การทำบุญนั้นนั้นไม่ต้องอธิษฐานเพราะถ้าอธิษฐานแล้วเชื่อว่าเป็นการโลภ หรือหวังผลตอบแทน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เสาวนีย์, 10 พฤศจิกายน 2004.

  1. ผ่านมาผ่านไป

    ผ่านมาผ่านไป บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    การอธิษฐานเรียกว่าการโปรแกรมจิตไงครับ
    เวลาไปเกิดใหม่ได้นำเอาอุปนิสัยที่ตั้งใจไว้ไปเกิดตามด้วย
    ใครใคร่เชื่อๆ ใครไม่เชื่อก้อทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ
     
  2. กบ

    กบ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ทุกอย่างอยู่ที่ใจขอให้ใจเป็นสุขนั่นก็ถึงนิพพานในชาตินี้ไม่ต้องรอให้หมดกรรมจึงไปนิพพานได้ทำบุ_จะหวังผลหรือไม่แล้วแต่บุคคลไม่มีใครผิดและถูก
     
  3. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    แต่เราเชื่อว่า หากยังต้องคงเวียนว่ายตายเกิดในภพต่างๆ ไม่ว่าดีหรือเลว

    ตราบใดยังไม่ถึงพระนิพพานหรือที่สุดแห่งธรรม
    ตราบนั้น กระแสจิตอธิษฐาน ย่อมต้องมี เพื่อตั้งความปราถนา
    ขนาดเราตั้งความปราถนาไว้ คิดว่ามั่นคงแล้ว มันยังสั่นคลอนได้เลย
    เพราะหากไม่มีการอธิษฐานจิต(ถึงแม้บางท่านคิดว่า เป็นเรื่องงี่เง่า
    แต่มันจะเป็นเหมือนกุศโลบายให้ใจอยู่ในบุ_) ไม่เช่นนั้น จะมีคำว่า "อธิษฐานบารมี"
    คงไม่มีใครอธิษฐานจิตให้ตัวเองเจอแต่สิ่งเลวหรอกนะค่ะ ทุกคนย่อมต้องการสิ่งที่ดีในชีวิตทั้งนั้น
    พวกผี พวกอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มันคู่กับมนุษย์มานานแสนนานแล้ว ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้จะเชื่อแบบสนิทใจ เมื่อเจอกับตัวเองเท่านั้นแหละค่ะ แต่ท่านไม่สอนให้เรา หลงงมงายเท่านั้นเอง
     
  4. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    อุอิ สรุปว่า เราจะพิสูจน์กันตอนตายจากกันไปแล้วกันค่ะ

    นั่นแหละ คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด หากไม่มี ไม่เกิดอีกแล้ว ความดีที่สั่งสมมาก็สู_ไปกับเรา แต่ความดีทั้งหลายทั้งปวงที่มนุษย์อย่างเราๆสร้างกันมา ย่อมไม่สู_หายไปจากโลกนี้ เพราะย่อมมีมนุษย์ยุคต่อๆ ไป
    ก็เผื่อจรรโลงโลกนี้ให้น่าอยู่ต่อไป
     
  5. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    อ่านข้อความคุณอลัลชีแล้วนะ เข้าใจค่ะ นั่นมันแล้วทำไหมคนจึงเกิดแตกต่างกันค่ะ เพราะอะไร

    ทั้งๆที่มีคนหลายคนบอกว่า ทำบุ_ทำทานที่ไหนกับใครก็เหมือนกัน
    ไม่ว่าจะสงเคราะห์หรือพระสงฆ์ ทำความดีกับใครก็แล้วแต่ ฯลฯ ได้บุ_ได้กุศล ได้ความสบายจิตสบายใจเหมือนกัน
    แล้วทำไหม? คนถึงมีฐานะรูปร่างหน้าตาสุขภาพร่างกาย สติปั__า
    อารมณ์จิตใจ ลักษณะความละเอียดความหยาบของจิต แตกต่างกันไป
    อะไรคือ เบื้องหลังของสิ่งเหล่านี้ค่ะ ขอความรู้จากคุณอลัลชีทีค่ะ
     
