ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ดูเหมือนคุณจรยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ที่คุณขันธ์พยายามจะสื่อนะครับ ทิฏฐิมันคงบังตาอยู่ ขออภัยด้วยนะครับ

ขอให้คุณจรลองพิจารณาดูตอนจิตใจโปร่งๆนะครับว่า มีใครบ้างที่เห็นสอดคล้องกับคุณขันธ์ แล้วคนเหล่านั้น ผ่านการปฏิบัติมามากน้อยแค่ไหน

ผมขอพูดลักษณะเดิมนะ คุณจรยังมองอะไรเป็นสมมติอยู่เยอะเลย กระเทาะให้หลุดสิครับ ปัญญาจะได้ขยับขึ้น ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวท่านเอง จงอย่าทำตามกิเลส เพราะกิเลสไม่เคยปราณีใคร

ฝากกลอนสักบทแล้วกัน ดัดแปลงมาจากคำสอนหลวงปู่ดูลย์

ตัวตนไม่มี ที่ดำรงค์อยู่
เป็นแต่สภาพธรรม เกิดดับสืบเนื่อง
ตามเหตุปัจจัย ยึดมั่นไปใย ว่าเป็นตัวเรา
สิ่งที่ปรากฎ ผ่านทวารทั้งหก แตกต่างกันไป
โลกนี้กว้างใหญ่ สุดท้ายว่างเปล่า...

ไม่เพราะเท่าไหร่ ขออภัยด้วย

 

แล้ว คุณ วิมุตติ เข้าถึงแก่นแท้ ที่คุณขันธ์สื่อแล้วหรือครับ
ทิฎฐิของคุณวิมุตติ ไม่ได้บังตาแล้วหรือครับ
แล้วคุณ วิมุตติ มองอะไร เป็นปรมัตทั้งหมดแล้วหรือครับ
กระเทาะให้หลุดสิครับ ปัญญาจะได้ขยับขึ้น ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวท่านเอง

จงอย่าทำตามกิเลส เพราะกิเลสไม่เคยปราณีใคร

 

ผู้ที่มีจิตเป็นพระอริยะตั้งแต่พระโสดาปฎิมรรคขึ้นไป สามารถอธิษฐานแผ่เมตตาในบุญกุศลไปได้กว้าง ไปได้ไกล ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ หากผู้ที่ยังชำระจิตได้ไม่ถึงขั้นนั้น ควรมีการกรวดน้ำร่วมกระทำด้วยเพราะเป็นการบอกผ่านพระแม่ธรณีไปหายังผุ้ที่ล่วงลับ เพราะการทำบุญนั้นตัวของผู้ทำบุญได้รับอยุ่แล้ว แต่ผู้อื่นอาจไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร ต้องใช้กุศลใหญ่ในการผ่อนผันและต้องใช้จิตที่บริสุทธิ์ เพื่อไปขอขมาจริง ๆ แก่เขา หากนำบุญเล็กบุญน้อยโอนให้ตลอดเวลา ก็อาจไม่เพียงพอ การทำบุญให้ได้กุศลใหญ่เป็นเรื่องละเอียดมาก ไม่ใช่อยุ่แค่เงินปริมาณมากแต่อยู่ที่เหตุปัจจัยหลายอย่าง ผุ้ที่ศึกษามามาก สร้างกุศลมามากก็ขอความกรุณาช่วยบอกกันด้วย อนุโมทนา

 

ผมว่าผมเข้าใจแล้วครับ ผมขออนุโมทนาสาธุ ครับ
........................
และกราบขออภัย งามๆ กับคุณขันธ์ คุณเอกวีร์ คุณวิมุตติ มาด้วย
ณ.ที่นี้นะครับ.........
ผมหลงเองครับ...
สาธุ สาธุ สาธุ ..........เจตนาใดไม่ดี ขออภัยนะครับ
...................
คำว่า ผมทำไม่ผิด แต่ไม่ถูกผมเข้าใจแล้วครับ และอีกหลายๆอย่าง
ทำให้ผมหายโง่ ครับ....เกือบไปผิดทางซะแล้ว
.....................
ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

