***กสินใน 1 วัน / อรูปฌาน4 ใน 1 วัน***

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย GluayNewman, 18 ธันวาคม 2011.

  1. songkyunkwan

    songkyunkwan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +7

    นิพพานอยู่แล้ว จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน
    ถ้าจิตตรงนิพพานอยู่แล้ว ยังจะกลัวอะไร


    เข้าใจบ่?
     
  2. songkyunkwan

    songkyunkwan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +7
    บรรลุธรรม ฉับพลันได้
    นิพพาน ไม่จำเป็นต้องฉับพลัน
    จะอีก 7 ชาติ หรือไง ก็ไม่ใช่ปัญหา ...
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    [​IMG]
    [ รูปประกอบ จากอินเตอร์เน็ท ]


    วนแล้วเนาะ ตรงนี้ ก็ ไปซ้ำประเด็น เดียวกันกับ จขกท ก็ถือว่า

    ได้เสนอ ยัติ ให้วินิจฉัยแล้ว อาศัยตาม ข้อบังคับ ป๋มขอเสนอให้
    เลื่อนการแปรยัติ ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2011
  4. songkyunkwan

    songkyunkwan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +7
    ฝึกอินทรีย์ผิด เป๋ไปฝึกจิต มันเป็นยังไง?


    เช่น ถ้าทำกรรมฐานแบบเพ่งธาตุน้ำอยู่ ปกติ
    คือ เพ่งธาตุน้ำ น้อมอารมณ์ตามไปว่าน้ำเป็น
    อย่างไรๆ แล้วอินทรีย์แก่กล้าขึ้น เป็นใจเย็นลง
    ทีนี้ พอถูกทดสอบ เฮ้ย มันเป๋ ใจร้อน โมโหใส่
    ก็เลยรู้สึกว่ามันผิด มันเสื่อม จากที่เคยฝึก ทีนี้ก็
    เริ่มกำหนดจิตเอา ให้จิตมันเย็น คุมจิตมัน ให้มัน
    ได้ตามที่ต้องการว่าให้เย็นลงๆ จนถึงที่สุด คล้าย
    กับว่าเอาชนะความโกรธได้เลย ก็เลยคิดว่าปราบ
    กิเลสได้แล้ว นี่คือ "การบรรลุธรรมอีกขั้นหนึ่ง" ซึ่ง
    ไม่ใช่ มันไปกำหนดที่จิต คุมที่จิต ให้ได้ ให้เป็นไป
    ตามที่ต้องการ ไม่ได้เกิดปัญญาแจ้งแทงตลอดแล้ว
    มันคลายเอง กลับสู่สภาวะ "ก่อนยึด-ก่อนโมโห" นี่
    พอเห็นไหม ที่ว่าฝึกอินทรีย์แล้วเป๋ไปฝึกจิต เป็นยังงี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2011
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เนี่ยะ คุณ กะละล้วย นิวแมน ก็ สังเกต อนาคต ข้างหน้านู้น เอานะ

    ว่าจะออกมาแบบไหน แบบนี้ แบบไหน พิจารณาเอา

    เยอะ แยะ ตัวอย่าง มีให้เห็น
     
  6. โฮดี้๐๐

    โฮดี้๐๐ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +14
    [​IMG]

    ไอ้หมอนี่มันเป็นญาติ ใครหว่า สงสัยครับพี่น้อง
     
  7. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    คุณเล่าปัง เอ้ย นิวรณ์ หล่อดีนะ แต่เด็กไปนิด
    มิน่าถึงดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถามก่อนสิว่า ใคร ไม่ใช่ ไม่ยึดนั่นยึดนี่ แล้ว โพล้ง เข้าว่า
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
  10. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    มาให้ดูทำไมเนี้ยะ.......
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ้า แต่ละท่าน แจ่มๆ ทั้งนั้น เลยต้อง ขึ้นทำเนียบเอาไว้

    เผื่อมีรายการฉุกเฉิน
     
  12. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    โอเคครับ แบบนี้ ผมยิ่งเข้าใจคุณนิวรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว...


