ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    910
    ค่าพลัง:
    +4,284


    หลักฐานการโอนเงินเพื่อช่วยซื้อ Server อภิญญาใหญ่ ให้กับ Web พลังจิต
    ก็ช่วยๆกันสร้างและบำรุงรักษาสะพานบุญแห่งนี้ อย่างที่คุณพันวฤทธิ์บอกนั่นแหละครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    วันนี้โอนเป็นครั้งที่2แล้วค่ะ จำนวน1000.11บาท เวลา 18.33น.ค่ะ อนุโมทนาด้วยนะคะ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขอบคุณมากครับคุณแมวจอมซน แล้วแวะมาเยี่ยมใหม่น๊ะครับ คณะทุนนิธิฯ ขอโมทนาและสาธุบุญด้วยครับ

    พันวฤทธิ์
    27/11/51



    [​IMG]
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 21:14:54 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๙ | ทรงโปรด ๒ อัครสาวก
    <!-- Main -->

    ทรงได้ ๒ อัครสาวก
    อุปติสสะและโกลิตะ บวชแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์

    ขณะที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวัน และแสดงพระธรรมเทศนาในท่ามกลางจตุบรรษัทนั้น เมื่อได้ทรงทอดพระเนตรเห็นอุปติสสะและโกลิตะ พาหมู่บริษัททั้ง ๒๕๐ คน ตรงเข้ามาแต่ไกลเช่นนั้น ก็ทรงตรัสเรียกพระภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งว่า " ภิกษุทั้งหลาย โน่น! คู่อัครสาวกของตถาคตมาแล้ว อุปติสสะและโกลิดะ ที่กำลังมานั้น จะเป็นคู่อัครสาวกของตถาคตในกาลต่อไป ทั้งยังพาบริวารของเธอมาให้ตถาคตด้วย " เมื่อปริพพาชกทั้งหลายเข้ามาเฝ้าแล้ว พระบรมศาสดาก็แสดงธรรมโดยควรแก่อุปนิสัยของปริพพาชกเหล่านั้น ครั้นจบพระธรรมเทศนา ปริพพาชกทั้งหมด เว้นอุปติสสะและโกลิตะได้บรรลุอรหัตตผลด้วยกันสิ้น

    [​IMG]
    พระพุทธรูปปางชี้อัครสาวก

    สหายทั้งสอง จึงพาบริษัทของตนทั้งหมดเข้ากราบทูลขอประทานอุปสมบท สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสมบท แก่ปริพพาชกทั้ง ๒๕๐ คนนั้น เป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วตรัสเรียกชื่อสหายทั้งสองนั้นตามนามของมารดา คือรับสั่งเรียก อุปติสสะ ผู้เป็นบุตรของนางสารีพราหมณีว่า สารีบุตร รับสั่งเรียก โกลิตะ ผู้เป็นบุตรของนางโมคคัลลีพราหมณีว่า โมคคัลลานะ อาศัยเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับสั่งเรียกท่านทั้งสองเช่นนั้น ในท่ามกลางบริษัท ๔ พุทธบริษัทจึงนิยมเรียกท่าน ด้วยชื่อที่ได้รับพระมหากรุณาประทานใหม่ตลอดอายุของท่าน และนิยมเรียกตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

    [​IMG]

    ฝ่ายพระโมคคัลลานะ อุปสมบทแล้วได้ ๗ วัน หลีกไปทำความเพียรอยู่ในเสนาสนะป่า ใกล้บ้านกัลลวาละมุตตคาม ในแคว้นมคธ ความง่วงครอบงำนั่งโงกอยู่ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั่น ตรัสบอกอุบายระงับความง่วงให้อันตรธานแล้ว ทรงประทานโอวาทในธาตุกัมมักฏฐาน พระโมคคัลลานะได้สดับแล้วปฏิบัติตาม ก็ได้บรรลุพระอรหัตในวันนั้น

    [​IMG]

    ส่วนพระสารีบุตรอุปสมบทแล้วได้กึ่งเดือน ตามพระบรมศาสดาไปอยู่ที่ถ้ำสุกรขาตา ใกล้กรุงราชคฤห์ ได้สดับพระธรรมเทศนา เวทนาปริคคหสูตร ซึ่งพระบรมศาสดา ทรงแสดงแก่ปริพพาชกชื่อว่า ทีฆนขะ อัคคิเวสนโคตร ผู้เป็นหลานของพระเถระเจ้า พระเถระเจ้าตั้งใจกำหนดพิจารณาไปตามกระแสพระธรรมเทศนานั้น ก็ได้บรรลุพระอรหัต ส่วนทีฆนขะปริพพาชกได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล

    ในกาลนั้น พระบรมศาสดาได้ทรงตั้งพระเถระเจ้าทั้งสองไว้ในตำแหน่ง คู่แห่งอัครสาวก คือ พระสารีบุตรเถระ เป็นอัครสาวกเบื้องขวา พระโมคคัลลานะเถระ เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ของแปลก จากพระอาจารย์ <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    คำเทศน์ของพระพยอม (สนุกๆ ได้แง่คิด)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    แท๊กซี่บางคน อาตมานั่งไปด้วยแล้วรำคาญ มันขี้โมโห หงุดหงิดทั้งวัน
    วันนั้นนั่งจากหมอชิต ไปโรงพยาบาลศิริราช มันด่าคนไปตลอดทาง
    ไอ้คนนั้นขับไม่ดี
    ไอ้คนนี้เฮงซวยขับช้า ไอ้บ้านี่ตัดหน้า
    ไอ้เปรตนี้หยุดไม่เปิดไฟเลี้ยว
    มันพูดแต่ว่าแปลกจริง.....แปลกจริง......
    แปลกจริงทางม้าลายมีไม่ข้าม...แปลกจริง เวลาจะเลี้ยวทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยว..แปลกจริง ที่ห้ามจอดดันทะลึ่งจอด
    อาตมาทนรำคาญไม่ไหว ใกล้ถึงศิริราชแล้ว อาตมาถามว่า
    คุณขับรถมากี่ปีแล้ว...หลายปีแล้วครับ
    ปีหนึ่งๆมีคนมายั่วทำให้โกรธอย่างนี้บ่อยไหมครับ.......
    บ่อยครับ..วันหนึ่งหลายสิบครั้ง...
    อาตมาก็เลยบอกว่า มันมีบ่อยๆวันละหลายสิบครั้ง....มันจะแปลกยังไง
    ของแปลกมันต้องนานๆเกิดครั้งหนึ่ง
    วันนี้เกิดบ่อยๆยังตวาดอยู่ได้ว่าแปลกจริง...แปลกจริง..อยู่นั่นแหละ
    มันน่าจะบอกว่า เออ....ธรรมดาจริง..บ่อยจริงมากกว่า

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : ขอขอบคุณ meepooh9639
    จาก www.http://www.arip.co.th/



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ใส่บาตรวันเกิด <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    คำเทศน์ของพระพยอม (สนุกๆ ได้แง่คิด)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>

    [​IMG]
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

    เหล้ากินเข้าไปแล้วก็ขาดสติ...มีเรื่องเล่าว่า
    วันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
    กลางคืนเลี้ยงฉลองร่ำสุรากันเต็มที่..เมาแประ..รุ่งเช้าอยากใส่บาตรทำบุญเอาฤกษ์

    ขณะตักข้าวจะใส่บาตร ด้วยความเมาทำข้าวหก
    หมาก็วิ่งกรูกันเข้ามาแย่งกันกินข้าว กัดกันเจี๊ยวจ้าวพันแข้งพันขาจนเดินไม่ได้..
    ด้วยความโมโห..เงื้อเท้าเตะหมาเต็มแรง...หมามันก็หลบทัน แต่พระหลบไม่ทัน
    โดนหน้าแข้งเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ร่วมแย่งข้าวด้วยสักหน่อย
    ขณะใส่บาตร..รู้สึกว่ากับข้าวที่เตรียมไว้ ไม่พอดีกับพระ
    แกตะโกนเรียกหลานลั่นเลย....
    "อีหนู เอาปลาทูมาอีกสององค์ วันนี้พระมาสี่ตัว..."
    เหล้ามันทำให้คนกิน..ไม่เป็นผู้เป็นคน..พูดผิด..คิดผิด ทำผิด
    แล้วยังจะกินมันอยู่อีกหรือ........
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : โดย meepooh9639 http://www.arip.co.th

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เห็นรูปแมวจากคุณ katicat แล้วทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่ง "แมวก็สามารถเป็นนางฟ้าได้" ลองอ่านดูกัน และสามารถโน้มมาใส่ตัวเพื่อย้อนดูการปฏิบัติของพวกเรากันครับ

    เรื่อง "นางฟ้าหนูแมว" เพื่อเป็นแบบอย่าง แนวทางในการปฏิบัติ

    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG][​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เนต




    ก็อปมาจากกระทู้ วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
    เขียนโดย คุณkananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_411495", true); </SCRIPT>