ขอบคุณจากใจจริงครับ ท่านอาจารย์ขันธ์ ท่านอาจารย์เอกวีร์
และท่านอาจารย์วิมุตติ................
ที่ท่านทั้งหลายไม่ทิ้งผม...........กราบขอโทษอีกครั้ง
กับสิ่งที่ได้เคยล่วงเกินไป ทั้งกาย วาจา และใจ
......................
ขอบคุณหมื่นๆ ครั้งครับ

 

ท่านอาจารย์ขันธ์ครับ
ผมขออนุญาติไม่ลบ กระทู้ที่แสดงความโง่ของผมออกนะครับ
ท่านอื่นจะได้ ดูเป็นตัวอย่างครับ
...................

 

ในส่วนตัวผมไม่ขอค้านหรอกครับ เพราะผมพิสุจน์คำสอนของท่านแล้วปรากฏว่ามันเป็นจริงครับ

 

แด่ทุกท่นทัง้หลาย

แด่ทุกท่านทั้งหลายเอ๋ย...........
ทุกคนมีความคิดความอ่านของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน การที่เราจะมีความคิดที่เห็นว่าผู้นั้น เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ คน100 คน มีความคิด 100 ความคิด
เพราะฉะนั้น เป็นได้น้อยมากที่ความคิดหลายๆความคิดจะตรงกัน
ตัวของเราเองนั้นแหละ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีที่สุดว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ
เรารู้เราเห็นแค่ตาเนื้อเท่านั้น ถ้าเราปฏิบัติได้จริงเท่าเขาเราจริงไปชี้แนะเขาได้
ถ้าเราไม่รู้จริงแต่บอกคนอื่นแบบผิดๆ มันก็ผิดไปตลอด
เพราะฉะนั้นอย่ามองคนอื่นที่ทำไม่เหมือนเรา คิดไม่เหมือนเรา นั้นผิดแปลกไปจากเรา เพราะว่าเราก็ไม่เหมือนเขา...............

 

คุณขันธ์สิ่งที่คุณได้เห็นคือส่งที่คุณได้เห็นแค่ตาเนื้อใช่หรือไม่

 

อ่านแล้วเหมือนกับคนเถียงกันในสภาเลยแต่เป็นเรื่องของธรรมะ
ที่บางคนรู้แค่ภายนอกเปลือก บางคนรู้แค่เปลือก บางคนรู้แค่แกะเปลือก
ยังไม่มีใครได้รู้ถึงข้างไหนเลย เพราะสิ่งสุดท้ายของธรรมหลายๆอย่างที่เป็นที่สุดคือการวงาเฉย แต่ละท่านยังมาเถียงกันว่า ธรรมข้อนั้น ข้อนี้ ทุกข้อเป็นสิ้งที่มีมานานกาลแล้วอย่างทำให้ธรรมเหล่านั้น ที่เป็นสิ่งประเสริฐ ต้องแปดเปื้อนเพราะพวกท่านเลย อายเขาเปล่าๆ ใครจะป็นอย่างไร จะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขา เรามาสามัคคีทางธรรมดีกว่า แต่เป็นหลักที่แต่ละคนเชื่อ แต่ละคนปฏิบัติ เหมือนที่ศาสนามีหลายศาสนา แต่สอนให้คนทุกคนเป็นคนดี
จงเชื่อไว้เถิดว่า "ทำดีได้ดี ทำชั้วได้ชั่ว"
โมทนาสาธุ กับทุกท่านๆ ด้วย

 

เอาอย่างนี้ดีกว่า

มาดูคำว่าได้ผลของ หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล จากผู้ที่เคารพกัน

เมื่อวานเข้าดูกระทู้ภัยพิบัติ ก็มีคนยกย่องธรรมที่แสดงโดยหลวงพ่อเกษม
อาจิณสีโล ผลที่ได้รับคือ ถูกหวยจนปลดหนี้ได้ อืม.....พ้นทุกข์

