การพบเห็น UFO และอนาคตของมนุษยชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 16 เมษายน 2007.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ตากล้องสมัครเล่นชาวอังกฤษถ่ายติดภาพวัตถุลึกลับ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">2 มกราคม 2551 03:45 น.</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> เดอะ ซัน สื่อมวลชนของอังกฤษ นำภาพถ่ายของตากล้องสมัครเล่นที่สามารถจับภาพวัตถุหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ คล้ายกับยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านUFO ชี้เป็นภาพที่แสดงวัตถุลึกลับได้ดีที่สุดที่เคยถ่ายได้อังกฤษและเชื่อว่ามนุษย์ไม่อยู่ตามลำพังในจักรวาลนี้

    เคลวิน บาร์เบรี วิศวกรของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ถ่ายภาพวัตถุลึกลับนี้ได้บริเวณแถวฝั่งทะเลใกล้กับเมืองฟัลเมาท์ และน่ายิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อ เคลวิน วัย 55 ปี บอกว่าเขาไม่เห็นวัตถุดังกล่าวตอนที่ถ่ายรูป

    ด้าน นิค โป๊บ อดีตหัวหน้าโครงการยูเอฟโอของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ในปี 1991-1994 กล่าวว่าภาพภ่ายดังกล่าวถือว่าเป็นรูปที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมา

    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000155730
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="left" valign="top"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="headline" align="left" valign="baseline">ตะลึง!!ตากล้องสมัครเล่นผู้ดีถ่ายติดภาพ'UFO'ไม่รู้ตัว</td></tr></tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td></tr></tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">2 มกราคม 2551 04:58 น.</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="center">[​IMG]</td></tr></tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="center">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td></tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="center" width="1">[​IMG]</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="center">[​IMG]</td></tr></tbody></table></td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="center" width="1">[​IMG]</td></tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td></tr></tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">ภาพที่เคลวินถ่ายได้</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td></tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td></tr></tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="center">[​IMG]</td></tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เคลวิน บาร์เบรี เจ้าของภาพนี้</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" height="1" valign="center" width="165">[​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">เดอะ ซัน - เดอะ ซัน สื่อมวลชนของอังกฤษ นำภาพถ่ายของตากล้องสมัครเล่นที่สามารถจับภาพวัตถุหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ คล้ายกับยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านUFO ชี้เป็นภาพที่แสดงวัตถุลึกลับได้ดีที่สุดที่เคยถ่ายได้อังกฤษและเชื่อว่ามนุษย์ไม่อยู่ตามลำพังในจักรวาลนี้

    เคลวิน บาร์เบรี เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ถ่ายภาพวัตถุลึกลับนี้ได้บริเวณแถวฝั่งทะเลใกล้กับเมืองฟัลเมาท์ และน่ายิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อ เคลวิน วัย 55 ปี บอกว่าเขาไม่เห็นวัตถุดังกล่าวตอนที่ถ่ายรูป

    โดย เคลวิน เล่าว่าเขาเพียงต้องการถ่ายรูปทะเล แต่เมื่อโหลดรูปจากการ์ดของกล้องดิจิตอลลงคอมพิวเตอร์ ในภาพปรากฎยานโลหะลอยอยู่ตรงกลาง ห่างออกไปราว 2 ไมล์

    เคลิน กล่าวว่า "มีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำอยู่ในทะเล ผมคิดว่ามันทำให้ภาพดูสวยงามมาก ไม่มีสิ่งอื่นอยู่ในทิวทัศน์ตอนนั้นและผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่ข้อบกพร่องของกล้อง"

    "เมื่อผมกลับบ้าน ผมแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ถ่ายมาได้ โอ้..ผมไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ผมไม่เคยเชื่อเรื่องยูเอฟโอ แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจแล้ว"

    ด้าน นิค โป๊บ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของอังกฤษ กล่าวว่าภาพภ่ายดังกล่าวถือว่าเป็นรูปที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมา

    โป๊บ อดีตหัวหน้าโครงการยูเอฟโอของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ในปี 1991-1994 กล่าวว่า "ถ้าผมอยู่ที่นั่น ผมอยากจะเข้าไปดูมันใกล้ๆ วัตถุดังกล่าวดูเป็นรูปเป็นร่าง มีสัดส่วนและทำจากโลหะ ชายคนนี้สามารถถ่ายภาพอะไรบางอย่างที่น่าสนใจทีเดียว"

    ก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมแห่งอังกฤษเตรียมเผยแพร่เอกสารลับสุดยอดกว่าหมื่นแฟ้ม ที่บันทึกรายงานการพบเห็น "ยูเอฟโอ" ตลอดเกือบ 60 ปีที่ผ่านมา จุดประเด็นข้อถกเถียงว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr> <tr> <td align="right" height="10" valign="top">[​IMG]

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000155729
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody> </table>
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    (good)แจ่มมากเลยครับ ของแท้แน่นอน(good)
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]


    [​IMG]

    รูปข้างบนคล้ายๆที่คุณอ๋อ Falkman ถ่ายติดนะ
    แต่เค้าชัดกว่าหน่อย วันหลังเอาใหม่ครับ
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]