    ต่อไปผมขออนุญาตเล่าเรื่อง "นางฟ้าหนูแมวครับ" เพื่อเป็นแบบอย่าง แนวทางในการปฏิบัติครับ


    เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านผมในวันนี้เองครับ


    ที่บ้านผมมีหนูแมวอยู่ สามตัว ตัวเจ้าของเรื่องนี้เป็นแมวสีสวาท ที่ผมขอจากพระที่วัดมาเลี้ยงครับ เจ้าเหมียวอยู่กับเรามาเกือบสิบปี ถ้านับอายุขัยของมนุษย์ ก็น่าจะเหยียบร้อยปี เห็นจะได้ ประมาณปีนี้เองที่ผมสังเกตุเห็นว่าเล็บของเจ้าเหมียว เริ่มหลุดออก เป็นเล็บๆ นอกจากนั้นยังเหนื่อยง่ายมีอาการหอบบ่อยๆ "แสดงอาการของความแก่"ให้ได้เห็น

    ประมาณอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าเหมียวมีอาการหอบรุนแรงทุรนทุราย ผมและน้องก็มีธุระที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดด้วย ทางที่บ้านเลยให้พาเจ้าเหมียวไปไว้ที่โรงพยาบาล เพื่อยืดอายุพอให้น้องผมกลับทันมาดูใจ พอกลับจาก ตจว. เช้าไปทำบุญ พอบ่ายก็ไปรับเจ้าเหมียวกลับมาที่บ้าน อาการมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนั่งสมาธิอยู่ก็ทราบขึ้นว่าเจ้าเหมียวอยู่ได้อีกไม่เกินสองวัน ตอนกลางคืนเมื่อวานนั่งสมาธิ ก็เห็นกายทิพย์ของเจ้าเหมียวปรากฏออกมาหาในห้องพระในสภาวะของแมว ก็จึงได้รู้ว่า จิตได้ออกจากร่างแล้ว ซึ่งในสภาวะนี้จิตย่อมไม่อยากไปเสวยทุกขเวทนาในร่างที่เจ็บป่วยอีกแน่


    จากนั้นที่บ้านจึงเอาเทปธรรมมะของหลวงพ่อเปิดให้เจ้าเหมียวได้ฟังเป็นธรรมมานุสติ โดยเลือกเอาเรื่องที่สุนัขไปเกิดเป็นเทวดาที่ชั้นดาวดึงส์ เปิดวนให้เจ้าเหมียวฟังไปเรื่อยๆ

    พอตอนเย็นประมาณห้าโมงครึ่งวันนี้ เดินออกมาเจอเจ้าเหมียวนอนประงาบๆ อาการตรีทูต ซะแล้ว จึงได้นำรูปสมเด็จองค์ปัจจุบันมาวางไว้ให้ดูเป็นพุทธานุสติ แล้วก็ตามดูจิตเจ้าเหมียว รวมทั้งเรียนสภาวะการตาย อารมณ์ใจขณะตาย โดยให้เจ้าเหมียวเป็นครูไปในตัว ขณะเดียวกันก็แผ่เมตตาส่งกระแสจิตที่ดีพร้อมกับลูบหัวเจ้าเหมียวไปด้วย


    จนกระทั่ง....................

    ลมหายใจสุดท้ายขาดห้วงพร้อมๆกับจิตที่ดับไปของเจ้าเหมียว ประดุจเปลวเทียนที่หรี่ลงไปและดับไปในที่สุด


    เจ้าเหมียวจากไปอย่างสงบ ที่บ้านเริ่มคุยกันว่าจะจัดการกับร่างของเจ้าเหมียวอย่างไร จะฝังตรงไหนดี


    จากนั้นผมก็ขึ้นไปอาบน้ำ สวดมนต์ ตามปรกติ ปรากฏว่า พอเริ่มสวดมนต์ปุ๊ป เจ้าเหมียวก็มาปรากฏให้เห็นปั๊ปเดินมาเคลียคลอ จากนั้นก็แสดงร่างให้เห็น เป็นนางฟ้า ผมก็ได้แต่บอกในสมาธิว่า"เดี๋ยวขอสวดมนต์ให้เสร็จก่อน" พอสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็ได้คุยกับนางฟ้าท่าน

    ท่านก็ได้พาไปที่วิมานของท่านและได้ขอบใจที่เราได้ช่วยกันทำให้เจ้าเหมียวได้เลื่อนภพภูมิขึ้นสู่ สวรรค์ จุติขึ้นเป็นนางฟ้า อันเป็นภพภูมิที่ดีขึ้น แล้วผมก็ขอกราบขมาลาโทษนางฟ้าที่ผมได้เคยทำในชาติที่นางฟ้าท่านนี้ยังเป็นแมวอยู่

    ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา พร้อมทั้งให้นางฟ้าได้มหาโมทนาบุญทั้งปวงของผม และขอให้นางฟ้าได้ช่วยคุ้มครองสงเคราะห์ ผมและครอบครัว ก่อนกลับนางฟ้าหนูแมวได้ขอว่าให้ฝังร่างหนูแมวไว้ใต้ต้นมะลิ เมื่อมะลิออกดอกช่วยนำไปถวายพระบูชาพระแทนนางฟ้าหนูแมวด้วย นางฟ้าหนูแมวจะคอยโมทนา(ฉลาดใช่เล่น)

    จากนั้นผมก็ทำสมาธิต่อ พอลงมาคุยกับคุณแม่ข้างล่าง น้องชายผม (นั่งสมาธิด้วยกัน) ก็กล่าวยืนยันตรงกันว่า พอนั่งสวดมนต์ปั๊ป เจ้าเหมียวมาปรากฏให้เห็น ทันทีเช่นกัน และปรากฏแสดงให้เห็นว่าได้ไปจุติขึ้นเป็นนางฟ้าตรงกันแถมยังคุยกันต่ออีกยาว ไม่ยอมออกจากสมาธิซะด้วยเพราะน้องชายผมรักเจ้าเหมียวนี้มาก


    เรื่องราวของนางฟ้าหนูแมวนี้ คงเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านที่เป็นนักปฏิบัติ เพื่อความดี รวมทั้งเป็นกำลังใจว่า

    1.เราเองก็ทำบุญมาก็มาก หากพ้นจากอันตภาพนี้แล้ว เราจะมุ่งสู่สุขคติภูมิที่ดีกว่ามีพระนิพพานเป็นที่สุด

    2.เจ้าเหมียวแสดงอาการของความแก่ ความเจ็บ และความตาย อันเป็นเทวทูตทั้งสี่ ที่มาเตือนสติเรา

    -ไม่ให้ประมาทในความตายหนึ่ง
    -ไม่ประมาทในการทำความดีกุศลธรรมหนึ่ง
    -ไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นหนึ่ง

    3. เจ้าเหมียวแสดงอารมณ์ใจก่อนตาย เป็นการยืนยันสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนเรื่องอารมณ์จิตก่อนตาย ย่อมนำพาไปยังภพภูมิแห่งอารมณ์จิตนั้น

    4. เจ้าเหมียวได้มายืนยันว่าภพภูมิอื่นมีจริง สวรรค์มีจริง เทวดา นางฟ้ามีจริง และผลกรรมมีจริงผลบุญ ผลบาป มีจริง


    สรุปแล้วเรื่องราวที่ผมเล่ามานี้ขอให้ท่านทั้งหลายได้ใช้ปัญญาวิเคราะห์ไตร่ตรองดูหากสิ่งใดเป็นประโยชน์ก็พึงนำไปใช้ เพราะไม่ว่าคนก็ดี สัตว์ก็ดี ต่างกันเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของขันธุ์ห้าเท่านั้น แต่จิตนั้นไม่ได้แตกต่างกัน อยู่ภายใต้ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    เช่นเดียวกันทุกดวงจิตครับ ตอนนี้นางฟ้าหนูแมวก็สบายเสวยสุขอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้ว ตอนนี้เรากลับยังอยู่ในภพที่เต็มไปด้วยความทุกข์แถมยังมีการเบียดเบียนกันและกันไม่สิ้นสุดอีก หากโลกเต็มไปด้วยความเมตตาต่อกัน ช่วยเหลือกัน หวังดีต่อกัน โลกเราคงงดงามกว่านี้ครับ


    ขอให้ทุกๆท่านได้เกิดปัญญาในธรรมจากการรับฟังเรื่องราวของ"นางฟ้าหนูแมว" ได้ด้วยดีทุกท่านด้วยครับ..


    [​IMG]http://palungjit.org/showthread.php?t=119685
    <!-- / message -->
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________

     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บางครั้งเวลาภาวนาเห็นแสงเรืองรอง เห็นรูปนี่นั่นโน่น จิตก็ประหวั่นพรั่นพรึงว่าจะเป็นยังไงน้อ.. แต่ดูอย่าง หลวงปู่ครูบาเจ้า เกษม เขมโก ผู้ซึ่งเคยปรากฏกายเนื้อมาสอนให้พี่ใหญ่รองประธานที่ปรึกษาทุนนิธิฯ ให้พิจารณาขันธ์ 5 บนรถประจำทาง ครั้งหนึ่งสิ บรื๋อ..


