กราบสาธุดังๆพระราชาคณะวัย 91 ปีที่มั่นคงดำรงกิจวัตรกวาดลานวัดทุกวัน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 25 พฤศจิกายน 2019.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    cover-45.jpg

    กราบสาธุดังๆพระราชาคณะวัย 91 ปีที่มั่นคงดำรงกิจวัตรกวาดลานวัดทุกวัน


    เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่าหลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย

    หากกล่าวถึง พระราชปัญญาวิสารัท หรือ หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ฝ่ายธรรมยุต) วัดกระดึงทอง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ท่านเป็นพระราชาคณะ ผู้เป็นแบบอย่างในการดำรงข้อวัตร มิได้ถือตัวตนว่าเป็นท่านเจ้าคุณ หลวงปู่เหลืองใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว เก็บกวาดใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นบริเวณลานวัดด้วยตัวท่านเองแม้สังขารจะชราภาพมากแล้ว ด้วยอายุย่างเข้า 91 ปี ท่านยังคงทำหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นแบบอย่างให้พระลูกพระหลานวัยรุ่นวัยหนุ่มได้สำนึกตน ว่าไม่ควรปล่อยกายปล่อยใจให้สุขสบายไปตามกระแสกิเลส มิเช่นนั้นจะกลายเป็นศิษย์ผิดแนวอาจารย์

    1-37.jpg
    หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม
    พระหนุ่มเณรน้อยภายในวัดก็ปัดกวาดเช่นเดียวกับหลวงปู่ เนื่องด้วยการปัดกวาดเสนาสนะเป็นกิจวัตร 10 ประการของพระ หลวงปู่ท่านจึงไม่ยอมบกพร่องในการรักษากิจวัตรขององค์ท่าน คนโบราณเขาเชื่อถือกันมาว่า ผู้ที่มีโรคผิวหนังพุพองหรือโรคเรื้อน ถ้าได้มาเก็บขยะเก็บใบไม้ที่ล่วงหล่นปัดกวาดลาดวัดให้สวยงามสอาดตาแล้วนั้น เชื่อกันว่าจะทำให้ผิวพรรณวรรณะงดงามและทำให้โรคร้ายหายไปได้ การกวาดวัดนี้มีอานิสงส์ถึง 5 อย่างคือ

    1. บุคคลเห็นเข้าก็เลื่อมใส
    2. เทวดาเห็นเข้าก็เลื่อมใส
    3. จิตของผู้กวาดตั้งสมาธิได้เร็ว
    4. ผิวพรรณวรรณผ่องใส
    5. เมื่อดับสังขารจากโลกนี้ไปแล้วก็ไปบังเกิดในภพภูมิสวรรค์
    หลวงปู่เหลืองมีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว ท่านเกิดในยามใกล้รุ่งของวันอังคารที่ 1 พ.ค. ปี พ.ศ. 2470 ที่บ้านนาตรัง หมู่ที่ 2 ต.เขวาสินรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขณะอายุได้ 15 ปี แล้วออกจาริกเดินตามหลังพระพี่ชายไปตอนอายุ 16 ปี หลังจากนั้นชีวิตของหลวงปู่เหลืองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ด.ช.เหลือง ออกจากบ้านเดินตาม พระครูสมุห์ฉัตร ธมฺมปาโล และพระอาจารย์สมุห์เสร็จ ญาณวุฑโฒ 2 ภิกษุศิษย์หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “มือขวา” ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปใน พ.ศ. 2486 จากสุรินทร์ไปถึงนครราชสีมา ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง

    ด้วยอายุเพียงเท่านั้นแต่ท่านมีบุญได้พบครูบาอาจารย์แล้วหลายรูป อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระผู้สรุปอริยสัจ 4 จากการปฏิบัติไว้ชนิดคนสามัญขนานนามท่านว่า เจ้าแห่งจิต ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดป่าคลองกุ้ง ฯลฯ รวมทั้งได้มอบกายถวายใจเป็นศิษย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    หลวงปู่เหลืองเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น ขณะอายุ 17 ปี หรือราวช่วง พ.ศ. 2486-2487 โดยบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา มีพระโพธิวงศาจารย์ (สังข์ทอง นาควโร) หรือเจ้าคุณโพธิฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ ลุถึง พ.ศ. 2490 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดป่าศรัทธารวมนั่นเอง

    ปญฺญาย ปริสุชฺฌติ : คนย่อมบริสุทธิ์ด้วยปัญญา

    2-30.jpg

    หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม
    “ไทยดำ” ผู้เคยเขียนประวัติหลวงปู่เหลืองลงในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือน ธ.ค. 2530 เคยเรียนถามท่านว่า ระหว่างอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนั้นหลวงปู่ฝั้นสอนอย่างไรบ้าง หลวงปู่เหลืองตอบทีเดียวเป็นความ 4 ประโยค แต่ครอบคลุมพระไตรปิฎกหมด 90 เล่ม ความนั้นมีว่า

    ท่านสอนง่ายๆ ว่า “ประสูติ หมายถึง ลมเข้า
    พระวินัย หมายถึง ลมออก
    ปรมัตถ์ หมายถึง ผู้รู้ลมเข้าลมออก
    เป็นอันจบพระไตรปิฎก นอกนั้นเป็นแต่กิ่งก้าน”
    การได้อยู่ที่ จ.นครราชสีมา ณ พ.ศ.นั้นเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ได้พบและศึกษากับพ่อแม่ครูอาจารย์จำนวนมาก ซึ่งท่านเหล่านั้นกระจายกันอยู่หลายแห่ง อาทิ วัดป่าสาลวัน วัดสุทธจินดา วัดสว่างอารมณ์ ฯลฯ แต่รูปที่อัธยาศัยต้องกันมากที่สุดและจะมีผลต่อชีวิตของท่านในกาลข้างหน้าคือ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล)

    หลวงปู่เหลืองกล่าวว่า พระพุทธองค์มิได้สอนให้เชื่อพระองค์เพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ชื่อว่า “จิต คือ พุทธะ” ถ้าเราดำเนินตามที่พระองค์ทรงสอน จิตของเราก็เป็นพุทธะอย่างพระพุทธองค์ได้ ถ้าจะให้ถึงซึ่งพุทธะก็เหมือนกับเอาแก่ของต้นไม้ใหญ่ ถ้าจะเอาแก่นต้องใช้ขวานถากเปลือก ถากกระพี้ออก จิตคนเรานั้นเป็นพุทธะอยู่แล้ว หากแต่เราปล่อยให้กิเลสตัณหาห่อหุ้มจนจิตไม่ประภัสสร

    หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม ภาพโดยคุณ โชติการ กสิณธารา
    หลวงปู่เหลือง เป็นพระมหาเถระที่ควรแก่การอัญชลี ท่านเจริญรอยตามครูบาอาจารย์ของท่านคือ แน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย แทบไม่มีใครจำสมณศักดิ์ของท่านได้เรียกกันแต่ว่า หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง

    เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาของตำนาน หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

    ขอบคุณที่มา
    http://www.soochivith.com/?p=756&fb...73rfG0agsBkfpKKAkOq-8JJRl6hlcNKcg-uKTuF1smCzs
     

แชร์หน้านี้

Loading...