    ...ขอบคุณคุณ K.Kwan สำหรับคำสอนของหลวงตามหาบัว แบบไม่มีข้อกังขานะครับ

    ช่วงนี้ มีผู้ให้ความเห็นอื่นๆ เข้ามาให้ศึกษาอีก ถือเป็นกำไรของผู้ติดดตามกระทู้นี้นะครับ




    ผมขอเล่าแทรกระหว่างนี้ก็แล้วกัน

    ส่วนสมถะ....เล่าค้างถึงเรื่องจักระ

    จักระ เป็นวิชาที่เพื่อทางเฟซบุ๊คสอนให้ผม เนื่องจากมีจิตเมตตา ทราบว่าผมป่วย
    ฝึกออนไลน์เลยพี่...เค้าบอก
    แล้วเค้าก็แมสเสสให้ผม....
    "ทำจิตให้ว่างนั่งขัดสมาธิ เอามือหงายที่ตัก ทั้ง2 ข้าง กำหนอจิตไว้ที่จุดจักระใต้สะดือ บริกรรม โอม มณี ปัททะเวี ฮุม ไปเรื่อยๆบริกรรมในจิต ถ้าใต้สะดือเริ่มร้อน หรืออุ่นๆ แสดงว่าจักระถูกกระตุ้นแล้ว เมื่อการชารจ์พลังงานปราณเริ่มเต็มแล้ว จะเกิดพลังปราณดันจากจักระเพศไปจักระสะดือจนทะล่วงทั้งเจ็ดจุด ไปจบกลางกระหม่อม ขบวนการการดันขึ้นไปไม่ต้องแพ่ง ไม่ต้องบังคับ จักระจะทำงานของเค้าเอง เราเป็นเพียงผู้เฝ้าดู"

    ผมก็ทำตามที่เค้าบอก ทันที่ที่ผมกำหนดไปที่สะดือ ก็ปรากฏนิมิตเป็นเมฆหมุนวนๆ
    (เป็นภาพเมฆหมุนอยู่เหนือบรรยากาศโลก ) โดยที่ยังไม่ทันจะบริกรรมเลย
    ผมจึงเอา "เมฆหมุน" อันนั้น เลื่อนไปตามจุดต่างๆ ในร่างกาย ตามความเข้าใจของผมเอง
    ตรงไหนที่เมฆผ่าน จะรู้สึกสบายขึ้น ความรู้สึกนุ่มนวล เบา
    ขณะนั้น ผมรู้สึกมึนหัวอยู่นิดๆ จึงเอาเมฆไปหมุนตรงนั้น
    ปรากฏว่ารู้สึกสบายดีครับ ความมึนแม้ยังไม่หายทันที แต่ก็บรรเทาลงไปได้
    ผมก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดู ตามที่เพื่อนผมสอนมา...

    เวลานั้นเกือบ 4 ทุ่มแล้ว ผมพยายามทรงอารมณ์นั้น ในขณะลืมตา จนเข้าที่นอนนอน
    มันรู้สึกดีกว่าใช้กสินรักษา นุ่มนวลกว่าเยอะ แค่เอาไปหมุนๆ ที่มีเวทนาเท่านั้น มันก็จะทุเลาลง
    แล้วก็ค่อยๆ หาย.....ใช้เวลาอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็เร็วกว่ากสินหน่อย
    กสินนี่มันเหมือนกับว่าต้องต่อสู้กัน ระหว่างร้อนกับเย็น อ่อนกับแข็ง

    เช้าตื่นมา ผมจึงใช่จักระบำบัดโรคของผมต่อไป
    ตอนตื่นเช้า ผมจะมึนหัวตามปกติ (ที่ไม่ปกติ) ก็มีจักระเป็นผู่ช่วย
    มันก็มึนๆ หายๆ ไปจนกระทั่งเที่ยง เป็นเวลาที่ผมจะออกเดินทางพาแม่กลับจากเขาค้อ
    ระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพนี่เอง ที่อรูปฌานปรากฏ โดยไม่ได้ตั้งใจ

    ขอโทษจริงๆ นะครับ ไม่ได้กั๊ก แต่มีเวลาเล่าเท่านี้เอง จะพยายามรีบมาเล่าต่อนนะครับ

    (ผมหารูปเมฆหมุนไม่ได้ เลยหารูปที่คล้ายๆ มาแทนนะครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Blackhole1.jpg
      Blackhole1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.5 KB
      เปิดดู:
      69
  13. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    มีเหตุการณ์มาแทรกอีกแล้วครับ

    ต้องขอแทรกซ้อนแทรกอีกทีนะครับ
    คือจริงๆ เพื่อนผมเตือนแต่แรกแล้วว่า ถ้าเข้ามาเว้ปหลังจิต ระวัง "โดนลอง" นะ
    เพราะที่นี่ "แรง" .....

    เมื่อคืนนี้ครับ(27 ธค.) ผมตื่นมากลางดึก คิดเองว่าน่าจะตีห้า เพราะปกติชอบตื่นเวลานั้น
    ก็มีเวทนาเหมือนทุกๆ ครั้งที่ตื่นนอน มีแสบนัยตา มึนตึงในหัวบางจุด และปวดเมื่อยลึกๆ ในร่างกาย
    ผมก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิครับ นั่งเพื่อบำบัดเวทนา
    เวทนาที่เกิดก็ค่อยๆ หายไปด้วยพลังของจักระ และฌาน
    แต่ก็มีเวทนาอื่นเกิดสลับขึ้นเรื่อยๆ ...ทำให้ผมทราบทันทีว่า วันนี้เป็นมาก
    เพราะเดี๋ยวนี้ ผมกำหราบเวทนาได้ในเวลาอันสั้น และไม่เกิดอีก ...ถ้าวันนั้น ไม่ได้เป็นมาก
    วันนี้ขบวนการในการบำบัดจึงซับซ้อนหน่อย ใช้หลายวิธีการ ทั้งสมาธิลึกๆ ทั้งจักระ ผสมผเสกันไป

    ผมก็นั่งบำบัดไป น่าจะราวๆ ครึ่ง ชม. หรือกว่านั้น ก็เริ่มหายเกือบหมด
    มีเวทนาเหลือเล็กน้อย ประกอบกับผมเริ่มเมื่อย ก็เลยนอนลง
    เข้าสมาธิต่อ ตอนนี้สมาธิเริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีนิมิตเหมือนดาวแวบวับ เกิดขึ้น
    เหมือนเดินทางผ่านอวกาศ ผ่านดาวต่างๆ คล้ายๆ แบบนั้น
    พักเดียวครับ รู้สึกว่าตัวลุกขึ้นยืน ยืนแบบตัวแข็งแล้วตั้งขึ้นมาเลย... ไม่ใช่ค่อยๆ ลุก
    เป็นความรู้สึกนะครับ แต่ชัดเจนมาก...กำลังยืน แต่ตัวมันแข็ง ขยังเขยื้อนลำบาก
    ในขณะเดียวกัน สติที่ฝึกมามาก ทำให้ยังรู้ตัวอยู่ว่า กายจริงๆ นอนอยู่

    ขยับตัวได้ยาก บรรยากาศก็รู้สึกอึมครึม ซักพักก็ตัวลอยขึ้นในลักษณะนอน
    แล้วตัวก็เริ่มหมุนเล็กน้อย พร้อมทั้งแขนขวาเหยียดออกไป คล้ายโดนอะไรดึง
    เหมือนจะดึงผมไปตามแรงนั้น จะไปไหนก็ไม่ทราบ ...บรรยากาศไม่ดีเลยครับ ดูน่ากลัว
    ผมยังรู้ที่กายจริงอยู่ ก็เลยนึกว่า ไม่เอาแล้ว ไม่ไป....ก็รู้สึกตัวขึ้น ปลุกสติขึ้น
    ผมก็กลับมาอยู่ที่กายจริง ตื่นจากภวังค์ ...ลุกขึ้นไปดูนาฬิกา ก็ตีสามสี่สิบห้า
    เหตุการณ์ที่เกิด น่าจะราวๆ 3-4 นาที
    ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็กลับมาที่ห้อง ว่าจะมาโพสเล่า... แต่ไม่เอาดีกว่า
    เดี๋ยวนอนน้อยจะป่วย...เลยนอนต่อ

    จริงๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรนะครับ ถามว่าตื่นเต้นหรืออะไร ก็ไม่มีครับ จิตปกติดี
    เคยโดนแบบนี้ดหมือนกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว อันนั้นตื่นไม่ได้เลยครับ ทรมานมาก
    โดนเล่นงานซะเกือบตาย...ทั้งเผาไฟ หักขา และแทงหน้า...แบบจะเอาตายกันเลย กว่าจะตื่นออกมาได้...
    แต่วันนี้ สติเป็นเครื่องฉุดผมออกจากภวังค์ได้อย่างง่ายดาย
    แปลกใจอย่างเดียวว่าอยู่ในสมาธิที่ลึก กลับโดนแบบนี้ได้ด้วยหรือ
    อันนี้ไม่ทราบนะครับ...แต่เพื่อนบอกว่า เพราะสมาธิที่ลึก ทำให้จูนตรงกันกับสิ่งอื่นๆ
    ก็ถือว่าแรงใช้ได้อยู่นะครับ
    (อันนี้ไม่ใช่ผีอำนะ ...ผีอำไม่เกิดกับผมแล้ว ผมจัดการได้ง่ายนิดเดียว)

    มาเล่าให้ฟังเฉยๆ ถือว่าเป็นโฆษณาคั่นรายการก็แล้วกันนะครับ
     
  14. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    รู้สึกแปลกใจที่วันนี้ไม่มีใครมาเม้นท์ต่อเลย
    กลัว "โดนลอง" หรือเปล่าครับ....ผมอาจอุปทานไปเองก็ได้นะครับ

    ผมเล่าต่อที่ค้างไว้ก็แล้วกันครับ
    ส่วนสมถะ....อรูปฌานที่ 1 และ 2

    ตอนที่ผมขับรถกลับกรุงเทพฯ ช่วงบ่ายๆ หลังจากรับแม่จากเขาค้อ
    ผมได้ใช้จักระในการบำบัดอาการผมไปตลอด มันก็เป็นๆ หายๆ นะครับ
    บ่ายต้นๆ "เมฆหมุน" ที่เป็นสัญญลักษณ์ของจักระ ก็ทำงานของมันตรงเวทนา
    หมุนไปเรื่อยๆ บำบัดเวทนาไป ...แต่...
    สรรพสิ่งมันว่างโพลงขึ้นมา ทั้งที่ลืมตาขับรถ
    ว่าง โล่งโปร่ง สุดๆ ไกลออกไป เหมือนไม่มีขอบเขต
    ว่าง ซ้อนขึ้นมาจากสภาพความเป็นจริง ที่ไม่ว่าง ความจริงที่ผมนั่งขับรถอยู่

    ความว่าง ผมเคยสัมผัสมาก่อนจากการมีสติ เห็นสภาพ "จิตเดิมแท้" ที่ไม่ปรุงแต่ง
    จะเห็น "จิตว่าง" มันว่างโปร่ง....แต่ก็มีความแตกต่างจากความว่างในขณะนี้
    อันนี้เกิดจากการกำหนดอารมณ์จากสมถะ โดยใช้เวทนาเป็นอารมณ์ร่วมกับจักระ
    มันค่อนข้างซับซ้อนในการอธิบาย ...แต่ผมพอทราบได้ว่า มันคือ..อากาสานัญจายตนะ
    อรูปฌานที่ 1 ...เกิดขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่อยอดจากจักระอย่างอัตโนมัติ
    "มีความว่างที่หาที่สิฃ้นสุดไม่ได้เป็นอารมณ์"
    เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ หลังจากฝึกจักระมาไม่ถึงวัน....

    ก็น่าแปลกใจที่อรูปฌานปรากฏขึ้นได้เอง โดยไม่ได้ไปฝึก
    และถ้าถามผมว่า ต้องฝึกยังไง ผมก็ต้องตอบว่า ไม่รู้ มันเกิดเองครับ
    เวทนา จักระ เกิดอยู่ในความว่างอันเวิ้งว้างอันนั้น ..มีผลทำให้ผมรู้สึกสบายขึ้น
    มันโปร่งไงครับ โล่งไปหมด...ผมก็ดูสภาวะนี้ต่อไป ทรงอารมณ์ไว้
    เอาจักระมาหมุนตรงเวทนาต่อไป ...ตัวผมก็อยู่ในขอบเขตของความว่างอันนั้น