เมื่อวานเข้าไปดูกระทู้เดิม มีคนๆหนึ่งเคยแสดงตนว่าเป็นพุทธภูมิ พอเห็น
ธรรมคุณที่แสดงของท่านนั้นเขา ก็กล่าวว่า อยากไปศึกษาบ้าง จะได้ปลด
หนี้บ้าง อืม....พาพ้นทุกข์

และ ขอโทษนะครับ ไม่ว่า กระทู้ไหนๆ ผมก็เห็นแต่ธรรมคุณไม่ด้านเงินทอง
ก็ด้านการงาน ไม่ด้านการงาน ก็ด้านโชคลาภใหญ่คือการไม่เป็นโรค ต้อง
กล่าวว่าเป็นลาภใหญ่ ก็เพราะ อโรคยา ปรมลาภา อันนี้คงไม่มีใครเถียง แต่
เห็นไหมครับว่า มันมีคำว่า ลาภ ก็ โลภ นั้นแหละ ถ้าแบบนี้นะ ผมว่าสำนัก
เจ้าเข้าทรงเขาก็ทำได้ ริชชี่ก็ทำได้ แม่ชีทศพรก็ทำได้ พลังจักรวาลก็ทำได้
หมอธรรมดาก็ทำได้ หมดดูหมอเดาก็ชี้พอได้เรื่องแก้กรรม ถ้าผมจะคัดค้าน
ก็เพราะใช่ว่าเถียงพวกคุณๆว่า มันไม่มีคุณ

แต่ผมกำลังชี้ว่า มันบอกยากว่าไปทางไหน มันแบ่งแยกยาก ถ้ามาชี้เหตุผล
กับผมว่า ก็ไม่ดีเหรอ ที่นี่เป็นวัดแต่รักษาโรค ลาภได้ คนจะได้มีที่ไปมากกว่า
สำหนักพราหม์ หมอดู หมอเดา องค์เจ้าเข้าทรง โคนต้นไม้ ใต้ศาลา ตีน
สะพาน ก้านกล้วย ตอผุด ขุดจอมปลวก มีวัดให้เป็นทางเลือก .......

ก็ดีครับที่มีวัดเป็นทางเลือก ......... แต่คนทั่วไปนี้ จะดั้นด้นไปวัดนั้นไหม
ถ้าริชชี่มาเปิดร้านใกล้ๆ เขาจะเลือกไปทางไหน ระหว่างไปวัด กับไปหา ริชชี่
ไม่เสียตังค์ทั้งคู่ รักษาได้ทั้งคู่ ของริชชี่นี้ไม่ต้องอิงบุญเก่าด้วย ให้เขาโอน
ให้เองเลย

ที่ยกริชชี่ขึ้นมาเปรียบเทียบนี้ ก็ดูๆใกล้ๆนี่ละกัน ว่าทำไม

 

คุณ จรครับ ผมอยากจะบอกอย่างหนึ่งว่า อะไรที่ผ่านไปแล้ว ผ่านไป ทิ้งมันไปเลย
อย่าเก็บมันไว้ คือ เลือกที่จะเก็บ ความรู้ แต่ไม่เลือกที่จะเก็บความรู้สึก

 

kate1590 นี่ ถามผมว่าผมเห็นแต่ตาเนื้อหรือ
ผมตอบว่า คนที่เห็นแต่ตาเนื้อ เห็นแต่ของหยาบ เห็นแต่ผี คือ
หลวงพ่อเกษม

แต่คนที่เห็น ละเอียดมากกว่านั้น คือ เห็นธรรม เห็นธรรมนี้มันไม่มีรูป จับต้องไม่ได้ แต่มันเห็น ด้วย ปัญญาจักษุ บางคนอาจจะคิดว่า นึกคิดเอาหรือเปล่า ตอบว่าไม่ใช่ อายตนะที่มโนนั้น รับรู้ได้มากกว่าการคิด
เห็น ธรรมที่เกิด เห็นธรรมที่ดับ นั่น เห็นด้วย ปัญญาจักษุ
มันต้องละเอียดนะ ถึงจะเห็นแบบนี้ ไม่ใช่ไปเห็นของหยาบ