    เรื่อง หลวงพ่อเกษม เขมโก เผชิญอสุรกาย ป่าช้าแม่อาง
    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]

    เรื่อง หลวงพ่อเกษม เขมโก เผชิญอสุรกาย ป่าช้าแม่อาง
    ชื่อเสียงกิตติคุณของหลวงพ่อ เกษม เขมโก เมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ละสังขารขันธ์ ขจรขจายเลื่องลือกว้างไกล ไปในหมู่พุทธบริษัท ณ ที่ท่านจำพรรษา มีพุทธศาสนิกชน ไปกราบไหว้สักการะด้วยความเคารพศรัทธาท่าน เนืองแน่นทุกวัน แม้จะไม่ได้ พบตัวท่าน ก็ขอได้กราบนมัสการ กุฏิหลังน้อย ที่ท่านพักผ่อน อยู่ภายใน ก็เกิดปีติปราโมทแล้ว
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ผู้ใกล้ชิดที่สุด ได้มาจากบันทึกสั้น ๆ เป็นคำบอกเล่า ของเจ้าประเวท ณ ลำปาง ซึ่งเป็นหลานของท่าน มีความว่า....
    เวลานั้นเจ้าประเวทบวชเป็นสามเณรคอยรับใช้อุปัฏฐาก หลวงพ่อเกษม อยู่ที่ป่าช้าแม่อาง ปฏิปทาของหลวงพ่อเกษม ท่านพอใจจำพรรษา ในป่าช้ามาโดยตลอด เสนาสนะของท่านคือกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ที่ญาติโยมปลูกสร้างถวาย ขณะที่เกิดเหตุนี้ สามเณรประเวท นอนอยู่กับพระหวันอีกที่หนึ่ง (พระหวันบวชหน้าไฟเพียง ๗ วัน เนื่องจากบุพการีเสียชีวิต แล้วนำศพมาเผา ที่ป่าช้าแม่อาง ในวันนั้นพระหวันบวชแล้วก็ขออยู่ในป่าช้ากับหลวงพ่อเกษม)
    เช้าวันรุ่งขึ้น... สามเณรประเวทมาหาหลวงพ่อเกษมที่กระต๊อบกุฏิเพื่อปรนนิบัติท่าน เมื่อพบหน้ากันหลวงพ่อเกษม ถามสามเณรหลานด้วยความสงสัย
    "เมื่อคืนนี้ มาที่นี่หรือ? ใครบุกเข้ามาเมื่อคืนนี้ มาจับมือเรา"
    "ผมไม่ได้ขี้นไปครับ ผมอยู่ข้างล่าง..." สามเณรเจ้าประเวทตอบตามความเป็นจริง
    "ถ้าอย่างนั้น อสุรกายก็มาจับมือเรา...."

    จากนั้นหลวงพ่อเกษมได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้สามเณรเจ้าประเวทฟังว่า

    เมื่อคืนนี้เวลาประมาณตีหนึ่ง ขณะหลวงพ่อเกษมนั่งภาวนาอยู่ในกระต๊อบกุฏิ ท่านรู้สึกว่ามีมือใครคนหนึ่งเอื้อมมาจับข้อมือท่าน ซึ่งกำลังประสานฝ่ามือไว้บนหน้าตัก จับข้อมือไว้แล้วบีบเสียแน่น แม้จะมีผู้ล่วงเกินท่านขณะกำลังเจริญภาวนา หลวงพ่อเกษม ก็มิได้สะดุ้งหวั่นไหว ท่านคงเจริญภาวนาต่อไป โดยท่านเล่าว่า
    "จับมือเราก็ให้จับ ภาวนาติ๊ก ๆ..." หมายถึงหลวงพ่อเกษมภาวนาไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งมือลึกลับ ที่มาจับข้อมือของท่าน ก็ถอนออกไป แต่ไม่ยังยอมผละจากไปเลย กลับมาบีบนวดที่เอวของท่านแทน จนท่านอดรนทนไม่ไหวเอื้อมมือ มาจับแขนนั้น เพื่อห้ามมิให้รบกวนท่านอีก สัมผัสที่หลวงพ่อเกษมรับรู้ก็คือแขนข้างนั้นรุงรังไปด้วยขนหยาบ ๆ แล้วแขนข้างนั้น ก็อันตรธานหายไป แต่มีเสียงกระซิบที่หูท่านว่า "อยู่ดี ๆ เน้อพ่อเน้อ..."
    ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรมารบกวนท่านอีกตลอดคืน ตราบได้อรุณของวันใหม่

