กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

พอๆนึกออกครับ ในด้านของกำลังจิตในสมาธิเวลา มองน้ำแ้ลวก็ การควบคุม
แต่ในส่วนของการใช้จริงใน ขณะ ลืมตา ยังคงไม่เข้าใจมาก ต้องลองดูครับ เพราะ ใช้ขณะลืมตากลัวจะกลายเป็นว่าบังคับหรือเค้นมันออกมา อารมณ์เหมือนเบ่งไร?? แต่ในทางที่คุณณพกล่าวมาเบื้องต้นก็พอเข้าใจว่ามันเกิดจาก ชำนาญในจิตแล้วใช้ในชีวิตจริงมันจะออกมาเองโดยไม่ต้องบังคับ เพียงแค่กำหนดแล้วดึงมันออกมาใช้ ไม่รู้เข้าใจถูกเปล่าว

 

เข้าใจถูกครับ..
เด่วยิ่งคุณใช้งานไปเรื่อยๆนะครับ
จะยิ่งจะเข้าใจกว่าที่เข้าใจกว่านี้อีกครับ.แล้วก็จะอ่ออออออ..
ทั่วๆไปเนาะ.คือพวกกสิณนะครับ..ในขณะลืมตาปกติเนี่ย
จิตเรามันจะสามารถมองเห็นได้ครับ จะเห็นนิมิตรได้เหมือนๆ
ที่เราฝึกตอนหลับตาครับ..แต่การเห็นได้ขณะลืมตานั้น..มัน
เป็นสัญญานบอกว่า ตัวจิตเรามันเริ่มทำงานได้ หรือ เข้าสู่
สภาวะความเป็นทิพย์เพื่อใช้งานได้...แต่ว่ามันไม่ใช่การ
สร้างกำลังจิตให้เกิดกับตัวจิตเหมือนตอนหลับตาครับ
และอีกอย่างถ้าเราฝึกกสิณแบบลืมตา..มันจะข้ามโหมด
ในการสร้างกำลังจิตตรงนี้ขึ้นไปสูโหมดวิญญานธาตุได้ครับ
ข้ามไปอรูปฌานเลย..มันเลยไม่มีเครื่องมือที่จิตมันสร้าง
เป็นภาพให้เราเพื่อใช้ในการสร้างกำลังจิตไงครับ..
และถ้าเราไม่คุ้นกับนิมิตรกสิณแสงสว่าง นิมิตรกสิณสี
นิมิตรกสิณลม นิมิตรกสิณอากาศมาก่อน .
หรือตั้งนิมิตรกสิณต่างๆให้ลอยกลางอากาศมาก่อนหน้า
การลืมตาฝึกกสิณ.โดยมากเราจะไปจอดอยู่ตรงระดับก่อน
จะเข้าปฐมฌานครับ ซึ่งอารมย์ระดับนี้ยังไม่พอที่จะสร้าง
ให้ตัวจิตเรามีกำลังใช้งานทางด้านพลังงานได้ง.
และที่สำคัญที่อดีตนักปฏิบัติเสร็จมาแล้วหลายรายก็คือ
จะไปติดกลับดักตรงระดับที่จะเข้าปฐมฌานได้ของ
การฝึกแบบลืมตาครับ..เผลอๆคิดว่าตัวเองบรรลุธรรมชั้นสูง
ไปเลยก็มีครับ ทั้งๆที่ไม่มีกำลังจิตใช้งาน ไม่มีความสามารถ
ทางจิตใดๆ แต่มันยังโน้มให้จิตท่านนั้นคิดได้อย่างนั้นจริงๆครับ
ที่สำคัญจะหลงตัวเองอย่างมากและจะติดเรื่องการอยากได้รับ
การยอมรับจากสังคมด้วยจิตมันโน้มให้คิดว่าตนเองมีความ
สามารถพิเศษมีอะไรเหนือคนอื่นๆครับ....
โดยสรุปหลักๆถ้าสมมุติคิดอะไรออกตอนนี้..
มี ๒ อย่างที่ควรเข้าใจครับ..
๑. ฝึกสร้างกำลังจิตฝึกตอนที่หลับตา
และปั่นปฏิภาคนิมิตรให้ได้ในกำลังสมาธิระดับสูง...
๒.จำเอาไว้ถ้าจะใช้งานได้จริงเราจะใช้งานในขณะลืมตาปกติ
เพราะฉนั้นเราจะต้องฝึกจากข้อที่ ๑ จนจิตมันมีกำลัง
ที่จะดึงเป็นพลังงานขึ้นมาได้..และใช้งาน
แบบที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ
บุคคลทั่วๆไปนี่หละครับ....