เรื่องเห็นรูป เห็นนั่นเห็นนี่ หมามันก็เห็นผีได้ ขอโทษนะ ไม่ได้เทียบไปถึงใครนะครับ อันนี้ยกตัวอย่าง

มดมันก็เห็นในสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น
หมามันก็ได้กลิ่นที่มนุษย์ไม่ได้กลิ่น

เทวดาก็เห็นในสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น

แต่เรื่องธรรมนี้ ไม่ีมีสัตว์ชั้นต่ำ หรือ เทวดาชั้นผู้น้อยเห็นได้ นอกจากจะเป็นมนุษย์ เท่านั้น ซึ่งการเห็นธรรมนี้ คือการเห็นที่ละเอียดที่สุด

 

หุหุ +1 ตามความเห็นของคุณ kate1590 ครับ

แบบนี้เขาเรียกอะไรน้า ปัญญาทางโลก ซิเถียงกันไม่จบไม่สิ้น
ปัญญาทางธรรมเขาไว้ใช้ตัด ใช้ลดกิเลส ครับ ธรรมะ ไม่ต้องใช้ปัญญาทางโลก
เยอะหรอก ใช้แต่ปัญญาทางธรรมให้เยอะๆ พอ

แค่พุทธศาสนาสอนต่างกัน พูดต่างกันยังขนาดนี้ ถ้าศาสนาอื่นไม่ยิ่งแล้วใหญ่
หรอเนี่ย ดูแค่แก่นซิ แก่นแท้หน่ะ คนสอนตั้งใจจะให้ผู้รับฟังทำอะไร เข้าใจอะไร
อย่าไปดูแค่เปลือก แค่คำพูด

ชาวบ้านหรืออย่างพวกเราๆ เขามีวิธีสอนและเข้าใจต่างๆ กันไป อย่าเอาธรรม
ตัวเอง ความคิดตัวเองไปเทียบความคิดของคนอื่นซิ

 

คือ แบบนี้ เรื่องพูดดี ผมพูดได้ ตัวจริงผมพูดเพราะจะตาย
แต่ ว่าคำพูดดี มีผลเสียคือ
1 ท่านจะเกิดศรัทธา กับผม โดยที่ ไม่ได้พิจารณาอะไร
2 ท่านจะไม่ได้เห็นธรรม นอกจากเอออตามกันไป

แต่ทีนี้ ถ้าท่านเห็นว่า ผมเป็น คนที่พูดจา ไม่ได้เรื่อง แต่ว่า มีธรรม ท่านก็จะใช้ปัญญาพิสูจน์ธรรม จริงไหม
แล้วท่านจะบอกว่า ไอ้นี่มัน มีธรรม แต่ทำไมมันพูดจาทุเรสอย่างนี ้ ธรรมะของมันจะดีจริงหรือ ต้องพิสูจน์เสียหน่อย

แล้ว ท่านก็มาพิสูจน์ แล้วท่านก็จะเห็นอะไรมากขึ้น
แต่ถ้าผมพูด ตรงใจท่าน ท่านก็มีปัญญาอยุ่เท่าเดิมนั่นแหละ

ผมจะแสดงให้เห็นว่า ธรรม ที่แท้จริงนั้น เป็นอย่างไร โดยไม่ให้ท่านอิงกับ ภาพลักษณ์ ไม่ท่านอิงกับความเชื่อ
ไม่ให้ท่านอิงกับ ความรู้สึกของท่านเอง