    เจ้าประเวทเล่าว่าตอนเช้าที่มาหาหลวงพ่อเกษมและถูกท่านซักถามดังกล่าวข้างต้น เจ้าประเวทยังจับข้อมือ ของหลวงพ่อเกษม มาดู เห็นรอยแดงเป็นจ้ำตรงข้อมือท่านชัดเจน
    นี่คือประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณ ที่หลวงพ่อเกษม เขมโก เล่าไว้เพียงเรื่องเดียวในอัตประวัติของท่าน อาจจะมีวิญญาณ ที่ทุกข์ทรมาน มาขอความเมตตาจากพระอริยะสงฆ์เช่นท่านอีกก็ได้ เพียงแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยเท่านั้น....
    คัดลอกจากหนังสือ ฤทธิ์อภิญญา-พระอภิญญาณ
    รวบรวม-เรียบเรียงโดย นที ลานโพธิ


    :emo_036: http://poonporn.com/story/story000065.html

     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อยู่กับยาย...มาตั้งแต่เล็ก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 เมษายน 2551 11:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หลายครั้งที่พลิกหน้านิตยสารหาภาพถ่ายเพื่อนำมาใช้เป็น แบบในการเขียนภาพสีน้ำมัน
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BACKGROUND-POSITION: right bottom; BACKGROUND-IMAGE: url(../bg/pagebg11.jpg); BACKGROUND-REPEAT: no-repeat">
    [​IMG]


    <TABLE height=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    แสงหิ่งห้อย ที่บินล้ำ นำข้างหน้า
    ส่องมรรคา สู่วนา พาสดใส
    สู่ดินแดน หยุดกามา น่าพ้นภัย
    กลางพนา มีไม้ใหญ่ ให้ดื่นตา

    อีกไม้พุ่ม ระบัดใบ ให้น่าพิศ
    ชวนสะกิด มีแก่นไฉน ให้ปริศนา
    ไม้เล็กใหญ่ น่ารื่นรมย์ สมอุรา
    พุ่มพฤกษา พาสงัด ขจัดกาม

    หวนระลึก คำตรัส องค์ศาสดา
    ที่กล่าวว่า หลังภิกษา อย่าผลีผลาม
    เลือกเสนาสนะ กลางพนาลี ที่พ้นคาม
    เลือกที่ตาม อัธยาศัย ในวนา

    ตั้งกายตรง ดำรง สติมั่น
    นิวรณ์บั่น อย่าถวิล สิ้นกังขา
    ใช้ความเพียร ดับโทมนัส อภิชฌา
    มีจิตตา ตั้งมั่นรู้ สู่ปฐมฌาน ฯ



    เจริญในธรรมเจ้าค่ะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center bgColor=#eeeeee border=0><TBODY><TR><TD align=right>หิ่งห้อยน้อย</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2264
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    ธรรมะที่พระพุทธองค์ ทรงค้นพบ แล้วนำมาถ่ายทอดสั่งสอน เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพื่อให้รู้ตามที่เป็นจริง
    สิ่งที่ทรงสั่งสอนนั้นทรงให้รู้เห็น เข้าใจด้วยตนเอง ประจักษ์ด้วยตนเองเป็นสำคัญ อาทิ การจะบอกว่าผลไม้มีรสเปรี้ยว รสเปรี้ยวนั้นเป็นอย่างไร คงจะอธิบายลำบาก โดยเฉพาะ คนที่ไม่เคยรับรู้รสเปร้ยวมาก่อน ก็ยากที่จะรู้เห็นว่ารสเปรี้ยวนั้นเป็นอย่างไร จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเอาผลไม้นั้นมาชิมเท่านั้น
    หรือ การจะไปอธิบายให้คนตาบอด ว่าสีขาวเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะอธิบายไปอย่างไรเขาก็คงไม่รู้อยู่นั่นเอง
    ครูบาอาจารย์หลายท่านจึงสอนให้ปฏิบัติเพื่อที่จะรู้เห็นได้ตามเป็นจริง ไม่ต้องลังเลสงสัยในสภาวะ จึงให้รู้เห็นประจักษ์ด้วยตนเอง และ ท่านก็จะสอนตามภูมิปัญญาของผู้นั้นๆที่จะรับได้ บางคนรู้ได้อย่างหยาบ บางคนก็รู้ได้ถึงขั้นละเอียดขึ้นไป ก็สอนให้รู้ตามชั้นภูมิรู้นั้นๆ