 

การทำขณะลืมตาใช่ การที่สมองหรือจิตเราสร้างภาพน้ำระยิบระยับ ขึ้นมาหรือเปล่าครับ
รู้สึกว่ามันดีกว่าหลับตาเพราะ เวลาหลับตามันทำให้จิตเรากระโดดไปเรื่องอื่นง่าย กว่าลืมตา...

 

ใช่ครับ ของกสิณน้ำบางทีก็เป็นแผ่นสีเหลี่ยมผืนผ้าขวางยาว
เป็นคลื่นน้ำไม่มีฟองบ้าง ถ้าของกสิณลมจะเป็นวงกลมครับ..
และก็ขึ้นอยู่กับว่า ตอนไหนเราใช้ส่วนไหนของร่างกายบังคับด้วยครับ
ลองดูได้ครับ พวกนี้จะสามาถใช้ เหนือระหว่างคิ้ว หน้าอก เหนือสะดือ
หรือแม้กระทั้งใช้นิ้วใช้มือบังคับได้หมด ลองเล่นดูสังเกตุความ
แตกต่างดูได้ครับ..เพราะมันบังคับง่ายกว่า ทำอะไรง่ายกว่า
มันเป็นการฝึกใช้จิตแต่ไม่ใช่การสร้างกำลังจิตครับ
ส่วนตอนที่หลับตาฝึก นิมิตรในกำลังสมาธิระดับสูง
มันจะเป็นพลังงานคล้ายประตูมิติ ตัวจิตเราจึง
บังคับได้ยากกว่า หรือไม่ถ้าเผลอก็โดนดูดเข้าไป..
ประมาณนี้หละครับ..

 

สอบถามคุณพี่นพการณ์ นอกประเด็นนิดนึง สำหรับพระอุปคุตองค์นี้ พอดีผมไปกราบท่านเป็นประจำ สำหรับองค์นี้แล้วประเด็นการบรรจุพลังไปในทางวิชาธาตุ พลังงานภายนอกและในไหมครับ องค์ท่านชำนาญวิชาธาตุแบบไหนบ้างครับ ส่วนนี้ประเด็นกราบขมาหลวงปู่ท่านเพราะท่านเปรี่ยมด้วยเมตตา
ขอบคุณ พี่นพการณ์ หรือ pm หลังไมค์ ก็ได้ครับผม

 

ใช่คับหลักสังเกตุของพลังงานท่านที่เป็นอาจารย์ของท่าน
เราจะคุ้นๆหน้าจากภาพถ่ายคับ คงไม่ต้องบอก. ก็คือ
เส้นกะแสพลังพลังงานจากด้านหน้าและด้านหลังจะรวมกันเป็นหนึ่งขึ้นบน
และไหลนิ่ง กะแสป้องกันจะขยายออกกว้างรอบร่างกายไม่ได้วนที่ต้นแขนและขา
เหมือนการบรรจุพลังแบบอื่น มีฐานสัมผัสภายในกว้างออกมาข้างนอก
ไม่ได้วนอยู่ภายท้องในเหมือนแบบอื่นๆ มีกะแสเมตตาในตัวออกมากว้าง
กะแสเหนือตาที่๓เหนือระหว่างคิ้วขยายกว้างถึงต้นคอ ที่สำคัญก็คือ
มีฐานรองรับการหนุนพลังงานภายในเพื่อไปเชื่อมกับพลังงานภายนอก
อยู่ต่ำแหน่งด้านหลังที่มันตรงกับจุดเหนื้อสะดือ ๒ นิ้วด้านหน้าครับ
พูดง่ายๆต้องมีฐานมาจากการผ่านกรรมฐานพิเศษมาแล้ว
ถึงจะมีฐานรองรับพลังงานที่หลังแบบนี้ได้คับ