ก็เชิญมาพิสูจน์
กราบสวัสดีครับคุณขันธ์
อ่านกระทู้นี้มาจนตาแทบแฉะ แม้จะไม่ได้อ่านทุกตัวอักษรแต่ก็อ่านได้ประเด็น
หลายหลายครับ ผมเข้าอ่านในเว็ปนี้นานแล้วครับแต่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น
เป็นผู้อ่านอย่างเดียวครับ อย่างที่ผมก็อปคำพูดของคุณขันธ์มาความรู้สึกแรก
ๆที่ได้อ่านความคิดเห็นของคุณ ผมมีอคติในคำพูดของคุณครับแต่ในหลักธรรม
แต่ละอย่างที่คุณยกมา ผมเถียงไม่ออกครับ ผมเองไม่ได้มีความรู้อะไรมาก
มายในทางธรรม ทั้งในแง่ทฤษฎีและการปฎิบัติ ยิ่งการปฎิบัติยิ่งแล้วเลยแทบจะ
ไม่มีเลย แต่อาศัยว่าผมศึกษาแบบเด็กศึกษาน่ะครับ คือดูดเอามาทั้งหมด
ไม่ได้มาตั้งแง่ตั้งงอนหรือถือดี อวดดี ผมถือว่าทุกความคิดน่าศึกษาหมด
มาวันนี้เลยอยากจะได้ผู้ที่รู้ทางธรรมที่แท้จริงช่วยแนะนำทางให้น่ะครับ
ผม และผมอ่านและติดตามคุณขันธ์มาสักพักนึงแล้ว เห็นว่าธรรมที่คุณขันธ์
รู้นั้นไม่ผิดไปจากหลักคำสอนของพระพุทธองค์ เลยอยากได้รับคำชี้แนะจาก
คุณขันธ์ด้วยน่ะครับ ผมคงไม่รบกวนอะไรมาก ก็คงจะทำเหมือนอย่างเคย
คือจะศึกษาธรรมะจากที่คุณขันธ์ได้แสดงไว้ตามกระทู้ต่างๆ แต่อาจจะขอ
มีการถามเพื่อเป็นการศึกษาบ้าง ก็เลยอยากแสดงตัวให้คุณขันธ์ได้รู้ไว้ก่อน
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ และขอกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าเช่น
กันหากการกระทำใดหรือคำพูดใดแสดงออกไปอย่างไม่เหมาะสมครับ

 

ประโยคสารภาพรักของ คุณภู
ทำให้นึกถึงเพื่อนหัวโนคนนึง
( แซวเล่นนะ)

ยินดีที่ได้รู้จักครับ.

 

ขอให้เป็นกัลยาณมิตร ต่อกันนะครับ คุณ อภิภู อย่าใช้คำว่ากราบเลย
ผมเป็นแค่ ฆราวาส ผมยินดี ถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างที่มีให้กัลยาณมิตรทุกท่านครับ
รวมถึง ผู้ที่ไม่ชอบหน้าผม ผมก็ยินดีจะให้ความรู้ทุกอย่างที่ผมมีเช่นกัน

 

เราใช้สติกับสัมปชัญญะนำหน้าก็แล้วกันพิจารณาให้สมเหตุสมผลหรือเปล่าอย่างการปลูกข้าวคงจะได้ข้าวคงจะได้ข้าวโพดอย่างนี้คงไม่นะ พิจารณาไตร่ตรองเห็นสมควรจึงเชื่อไม่ใช่เชื่อว่าเป็นแค่ผู้สืบพระศาสนานะ หรือเชื่อเพราะเขาว่านะ
อย่างสุภาษิต ที่ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ โกหิ นาโถ ปโรสิยา อัตตาหิ สุทันเตนะ นาถัง ละภะติ ทุลละภัง แปลว่า ตนแลเป็นที่พึ่งของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้ ก็บุคคลมีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ แม้พระศาสดาก็ช่วยท่านไม่ได้ ท่านเป็นเพียงผู้ชีบอกทางเท่านั้น แล้วแต่ท่านจะเดินตามทางที่ท่านบอกหรือไม่ก็เท่านั้นเอง เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่นอยู่นั่นแหละ

 

เริ่มรู้สึกว่า จะมีสมาชิกใหม่ เพิ่งสมัคร เข้ามาตอบกระทู้นี้เยอะขึ้นนะครับ

แปลกแต่จริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหะ คนเรา

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหะ ..