ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    จงเป็นดวงตะวันที่ร้อนแรงและท้าทาย
    สู้หน้าอย่าอับอายในโลกกว้างอย่างทรนง
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    สองมือแม่...ที่โอบอุ้มเจ้ามาจนเติบใหญ่
    หวังเพียงให้ ลูกพึ่งพาตนเองได้ และเป็นคนดีของสังคม
    นำพาประโยชน์สุข สู่มวลมนุษยชาติ
    อย่าเพียงแต่ว่า...เกิดมาเพื่อนับชาติเท่านั้น
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ทุกย่างก้าวของลูก
    จงเป็นไปเพื่อยังประโยชน์สุขแก่ตนเองและส่วนรวม
    ยังประโยชน์ท่านให้มากกว่าหรือเทียบเท่าประโยชน์ตน
    อย่าเป็นคนรกโลก
    อย่าอยู่ให้หนักโลก
    แต่จงจรรโลงโลกให้เบิกบาน...
     
  4. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448

    [​IMG]

    มีหินหลากมากมายในไพรกว้าง
    ทั้งนอนวางอ้างว้างไร้แลเหลียว
    บ้างถูกจับปรับเปลี่ยนเวียนวนเกลียว
    มองมุมเดียวอาจซ่อนซ้อนความใน..^^
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730

    เจดีย์หิน เรียงราย ในท้องน้ำ
    เหมือนเป็นคำ ปรัชญา น่าสงสัย
    ว่าแฝงไว้ ด้วยเหตุผล กลอันใด
    หินสอนใจ ให้แน่นหนัก จักเป็นคุณ
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    วิภัตติปัจจัย

    เสริมวิภัตติ ปัจจัย ใส่ก้อนหิน
    เคยได้ยิน คำกล่าวไว้ ในหนังสือ
    คิดไม่ออก บอกไม่เห็น เช่นคำลือ
    ติงซื่อบื้อ งวยงง ลงอย่างไร
     
  7. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    [​IMG]

    ตามมางงลงยากลำบากด้วย
    หินก้อนสวยแฝงไว้ในภาษา
    รู้อะไรให้แน่แท้ก่อนมา
    ยากจริงหนาว้าวุ่นหนอคุณครู..^^

    จริงๆแล้วจะบอกว่า..

    ตามมางงลงยากลำบากด้วย
    หินก้อนสวยแฝงไว้ในภาษา
    รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
    รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี..อิอิ.มั่วๆจำมาแปะปะกลอน

    แบบว่า ตามมาไร้สาระกะก้อนหินรอเจ้าถิ่นอ่ะค่า catt3
     
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ไมโครโฟน และเสียงร้องเพลงท่าน Raming เป็นเหตุ ย้ายบ้านหลังใหม่เลย แสดงว่าเสียงร้องของท่านดังกังวานไม่เบา อิอิ

    สวัสดีนะคะ ทุกๆท่าน
    เอามาฝากกันค่ะ



    ทรรศนะต่างกัน

    การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน อย่าเอาเลวมาอวดกัน การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจ้วงจาบในพระพุท...ธ พระธรรม พระสงฆ์หรือท่านที่มีศีลมีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเราและขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น หากใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนักหรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด เท่านั้น ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง

    อุเบกขาธรรม

    การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มาก ๆโดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า
    ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อแล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว

    หลวงปู่ได้ยกอุทาหรณ์ สอนต่อว่า

    เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วย คนที่หนึ่งมีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่สองมีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกลงเหวอีก คนที่สามมีมุทิตามาช่วยดึงอีกก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน คนที่สี่สุดท้ายเป็นผู้มีอุเบกขาธรรมเห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่ จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้ง ๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรมที่จะช่วยเหลืออยู่ คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตามเพราะ อุเบกขาธรรมนี้แล

    หลวงปู่ดู่


    [​IMG]