 

คุณนพครับ ช่วงนี้เวลานั่งสมาธิ หรือว่าเวลาปกติ จะได้ยินเสียงดังจิ๊ด เหมือนเสียง คลื่นรบกวนวิทยุ ดังอยู่ในหัวตลิดเลย ครับ เป็นกระแสอะไรครับ คุณนพ ขอบคุณ ครับ

 

ขอให้ต้นของคลื่นเสียงที่ได้ยิน ออกมาแนวตรงๆจากกลางรูหู
ไม่เป็นเป็นไรครับ..ลองสังเกตุดูอีกรอบครับ..ตรงนี้
เป็นกิริยาปกติระหว่างทางก่อนจะได้ความสามารถพิเศษ
ทางหูครับ...
อีกกรณีก็คือถ้าคลื่นที่ออกจากต่อมอมิเตอร์รอย เรามันไม่
เท่ากันและหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง..
จะทำให้เป็นโรคทางหูได้ครับ และจะส่งผลให้ปวดศรีษะ
และจะทำให้ปวดหูร่วมด้วย... อย่างนี้ต้องพบแพทย์
เพราะถ้าคลื่นทางหูขวามันหนักจะทำให้เราปวดหูซ้ายครับ..
ปล.ลองพิจารณาดูก่อนครับ.คุณ TEE_L .

 

ขอบคุณครับ คุณนพ ครับ เดี๋ยวจะลองสังเกตุ ดูนะครับ

 

เวลานั่งกลางแดดหรือที่ร่มแล้วรู้สึกว่าความร้อนวิ่งผ่านหรือวนรอบตัวแล้วมารวมลงทีมือแล้วมันแผ่ออกหรือไหลผ่านมันเป็นผลมาจากอะไรครับส่วนการนั่งสมาธิจิตสงบได้ยินเสียงคุยเรียกหรือคุยกันข้างหูแต่คนทีคุยอยู่ข้างล่างแต่เราอยู่บนเขากับได้ยินไปถึงข้างในมันเป็นอุปทานคิดไปเองหรือป่าวครับ

 

ประเด็นแรกมันเป็นผลจากตัวจิตเริ่มทำงานได้ จะรับรู้ได้อย่างนั้นเป็น
เรื่องปกติครับ ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ถือว่าแปลกมาก ๕๕๕
.การเริ่มต้นสัมผัสพลังงานบนฝ่ามือ เป็นฐานสำคัญที่
ควรมี เราจะมีอากาศธาตุภายนอกเป็นตัวกลางเสมอ
เพราะฉนั้นเป็นปกติธรรมดาที่จิตมันจะต้องพัฒนาข้ามธาตุ
ร่างกายเพื่อไปรับรู้อากาศธาตุภายนอกให้ได้ก่อน พอมีอากาศ
เป็นเสมือนตัวกลางหรือพาหนะในการนำพลังงาน ไม่ว่าร้อนหรือเย็น
หรือพลังงานอื่นๆ หรือธาตุทอง ต่อมาเราถึงจะมาฝึกหนุน เพิ่ม ส่ง ดูด ดึง พลังงานต่อไปในอนาคต
ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ได้อีกประเด็นหนึ่ง.
เพราะพลังงานมีทั้งร้อนและเย็น หรือ ดีและไม่ดี
เพราะฉนั้นการฝึกจิตเพื่อให้มีกำลังจิตในการแยกแยะ
ในการป้องกันพลังงานฝ่ายไม่ดีต่างๆจึงเป็นเรื่องสำคัญ...
ส่วนเรื่องการได้ยิน ขอให้ได้ยินเสียงชัดเจนใสแจ๋ว
ซึ่งมันจะค่อยๆพัฒนาเรื่อยๆของมันเอง ขอเพียงเราไม่ต้อง
ไปสนใจ..ไม่งั้นมันจะขาดๆหายๆใช้งานในสภาวะลืมตาปกติไม่ได้
และมันจะพัฒนามาเป็นได้ยินได้ในขณะลืมตาใกล้ๆศรีษะแบบภายนอก
ก็จะถือว่ามีความสามารถใช้งานพิเศษ
ทางด้านหูได้อัตโนมัติ..เพราะฉนั้นได้ยินอะไรก็ตามก็ไม่ต้องสน
แรกๆมันก็ต้องเชื่อมมาได้ยินภายในตรงต่อมกลางศรีษะก่อนเป็น
พื้นฐานปกติทุกคนครับ....

 

ไม่ว่าเจอหรือเห็นอะไรปล่อยไปเลยใช่ป่าวเพราะสังเกตุมาหลายวันยิ่งสงสัยหรือเก็บมาคิดมันก็ยิ่งถอยหลังลงคลองแต่พอไม่สนใจมันมาแล้วผ่านไปหลวงพ่อท่านเคยบอกว่าถ้ามันผ่านมาให้ดูเฉยๆอย่าไปสนใจเดะมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆเมือไม่นานมานี้ได้เจอกับคู่สัญญาในอดีตเล่นสะไม่เหลืออะไรเลยจากที่มีวิชา55ตกม้าตายต้องมาเริ่มใหม่ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ชี้แน่ะสาธุจ๊ะ

 

ถั่วต้มมมมมมแล้วววว คร๊าบบบบบ ประกันได้เลยว่าพวกที่เราเคยเจอ
มาทั้งหมด ทุกอาการ ทุกกิริยา ทุกนามธรรม เด่วพอเราถึงจุดที่ใช้งานได้
เด่วมันจะมีเครื่องรู้ย้อนได้เองอัตโนโนเมติกเอง..
ถ้าเอาจริงๆนะ ท่านก็สอนนะในไฟล์เสียงท่าน
ในเรื่องนี้..แต่ท่านจะพูดและกล่าวเสียงต่ำกว่าธรรมดา..
ถ้าเราฟังท่านแล้วจับทริคได้ เทคนิคอะไร
ต่างๆท่านจะพูดเสียงธรรมดาและก็ลดโทนเสียงลงเล็กน้อยตรงนี้หละ
คล้ายๆว่าพูดแล้วผ่อนๆเบาๆเหมือนจบ..ถ้าจับ
ทริคในการฟังตรงนี้ได้จะไปได้เร็ว.
เพราะจะได้อะไรอีกหลายๆอย่างที่แทรกในนั้น.

 

ผมลองทำตามที่ คุณนพแนะนำละ เพ่งที่น้ำ ทำให้มัน กระเพื่อมแรงขึ้นๆจนมันเหมือนน้ำพุดๆขึ้นมาละดูดเราเข้าไป แล้วผมก็ถอยออกมา แล้วทำใหม่กลับไปกลับมา จู่ๆ สักพัก ทำไม กลายเป็นเหมือนผม แหงนมองหน้าขึ้นฟ้า ซะงั้น แล้วเห็นก้อนเมฆลอย ไปมา แล้วก็เห็นพระอาทิตย์เคลื่อนมาหาตัวผม จนเป็นดวงกลมๆสีขาว แล้วผมก็ถอยออกมา มองไกลก็เห็นเมฆลอยไปยังพระอาทิตย์กลับไปกลับมาๆประมาณนี้ครับ เลยนั่งสักพักก็ออกมา ตัวผมนี้เหงื่อชุ่มๆตัวเย็นไปหมด ยกเว้นฝ่ามือ ร้อนวาบๆยังกะไฟ ทั้ง 2 ข้าง แบบนี้ต้องทำไงต่อครับ

 

ก็อย่างที่บอกครับ คุณ องคาพยพ ไม่ต้องสนใจครับ เวลาเราเข้าใกล้นิมิตร หรือเผลอไปใกล้
มันก็โดนนิมิตรดูดโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นหละครับ ไอ้ที่อยู่ดีๆมองเห็นเป็นอะไรก็ตาม
นั่นหละครับ บางทีมันก็วิจิตรพิศดารเกินที่จะบรรยายหรือพูดให้ใครฟังได้..
บางทีหลุดมิติไปไกลกว่า ๓ ภพเราอีกครับ..ไปโผล่ทวีปโน้นทวีปนี้
ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฏกก็มีครับ เจอมะนาวต่างตู๊ดก็มี เจอเจ้ากรรม
รอเล่นงานก็มี เจอครูบาร์อาจารย์ก็มี ฯลฯ สารพัดจะเจอครับ
ถ้าเราทำแล้วเหนื่อยด้วยเรื่องปกติและดีแล้วครับ ทำบ่อยๆจะชินครับ..เพราะว่ามัน
เกือบจะบังคับนิมิตรหรือสร้างกำลังจิตได้แล้วไงครับ ที่ส่งผลกับร่างกายร้อนๆ
ก็เพราะว่านิมิตรมันเป็นเสมือนประตูพลังงานอย่างหนึ่งครับ จิตเราผ่านเข้าไป
พอกลับมามันก็ย่อมมีตกค้างบ้างเรื่องปกติครับ.
และร้อนที่มือก็ถูกแล้วครับ เพราะพลังงานกสิณนี้เริ่มต้น
มันจะขึ้นมาตรงที่ฝ่ามือก่อนเป็นอันดับแรก
และก็จะขึ้นที่มือก่อนทุกๆกองด้วย
ได้กองเดียวที่เหลือก็เรียกได้หมดโดย
ไม่ต้องไปฝึกให้เสียเวลาครับเพราะจิตมัน
พอจะมีความสามารถเรียกได้ของมันเองครับ..
นั่งสมาธิธรรมดาในระดับเอาแค่จิตสงบไม่นานก็จะหายครับ..
.แต่ถ้าเราสามารถบังคับได้แค่วิสองวินาที
ถ้าไม่เหนื่อยหรือถึงขั้นน้องๆนอนสลบเนี่ยจะถือว่าแปลกมาก แต่ถ้าไม่ผ่าน
นิมิตรไปมักจะไม่ส่งผลให้ร่างกายร้อนนะครับ..
แต่ถ้าเจอกรณีนี้อีก และเราไปที่ใดๆก็ตาม ถ้าสามารถตัดเรื่องสิ่งแวดล้อม
ต่างๆไม่ว่าอะไรก็ตามที่เห็นได้ และไม่มีอะไรมากวนเราด้วยได้
เราจะสามารถไปขึ้นนิมิตรกสิณ ณ สถานที่แห่งนั้นเพื่อฝึกต่อได้ครับ..
แต่ว่าคงจะต้องไปผลุ๊บๆโผล่อีกหลายๆที่ๆไม่รู้จักก่อนนะครับ
ถึงจะพอทำได้ครับ ๕๕๕ อีกหน่อยครับใกล้แล้วหละครับ

 

อ่อ มิน่าละ บางทีเหมือน ว๊าบไปนั่งในที่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้อีกที่ก็ ตอนที่ทำให้น้ำมันหมุนแรงๆจนเห็นพื้นดินแล้วเหมือนตัวเองนั่งอยู่กลางน้ำหมุนรอบๆตัว.... พอมันหยุดหมุน ก็เหมือนตัวเองจมลงไปในน้ำบ้าง นั่งอยู่ใต้นำบ้าง เหนือผิวน้ำบ้าง

 

เมื่อวานวันโกน รุ่นน้องคนหนึ่งมีอาการดังนี้ ขนลุกที่ต้นคอ ปวดกระบอกตา อึดอัดแน่นอก ตอนนอน ก็มีเงาดำมานั่งทับเข่า แบบนี้หมายถึงอะไรแก้ไขอย่างไร ปกติไปไหนด้วยกันถ้าได้กลิ่นอะไรจะรับรู้ด้วยกันตลอด แต่เมื่อวานข้าพเจ้าไม่มีอาการอะไรร่วม

 