    ไม่นานเลยครับ ไม่น่าเกินชั่วโมง...ทุกอย่างมันหายไปหมด
    ความว่างมันก็รู้สึกหายไปด้วย ความรู้สึกทั้งโลกมันหายไป เหลือแต่เวทนากับจักระ
    มันซ้อนขึ้นมาบนความจริง เหมือนตอนที่เกิดความว่าง...
    มันเหลือแต่ความรู้สึก อื่นๆ มันหายหมด เหมือนทั้งโลกมีแค่จักระกับเวทนา
    วิญญาณัญจายตนะ....ผมคิด มันต้องใช่แน่ๆ ....วิญญาณ ที่แปลว่า รู้
    ตำราว่า มีวิญญาณ (รู้) ที่หาที่สุดไม่ได้เป็นอารมณ์

    เมื่อทุกอย่างในโลก มีแต่การรู้ รู้แต่จักระกับเวทนา
    การบำบัดโรคก็เป็นไปได้อย่างละเอียด และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เหมือนโฟกัสไปตรงนั้นเต็มๆ
    มีพลังบำบัดเพิ่มขึ้น เวทนาหายเร็วขึ้น...
    ช่วงเวลาที่ผมขับกลับนี่ มีเวลาที่ผมเป็นปกติบ่อยขึ้นกว่าขามามาก
    ได้อรูปฌานมาช่วยจริงๆ .... แถมมาเอง ไม่ต้องฝึกเลย

    อย่างที่บอกครับ ผลจากการเจริญสติ ที่ใครๆ ส่วนมากจะเข้าใจกันไปว่า..
    การฝึกสติ ไม่เกิดฌาน...
    ผมเป็นพยานคนหนึ่งแล้วว่าไม่จริง เกิดฌานได้...แถมเกิดได้อย่างง่ายดายด้วย
    เป็นฌานที่มั่นคงมาก นึกเมื่อไหร่ มาทันที ไต้องเสียเวลา "ตั้งสมาธิ" เลย
    ขอให้เจริญสติจนต่อเนื่องได้จริงๆ

    ผมบอกได้เลย ส่วนมากฝึกสติ ยังไมถูกวิธีครับ สมาธิจึงไม่เกิด...แล้วก็เข้าใจว่าไม่มีฌาน
    สติเกืดๆ ดับๆ ไม่เสถียร บางวันก็ต่อเนื่องนาน บางวันไม่มีเอาเสียเลย
    แถมมีความรู้สึกว่า "เรามีสติ" ปรุงแต่งอยู่ ไม่ใช่สติบริสุทธิ์จริงๆ
    หมายถึงบางคนนะครับ ไม่ได้เหมารวม...
    ขอเล่าเท่านี้ก่อนนะครับ ไม่ทราบช่วงปีใหม่จะได้เล่าต่อหรือเปล่า
    ไปขึ้นเขาและกราบครูบาอาจารย์น่ะครับ

    หลังปีใหม่ค่อยว่ากันต่อ ...ขอให้มีความเพียรทุกเวลา... ไม่มีวันเวลา ปีเก่า ปีใหม่กันนะครับ
     
  15. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    อ้อ...ลืมเล่าไปนิด
    หลังจากวันที่ผม "โดนลอง" ก็มีไข้ขึ้น (วันที่ 28)
    มันเป็นไข้ลึกๆ ไม่ใช่แบบไข้ธรรมดา ...ไข้ลึกๆ และมีอาการเท้าเย็น เป็นอยู่ร่วมๆ ครึ่งวัน
    ผมพอทราบว่าต้นตอของไข้มันเิกิด ณ สภาวะที่เข้าฌานแล้ว "ตัวใน" ออกมายืนแข็ง.... นั่นแหละครับ
    ผมจึงหาเวลาว่าง (ในที่ทำงาน) เข้าสมาธิไปตรงนั้นอีกที ตรงที่เข้าเมื่อคืนก่อนน่ะครับ
    เข้าไปลึกๆๆ ปล่อยจิตให้ว่าง ไม่นานไข้ก็หายไปครับ ...แปลกดี
    ...จบครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2011
  16. smith999

    smith999 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +3
    สาธุในธรรมครับ คำตอบชัดเจน
     
  17. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    พอดีช่วงนี้ ยุ่งๆ กับการพาคณะไปปฏิบัติธรรม ต้อนรับครูบาอาจารย์
    และสุขภาพไม่ค่อยดี จึงไม่ได้เล่าต่อเลยครับ

    แต่ปีใหม่มีเรื่องมาเล่าอยู่เหมือนกัน....

    ช่วงปีใหม่ปีนี้ไปปฏิบัติธรรมเช<wbr>ิงท่องที่ยวที่ พุทธอาศรม จ. ประจวบ 3 วัน
    แต่เรื่องที่จะเล่านี้ คือ บังเอิญเห็นสิ่งที่น่าจะเป็น UFO ??
    วันที่ไปนอนบนเขา ที่ใช้เวลาเดิน+ปีนนิดหน่อยเบ็ด<wbr>เสร็จ 30 นาที...
    พระอาจารย์และชาวบ้านขู่เอาไว้ว่<wbr>ากลางคืนอากาศจะหนาวมากกกก (ประมาณ 18 องศา)
    พวกเราประกอบก็ได้เตรียมเครื่องกันหนาวไปเต็<wbr>มอัตราศึกครับ...
    เวลาผ่านไปถึงสองทุ่ม ปรากฏมีลม ซึ่งเริ่มแรงขึ้นๆ แต่ไม่หนาว...

    พวกเราก็กางเต้นท์ คุยธรรมะ นั่งสมาธิ ฝึกจักระ กันตามอัธยาศัย
    แล้วก็เข้านอนประมาณสามทุ่มได้มั้งครับ (ไม่ได้ดูนาฬิกา) ลมก็แรงขึ้นๆ
    ยิ่งดึกลมยิ่งแรง จนเต้นท์ไหว พั่บๆๆ ไปหมด
    ผมเริ่มเอากระเป๋าเข้ามาในเต้นท<wbr>์ อันพอดีตัวของผม
    (เต้นท์บอกว่ายาว 210 ซม. แต่พอนอนปรากฏว่า ตัวติดเต้นท์ เท้าติดเต้นท์ พอดีเป๊ะ)...
    ทีแรกผมก็เริ่มง่วงแล้ว แต่ดันไปเข้าสมาธิบำบัดความง่วง
    เนื่องจากสมองไม่ค่อยดี จึงใช้สมาธิบำบัดอยู่ประจำ...
    ทีนี้ ทำสมาธิจนโรคมันค่อยยังชั่ว ก็หายง่วง มันก็ไม่หลับซิครับ

    พอนอนไม่หลับนานเข้า ผมก็เลยลืมตามาดูดาว บนเขาฟ้ากระจ่างมาก
    เห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไป<wbr>หมด แต่ มันมีดวงนึง กลางท้องฟ้าเหนืออศีรษะพอดี มันกำลังเคลื่อนตัว...
    ผมเคยเห็นดาวตกมาก่อน เคยถ่ายภาพพายุดาวตกด้วย ก็เข้าใจว่าเป็นดาวตก
    แต่ว่ามันเป็นดาวที่กลมชัดเจนกว<wbr>่าดาวธรรมดาๆ มากครับ
    มันเคลื่อนตัวด้วยความเร็วน้อยก<wbr>ว่าดาวตก...
    ซักพักหนึ่งราว 2 วินาที มันกลับสว่างว่าบขึ้นมา สว่างราวกับไฟฉายส่องลงมาเลยครั<wbr>บ
    ในขณะที่มันเคลื่อนตัวนี่แหละ สว่างวาบแล้วมันก็เคลื่อนตัวเร็<wbr>วขึ้น พร้อมกับหายวับไป....
    ท้องฟ้ากลับมามืดอย่างเดิม...

    ผมก็นอนอึ้งไป แล้วก็มาทบทวนว่า เอ้ย มันไม่ใช่ดาวตกนี่หว่า
    ดาวตกไม่มีการสว่างวาบก่อนจะหาย<wbr>ไปนี่....ยกนาฬิกาขึ้นดู ตีหนึ่งกว่าๆ ...เอ..ตกลงแล้ว มันคือ...