    <FORM id=u_jsonp_3_18 class="commentable_item autoexpand_mode" method=post action=/ajax/ufi/modify.php rel="async"><INPUT type=hidden value=€,´,€,´,水,Д,Є name=charset_test><INPUT type=hidden value=AQBhhcoN name=fb_dtsg autocomplete="off"><INPUT type=hidden value='{"actor":"104053099706254","target_fbid":"483492948428932","target_profile_id":"104053099706254","type_id":"7","assoc_obj_id":"","source_app_id":"0","extra_story_params":[],"content_timestamp":"1393855200","check_hash":"AQCKvc7_AsFzo1-7","source":"13"}' name=feedback_params autocomplete="off"><INPUT type=hidden value=1 name=data_only_response autocomplete="off"><INPUT type=hidden value=1 name=timeline_ufi autocomplete="off"><INPUT type=hidden value=AQBH-OGbzhirBXY_giMhgFO9_HUxOFaMGOOEAiUyYtzttIrEyqpC9TXUe6RbF-PJDzmkgppCvycyLhM6YUlX29w2eeA86nrLuTPz7oefhD_-QAmL5j0zw0kHVu5c3HvCy1vs3PjujPVDkyjAzEtG7k4s3i7FNNqHvRZI82bD4ObFjp5L8Rgoc89-jzq-glj16EEy6oHtRHYTBTiiFdZwoJSatTZtPCQBJd200KHE7qrNQDuWbgN960HZgX8TPcZfXHfcmh9q6gJYR1R-3QvccfpbBH7Gu1d9yPXCInjQYROndX7a-7HPeGffwVRRC40xcC8pldGH4e-W6iAMNUUoxawM9xEdz66_MfIrq9osAr1Vnh9kUjLDJJB1Nr3e3AV7V4pR80APnR7R3oQO2Is457IlrlMR5dXNp3H9D3EHB5B4Wg name=timeline_log_data>


    https://www.facebook.com/watputtaprompanyo
    </FORM>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2014
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ฟังคำครู ที่สอนสั่ง ติงนั่งคิด
    ชี้ถูกผิด ได้จริง สิ่งสงสัย
    ศิษย์มีครู เชิดชูยิ่ง กว่าสิ่งใด
    สอนศิษย์ให้ เดินถูกทาง อย่างมั่นใจ

    น้อมอนุโมทนาในคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ค่ะคุณrungdao
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ชอบบทกลอน pegaojung นั่งหัวร่อ
    เก่งจริงหนอ ดำน้ำมา พาให้ขำ
    ติงชื่นชอบ ช่างสรรหา มาเล่นคำ
    จับผสม บ่มคำเล่น ก็เป็นกลอน
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    สิ่งที่เห็น อาจไม่เป็น เช่นที่คิด
    ชี้ถูกผิด คิดเอาเอง เกรงจะเขว
    ดูก้อนหิน ผินหน้าทัก ชักรวนเร
    โอละเห่ หันหลังกลับ นับหินเพลิน
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ทรรศนะต่างกัน

    การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน อย่าเอาเลวมาอวดกัน การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจ้วงจาบในพระพุท...ธ พระธรรม พระสงฆ์หรือท่านที่มีศีลมีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเราและขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น หากใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนักหรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด เท่านั้น ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง


    ด้วยฑิฐิคนไม่เสมอกัน วาสนา(แปลจากบาลีน่าจะหมายถึงสันดารเก่าที่ติดมา)ไม่เหมือนกัน อุปนิสสัย และ จริตย่อมต่างๆกัน...เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้น ผมไม่ค่อยอยากไปวิจารณ์ใคร หรือเล่าอะไรให้ใครฟังสักเท่าไรแล้ว...ผมคิดว่าพูดไปไม่เกิดประโยชน์ ที่จะให้ผลจริงๆคือ ต้องหุบปากให้สนิทแล้วทำไปให้ถึงที่สุดก่อน...เพราะเมื่อถึงที่สุดแล้ว มันสิ้นสงสัยแล้ว มันไม่ต้องถามอีกแล้ว แต่จะไปพูดหรือเล่าให้ใครฟัง ก็ไม่รู้จะเล่าไปทำไมอีก เพราะรู้ทั้งรู้ว่า เล่าไปแล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์ ได้แต่บอกประโยคเดิมๆที่ทุกๆคนเคยได้ยินกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมไปเถิด ทำเองจะรู้เอง แล้วจะสิ้นสงสัย...
    จะฝึกสายไหน วิธีไหน มันก็ต่างกันเพียงกุศโลบายเท่านั้น จะมีหลายแง่หลายมุมอย่างไร มันก็ก้อนหินก้อนเดียวนี่แหละ คือกายกับจิต มันหนีไม่พ้นตรงนี้เลย จะไปนั่งถกเถียงธรรมกันไป อ่านไปดูไปก็เห็นจะเหมือนคนตาบอดมานั่งชุมนุมถกเถียงกันเรื่องแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ... อยากช่วยพวกนี้ก็ยังไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่เดินผ่านไปก่อน ไปช่วยผู้ที่สมควรจะช่วยได้ก่อนจะดีกว่า...นี่ก็เป็นการใส่เบรคที่ขาเหมือนกันนะ...
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มั่วได้เนียนมากเลยเจ้าค่า...
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มาก ๆโดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า
    ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อแล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว

    อยากจะบอกว่า เป็นคนดีต้องฉลาดด้วย...
    ฉลาดแล้วต้องหัดเฉลียว...
    ฉลาดจริงแล้วต้องรู้เท่าทันความโง่...
    การใช้ความโง่อย่างถูกกาลเทศะก็เป็นความฉลาดได้เหมือนกัน...

    บางคนมีความทุกข์มาก...ยิ่งปลอบใจก็ยิ่งทุกข์...ยิ่งชวนเข้าวัดก็ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก
    บางคนทำผิด ก็ไม่อยากให้ใครมาด่า เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นคนผิด หากไปด่าเข้าก็จะพาลเกลียด โกรธใส่ตอบ หาว่าไปซ้ำเติม แต่ถ้าใครแสดงความเห็นอกเห็นใจ เขาจะสารภาพความผิด และยอมรับนับถือคนผู้นั้น อย่างนี้ก็มี...

    มันคงเหมือนก้อนหินน้อยใหญ่ในแม่น้ำ...มีมากมายหลายขนาด แต่ละขนาดยังมีเหลี่ยมมีมุมที่แตกต่างกัน...คนเรายิ่งซับซ้อนยิ่งกว่า...บ้างมองเห็นหินก้อนกลมแล้วเถียงขึ้นมาว่า..
    ก้อนนี้กลมๆจะมีเหลี่ยมมุมได้อย่างไร...
    อีกคนว่า สนุ๊กลูกกลมๆยังมีเหลี่ยมได้เลย...เหลี่ยมสนุ๊กไง...ทำไมหินกลมๆจะมีเหลี่ยมบ้างไม่ได้...นานาทรรศนะ...เหลือวิสัยจะแนะนำ ด้วยเพราะเป็นใบไม้นอกกำมือเสียแล้ว...

    บางคนด่าว่าเรื่องคนทรงเจ้าเข้าผี...ผมเองก็หลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย...แต่ไม่ใช่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย...จะว่ารู้ก็รู้ดีเสียด้วย รู้ดีแล้วว่ามีข้อเสียอย่างไรจึงได้ไม่ยุ่งด้วย...แต่ก็จะเล่าตัวอย่างให้ฟังว่า สิ่งที่เรารู้ดีรู้ชั่ว หากรู้จักใช้ให้ถูกคน ถูกกาละเทศะแล้ว ก็อาจทำสิ่งที่ยากให้ง่ายเข้าได้...ดังเรื่องเตี่ยผมที่ติดเหล้า ติดบุหรี่ ตามประสาผู้รับเหมาใหญ่...และติดคนทรงเจ้า...คือเชื่อคนทรงมาก...โดยเฉพาะเจ้าพ่อเฮ้งเจียที่สวนผัก...

