมที่เพิ่งทรงค้นพบ เป็นโลกุตระธรรมโดยแท้จริง โดยเฉพาะ ทรงห้ามปฎิบัติตามทางสองทาง เข้าใจ๋

นี่อะไร ท่านเที่ยวประกาศปาวๆว่า ตรัสรู้แล้ว บรรลุธรรมแล้ว เป็นพระสัญพัญยู เป็นพระศรีฯ รู้ทันพุทธวิสัย ให้แสดงธรรมโดยไม่ต้องไปลอกก็ไม่เคยทำได้ ซ้ำร้ายให้ขยายสิ่งที่ไปลอก ไปก๊อปปี้มากับมือก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง ยังคิดจะแถ บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยเปื่อย
โดนรุกหนักๆเข้ายังมีหน้ามาบอกว่า จะใช้ GOOGLE แสดงธรรมก็ไม่เป็นไร ใช้ GOOGLE เป็นเครื่องแสวงหาธรรมก็ไม่แปลก ฮ่าฮ่าฮ๋า

ฮ่าฮ่าฮ่า ก๊ากกกกๆๆๆๆๆๆ คือมันแปลก มันแปลกมากๆสำหรับคนที่ประกาศปาวๆว่า ตน ตรัสรู้แล้ว ตน บรรลุธรรมแล้ว ตนรู้ทันพุทธวิสัย ตนคือพระศรีฯ ตนเป็นพระสัพพัญยู ฯลฯ มันแปลกสุดๆเลยนะจะบอกให้...........คำพูดท่านมีแต่กลับไปกลับมา หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้เลย เรางี้สงสารคนที่หลงเชื่อท่านจริงๆอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆ
ยอมรับมาเถอะว่าขี้โม้ไปเรื่อย ฮ่าฮ่าฮ่า

 

ถ้าน้องอยากจะเก่งแบบพี่

ทฤษฏีทั้งหลายที่ได้สั่งสอนให้ไป แม้จะรู้แล้วเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ถ้าไม่นำไปปฏิบัติ ก็ไม่อาจจะพิสูจน์ความจริงได้

ถึงจะสอบเปรียญธรรมได้ ๙ ประโยค ก็ไม่สามารถจะไปนิพพานได้

 

ความจำสั้น สันหลังย๊าวยาวแบบท่านไม่เอาหรอก

ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วทำไมต้องไปลอกไปก๊อปบทความต่างๆ มาตัดต่อ สอดไส้ จากกูเกิ้ลมาตลอดเลยอ่ะ ถามอะไรก็ไม่เคยตอบได้ ให้ขยายสิ่งที่ลอกมากับมือไม่เคยทำได้อีกตะหาก อย่างท่านอย่าพูดถึงนิพพานเลย พูดถึงสิ่งใกล้ตัวท่าน เช่นอเวจีดีกว่ามั้ยจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า


สัญชัยเวลัฏฐบุตร (Sanjaya Velatthaputra)

ท่านสัญชัยเป็นคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระอัครสาวกคือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุต รก็เคยอยู่กับท่าน เป็นเจ้าลัทธิของพวกปริพพาชกตั้งสำนักเผยแพร่ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธชาวมคธเป็นจำนวนมากต่างนับถือในเจ้าลัทธินี้
แต่เมื่อพระอัครสาวกทั้งสองผละหนีไปพร้อมลูกศิษย์เป็นจำนวนมากจึงกระอักเลือดจนถึงมรณกรรม ท่านสัญชัยมีแนวคำสอนกลับกลอก เอาแน่นอนไม่ได้ไม่สามารถบัญญัติอะไรตายตัวอะไรออกไปได้ เพราะกลัวผิดบ้าง ไม่รู้บ้าง โดยคำสอนว่า"ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มีก็ไม่ใช่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง โลกนี้โลกหน้าไม่มีจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ จะว่ามีก็ไม่ใช่ไม่มีทั้งสองอย่าง วิญญาณไม่มี จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มีก็ไม่ใช่ไม่ใช้ทั้งสองอย่าง"

ทฤษฎีของท่านสัญชัยจึงฟังยากจะเอาแน่ เอานอนไม่ได้พูดซัดส่ายเหมือนปลาไหล ในกรตังคสูตร จึงกล่าวประณามว่า เป็นลัทธิคนตาบอดไม่สามารถนำตนและผู้อื่นให้เข้าถึงความจริงได้ มีปัญญาทรามโง่เขลาไม่กล้าตัดสินใจใด ๆ ได้อย่างเด็ดขาดเนื่องจากไม่รู้จริงอย่างถ่องแท้