อืมมม..ครับกรณีที่จะพูดให้ฟังต่อไปนี้.
.อาจจะออกแนวพิเศษๆบ้างเล็กน้อยถึงปานกลางนะครับ.
เพราะจะเป็นกรณีสำหรับบุคคลที่ใช้เครื่องรู้ หรือใช้สัมผัสทางจิต
ทำงานมาแล้วในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้ไปในทางดีหรือไม่ดี..
ถ้าใครมาอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ถือว่า อ่าน ฮาๆ ขำๆ ไปรออนาคตตัวเอง
ล่วงหน้าไปก่อนครับ ๕๕๕
..ดีแล้วครับที่คุณ กิ่งสน ไม่มีอาการร่วมอะไร
กิริยาพวกนี้ส่วนหนึ่งเป็นกระแสวิบากเก่าหรือกระแส
คลื่นที่จรเข้ามานั่นหละครับ..ที่นี้ไม่ว่าเมื่อก่อนนี้และก็ปัจจุบันนี้..
ถ้าไปใช้สัมผัสพิเศษอะไร กำลังสมาธิอะไร พวกนี้รวมทั้งเมตตา
การอุทิศส่วนกุศลด้วยนะครับ
และเผลอไปตั้งเป้าว่าผลจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ซึ่งโดยมากมักจะเป็นกันแบบคาดไม่ถึง..
เรียกว่า ใช้งานโดยมีตัณหานำอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
...และไปเผลอใช้ความคิดอะไรโดยที่ไม่วางมัน
ไม่ทำแล้วก็แล้วไป ไม่ใช้แล้วก็แล้วไป.
มันก็จะไม่คลายครับ
คล้ายๆว่ามันจะตั้งท่ารอที่จะใช้อยู่อย่างนั้นครับ
เป็นการตั้งต้นที่พร้อมจะรอใช้..
..และเสริมเพิ่มเติมด้วยการที่
ยังเข้าไปรู้ ยังเข้าไปเห็น และใช้ความคิดเห็นตีความซ้ำเข้าไปอีก
เอาไปเอามามันก็จะกลายเป็นตัวเราขึ้นมาทันที
และมันก็จะกลายเป็นสัญญาซ้อนสัญญาขึ้นมาและ
มันจะทำให้อึดอัดครับในลำดับแรก เพราะกระแสพวกนี้มันจะก่อ
ปิดอยู่รอบๆตัวจิตมันจึงรู้อึดอัด.. พออึดอัดแล้วคลายไปเป็น
เพราะดันไปใช้ความพยายามที่จะทำให้มันคลาย ไปหวังผลว่ามันจะคลาย
มันก็เลยเป็นพยายามซ้อนทับสัญญาที่ซ้อนสัญญาอยู่แล้วเข้าไปอีกรอบ
ด้วยตัวสัญญาจรที่มันหนาแน่นขึ้นตรงนี้มันก็จะส่งผลต่อร่างกายในลำดับต่อมา
นั่นหละครับ ไม่ว่าจะปวดเบ้าตา หนักไหล่ หรือร้อนบริเวณผิวหนังด้วย
แม้แต่บางครั้งตรงหน้าอกนอกจากจะอึดอัดแล้วก็ยังร้อนๆด้วยครับ
ที่สำคัญส่งผลต่ออารมย์หงุดหงิดเราได้ง่ายครับ
ซึ่งแท้จริงแล้วพวกนี้มันไม่ใช่เราเลยครับ
แต่ว่าเราสร้างมันขึ้นมาเกาะกับจิตเราอย่างไม่รู้ตัว
อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปนั่นหละครับ...

วิธีแก้ ให้กำหนดจิตไว้ตรงกลางลิ้นปี่ แล้วให้คิดคำว่าอโหสิๆๆๆ
ให้มันออกจากกลางตัวจิตไปเลยครับ เพื่อคลายกระแสวิบาก
พวกนี้ก่อนในอันดับแรก..แต่มันจะยังแค่นิ่งๆ จิตจะยังไม่เคลียร์
ให้เราอุทิศส่วนกุศลซ้ำเข้าไปอีกหลายๆรอบ ตัวจิตถึงจะเคลียร์
จิตมันถึงจะโปร่งๆโล่งๆได้ครับ..และกิริยาต่างๆที่ส่งผลกับร่างกาย
ก็จะคลายลงไปเอง แต่มันก็อาจจะเหลืออาการร้อนๆบริเวณหน้าอก
บ้าง ที่นี้ในระหว่างวัน ก็ให้ระวังว่า ความคิดที่มันระลึกขึ้นได้ นึกขึ้นได้
ปรุงแต่งได้ พวกนี้ก็ต้อง อโหสิอย่างที่บอกออกไปเลย โดยที่ไม่ต้อง
ไปรู้ว่ามันคืออะไร ไม่ต้องไปเข้าใจ และไม่ต้องไปใช้ความเห็นอะไรใดๆ
ตีความทั้งสิ้น เพราะเด่วจะไปติดตัวเข้าไปรู้อีก..ทำอย่างนี้บ่อยๆ
ให้เป็นนิสัย ส่วนใครที่มีกระแสจรมาก ก็เคลียร์มากเป็นเรื่องธรรมดาครับ
ทุกวันนี้ส่วนตัวก็เคลียร์ทุกวันหละครับ ๕๕๕๕ ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ
จำเอาไว้ว่ายกเว้นเรื่องงาน จะทำอะไรก็ตามจะใช้สติ ปัญญา หรืออะไร
ที่พิเศษทางจิตก็ตาม ต้องไม่อะไร กับอะไรเลยนะครับ ..
เพื่อให้จิตมันโล่งๆโปร่งๆได้นานที่สุดในระหว่างวันครับ..
ที่เคยๆทำได้ มันจะอัตโนมัติของมันเอง ใช้แล้วก็แล้วไปครับ..
จะใช้ค่อยดำริขึ้นมาใช้ ใช้แล้วก็จบพอครับ..
ปล.ถ้าสวดมนต์สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการขอขมากรรมครับ..

 

ขอบคุณ คุณนพกานต์มากเลยจ๊ะ เพราะข้าพเจ้าไม่รู้ว่าว่าเขาอธิษฐานอะไรหรือเปล่านั้นจริง
ขอเล่าเหตุการณ์สักเล็กน้อย คือ ช่วงก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าและรุ่นน้องก็ได้รับมอบหมายทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับงานบวชเณรเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯของหน่วยงานแห่งหนึ่ง ไปด้วยกันเกือบทุกวัน และเวลาเราชวนไปวัดที่ไหนรุ่นน้องเราก็ไปร่วมบุญกับเราด้วยทุกครั้งวันนี้ก็ไป เมื่อวานเป็นคืนสุดท้ายก่อนลาสิกขา เราก็ชวนกันไปทานข้าวเย็นก่อนไปวัด น้องเขาก็มีอาการดังว่า พอเขามาในวัดสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จ เขาก็ยังใจคอไม่ดี เลยต้องเอาส้มป่อย 9 ฝัก พระที่เราติดตัวไปให้ไปว่าคาถา จากนั้นพอมาร่วมงานในศาลาปฏิบัติธรรมตอนเขาจะจุดเทียนเป็นอีกเลยพาไปนั่งข้างนอก เพราะเอาพระให้พออาการดีขึ้นเอาคืนข้าพเจ้าก็เป็นอีก นั่งรถไปด้วยกันน้องน้องก็เปิดคาถาพาหุงน่ะ กลับมาข้าพเจ้าก็สวดมนต์ทำสมาธิก่อนเที่ยงคืน เพราะใจก็เป็นห่วงขณะนั้นก็มีเสียงประหลาดต่างๆ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจ รุ่งเช้าถามดูปรากฎว่าโดนเงาดำมานั่งทับเข่าตอนนอน น้องเขาก็เคยเลี้ยงกุมารทองแต่ตอนนี้ไปไหนไม่รู้และก็เคยบวชพระมาแล้ว ถ้าหากว่าเขายังมีอาการอยู่ก็จะแนะนำอย่างคุณว่า จริงๆแล้วไม่อยากเล่าละเอียดหรอก แต่เห็นคุณนพกานต์(ไม่รู้พิมพ์ชื่อถูกหรือเปล่า)ตอบให้แบบตั้งใจ จึงขอเล่าเผื่อเป็นความรู้แก่ผู้อื่นด้วย อนุโมทนาบุญจ๊ะ

 

วันนี้วันพระเข้าห้องพระสวดมนต์ขมากรรมบ่อยๆก็จะดีขึ้นเอง
ตามลำดับครับ..ช่วยลดพวกกระแสจรได้ดีครับ.ช่วยลดกิริยา
ทางกายที่อาจทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจได้อีกด้วยครับ..
ของส่วนตัวมี ๒๘ รายกายที่ต้องขมากรรมครับ ๕๕๕๕
ปล.คิดเล่นๆก็ขำไปอีกแบบ