    @@@ การปรากฎของจานบินและมนุษย์ต่างดาว @@@

    เป็นปรากฎการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน บางทีที่มนุษย์โลกมองเห็นจานบินที่เราเข้าใจว่าเป็นยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาวนั้น อาจมีทั้งเดินทางจากดาวนพเคราะห์ดวงอื่น หรือการบิดเบือนที่เกิดขึ้นกับมิติคู่ขนานของเราเอง ที่มีการทับซ้อนมิติกันอยู่ การปรากฎของเขาเคยเกิดจากความบังเอิญ แต่เมื่อวิทยาการของเขาล้ำหน้าไป การปรากฎของเขาอาจเป็นไปด้วยการวางแผนและความตั้งใจ แต่การปรากฎของจานบินและสี่งมีชีวิตต่างภพภูมิเป็นไปอย่างไม่ชัดเจน หรือไม่สมบูรณ์ เพราะแต่ละภพภูมนั้นจะมีเครื่องพรางที่แตกต่างกันไป


    ภพภูมิของโลกมนุษย์เรามีระยะทาง ช่องว่าง และกาลเวลาเป็นเครื่องพราง อะตอมและโมเลกุลของสิ่งมีชิวิตและวัตถุธาตุอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วน และคงสภาพบางส่วน ตามความจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับภพภูมนั้นๆ การปรากฎในต่างภพภูมิอาจต้องใช้ความดันสูง สิ่งมีชีวิต และวัตถุธาตุนั้นๆ ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้นานพอ และต้องกลับไปสู่ภพภูมิต้นกำเนิดในที่สุด เราจึงมองเห็นมนูษย์ต่างมิติเหล่านั้นได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ..

    เราไม่สามารถจะมองเห็นมนุษย์ต่างดาวและจานบินของพวกเขาได้ตามความเป็นจริง เราจะเห็นแต่สภาวะที่อยู่ระหว่างการแปลงสภาพจากภาวะหนึ่งไปสู่อีกภาวะหนึ่ง หรือจากภพภูมิหนึ่งไปสู่อีกภพภูมิหนึ่ง แต่การมาเยือนภพภูมิแห่งโลกมนุษย์อะตอมและโมเลกุลของสิ่งมีชีวิตและวัตถุธาตุเหล่านั้นบิดเบือนไป รูปทรงและสัณฐานของมันก็ผิดเพี้ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน ในขณะที่มนุษย์โลกพยายามมองเห็นและเข้าใจจากมุมมอง ความเชื่อ ด้วยความเข้าใจที่มีขีดจำกัดเกี่ยวกับจักรวาล

    วิทยาการมีมากมายหลายประเภท นอกจากวิทยาศาสตร์ที่เรารู้จักวิทยาการบางสายเป็นศาสตร์แห่งการเคลื่อนที่ด้วยการใช้เสียง วิทยาการในโลกปัจจุบันของเราเป็นศาสตร์แห่งการสื่อสารและพลังงาน ดังนั้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์ของเราพยายามอธิบายเรื่องการสร้างปิรามิด Stone Henge หรือปรากฎการณ์อื่นๆ ด้วนกฎเกณฑ์ของวิทยาการปัจจุบัน พวกเขาก็ไม่สามารถจะเข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับวิทยาการในยุคนั้นได้ นอกจากนี้มนุษย์มักเข้าใจว่า วิวัฒนาการรุดหน้าไปเป็นเส้นตรง โดยที่อดีตล้าหลังกว่าปัจจุบัน และอนาคตล้ำหน้ากว่าปัจจุบันเสมอ จริงๆแล้ววิวัฒนาการและวิทยาการในอดีตล้ำหน้ากว่าปัจจุบันที่เรารู้จักมากมายนัก...

    มีเรื่องราวปรากฎการณ์น่าสนใจที่อยากแนะนำจากหนังสือน่าอ่านครับ
    ของนักเขียนผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขาของท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย


    http://palungjit.org/showthread.php?t=19213
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2008
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สามโลก...กับ โลกุตตระ
    แล้วแต่จิตของคนมองเห็น !!!!
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="headline" align="left" valign="baseline">10 สุดยอดภาพจากอวกาศ </td> <td align="right" valign="baseline" width="85">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">2 มกราคม 2551 18:42 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> อวกาศกว้างใหญ่และดวงดาวบนฟ้าไกลเป็นดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ที่มนุษย์เฝ้าฝันจะฝ่าฟันเดินทางไปหยั่งรู้พื้นที่ที่ไม่รู้ว่าจบลงตรงไหน นานมาหลายศตวรรษเท่าที่มนุษย์รู้จักแหงนมองท้องฟ้า ภาพแสงระยิบระยับล้วนจับตาจับใจไม่น้อย และเมื่อมนุษย์สามารถประดิษฐ์กล้องส่องทางไกลจนขยายใหญ่ถึงกล้องโทรทัศน์ ภาพดวงดาวที่ไกลโพ้นก็ชัดเจนขึ้นทุกขณะ

    ทว่า เมื่อกล้องโทรทรรศน์ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถสูงขึ้น ถึงขนาดส่องไกลได้ถึงหลายร้อยหลายพันปีแสง และยังออกไปโคจรนอกโลกบันทึกภาพต่างๆ แทนดวงตาของมวลมนุษยชาติ ภาพจากอวกาศในช่วงหลังๆ จึงได้สวยงามและอัศจรรย์ยิ่งนัก