ในปัจจุบัน ลูกหลานของเขาได้มาเกิดในรูปแบบต่างๆ บางคนก็แอบแฝงในพระพุทธศาสนา ขอท่านทั้งหลายจงระวังให้มาก ฮ่าฮ่าฮ่า

 

อันวัวควายแรงกายใช้ทำงาน
เมื่อวายปรานเหลือเขาหนังมังสา
ให้ประโยชน์กับมนุษย์สุดคณา
วายชีวายังเหลือค่าในตัวตน
เปรียบมนุษย์สุดประเสริฐเกิดมา
แล้วต้องแน่วแน่ทำดีให้มีผล
ต้องแน่วแน่ทำดีให้มีผล
ก่อกรรมทำชั่วดังทรชน
เสียชาติคนอายวัวควาย
เมื่อวายปราณ

มักจะมีผู้ถามผมอยู่ เสมอๆ ว่า

เป็นฆราวาสปฏิบัติธรรมถึงขั้น อรหันตขีณาสพได้ไหม ขอบอก

ว่าได้ แต่อยู่ที่ทำบุญ กุศล แต่ ละภพ แต่ ละชาติ

ของ แต่ ละบุคคล

 

หมาไม่เกิด ชิงหมาเกิด ก็เยี่ยงนี้
มารดามี ไม่สั่งสอน เลยสังหน
วันทั้งวัน เก่งแต่ลอก แสนสัปดล
หนังหน้าทน เกินมนุษย์ สุดบรรรยาย

จะสั่งสอน มันกี่ที มันก็ด้าน
ช่างทนทาน สุดแสนด้าน จริงจริงหนอ
ไม่เพียงด้าน ซ้ำยังโง่ โถไม่พอ
โอ้หล่ะหนอ เดนมนุษย์ ผุดเกิดมา

แท้จริงแล้ว มันเป็นบ้า ตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่เล็ก ก็เป็นบ้า แล้วนะนั่น
เป็นบ้าแล้ว ไม่เจียมตัว โถขี้ฟัน
เหม็นจริงนั่น รีบไปมุด ผุดเกิดเลย..............ฮ่าฮ่าฮ่า



<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 2410276" vAlign=top><TD class=alt1>สัญชัยเวลัฏฐบุตร (Sanjaya Velatthaputra)

ท่านสัญชัยเป็นคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระอัครสาวกคือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุต รก็เคยอยู่กับท่าน เป็นเจ้าลัทธิของพวกปริพพาชกตั้งสำนักเผยแพร่ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธชาวมคธเป็นจำนวนมากต่างนับถือในเจ้าลัทธินี้
แต่เมื่อพระอัครสาวกทั้งสองผละหนีไปพร้อมลูกศิษย์เป็นจำนวนมากจึงกระอักเลือดจนถึงมรณกรรม ท่านสัญชัยมีแนวคำสอนกลับกลอก เอาแน่นอนไม่ได้ไม่สามารถบัญญัติอะไรตายตัวอะไรออกไปได้ เพราะกลัวผิดบ้าง ไม่รู้บ้าง โดยคำสอนว่า"ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มีก็ไม่ใช่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง โลกนี้โลกหน้าไม่มีจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ จะว่ามีก็ไม่ใช่ไม่มีทั้งสองอย่าง วิญญาณไม่มี จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มีก็ไม่ใช่ไม่ใช้ทั้งสองอย่าง"

ทฤษฎีของท่านสัญชัยจึงฟังยากจะเอาแน่ เอานอนไม่ได้พูดซัดส่ายเหมือนปลาไหล ในกรตังคสูตร จึงกล่าวประณามว่า เป็นลัทธิคนตาบอดไม่สามารถนำตนและผู้อื่นให้เข้าถึงความจริงได้ มีปัญญาทรามโง่เขลาไม่กล้าตัดสินใจใด ๆ ได้อย่างเด็ดขาดเนื่องจากไม่รู้จริงอย่างถ่องแท้


ในปัจจุบัน ลูกหลานของเขาได้มาเกิดในรูปแบบต่างๆ บางคนก็แอบแฝงในพระพุทธศาสนา ขอท่านทั้งหลายจงระวังให้มาก ฮ่าฮ่าฮ่า
</TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>