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2012
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รบกวนถามคุณกล้วยหน่อยค่ะ
    มีคนฝากถามมาอีกทีค่ะ คือเขาสงสัยอาการของสมาธิ แล้วอยากรู้ชัด
    ถามว่าเมื่อเข้าสมาธิแล้วมีอาการเหมือนโดนโบโวดูด แล้วเหมือนถูกมัดแน่น
    อาการแบบนี้คือฌาณ3 หรือเปล่า เมื่อวานเขาบอกว่าเข้าอาการแบบนี้ได้ 6 ครั้ง
    ซึ่งแปลกกว่าอาการที่เคยรู้สึก ที่มีแค่จิตสบาย โล่ง สุข เบา ได้ยินเสียงเหมือนเสียงอยู่ห่างๆ
    ไม่มีผลกับจิตใจ รู้แค่ได้ยินเสียง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2012
  19. GluayNewman

    GluayNewman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +747
    ผมไม่เข้าใจคำว่า โบโวดูด นะครับ

    ผมขอเล่าตามประสบการณ์ผม ซึ่งจะใช่หรือไม่ ผมไม่กล้ายืนยัน 100% นะครับ
    แต่ที่เิเกิดกับผม พิจารณาแล้วน่าจะเป็นฌาน 3

    คือวันหนึ่งที่กำลังนอนสมาธิอยู่ รู้สึกว่า มันลึกๆๆ ลงไปกว่าที่เคย
    มันดิ่ง และนิ่ง เมื่อสังเกตุดีๆ จะมีสุข แบบลึกๆ เป็นสุขที่เรียกว่าปราณีตมาก
    ด้วยความที่เคยเจอสุขแบบนี้มาก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จึงทราบว่าเป็นสุขที่เกิดจากฌาน
    เป็นสุขที่เหนือกว่าสุขทางโลก สุขที่เกิดจากการได้ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยว มีแฟน
    ปราณีตและลึกซึ้งกว่าเยอะ....

    (และจิตเองก็ไม่สนใจโลกภายนอกแล้ว...ผมเคยบอกว่าฌาน 3 ถ้าเข้าตอนลืมตา อาจเป็นอันตราย เพราะอาจไม่สนใจสรรพสิ่งรอบข้าง อาจเกิดอุบัติเหตุได้ เหมือนบางคนที่มาเล่าให้ฟังว่ารถคว่ำ ที่นี่น่ะครับ ....ถ้าจะเซฟ ต้องฝึกสติให้มั่นคงก่อนจะไปฝึกฌานทีหลัง)

    นอกจากสุข ทีนี้ก็มาสังเกตุที่ปีติ ก่อนหน้านี้ เวลาออกจากสมาธิ มันจะเบิกบาน เบา ร่าเริง มีรอยยิ้ม อิ่มใจ
    ปรากฏว่า มันหายไป แต่มีสุขที่ปราณีตลึกซึ้งกว่า สุขแบบนี้แทบไม่มีรอยยิ้มเลยด้วยซ้ำครับ
    ดูภายนอก บอกคนอื่นว่ามีความสุข คนอาจไม่เชื่อ เพราะบุคลิกภายนอกจะเฉยมากครับ
    แต่มันสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย

    พิจารณาจากอาการเหล่านี้ ดิ่ง นิ่ง ลึก สุข ไม่มีปีติ ผมเลยเข้าใจว่าคือฌาน 3
    เพราะมีองค์คือ สุข กับเอกัตคตา

    สังเกตุอีกอย่าง ดูที่ลมหายใจ ยังชัดอยู่ครับ...
    ถ้าเป็นฌาน 4 ลมหายใจจะน้อยมาก หายใจอยู่ในอก เหมือนไม่หายใจ และไม่มีสุขแล้ว

    อาการที่เพื่อนคุณ K.kwan อ่านแล้ว ผมรู้สึกว่าผสมๆ กันระหว่าง ฌาน 2 กับ 3
    ไม่ทราบว่าอาการ โล่ง สบาย สุข เบา อันนี้คือปีติ หรือสุข
    ลองเทียบกับอาการของผมดูก็แล้วกันนะครับ

    ....ทั้งนี้ ทั้งนั้น เรื่องจิต มันหลากหลายซับซ้อนมาก ตามที่เคยสัมผัสมาหลายๆ ท่าน ไม่ค่อยเหมือนกันเลย เป็นเรื่องอจินไตย บางทีก็ระบุชี้ชัดลำบากนะครับ
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณ คุณกล้วยมากค่ะ
    คนที่ถามนี่ สามีของดิฉันเองค่ะ
    โบโว เป็นเครื่องดูดและเป่าลม น่ะค่ะ ใช้เป่าฝุ่นเครื่องคอมฯและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
    เขาอธิบายให้ฟังแบบเทียบเคียง แต่เข้าใจว่าเหมือนรู้สึกโดนดูดเข้าไป
    ที่เขาปฏิบัติอยู่ก็ทั้งลืมตาและหลับตา แต่บอกว่าลืมตาจะง่ายกว่า โดยที่มีสติรู้สึกตัวตลอด
    พอดีทำงานซ่อมคอมฯ อยู่กับบ้าน เลยมีเวลาปฏิบัติเยอะ ปฏิบัติทั้งวัน
    เมื่อตอนปีใหม่ได้ไปไหว้หลวงพ่อไก่วัดไตรรงค์วิสุทธิธรรม ก็ถามท่านเรื่องอาการสมาธิ
    ท่านได้ตอบว่าได้อุปจารสมาธิแล้ว แล้วก็ให้คำบริกรรมมาฝึกต่อ ก็ทำไปได้วันเดียว
    ก็เกิดอาการเหมือนโดนดูดนี่แหละค่ะ ก็เลยสงสัยว่าเป็นเพราะจิตมันก้าวหน้าขึ้น
    รวมได้แน่นขึ้นหรือเปล่า แต่โดนดูดนี่ชัด ก่อนจะแน่น เหมือนถูกดูด และเมื่อวานก็เข้าได้ถึง
    6ครั้ง คือว่ามันแปลกไงคะ เขาเลยบอกว่าให้มาถามคนอื่นๆว่ามีใครเป็นแบบเขาบ้าง
    จะได้มั่นใจว่าไม่หลงทาง เขาจะเร่งให้ได้ฌาณ4 โดยเร็ว ก็ปฏิบัติเกือบจะตลอดเวลา
    เน้นทำความรู้สึกตัว มีสติอยู่กับลมหายใจ และหลังๆมานี่เขาบอกว่าฟังเพลงสวดมนต์
    ชินบัญชรได้ไพเราะขึ้น อาจเป็นเพราะมีประสาทสัมผัสที่ละเอียดขึ้น
    มีความสุขมากขึ้น ไม่รำคาญใจเสียงรอบๆตัว ก็เป็นผลข้างเคียงจากการปฏิบัติภาวนา

    อ่านจากตำรามาเทียบเคียง ก็คาดว่าเป็น ฌาณ3 หยาบ ยังแซวเขาอยู่ว่าอาจเป็นฌาณ2ครึ่ง

    ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้หลงคิดไปเอง ก็จะได้แน่ใจในการปฏิบัติมากขึ้น น่ะค่ะ
    เรื่องมีความสุขปิติมากๆนี่ เขาเคยได้อยู่นะคะ ก็ยังคิดถึงอารมณ์นั้นอยู่
    เขาไม่แน่ใจว่าใช่ฌาณ3หรือ4 คือเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เข้าถึงแต่ทรงอยู่ไม่ได้
    แล้วอยากเข้าถึงอีก ก็ทำไม่ได้ ก็ประมาณนี้ที่เขาบอกมา คล้ายๆส้มหล่น

    ที่เขารู้สึกกังวลคือ การเข้าฌาณ4 ที่เหมือนกับว่าต้องก้าวข้ามความตายให้ได้ก่อน
    เขาเข้าใจเอาเองนะคะ ยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น เขาก็อยากรู้เหมือนกันจากคนที่ผ่านได้แล้ว
    ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังมีความกลัวอยู่บ้างเพราะติดอยู่ว่ายังไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร
    รู้แต่ว่าถึงตอนนั้นจะเป็นลมละเอียดมากเหมือนหยุดหายใจ
    การได้ข้อมูลจากคนที่ทำได้จริง ไม่ใช่อ่านจากตำรา อาจจะช่วยลดความกังวลลงได้บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...