    แม้จะล่วงเลยปี 2550 มาหลายเวลาแล้ว แต่ “ภาพอวกาศ” ที่ไร้กาลเวลาก็ยังน่าดูอยู่เสมอ ท่ามกลางภาพอวกาศมากมาย เราจึงขอหยิบยก 10 สุดยอด “ภาพอวกาศ” ที่ความสามารถของมนุษย์จะบันทึกได้มานำเสนอ โดยเป็นลำดับความนิยมจากเว็บไซต์เนชันแนล กราฟิก นิวส์ ที่ได้ประมวลไว้เมื่อครั้นที่ภาพเหล่านี้เผยแพร่สู่สาธารณชน

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>1. วาระสุดท้ายของฝาแฝดดวงอาทิตย์</center>

    เมื่อกลางเดือน ก.พ.2550 องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้เผยภาพดาวฤกษ์ที่ตายแล้ว อยู่ในสภาพ “ดาวแคระขาว” มีแสงสว่างเป็นจุดอยู่ใกล้ใจกลางเนบิวลา NGC 2440 และที่น่าสนใจคือ ดาวดังกล่าวมีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์

    ดาวฤกษ์ขนาดเล็กและกลางอย่าง “ดวงอาทิตย์” ส่วนใหญ่มีจุดจบเป็น “ดาวแคระขาว” เมื่อไฮโดรเจนซึ่งเป็นสารประกอบส่วนใหญ่ของดาวเปลี่ยนเป็นฮีเลียม ดาวดวงนั้นเริ่มกลายเป็นดาวสีแดงยักษ์ และพ่นสิ่งต่างๆ ออกสู่เนบิวลา จากนั้นก็จะเหลือใจกลางที่ร้อน และเปลี่ยนเป็นดาวแคระขาวไปในที่สุด

    ภาพดาวแคระขาวที่บันทึกได้นี้ห่างจากโลกออกไป 4,000 ปีแสง นับว่าเป็นดาวแคระขาวที่ร้อนที่สุดเท่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยบันทึกมา คือมีอุณหภูมิสูงถึง 200,000 องศาเซลเซียส แสงอัลตราไวโอเล็ต (สีม่วง-ฟ้า) ที่เห็นตรงใจกลางภาพนั้นคือกลุ่มก๊าซที่พวยพุ่งออกมาจากใจกลางของดวงดาว

    ดวงอาทิตย์ของเราก็จะมีชะตากรรมเหมือนดาวดวงนี้ แต่ยังไม่เกิดขึ้นภายใน 5 พันล้านปีนี้แน่นอน

    (เครดิตภาพ NASA/ESA)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>2. วัตถุประหลาดวนรอบดาว
    </center>
    ภาพวัตถุประหลาดมวลเท่าดาวเคราะห์โคจรรอบดาวนิวตรอน ในเดือน ก.ย.50 นับเป็นเทห์วัตถุที่แปลกสุดๆ เท่าที่นักดาราศาสตร์เคยพบเห็น แทนที่วัตถุชิ้นนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์ธรรมดาทั่วไป แต่กลับโคจรรอบดาวพัลซาร์หรือนิวตรอนอย่างรวดเร็ว

    ดาวนิวตรอนหมุนรอบตัวเองร้อยกว่ารอบใน 1 วินาที เร็วกว่าเครื่องปั่นในครัวเสียอีก ปกติแล้วดาวชนิดนี้ก็จะหมุนช้าลงตามอายุ แต่ดูเหมือนว่าวัตถุประหลาดจะช่วยส่งพลังให้ดาวดวงนี้เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก จากภาพจะเห็นมวลหมู่แก๊สผุดออกมาในลักษณะที่ไม่เสถียร

    วัตถุมวลประหลาดนี้ห่างจากดาวที่มันโคจรรอบๆ ประมาณ 370,149 กิโลเมตร ใกล้กว่าโลกกับดวงจันทร์ และสามารถสังเกตเหตุการณ์นี้ได้จากโลก

    นักดาราศาสตร์คาดว่าระบบวัตถุประหลาดโคจรรอบดาวนิวตรอนนี้เกิดขึ้นจากดาวฤกษ์ 2 ดวงเมื่อหลายพันล้านปีก่อน และแม้ว่าดาวฤกษ์ดวงใหญ่จะกลายเป็นซูเปอร์โนวาไป แต่ก็ยังซ่อนอยู่เบื้องหลังดาวนิวตรอน ส่วนดาวดวงเล็กกว่าก็ขยายตัวกลายเป็นดาวยักษ์แดง แต่ยังไม่มีใครระบุได้แน่ชัดว่าดาวดวงเล็กจะมีอายุยืนยาวไปถึงเมื่อใด

    (ภาพ Aurore Simmonet/Sonoma State University)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>3. ร่องรอยแห่งน้ำจากดาวอังคาร
    </center>
    ภาพจากดาวเทียมที่โคจรรอบดาวอังคารเผยให้เห็นว่าครั้งหนึ่งเคยมีน้ำไหลผ่านอยู่บนชั้นหิน ซึ่งปรากฎรายงานผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์เมื่อเดือน ก.พ.50 โดยรอยแยกที่ชั้นหินเหนือหลุมเบคเกอเรลทำให้เห็นชั้นหินสีสว่างและเข้ม และเมื่อใช้กล้องความละเอียดสูงจากยานสำรวจดาวอังคารบันทึกสู่โลก นักวิทยาศาสตร์ก็ตื่นตะลึงเมื่อผลวิเคราะห์ออกมาว่า ที่รอยแยกดังกล่าวมีน้ำซึมอยู่ก่อนหน้า และน่าจะมีความหวังว่าหากขุดเข้าไปในพื้นผิวของดาวแดง น่าจะพบแหล่งน้ำอย่างแน่นอน

    (ภาพ Science)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>4. เนบิวลาบิดเกลียว
    </center>
    ฝุ่นผงจากดาวหางรายล้อมดาวฤกษ์ให้ดูเหมือนดวงตาในใจกลางเนบิวลารูปหอย (Helix nebula) อันห่างไกล ภาพนี้บันทึกจากกล้องโทรทัศน์อวกาศสปิตเซอร์ของนาซา และเปิดเผยสู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 12 ก.พ.50 เนบิวลานี้ห่างจากโลก 700 ปีแสง ประกอบด้วยดาวฤกษ์ที่มีลักษณะเหมือนดวงอาทิตย์แต่ดายไปแล้ว กลายเป็นดาวแคระขาวสีสันหลากหลาย

    ยังมีเนบิวลาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเช่นนี้มากมายในกาแลกซีทางช้างเผือกที่พวกเราอาศัยอยู่ แต่เนบิวลารูปหอยเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นหลักฐานถึงการรอดชีวิตในจักรวาล ก่อนที่ดาวจะหมดอายุขัย ดาวหางก็โคจรผ่านเข้ามาสู่ระบบพอดี ขณะที่ดาวดายลงก็ขยายตัวออก เกิดมวลปะทะกัน ฝุ่นผงจากทั้งคู่ดันเข้าหากันและหมุนวนรอบดาวแคระขาว อันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทิ้งไว้หลังดาวฤกษ์สูญสลาย

    (ภาพ NASA/JPL-Caltech/University of Arizona)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>5. ดาวแม่เหล็กระเบิด </center>

    ภาพจำลองเทห์วัตถุอวกาศที่พบได้ยากยิ่ง “ดาวแม่เหล็ก” ขณะกำลังระเบิดและปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปรังสีเอ็กซ์ ดาวดวงนี้ห่างจากกลุ่มดาวคนยิงธนูประมาณ 15,000 ปีแสง เป็นดาวนิวตรอนหมุนเร็วขนาดเล็ก และก่อนหน้าการระเบิดปลดปล่อยรังสีเอ็กซ์ออกมาเป็นจำนวนมาก

    ดาวแม่เหล็กดวงนี้มีความกว้างเพียงแค่ 15 กิโลเมตร แต่มีมวลมากพอๆ กับดวงอาทิตย์ ซึ่งองค์การอวกาศยุโรป (อีซา) ผู้นำในการศึกษาครั้งนี้พบว่าดาวดังกล่าวมีสนามแม่เหล็กรุนแรงมากเป็นอันดับต้นๆ ในจักรวาล สูงมากกว่า 600 ล้านล้านล้านเท่าของสนามแม่เหล็กโลก

    (ภาพ NASA/Swift/Sonoma State University/A. Simonnet)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>6. มนุษย์ต่างดาวอาจจะแปลกประหลาดกว่าที่คิด
    </center>
    นี่เป็นภาพจำลองการลงจอดของยานแหย่ (โพรบ) ฮอยเกนของนาซาและอีซา ที่ตกลงท่ามกลางทะเลสาบมีเทนของ “ไททัน” บริวารแห่งดาวเสาร์ และจากการจมจ่อมอยู่ในของเหลวแบบนั้น ทำให้ทางภาคพื้นดินได้รับข้อมูลว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกอาจจะแปลกประหลาดไปจากที่เคยคาดการณ์กันไว้

    นักวิทยาศาสตร์มีข้อมูลส่วนหนึ่งที่จะพิจาณาถึงคำจำกัดความของ “ชีวิต” ในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างสิ้นเชิง ที่โลกเราพึ่งพา “คาร์บอน” เป็นองค์ประกอบสำคัญ แต่ชีวิตที่ต่างดาวที่ได้รับข้อมูลจากไททันนั้น น่าจะมีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง และที่สำคัญสามารถดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้ว อย่างทะเลกรดได้

    (ภาพ : Gregor Kervina, courtesy NASA/JPL)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>7. ซูเปอร์โนวาทำลาย “หอคอยฝุ่น”</center>

    “พิลลาร์ส ออฟ ครีเอชัน” (Pillars of Creation) หรือ “แท่งฝุ่นแห่งการสร้าง” ซึ่งเป็นกลุ่มก๊าซรูปแท่งขนาดใหญ่ที่เป็นหน่ออ่อนสำหรับการอนุบาลดาวฤกษ์รุ่นใหม่ ในเนบิวลานกอินทรี ซึ่งนักดาราศาสตร์ได้คาดการณ์มานับพันๆ ปีแล้วว่าพิลลาร์ ออฟ ครีเอชันจะถูกทำลายด้วยแรงระเบิดของซูเปอร์โนวาจากมรณกรรมของดาวฤกษ์ยักษ์ในบริเวณใกล้เคียง ในช่วงเดือน ม.ค.2550

    แท่งที่อัดแน่นไปด้วยฝุ่นก๊าซแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการก่อกำเนิดดาวใหม่ กลายเป็นภาพสำคัญเมื่อฮับเบิลบันทึกได้ในปี 2538 โดยส่วนที่หนาแน่นที่สุดนั้นถูกคลื่นกระแทกจากซูเปอร์โนวาตั้งแต่ 6 พันปีก่อน ซึ่งกว่าที่เราจะได้เห็นภาพเนบิวลาที่ถูกทำลายแล้วนั้นก็ต้องย้อนไปถึง 7 พันปีแสงอันเป็นระยะทางที่เนบิวลาดังกล่าวห่างจากโลก

    ภาพในย่านแสงอินฟราเรดจากกล้องสปิตเซอร์แสดงให้เห็นในส่วนสีแดงว่าเนบิวลานกอินทรีนั้นร้อน และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ถูกกระตุ้นจากพลังของซูเปอร์โนวา ทำให้หอคอยดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ถูกอิทธิไม่สามารถทนทานต่อสภาพดังกล่าวได้จึงเกิดการสลายไปในที่สุด

    อย่างไรก็ดี การระเบิดของหอคอยแหล่งกำเนิดแห่งดวงดาวก็หาใช่ข่าวร้ายซะทีเดียว ซึ่งนักดาราศาสตร์เชื่อว่าคลื่นกระแทกของซูเปอร์โนวาจะเป็นเชื้อไฟทำให้เกิดดาวใหม่ท่ามกลางกลุ่มควันที่คลื่นย่างกรายไปถึง

    (ภาพ NASA/JPL-Caltech/Institut d’Astrophysique Spatiale)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>8. ระบบสุริยะเป็นรูป “กระสุน” </center>

    ภาพกราฟิกแสดงให้เห็นถึงระบบสุริยจักรวาล ที่เต็มไปด้วยอนุภาคที่อัดเกาะกันไว้ (สีเหลือง) ขณะกำลังผ่านเข้าสู่สนามแม่เหล็กระหว่างดวงดาวของกาแลกซีทางช้างเผือก (แนวเส้นสีน้ำตาล) ซึ่งภาพจำลองนี้เป็นผลมาจากการค้นพบครั้งใหม่โดยข้อมูลจากยานวอยเอเจอร์ที่เดินทางท่องอวกาศมาเกือบ 30 ปีว่า ภาพของระบบสุริยะนั้นมีลักษณะเป็นวงรีหรือกระสุน

    (ภาพ Opher et al., 2007/Science)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>9.ลำแสงแห่งดาวพฤหัส</center>

    แสงสีม่วงที่ปรากฏตรงขั้วเหนือและใต้ของดาวพฤหัสที่เห็นในภาพนี้บันทึกในย่านรังสีเอ็กซ์ โดยกล้องโทรทัศน์จันทรา ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และผนวกเข้ากับภาพในคลื่นแสงที่ตามองเห็นจากกล้องฮับเบิล นับเป็นภาพที่ได้รับความสนใจไม่น้อย

    ลำแสงดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยว่ามีแสงที่ขั้วออกมาได้อย่างไร ทั้งที่ดาวเคราะห์ดวงใหญ่สุดแห่งระบบสุริยะ มีการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กอย่างรวดเร็วและรุนแรงทุกๆ 10 ชั่วโมง สร้างแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 10 ล้านโวลต์ที่รอบๆ ขั้วทั้ง 2

    ทั้งนี้การโยกไปมาของดาวพฤหัส เกิดจากการกระตุ้นของอนุภาคภูเขาไฟจากดวงจันทร์ไอโอ ซึ่งดูเหมือนการแสดงที่ไม่มีวันจบสิ้น ความเชื่อมโยงระหว่างอุภาคภูเขาไฟที่ได้รับจากจันทร์บริวารดวงเล็กๆ ถึงกับมีผลต่อขั้วของดาวเคราะห์อย่างพฤหัสเลยหรือ...นี่คือปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์ยังงุนงงอยู่

    (ภาพ NASA)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <center>10. ดาวหาง “แมกนอต” สุกสว่างเหนือท้องฟ้าซีกโลกใต้ </center>

    การเดินทางมาเยือนโลกของดาวหางแมกนอต เมื่อต้นปี 2550 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงที่ดาวหางดวงนี้สว่างสุกใสที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งสว่างมากจนสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า แม้ในยามที่ดาวหางปรากฏใกล้กับช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ยังมองได้อย่างชัดเจน

    โรเบิร์ต แมกนอต นักดาราศาสตร์ชาวออสเตรเลียเป็นผู้ค้นพบดาวหางที่สุกสว่างนี้ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2549 ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ออสเตรเลีย แต่น่าเสียดายที่ดาวหางดวงนี้สังเกตได้เฉพาะจากท้องฟ้าทางซีกโลกใต้ ซึ่งภาพที่บันทึกได้นี้ เป็นดาวหางแมกนอตที่มีความกว้าง 10 กิโลเมตร กำลังพุ่งดิ่งเหมือนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อวินาที เหนือพื้นที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ห่างจากโลกออกไป 120 ล้านกิโลเมตร

    (ภาพ Simon Baker/Reuters)

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เท็กซัสตะลึงเจอยูเอฟโอโผล่-ก่อนจอดยังพื้นดิน <table align="center" border="1" bordercolor="#728dac" cellpadding="0" width="725"><tbody><tr><td bgcolor="#ffffff"> <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> ชาวเมืองเท็กซัสลือเจอยูเอฟโอโผล่เหนือท้องฟ้า ระบุมีพยานหลายคนเห็นจะลงจอดพื้นดิน ด้านกองทัพบอกชาวเมืองตาฝาดไปเอง เพราะอาจเป็นภาพแสงสะท้อนของเครื่องบินที่บินใกล้กัน

    สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อที่ 15 ม.ค.ว่า ชาวเมืองสเต็ปเฮ็นวิลล์ ในรัฐเท็กซัส ต่างร่ำลือว่าพวกเขาได้เห็นยูเอฟโอเหนือท้องฟ้า โดยมีประจักษ์พยานหลายสิบคน รวมทั้ง นักบิน และเจ้าของธุรกิจ ทุกรายยืนยันว่าได้เห็นวัตถุขนาดใหญ่มีแสงบินอย่างรวดเร็วในระดับต่ำ ขณะที่บางรายก็อ้างว่ายังเห็นเครื่องบินรบขับไล่ตามด้วย

    รายงานระบุว่า ชาวบ้านเหล่านี้บอกว่า ยูเอฟโอดังกล่าวไม่เหมือนเครื่องบิน

    เพราะมีขนาดใหญ่กว่า บินเร็วกว่า และมันได้ลดระดับลงจอดราบต่ำกว่าเครื่องบินลงยังพื้นดิน แถมยังเปลี่ยนสีด้วย และนับเป็นครั้งล่าสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ที่ชาวบ้านในหลายเมืองบอกเล่าว่า พวกเขาได้เห็นยูเอฟโอมาหลายครั้ง และบรรยายรูปพรรณสัณฐานคล้าย ๆ กัน

    อย่างไรก็ตาม ด้านกองทัพสหรัฐได้ออกโรงมาปฎิเสธกระแสข่าวลือยูเอฟโอโผล่เหนือเท็กซัส

    โดยโฆษกของฝูงบินรบที่ 301 ประจำฐานทัพเรือในเมืองฟอร์ท เวิร์ธ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องตาฝาดของชาวบ้าน โดยเขาเชือว่าสิ่งที่ชาวบ้านเห็นน่าจะเป็นเครื่องบินพาณิชย์สองลำบินใกล้กัน และเจอแสงสะท้อนจากแสงอาทิตย์มากกว่า ทั้งนี้ รายงานจากเครือข่ายยูเอฟโอเปิดเผยว่า ในแต่ละเดือน จะมีรายงานการพบเห็นยูเอฟโอเฉลี่ย 200 ครั้ง โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย,โคโลราโด และเท็กซัส ขณะที่โพลสำรวจความเห็นต่อชาวอเมริกันระบุว่า 14% บอกว่าเคยเจอยูเอฟโอ

    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</center></td></tr> </tbody></table>
    โดย :พังจูดี้ (สมาชิก) โพสเมื่อ [ วันอังคาร ที่ 15 มกราคม 2551 เวลา 13:38 น.] [​IMG]</td> </tr></tbody></table>
     
  9. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    .........................
    ยูเอฟโอหรืออีกา
    .........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3915.jpg
      IMG_3915.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.4 KB
      เปิดดู:
      158
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ตาดีนะครับ
    เคยถามคุณ Falkman แล้ว เค้าบอกว่าวันนั้นนกบินเยอะมาก
     
  11. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    (||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2008
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    พบสัญญาณโมเลกุลชีวิตรอบดาวไกลโพ้น <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">20 มกราคม 2551 01:17 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ช่วงคลื่นอินฟราเรดจากแถบฝุ่นรอบดาว HR 4796A บ่งชีวิตถึงโมเลกุลโธลินส์ซึ่งเป็นสัญญาณก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต โดยภาพนี้ได้ปรับแต่งเพื่อให้เห็นแถบฝุ่นชัดเจน</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ภาพจากกล้องฮับเบิลซึ่งแสดงให้เห็นถึงวงแหวนของฝุ่นรอบดาว HR 4796A ที่อยู่ตรงจุดกลางภาพ ทั้งนี้ปิดพื้นที่ตรงกลางเพื่อป้องกันแสงสว่างของดวงดาวรบกวนความว่างของแถบวงแหวน (เครดิต: UCLA/Univ. of Ariz./NASA)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> สเปซด็อทคอม/สเปซไฟลท์นาว/เดลีเมล - นักดาราศาสตร์สหรัฐฯ พบสัญญาณโมเลกุลอินทรีย์อันซับซ้อน ในแถบฝุ่นรอบดาวฤกษ์อันไกลโพ้น ซึ่งอยู่ระยะสุดท้ายของการสร้างดาวเคราะห์ คาดโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่พบอาจเป็นคุณลักษณะสามัญของระบบดาวเคราะห์

    จอห์น เดบส์ (John Debes) และอาลิเซีย ไวน์เบอร์เกอร์ (Alycia Weinberger) นักดาราศาสตร์จากสถาบันคาร์เนกี (Carnegie Institution) สหรัฐฯ พร้อมด้วย เกลนน์ ชไนเดอร์ (Glenn Schneider) จากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (University of Arizona) อาศัยอุปกรณ์ตรวจวัดรังสีอินฟราเรดของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลสังเกตพบการกระเจิงแสงขาวและแสงอินฟราเรดจากแถบฝุ่นรอบดาว HR4796A ซึ่งเป็นดาวฤกษ์อายุราว 8 ล้านปี ที่อยู่ไกลจากโลก 220 ปีแสง โดยสัญญาณที่พบนั้นเกิดจากโมเลกุลคาร์บอนอินทรีย์ที่เรียกว่า "โธลินส์" (tholins) และไม่ปรากฏว่าสเปกตรัมของสัญญาณที่พบนั้นตรงกับสสารสีแดงอย่างเหล็กออกไซด์ด้วย

    "จนถึงเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าอะไรทำให้แถบฝุ่นกระเจิงแสง ดังนั้นเพื่อค้นหาโธลินส์แล้ววิธีที่เราทำนั้นนับถือเป็นก้าวกระโดครั้งสำคัญในความเข้าใจของเรา" เดบส์กล่าว

    โธลินส์นั้นไม่สามารถก่อตัวได้เองบนสภาพแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน เนื่องจากออกซิเจนในชั้นบรรยากาศจะทำลายโมเลกุลเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

    ทั้งนี้สันนิษฐานว่าโมเลกุลดังกล่าวมีอยู่ในยุคเริ่มต้นของโลกเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโมเลกุลชีวภาพที่ก่อเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังพบโธลินส์ได้ในบริเวณอื่นของระบบสุริยะ อย่างเช่นบนดาวหางและดวงจันทร์ไททัน (Titan) ของดาวเสาร์ เป็นต้น

    การศึกษาล่าสุดของเขาเหล่านี้เป็นการค้นพบโธลินส์นอกระบบสุริยะเป็นครั้งแรก โดยทีมวิจัยได้เผยแพร่การค้นพบผ่านจดหมายวารสารแอสโทรฟิสิคัล (Astrophysical Journal Letters) ด้วย

    ทั้งนี้ดาวฤกษ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบสัญญาณก่อเกิดสิ่งมีชีวิตครั้งนี้สว่างกว่าดวงอาทิตย์ 20 เท่าและอยู่ในระยะสร้างดาวเคราะห์ ซึ่งฝุ่นจำนวนมากที่อยู่รอบๆ นั้นเกิดขึ้นจากการชนกันของดาวหางและอุกกาบาตที่โคจรรอบดาวฤกษ์ หากมองจากพื้นโลกขึ้นไปบนท้องฟ้าดาวฤฏษ์ที่ว่านี้จะอยู่ในกลุ่มดาวม้าครึ่งคน (centaurus) ทางซีกโลกใต้

    แถบฝุ่นรอบดาว HR4796A ได้รับการค้นพบเมื่อปี 2534 ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับนักดาราศาสตร์จำนวนมากที่ได้พบตัวอย่างของระบบดาวเคราะห์ที่อยู่ระหว่างการก่อตัว และฝุ่นที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นอาจปกคลุมด้วยสารอินทรีย์ซึ่งอาจส่งโครงสร้างแห่งการก่อเกิดชีวิตนี้ไปยังดาวเคราะห์ที่อาจกำลังโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงนี้ได้

    "นักดาราศาสตร์เพียงแค่เริ่มต้นมองหาดาวเคราะห์ที่อยู่รอบดวงดาวซึ่งต่างจากดวงอาทิตย์มาก โดย HR4796A มีมวลและยังร้อนมากกว่าเกือบ 2 เท่า อีกทั้งยังส่องสว่างกว่าถึง 20 เท่าด้วย ซึ่งการศึกษาระบบดาวนี้ได้เพิ่มเบาะแสไปสู่ความเข้าใจในเงื่อนไขที่แตกต่างของการก่อเกิดดาวเคราะห์และอาจจะหมายถึงชีวิตสามารถมีวิวัฒนาการได้" เดบส์กล่าว
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000003765
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  13. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    พอดีช่วยลูกทำการบ้านดูคลิป youtobe เจอคลิปข้างเคียงเกี่ยวกับ UFO สิบกว่าลำล้อมรอบสถานีอวกาศเมียร์ เลยเอามาโพสไว้เผื่อสนใจดูครับ
    ส่วนตอนแรกๆ มีพูดเกี่ยวกับ Space Serpents น่าจะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวตัวสีฟ้าๆ (เคยอ่านเจอตรงเวปบอร์ดไหนก็จำไม่ได้แล้ว) ลองไปดูกันเองนะว่ามีประโยชน์สำหรับเวปบอร์ดนี้หรือเปล่า

    ดูได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=kKgCXcjDV58&NR=1
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.319331/[/vdo]​

    ภาพถ่าย VDO วัตถุบินลึกลับล่าสุดในประเทศไทย
    -:เหตุเกิดที่จังหวัดหนองคาย:-

    โดยคุณ Boy เป็นเซลล์เครื่องมือแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไปทำงานอยู่ทางภาคอีสาน
    ภาพนี้บันทึกได้เมื่อช่วงราว 6 โมงเย็น ปลายเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา​

    จุดที่บันทึกภาพอยู่บนถนนสายหลักระหว่างทางหนองคาย (อำเภอท่อบ่อ) เข้าสู่จังหวัดอุดรฯ ขณะกำลังขับรถกลับที่พักมาเพียงคนเดียว คุณ Boy ก็เหลือบไปเห็นเข้า อยู่ทางด้านขวามืออยู่สูงจากขอบฟ้าราวๆ 30 องศา เป็นแสงทรงกลมโตสว่างจ้าเหมือนไฟ spotlight อยู่ไกลพอสมควรกำลังพุ่งตัดผ่านมวลอากาศและก้อนเมฆ ด้วยความเร็วสูงมาก ขนานไปกับพื้นโลกและตีคู่กับรถของเค้าไประยะหนึ่ง จึงรีบคว้ากล้องมือถือขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น (ถ่ายด้วยมือข้างซ้าย+มือขวาจับพวงมาลัย)

    ขณะที่เค้าถ่ายภาพก็บรรยายภาพไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าเสียงที่บันทึกออกมาฟังแทบไม่รู้เรื่อง เหมือนมีคลื่นสัญญาณรบกวนตลอดซึ่งไม่เคยเป็น เท่าที่พูดคุยกัน คุณ Boy อธิบายว่า..จากการมองเห็นด้วยตาเห็นเปล่าเห็นได้ชัดเจนกว่านี้มาก ขนาดที่มองเห็นมีขนาดประมาณหัวนิ้วก้อย มีการเหวี่ยวหมุนกระเพื่อมอยู่ภายใน เป็นแสงสีขาวดวงใหญ่มากมีรังสีน้ำเงิน-เขียว เปล่งออกมารอบๆ มีหางเป็นไอสีเขียวจางๆ จากนั้นพอวางมือลงเพื่อขับรถต่อไป คุณ Boy มองเห็นวัตถุนั้นบินพุ่งสูงขึ้นฉีกออกไปทางขวาด้วยความเร็วสูงและหายลับสายตาออกไปครับ

    ภาพนี้คนส่วนมากที่เห็นผ่านๆอาจคิดว่าเหมือนภาพดวงอาทิตย์ หรือแสงสะท้อนกระจกรถยนต์ทั่วไป หลังจากพูดคุยทางโทรศัพท์สัมผัสจิตใจของคุณ Boy แล้วก็มั่นใจครับเป็นว่าเป็นประสบการณ์จริงแท้ของเค้าแน่นอน คุณ Boy บอกว่าเกิดมา 30 ปีก็เพิ่งเคยเห็นแบบนี้ ตื่นเต้นมากๆ หลังจากนั้นพอกลับไปถามคนในพื้นที่แถวนั้นปรากฎว่ามีพยานยืนยันการพบเห็นอยู่หลายคนก็ไม่ทราบว่าคืออะไรแต่ตกใจกันพอสมควร คุณ Boy จึงเชื่อและมั่นใจว่ามี UFO อยู่ในมิติคู่ขนานจริงก็วันนั้นเองครับ

    เมื่อวานผมก็แอบลองพิสูจน์เทียบสถานการณ์ดูแล้ว ปรากฎว่าเวลา 6 โมงเย็นพระอาทิตย์จะหรี่แสงลงไปเยอะและอยู่ขอบฟ้ามุมต่ำกว่านี้ลงไปอีก แสงอาทิตย์จะซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆหากอากาศไม่โปร่งใส จึงไม่สว่างจ้าได้ขนาดนี้ และจะเห็นเป็นแสงสีส้มเรื่อๆในบรรยากาศด้านบนของดวงอาทิตย์เสมอ (อันนี้แสงปรากฎอยู่ด้านล่าง) และถ้าสังเกตจะเห็นขนาดเค้าเล็กลงจากกลมๆใหญ่ก็เป็นทรงรีในตอนท้ายๆอีกด้วย ที่เห็นจึงไม่ใช่ดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน

    และลองอีกวิธีหนึ่งดู โดยลองเอาไฟฉายส่องให้สะท้อนที่กระจกรถแล้วถ่าย VDO ออกมาดูปรากฎว่าแสงจะจางกว่าไม่แจ่มชัดเหมือนที่เห็น เนื่องจากมีแสงภายนอกรบกวนมาก แถมกล้องยังโฟกัสจุดแสงไฟบนกระจกไม่ค่อยจะได้ด้วย เมื่อทดสอบจนมั่นใจว่าภาพชุดนี้เป็นวัตถุบินลึกลับของจริงแท้แน่นอน จึงนำมาโพสไว้เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งของประเทศไทยครับ:-

    <LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ ได้รับไฟล์มาจากน้องชายคุณอลงกรณ์ มุขธระโกษา</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>UFO+หนองคาย.wmv (4.85 MB, 41 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2008
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    (good)(good)(good)

    </fieldset>
     
  16. OrangeHP

    OrangeHP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    น่าสนใจมากเลย อยากฝึกจิต คุยกับชาวต่างดาว
     
  17. กิตฺติคุโณ

    กิตฺติคุโณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +61
    ไม่มีใครลงภาพอีกเหรอครับอยากเห็นมาก
     
  18. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,328
    อืม! น่าสนใจมาก
     
  19. วิมานะ

    วิมานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2008
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +202
    *-*
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Image(257).jpg
      Image(257).jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.2 KB
      เปิดดู:
      165
  20. ปิ่นเมือง

    ปิ่นเมือง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +61
    ถามอาจารย์เทพนม เมืองแมน ดูดิถ้าอยากรู้
    เค้าว่ากันว่าท่านสามารถติดต่อกับคนต่างดาวได้ มีรูปที่ท่านถ่ายไว้มากนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...