  6. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    ข้อความคุณอลัลชี หากเปรียบคือ ท่านที่รู้แล้ว ได้ถูกขัดเกลามาแล้ว สิ่งต่างๆ มันน้อยแล

    แต่หากผู้ที่บารมียังอ่อน ถึงโค-ตระอ่อน ก็อาจจะคิดว่า ก็ไม่ต้องไปทำมันเลย จะไปถือให้มันเหนื่อยทำมั๊ย?! ลำบากต่อการทำมาหากิน ไปยึดมันไว้ทำไหม บางคนทำดี ถือศีล แล้วไม่ได้สิ่งดีๆตอบแทนก็มี ฯลฯ คนเหล่านี้ก็จะพลางไม่ถือศีลไป โลกคงวุ่นวายกว่านี้อีกเยอะเลย เพราะคิดไม่ออกว่า ศีลไม่ใช่แค่ถือแต่เพียงลมปาก หรือยึดไว้เหมือนถือของ แต่มันคือการตั้งใจกระทำตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ ด้วยความเคร่งครัดแต่ต้องไม่เคร่งเครียด จึงอาจต้องมีกุศโลบาย แล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งผิด ถึงแม้จะดูเหมือนยึดอัตตาก็ตามเถอะค่ะ แต่เราเชื่อว่า เมื่อใดจิตที่คุ้นเคยชินกับศีล มันจะกลายเป็นการกระทำไปเอง จนคิดว่า ตนไม่ได้ถือศีล แต่จิตมันถือไว้แล้ว อย่างเช่นหลานสาว ตอนเล็ก ๆ สักสี่ห้าขวบได้มั่ง ตอนนี้เริ่มเป็นสาวแหละ ป้าของเรา (ป้าของเรา=ยายของหลานสาว)เราให้ฟังว่า "ยุงมันก็ไม่ตบ มดมันก็ไม่บี้" จนป้าเรากระเซ้าหลานสาว ว่า "....มันกระแดกจริงๆ ยุงมันก็ไม่ฆ่า มดไม่มันก็บี้" ซึ่งป้าเราก็ไม่รู้ว่า เด็กมันศีล 5 อยู่ในจิตใจมัน ซึ่งหลานสาวคนนี้ แม่แท้ของเค้าก็ไม่เลี้ยง อยู่กับยาย พ่อก็มีเมียใหม่ มีลูกใหม่ แต่ก็ยังโชคดี ส่งเสียเลี้ยงดู พอดีมีโอกาส เลยซื้อมงคลชีวิต 38 ประการให้ เมื่อตอนเด็กอยู่สัก ป.3 ป.4 ได้มั่งค่ะ ให้อ่าน กลัวค่ะ กลัวหลานเสียคน เพราะสิ่งแวดล้อมที่หลานอยู่ ก็ไม่ดีมาก แต่เจอครั้งล่าสุด ประมาณ ต้นปี เจอแบบเจอตัวเด็กนะค่ะ เด็กคนนี้ ยังอ่านหนังสือ เล่มนี้อยู่ เราก็บอกหลานว่า "ดีแล้ว แต่ต้องเอาไปกระทำด้วยนะ"
    และอีกตัวอย่าง ขนาดเพื่อนๆของเราเอง ชวนเข้าวัดถือศีล 8 ยังไม่ไปเลย แค่มันเรื่องง่ายจะตายไป คุณอาจคิดว่า ฉันสาวไส้ให้กาฟัง แต่นี่คือ เรื่องจริง ในชีวิตของฉัน
    ส่วนเรื่องจะบรรลุหรือไม่บรรลุยังไม่อยากคิดค่ะ เมื่อไรบรรลุก็เมื่อนั่นแหละค่ะ
     
  7. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    เพราะการบรรลุไม่ใช่นึกเองเอาเอง หรือใครบอก รู้ได้ด้วยตัวเอง

    อันนี้ถูกต้องเปล่าค๊า
     
  8. ธุลีดิน

    ธุลีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +156
    คุณผู้รู้(ไม่)น้อย พูดได้ดีมาก เอาดอกไม้ไปหนึ่งหอบครับ(f)
     