    เราเป็นลูกจะไปห้าม ไปดุ ตำหนิเตี่ยว่าไม่ให้ไปนั้น ทำไม่ได้...
    ครั้งจะชี้แจงให้เข้าใจ เตี่ยย่อมไม่ฟัง...
    อะไรที่เตี่ยมีความสุขก็ทำไปเถอะ...อีกไม่กี่ปีก็จากกันแล้ว...จะขัดใจไปทำไม...
    ผมต้องขับรถพาเตี่ยไปหาร่างทรงเฮ้งเจียเวลามีงาน...แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแป๊ะกงลงมาคุย..

    ใครห้ามเตี่ยผมเรื่องหยุดเหล้าหยุดบุหรี่แกไม่เคยเชื่อ ไม่ยอมเลิก ทั้งดื่มและดูดเกือบ 70 ปี...ลงทุนไปเยอะแล้ว...เลิกไม่ได้...แต่เมื่อคนทรงบอกว่าปอดลื้อไม่ไหวแล้ว นับต่อจากนี้ไป อั๊วห้ามลื้อกินเหล้า สูบบุหรี่อีก...ลื้อทำได้ไหม....
    เตี่ยผมเอาบุหรี่ ห่อใส่เหงิ่งเตี๋ย แล้วเผาไปด้วยกัน...เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ด้วยวัย 75 ปี...
    นี่ก็เป็นการใช้ประโยชน์จาก ร่างทรง ได้เหมือนกัน...คนเชื่ออะไร ก็อาศัยความเชื่อเขานี่แหละ เพื่อเปลี่ยนนิสัยของเขา...

    ผมชวนเตี่ยไปเดินเที่ยวแถวซอยสายลมช่วงต้นเดือน...ไปหาอะไรกินด้วย...แวะพาเดินไปหาหลวงพ่อฤษี...เห็นคนเฒ่าคนแก่เยอะแยะดีเตี่ยก็สงสัยว่ามาทำอะไรกัน...ก็บอกว่ามาทำบุญ พระองค์นี้เก่งมาก ลูกศิษย์เยอะแยะทั่วประเทศ ใครได้ทำบุญด้วยแล้วจะ ดีสุดยอดมาก...เรื่องร้ายๆจะหายไป จะมีแต่โชคดี มีความสุขสบาย ประสบความสำเร็จความเจริญ...เหมือนได้ทำบุญกับเซียน ว่าไปโน่น...

    ว่าแล้วก็จัดหาสังฆทานให้เตี่ยอธิษฐาน ถวายหลวงพ่อฤษี...จะอธิษฐานอะไร อย่างไร บุญย่อมได้..ไม่ต้องท่องบาลีก็ได้ นึกอยากอธิษฐานอะไรก็ว่ากันไป...สำหรับเตี่ยผมแล้วผมไม่เน้นเรื่องพิธีรีตอง...จะมาเอาเรื่องพวกนี้กับคนซินตึ๊งไม่ได้แน่...อาศัยคนทำมีความสุข ขณะทำสบายใจ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องพิธีกรรมนัก กำลังใจเอาไว้ที่สิ่งที่จะถวาย ผูกไว้กับพระสงฆ์ที่อยู่เบื้องหน้า ได้ยินท่านอวยพรแต่สิ่งดีๆ...

    เมื่อเตี่ยผมมาแล้วสบายใจ ไม่มีพิธีกรรมยุ่งยาก คนเยอะแยะดี สนุกสนาน ก็อยากมาอีก แต่ละเดือนก็พามา ไม่ลำบาก...เรื่องเตี่ยผมจะทำเวรทำกรรมอะไรไว้ในชีวิตสักเท่าไร อันนี้ผมไม่ได้ให้ความสนใจเพราะเรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ให้นึกถึงแต่สิ่งดีๆที่ทำ...

    มีจังหวะก็หาซื้อกับข้าวมาเตรียมไว้ตอนกลางคืน ตี4ตื่นมาทำกับข้าวแล้วปลุกเตี่ยไปใส่บาตรด้วยกัน...กับข้าวจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ไม่รู้ เตี่ยชอบทำทีละ 9 องค์ เพื่อจะก้าวหน้า...เอาก็เอา คนทำตาเหลือกเล็กน้อยก็เอานะ...ทำแล้วเตี่ยสบายใจ อยากจะกรวดน้ำก็ตัดใบตองมาทำกระทงให้กรวดน้ำ ผมไม่มาถกเถียงกะเตี่ยเรื่องกรวดแห้งก็ได้ กรวดเปียกก็ดี ผมเห็นว่าไม่มีประโยชน์ อะไรที่เตี่ยผมสบายใจ แล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้เป็นการลบหลู่ต่อพระรัตนตรัย ผมก็อนุโลมหมดแหละ...เพราะความสำคัญของการทำบุญ ไม่ใช่อยู่ที่พิธีกรรม...มันอยู่ที่กำลังใจของผู้ที่ทำ ทั้งก่อนหน้า ขณะทำ และหลังจากที่ได้ทำไปแล้ว...
    ดังนั้นแทนที่ผมจะรอให้เตี่ยตายเสียก่อนค่อยทำ ผมสู้ชวนเตี่ยทำตั้งแต่มีชีวิตก่อนดีกว่า...อะไรดีๆผมหาให้กินก่อน...แม้จะไปกินอาหารกับแฟนทั้งหลาย มีอะไรอร่อยผมก็จะห่อกลับมาฝากเตี่ยเสมอ นึกถึงไว้ว่า ดีกว่าเอาไปจุดธูปไหว้...เพราะถึงเวลานั้น เตี่ยจะได้รับหรือเปล่าก็ไม่รู้...แทนที่เราจะทำบุญไปให้ สู้พาเตี่ยไปทำบุญด้วยตัวเองเลย จะดีกว่าหรือเปล่า...เพียงแต่กุศโลบายที่จะพาไปนั้น ต่างคนต่างวิธี ต่างสถานการณ์ ก็ต้องเลือกให้ถูกที่ถูกทาง...ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ประการนั่นเอง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2014
  15. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448

    กราบขอบพระคุณงามๆในคำชมเจ้าค่ะ
    ถ้าเป็นท่านอ.toplus99 จะชมว่า
    ..เธอนี่มันแถไปได้อย่างที่ไม่มีใครเค้าทำกัน.. อิอิ catt4
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ดิฉันว่าอย่างน้อยๆ ดิฉันก็ยังโชคดีอยู่บ้างนะคะ และดีใจจริงๆที่ยังมีคนอย่างท่านซึ่งไปมาระหว่าง โลก-ธรรม ได้อย่างรู้แจ้งแทงตลอด มันคงไม่ใช่โชคดีของดิฉันคนเดียวหรอก ดิฉันว่าใครหลายๆคนในนี้ (ที่เห็น) ก็โชคดีด้วยกันทั้งหมด จะหาแบบนี้ก็เหมือนหาหินเหล็กไหลในถ้ำมืดนั่นแหละค่ะ

    แต่ถ้าท่านเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรมมาก่อนแล้วนั้น ดิฉันจะขอไปไกลๆท่านเลย เนื่องจากกลัวกรดค่ะ ดังที่ใครหลายๆคนบอกว่า คนเก่งและฉลาดนั้นหาได้ง่าย แต่คนที่ดีที่ฉลาดนั้นหาได้ยากยิ่ง

    ธรรมของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ บางทีนั้นก็เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง บางทีดูเหมือนเข้าถึง แต่ไม่เข้าใจ ดังนั้นการหยิบยกธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านขึ้นมากล่าวอ้างนั้น จึงต้องระวังการปรามาสของคนอื่นๆด้วยเช่นกัน ดังที่เห็นได้ทั่วๆไปในเวปนี้ ...

    อ่านของท่านแล้ว คนอื่นๆก็ได้แง่มุมของการใช้ชีวิตมากขึ้น เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน สามารถปรับใช้ได้ในชีวิตจริง ทำให้เห็นได้ว่ามุมหนึ่งๆของหินที่แตกต่าง บ้างที่ขรุขระ มันก็ยังสวยแบบขรุขระนั่นเอง ...

    ไม่ได้ยอเลยนะคะ มาจากข้างในค่ะ
    สาธุ
     
  17. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไม่ได้ยอเลยนะคะ มาจากข้างในค่ะ

    แบบเนี๊ยะ...คนแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ยอเผาขน" เชียวนะ...
    แต่ก็ขอบคุณจากใจลึกๆๆๆ....

    อันที่จริงแล้ว ผมไม่ใช่คนฉลาด ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนดี....
    ผมมีอย่างเดียวคือ มีกำลังใจสู้...
    ผมจะสู้ไม่ถอย ถ้าสิ่งนั้น
    มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อคนรอบข้าง และต่อตนเอง...
    ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จให้จงได้...

    คนฉลาดหลายๆคนที่ผมรู้จัก ทั้งที่สอบได้ที่ 1 ของประเทศ และพวกที่ 1 ภาคโน้น ภาคนี้บ้าง... หลายคนเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉา เพราะเขาเรียนเก่งกันจริงๆ...
    แต่มีอยู่สิ่งหนึ่ง ที่ผมรู้ดีกว่าคนพวกนี้...
    คือคนพวกนี้ไม่รู้ว่า...
    ไม่มีใครอยากโง่หรอก...
    เราก็อยากจะฉลาดเหมือนกัน เราอยากจะรู้และเข้าใจเหมือนอย่างที่คนฉลาดๆเขารู้และเข้าใจ ได้อย่างรวดเร็ว...
    แต่เราทำไม่ได้...
    ด้วยข้อจำกัดของไอคิวที่มีมาแต่กำเนิด...

    ความเพียรพยายาม อย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ผมเข้าใจหัวอกคนโง่ด้วยกัน และหากุศโลบาย ให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ด้วยทรัพยากรที่เรามีเท่าๆกันกับคนฉลาด...มากด้วยบุญญาบารมี...
    สิ่งที่ผมค้นพบความเท่าเทียมกันก็คือ...
    1. เรามีเวลา 24 ชั่วโมงเหมือนกัน....
    2. เราสามารถจะมุมานะพยายามได้ ไม่ว่าเราจะโง่ หรือฉลาดมากน้อยก็ตาม
    3. ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากไอคิวเพียงอย่างเดียว
    4. ไอคิวที่ดีกว่า เรียนเก่งกว่า ไม่ได้หมายความว่า จะมีความสุขในชีวิต และไม่ได้รับประกันว่า จะประสบความสำเร็จในชีวิต...ซึ่งต่อให้คุณเรียนเก่งมากมายเพียงใด หากคุณไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเสียแล้ว หรือชีวิตไม่มีความสุขเสียแล้วนั้น มันก็ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาทั่วๆไปเลย...

    ดังนั้นผมจึงมองหาหนทาง...
    ทำอย่างไร ให้คนที่ไม่ฉลาด...ประสบความสำเร็จในชีวิต และสามารถมีชีวิตที่มีความสุข สะดวก สบาย ได้อย่างเพียงพอ...หรือมากพอจนสามารถที่จะแบ่งปันคนอื่นๆได้...
    ซึ่งคงจะค่อยๆเล่ากันไปในกระทู้นี้ ... เพื่อเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่อาจพลิกผัน ชะตากรรมที่เราคิดว่า พรหมเป็นผู้ลิขิต...
    ก็ลิขิตแหละนะ...แต่ฉันมันกบฎอ่ะ...
    ไม่ใช่แค่กบฎอย่างเดียว...นอกคอกด้วย...
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องการถกเถียงกันของสำนักต่างๆ สายต่างๆนั้น มีมานานมากแล้ว ตั้งกะผมยังไม่เกิดกระมัง...
    ซึ่งที่จริงครูบาอาจารย์ท่านกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้หมดแล้วว่า ให้ทำไปให้ถึงที่สุดของคำสอนครูบาอาจารย์นั้นๆ...แล้วจะสิ้นสงสัย ว่า นั้นเป็นแต่เพียงกุศโลบายเพื่อให้เข้าถึงธรรมเท่านั้นเอง....
    เราเคยสังเกตกันไหมว่า ธรรมจักรที่มีซี่ล้อนั้น ทุกๆซี่ก็มุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางจุดเดียวกันนั่นเอง...
    และที่จุดศูนย์กลางที่สุดแล้ว ไม่ได้หมุนตามวงล้อไปด้วย...
    จึงเป็นสัญลักษณ์แทนความหมายของการไปถึงที่สุดของธรรมนั่นเอง...

    พูดแบบนี้แล้ว คนอ่านก็จะว่าไอ้นี่ขี้โม้ น้ำลายเหม็น ใครๆเขาก็พูดอย่างแกได้ทั้งนั้น...
    พูดเอาตัวเองดูดีนี่นา...เคยจะวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยได้ไหมว่า แต่ละสายที่ว่านี่ เขาทำแล้วมันเหมือนกันตรงไหนแล้วไปที่สุดแล้ว มันไปถึงจุดเดียวกันได้อย่างไร...เอาแบบชัดๆ ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน...

    เอาเริ่มจากอานาปาณสติกรรมฐาน ที่ถือเอาคำว่า"พุทโธ" เป็นคำบริกรรมภาวนา...
    การรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก ก็คือสติ...ที่ฝึกกันผิดๆก็คือการไปเพ่งที่ลมหายใจ ซึ่งทำให้ตึง แน่น อึดอัด เครียด...นั่นเป็นอาการเพ่ง ถ้าเป็นอาการรู้ จะผ่อนคลาย ...
    ลมหายใจคือส่วนหนึ่งของกาย...การรู้ลมหายใจ ก็คือการมีสติอยู่กับกาย ในฐานละเอียด...เมื่อรู้เข้าไป รู้เข้าไป อาการจะเหมือนกับจิตมีการหดตัว จากการจับยึดที่กาย เมื่อทิ้งกายแล้ว จึงเห็นสภาพจิตอยู่ตรงหน้า เมื่อมีสติอยู่ ตามรู้ตามดูที่จิตอยู่ ย่อมเห็นอาการเปลี่ยนแปลงของจิตเมื่อกระทบอารมณ์บ้าง เมื่อมีเวทนาเข้ามากระทบถูกเข้ากับจิต และเห็นจิตมีการเปลี่ยนแปลง จึงเห็นไตรลักษณ์ขึ้นที่ตรงนั้น...

    เนื่องจากฐานลมหายใจ เป็นฐานกายอย่างละเอียด การจับอารมณ์อานาปาณสติของหลายๆคน รู้สึกว่าจะลำบากมาก ทำไม่ค่อยได้ ... จึงให้มาจับอาการขยับของท้องและอก ที่ยุบเข้า หรือพองออก...นี่ก็คือการจับฐานกายเหมือนกัน แต่เป็นกายขั้นหยาบ มีสติรู้ในการขยับเข้าหรือยุบเข้า หรือการขยับออก เรียกว่าการพองออก...เปลี่ยนคำบริกรรมจากคำว่า "พุทโธ" เป็นคำว่า "หนอ" ซึ่งแปลว่า"รู้" เหมือนกัน...

    ........ เหนื่อยเลยเรา...ขอไปเป็นลมก่อนนะ...แล้วค่อยมาเล่าสู่กันฟังต่อ...คุณรุ้งดาวคงรอฟัง...ด้วยอาการคันหัวใจเล็กน้อย...รอแป๊บนึง...เรื่องแบบนี้ อธิบายแล้วยาว และเหนื่อย...
     
  19. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ท่าน raming นี่เหมือนหนังสือเล่มหนาๆ เล่มหนึ่งเลยนะคะ แต่เปรียบไม่ได้ว่าเป็นหนังสือแบบไหนเพราะส่วนตัวแล้วสมัยเด็กติดอ่านหนังสือการ์ตูนอ่านแล้วไม่ยอมวาง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เหมือนติดโทรศัพท์มือถือ ก้มหน้าก้มตาจิ้มๆจนวางไม่ลง คือมันน่าติดตาม จนวางไม่ลงเหมือนกัน แต่มีดีกว่าหนังสือการ์ตูนเยอะค่ะ แต่คงไม่ใช่หนังสือพิมพ์หรือคู่สร้างคู่สมแบบนั้น

    ปล.
    ส่วนหนึ่งนั้นคือ ความมีอารมณ์ขันของท่านนั่นเอง ซึ่งส่วนตัวแล้วนอกจากเส้นสมองจะตื้นแล้ว เส้นอารมณ์ขันก็ตื้นไปด้วย บางทีอ่านๆไปนั่งหัวเราะคนเดียวหน้าคอมฯ ๕๕๕๕... ซึ่งดิฉันเป็นบ่อยเวลาอ่านๆไปเจอของสมาชิกท่านอื่นก็เช่นกัน
    ดิฉันถึงว่าหนังสือของท่านมีทุกรสเลย ออกแนว โหด มัน ฮา ซึ่งก็ออกมาตามวาระและ โอกาส อ้าวๆๆ ไม่ได้ชมอีกแล้วค่ะเนี่ย
     
  20. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    นึกขึ้นมาได้ว่า กระทู้นี้ เป็นกระทู้ทางโลกนี่นา...มิใช่กระทู้ทางธรรม...ดังนั้นก็ไม่ควรเล่าเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ ให้มากนัก...จึงเป็นอันว่า บทวิเคราะห์ แต่ละสาย แต่ละสำนัก นั้น ต้องยุติไปก่อน...ไปเล่ากันแต่เรื่องโลกๆ ที่เขาให้กำลังใจกัน ดีกว่านะ...

    จะว่าไปถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าว...ขอสวดขออ้อนวอนจากเทพยดาทั้งหลาย...
    ผมก็เคยทำเหมือนกัน...แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย...ตั้งแต่จำความได้...
    ที่ผมประสบความสำเร็จนั้น มีแต่เกิดจากการบนตัวเองเสียส่วนใหญ่...

    เช่นสมัยที่จบป.6 ตอนจะสอบเข้าม.1 ผมบนกับตัวผมเองว่า ถ้าผมสอบติด ผมจะกินบะหมี่แห้ง 2 ชามรวด...
    ทั้งนี้ก็เพราะครูใหญ่ กล่าวลับหลังผมไว้ว่า ... น้ำหน้าอย่างไอ้กะเทยเนี่ย ไม่มีทางสอบติดหรอก..ขนาดลูกของครูที่โรงเรียนยังสอบไม่ติด ต้องฝากเข้าไป...

    ที่เขาหาว่าผมเป็นกะเทยเพราะผมเป็นเด็กเรียบร้อย...เสียงเล็ก เสียงสูง หรือด้วยการหยิบจับที่ระแวดระวัง จนเหมือนการกรีดนิ้ว...
    แต่เมื่อถามกะเทยทั้งหลายแล้วว่า สารรูปหน้าตาอย่างผมนี่ ถ้าเป็นกะเทยขึ้นมาจะเป็นอย่างไร...
    กะเทยทั้งหลายสรุปตรงกันว่า "มันทำให้เสื่อมเสียสถาบันกะเทยอย่างแน่นอนฮ่ะ"
    แล้วเหล่ากะเทยก็แนะนำให้ผมเป็นเถ้าแก่ เปิดกิจการนวดๆ กะแซะๆ ให้พวกหล่อนดำเนินงาน...

    การถูกกะเทยปฏิเสธ ไม่รับเข้าร่วมอุดมการณ์แถมยังดูถูกเหยียดหยามเล็กๆนั้น...ผมกลับรู้สึกสบายใจ...ดีกว่ารับเราเข้าพวกนะ...

    เมื่อผมบนตัวผมเองแล้ว ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทมันลงไป เพื่อให้ได้กินบะหมี่แห้ง 2 ชามให้จงได้...
    ผมคิดว่าเวลาที่ผมมีอยู่ก่อนสอบ ผมจะพยายามถึงที่สุด แต่หากสอบพ้นผ่านไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่ง คิดนึกกังวลใดๆ...เราพยายามของเราให้เต็มแรงดีกว่า...

    สุดท้ายก็สอบเข้าไปจนได้...
    ได้กินบะหมี่แห้งติดต่อกัน 2 ชาม...สะใจ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...