  9. นาคราช

    นาคราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +187
    (f) (f) (f) (f) (f) (f)
    สาธุครับ ขอให้ข้าพเจ้าได้บุ_กุศลเท่าคนตั้งกระทู้ครับ (f) (f)
     
  10. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    การวางใจในเรื่องทาน

    ทำอย่างไรถึงจะชื่อว่าวางใจได้ดี เป็นผู้มีโยนิโสมนสิการในทาน ทำให้การให้นั้นเป็นทานเป็นบุ_จริง ๆ ถ้าหากว่าทานไม่มีอานิสงส์เกี่ยวกับความสุขเกี่ยวกับการป้องกันภัยในวัฏฏะ ช่วยให้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ คงจะไม่มีใครทำ เพราะไม่ได้อะไรตอบแทนเป็นการสิ้นเปลืองเปล่า แต่ถ้าต้องการในผลเป็นโลภะทำให้ไม่ใช่บุ_ หรือทำไปเถอะจะมีผลหรือไม่ไม่สนใจ ก็ไม่ถูกอีก จะวางใจอย่างไรให้เป็นบุ_
     
  11. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    จะวางใจอย่างไรให้เป็นบุ_

    พระพุทธเจ้าตรัสอานิสงส์ของทานไว้เป็นอเนกประการ ตรัสถึงโทษของการไม่ยอมสละบริจาคไว้เป็นอเนกประการ ส่วนทานตรัสไว้เกี่ยวกับสุคติโลกสวรรค์มากมายหลายสูตร ตรัสอย่างนี้มิได้มีพระประสงค์ชักชวนให้คนเกิดอยากได้ในอานิสงส์ของทาน เพียงแต่ทรงชี้ให้เห็นว่า การกระทำนี้มีผล ไม่ใช่ไม่มีผล เหมือนอย่างมิจฉาวาทะที่บอกว่า ทาน ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล เป็นต้น (ในบรรดามิจฉาทิฏฐิ 10 อย่าง) เมื่อมีความเข้าในแล้วก็เก็บความรู้ไว้ แต่ในเวลาจะทำจริง ๆ อย่าตั้งจุดมุ่งหมายในอานิสงส์ไว้ล่วงหน้า ในเวลานั้นถ้าหากจะให้แก่คนที่ขาดแคลน ก็ด้วยกรุณาเท่านั้น ไม่ได้เล็งเอาที่อานิสงส์เป็นสำคั_ในการกระทำแต่ละครั้ง รู้ก็รู้ไป ในที่สุดก็ให้พิจารณาทานที่ได้บำเพ็_แล้วก่อนหน้านั้นว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ได้มีสาระอะไรอื่นที่ยิ่งไปกว่าการช่วยให้ชีวิตดำเนินไปได้สะดวกในทุกภพทุกชาติที่เกิดมาเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจะช่วยให้เราพ้นจากเกิดแก่เจ็บตายไปได้ จะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นจนเกินไปว่าจะนำประโยชน์สุขวิเศษมาให้อย่างนั้นอย่างนี้
     
  12. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    การนึกถึงอานิสงส์

    การนึกถึงอานิสงส์เป็นเหตุให้คนเกิดกำลังใจขวนขวายทำกรรมดี จากตั้งแต่ชั้นต่ำ ๆ ขึ้นไปเป็นปัจจัยแก่ชั้นสูง ๆ เท่านั้นเอง ในที่สุดแม้ทานการให้ก็ตกอยู่ในอำนาจพระไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทานช่วยให้เข้าสู่สุคติโลกสวรรค์ เกิดเป็นเทวดา นางฟ้าในสวรรค์ได้ก็จริง แต่ในที่สุดก็ต้องแก่ต้องตายไปเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับเกิดเป็นสัตว์ในภูมิอื่น เพียงแต่ว่าหากได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์แล้วโอกาสที่จะได้ทำบุ_ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงธรรมที่ดับทุกข์นั้นมีมากกว่าเท่านั้น
    ขั้นตอนการเทศนาของพระพุทธเจ้ามีอยู่ และทรงเล็กอุปนิสัยคนฟังด้วย บางคนต้องแสดงอานิสงส์ของทาน ให้ขวนขวายในทานเสียก่อน ต่อไปจึงทรงแสดงให้เห็นว่า แม้ทานนี้ก็ไม่เป็นสาระอะไร ไล่กันต่อไปตามลำดับ ไม่ใช่ให้หยุดนิ่งอยู่กับการจ้องที่จะเอาอานิสงส์ในทานแต่อย่างเดียว

    คัดลอกจาก หนังสือ
     
  13. อวกาศธาตุ

    อวกาศธาตุ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คุณอลัชชี กล่าวได้แจ่มในคคห. ที่ 19

    ลองดูที่คุณอลัชชียกตัวอย่าง

    ...ส่วนที่ท่านยกมาว่านางวิสาขามหาอุบาสิกาอธิฐานว่าขอให้มีเงินทอง
    ไม่ขาดมือ"เพื่อที่จะได้ใช้จ่ายเป็นทานและบำรุงศาสนา"นั้นใจความมัน
    คือเพื่อประโยชน์สุขของตนหรือไม่"

    ทุกท่านปิ๊งไหม ว่าหมายความว่ายังไงเกี่ยวกับการอธิฐาน

    ใครไม่เข้าใจลอง อ่านทวนข้อความที่ 19 ทั้งหมดอีกครั้ง

    ถ้ายังไม่เข้าใจไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา พิจารณา


    อ้อ อีกข้อความหนึ่ง ของคุณอลัชชี

    ... พุทธทำนายที่ว่าราชสีห์ล้มลงตายเองแล้วมีหนอนไชออกมา
    จากข้างในนั่นหมายความว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าชาวพุทธทำให้จิตใจของตน
    เสื่อมเอง..

    เป็นเรื่องที่ขาวพุทธในเวบบอร์ดนี้ ต้องพึงสำรวจตนไว้บ้าง

    เราหลงอะไรกันไปบ้างรึเปล่า

    รู้เท่าทันเป็นการมีสติที่แท้จริง
     
  14. หมาธาตุ

    หมาธาตุ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ถูกต้องแล้วคร้าบ!

    เห็นด้วยครับ ว่าทำบุญแล้วอธิษฐานจะดีกว่าไม่อธิษฐาน
     
  15. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    อย่าถือสาคุณ อลัชชีเลย ครับเพราะเค้าเป็นจิตเภท ....บ้าหนะครับ

    ขออนุญาตกล่าวซ้ำอีกครั้งนะครับในการแนะนำคุณ เทวดา หรือไม่ก็ อลัชชีเนี่่ย ไป พบ จิตแพทย์ด่วนที่สุด มิเช่นนั้นแก้ไขยากส์มากๆๆนะครับ
    ขอสรุปประวัติและการประเมิน mental status ของคุณ อลัชชีดังนี้นะครับ
    ตั้งแต่อ่านกระทู้มาในฐานะผู้มาเยือนหลายต่อหลายกระทู้สังเกตได้ว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมต่อต้านกับกระทู้ทุกๆกระทู้ที่ตั้งขึ้นมา (โดยพื้นฐานอาจจะมี Personality disorder ที่เป็น Antisocial อยู่หนะครับ มากกว่านั้นยังอ้างตนว่าบรรลุธรรมก็เป็นลักษณะของ Nacisissus persalitydisorder ที่กล่าวว่าเป็น disorder ก็เพราะว่ามีคนเตือนหลายครั้งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนะครับ
    ซึ่งจนผมมาเจอกระทู้นี้เข้ายิ่งจำเป็นจะต้องเตือนในฐานะเพื่อนร่วมโลกจะสรุปเลยว่าท่านเทวดาหรือลัชชี ต้องการความช่วยเหลือด่วนจากจิตแพทย์เพราะ
    1.out of reality
    2.behavioral chage
    3.no(ไม่ใช่ Poor) insight
    ควรจะได้ Hadol ซัก 10 mg. stat แล้วรีบรักษาจะดีขึ้นครับเชื่อผมเถอะ เป็นห่วงจริงๆนะถ้าใครรู้จักเค้าเป็นการส่วนตัวรีบเตือนๆซะก่อนที่จะมากกว่านี้
     
  16. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    ลืมสาธุอนุโมทนากับผู้รู้(ไม่น้อย)

    สาธุสาธุ ผู้รู้ไม่น้อย ผู้รู้จริง.....อนุโมทนามิครับ อย่าเอาอายตนะของเราไปรับสิ่งที่มันทำให้เกิดความรำคาญเลยแต่เมื่อมันบังเอยรับรู้ก็คิดเสียว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฝึกมันได้ .....ได้ฟังได้อ่านได้เห็นได้สัมผัส....ไม่พอใจ....ทุกข์....ทุกข์ไม่ดี.....โยนทิ้งไป
     
  17. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    ...................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2006
  18. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    อืมม ทุกท่านที่เข้ามาโพสกระทู้นี้ ให้ข้อคิดที่ดีมากๆเลยครับ แม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่ผมก็อ่านของทุกท่านและก็เห็นด้วยในทุกๆคำตอบ

    ผมอ่านข้อความที่ 19 ของคุณอลัชชี อย่างละเอียดและพิจารณา (เฉพาะกระทู้นี้นะครับ) ผมว่าภูมิธรรมไม่ธรรมดาทีเดียว ถ้าคุณเข้าใจได้เช่นนี้จริงๆและโพสกระทู้ด้วยความบริสุทธิใจปรารถนาที่จะสนทนาธรรมก็ขออนุโมทนาด้วย

    เจ้าของกระทู้ก็นำธรรมะมาเผยแพร่ด้วยความตั้งใจดี และธรรมที่เสนอก็มีเหตุผลและมีประโยชน์ ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    การสนทนาธรรม และการปรับทิฐิเป็นบุญนะครับ (แล้วก็เป็นการปรับจิตด้วย) อยากเห็นทุกท่านสนทนาธรรมเพื่อเป็นสะสมบุญเป็นเสบียง เพื่อละสังโยชน์มุ่งสู่นิพพาน มากกว่าการโต้แย้งหรือส่อเสียดที่จะยังผลตรงข้ามครับ
     
  19. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    สาธุ สาธุ

    บุญญานุภาพเกื้อ ศิริเอื้อนุกูลผล
    กล่าวแจ้งแถลงกล ทศทัศน์ธปารมี
    หนึ่งคืออธิษฐาน ประสิทธิ์สานพลศรี
    หนทางนฤบดี แห่งบรมศาสดา
    ปุถุผู้รู้น้อย วาจาพร่อยมานะหนา
    กล่าวตู่พระสัมมา ด้วยมรรคาแห่งตนเอง
    ทุกขติเป็นที่หวัง เป็นที่ตั้งอย่าจงหนี
    บาปเคราะห์วิบากมี แด่ผู้นั้นให้มั่นใจ
     
  20. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    ใช่ค่ะ ทำบุญทำทานทุกครั้งต้องอธิษฐาน อย่างก้อยไปบริจาคเลือดนะ ตอนก้อยให้เลือดอยู่ก็อธิษฐานให้ครอบครัวก้อยมีความสุข แล้วที่สำคัญคือขอให้คนที่เขาเอาเลือดก้อยไปใช้ หายจากเจ็บป่วย มีอาการเป็นปกติ ในทศบารมี(หรือเปล่า) ของพระพุทธเจ้า 1 ในนั้นก็มี "อธิษฐานบารมี" ด้วยนะคะ คือ เราอธิษฐานไม่ได้ทำไปเพื่อความโลภ แต่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะการทำบุญยังไงก็ได้บุญอยู่แล้ว แต่จะมีอานิสงส์มากขึ้น ถ้าอธิษฐานค่ะ (แต่ต้องอธิษฐานอย่างถูกด้วยนะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...