    เมื่อภูมิความรู้ของเรายังไม่ถึงขั้นที่จะไปรู้ในชั้นที่ละเอียด แม้จะสงสัยในเรื่งราวบางเรื่อง เช่น สวรรค์ นรก เทวดา มีจริงหรือ หากมีความอยากรู้อยากพิสูจน์ ก็คงต้องให้เพียรปฏิบัติ ตาม คำสอน ของครูบาอาจารย์ ก็คงจะรู้จะเห็นได้สักวันหนึ่ง สำคัญคือ การปลูก สัทธา ใน พระรัตนตรัย ว่า การปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธ พระสงฆ์ ในพระธรรม ต่างๆ จะให้ประสบผลที่ประเสริฐ ทำให้รู้ เพิ่มขึ้นมีพัฒนาการในความรู้นั้นๆ เมื่อตนมีพัฒนาการแล้ว สัทธาที่มีก็จะเพิ่มมาก เป็นวงจรให้ก้าวหน้าในธรรม

     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    คำสอนของแม่
    <!-- Main -->
    แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้
    ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบ และกึ๋นของลูกเอง
    แม่อยากให้ลูกคิดและมองโลกในแง่ดี
    อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้
    หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี



    แม่อยากให้ลูกหัดฝัน
    เมื่อไรลูกฝันเป็น ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน
    หรือความฝัน ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน
    แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม
    จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น และจงเป็นคนแรก
    ที่ให้กำลังใจ และชื่นชม



    แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆ
    ลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร
    อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร
    แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน
    เพราะภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ ลูกจะได้รับวิตามินดี
    และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา




    แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน
    อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง
    ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ
    แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรัก
    ยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมาก ๆ อาจจะดูเหมือนคนบ้า
    แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหน ๆ



    แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน
    ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุก ๆ อย่างที่ลูกหวังไว้
    อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ อย่าท้อและขอให้เริ่มใหม่อย่างมีพลัง
    แม่อยากสอนให้ลูกเขย่งขาขึ้นให้สูง
    ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า
    เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่



    แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก
    คนที่ไม่เคยมีความทุกข์ เขาสุขจริง ๆ ไม่เป็นหรอกเจ้าเอย
    ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง
    อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใคร ๆ
    อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้




    "อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง
    ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว
    "

    <!-- End main-->

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%"></TD></TR><TR><TD width="50%">ขอขอบคุณ







    </TD><TD>
    <TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><SCRIPT src="http://fastwebcounter.com/secure.php?s= bloggang1294818 "></SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    วันนี้เวลา 09.38 น. ผมได้โอนเงินผ่าน ATM
    ร่วมทำบุญฯ 200.- บาท ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  14. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องนางฟ้าหนูแมว โมทนาบุญกับคุณพันวฤทธิ์ด้วยค่ะ ที่บ้านมีแมว7ตัว รักพวกเค้าเหมือนเป็นลูกเลยค่ะ ถ้ามีจิตละเอียดสามารถเห็นได้เหมือนคุณพันวทธิ์บ้างก็จะดีค่ะ เวลาที่เค้าจากเราไปจะได้รู้ว่าพวกเค้าจะไปอยู่ในที่ใด
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    โอ๊ย...ต้องอุทานอย่างนี้ เพราะว่าจิตผมยังหยาบมากถึงมากที่สุด ปัจจุบันเอาแค่ศีล 5 ยังกระพร่องกระแพร่งสิ้นดี เห็นสาวสวยๆ เดินมายังชายตามอง บางครั้งยังคิดเตลิดเปิดเปิงไปโน่น ถ้าเทียบกับหลายคนที่เข้าร่วมทำบุญ หรือมาร่วมทำกิจกรรมในแต่ละครั้งแล้ว ผมยังห่างไกลมาก แต่ก็คิดว่าพอเอาตัวรอดได้โดยไม่ทำความชั่วเพิ่มเติม แต่จะสะสมบุญไปเรื่อยๆ และกะจะไม่ให้หลงตายก็พอใจแล้วครับ เรื่องบุญกุศลที่ลงให้ดูเรื่อง"นางฟ้าหนูแมว" นั้น ก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจเท่านั้นเอง เพราะจิตก่อนที่จะดับจากภูมิมนุษย์นั้น หากกรรมดีจิตก็จะจับไปที่บุญที่เคยทำ หรือทานที่เคยก่อบ่อยๆ จิตก็จะไปดี หากทำชั่วมากๆ จิตก็จะจับไปที่กรรมที่เคยทำชั่วไว้บ่อยๆ อย่างเช่นเรื่องที่เราเคยได้ยิน เช่น ยายที่ขายหอยแมงภู่ ใกล้ตายลูกหลานให้ภาวนาคำว่า "อะระหัง" เข้าไว้ แต่ด้วยความเคยชินที่ขายหอยแมงภู่มาชั่วนาตาปี แกเลยภาวนาเป็นคำว่า "อะระหอย" แทน จิตก็เลยเสวยในทุคคติภูมิ เรื่องบุญเรื่องกุศลเรื่องจิตก่อนตายนั้น สำคัญนัก พระกรรมฐานทั้งหลายท่านจึงไม่ให้ขาดสติ เพราะเผื่อขาดใจตายไปตรงนั้น จิตก็จะจับกับคำภาวนาหรืออารมณ์ฌาณใด ฌาณหนึ่งที่เคยชิน ถ้าได้ทรงฌาณขั้นใดขั้นหนึ่งมาแล้วและได้ตายในขณะที่ทรงฌาณนั้น ก็จะจุติในพรหมโลกเลยทีเดียวครับ เรื่องบุญนี้ หลวงปู่แฟ้บท่านว่า " ใครกิน ใครอิ่ม ใครทำ ใครได้" ทำแทนกันก็ไม่ได้ โอนให้กันก็ไม่ได้ ของใครของมันครับ


    นับถือและขอบคุณอีกครั้ง
    พันวฤทธิ์
    28/11/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2008
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้จะลงจดหมายของหลวงปู่สิมให้อ่านกัน ซึ่งเป็นจดหมายธรรมะ ท่านเขียนจดหมายทั้งหมด 20 ฉบับ บางฉบับ ตรงกันวัน เดือน และ พ.ศ.ที่เกิดของผมที่ผ่านพ้นมานานมาก พอดีเป๊ะ ผมจึงนำมาทยอยลงให้อ่านกัน วันนี้เอาแค่ 4 ฉบับก่อน เนื้อหาเป็นอย่างไร เขียนถึงใคร เชิญอ่านครับ (สำหรับจดหมายที่ตรงกันกับวันเดือนปีเกิดของผมนั้น จะนับเป็นจดหมายธรรมะประจำตัวที่เป็นมงคลสูงสุดฉบับหนึ่งเลยล่ะ)



    [​IMG]


    จดหมายจากหลวงปู่ <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ได้ไปจำพรรษาที่วัดอโศการาม จังหวัสมุทรปราการ ท่านได้มีลิขิตเป็นจดหมายชี้แจงข้อธรรมสั้น ๆ แต่มีใจความลึกซึ้ง ส่งถึงคณะสานุศิษย์วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ ถึงวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ทั้งหมดมี ๒๐ ฉบับ ฉบับที่ ๑๙ ขาดหายไป

    <O:p></O:p>
    ธรรมเมตตา ฉบับที่ ๑<O:p></O:p>
    วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ <O:p></O:p>
    ให้ละกิเลสออกจากจิตใจให้หมดทุกคน กิเลสนี้แหละทำให้คนเราเดือดร้อนวุ่นวายยู่ไม่มีที่สิ้นสุด กิเลสนั้นเมื่อท่านย่อเข้ามา คือ ความโกรธ ความโลภ ความหลง สามอย่างเท่านี้ ทำไมหนอใจคนเราจึงไม่ยอมละ การละก็ไม่หมดซักที ทำไมจึงเกิดมาเพื่อสร้างกิเลสให้มากขึ้นไปทุกภพ ทุกชาติ ในชาติเดียวนี้ ให้ตั้งใจละ ทั้งพระ ทั้งเณรและญาติโยมทั้งหลาย ความโกรธเมื่อเกิดขึ้น อย่าไปโกรธตาม ถ้าไม่ได้โกรธไปตาม มันจะตายเชียวหรือ ทำไมจึงไม่ละ รักอยู่เสมอ ๆ ว่า เราจะละความโกรธให้หมดสิ้นไป เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ อย่ามีความท้อถอยในในการสร้างความดี มีการรักษาศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด พร้อมทั้งการเจริญสมาธิภาวนา ฆ่ากิเลส ตัณหาให้หมดไป ใจจะเย็น เย็นสุขทุกคนเลย <O:p></O:p>

    โดยความเมตตาถึงทุก ๆ คน<O:p></O:p>


    พระครูสันติวรญาณ






    ธรรมเมตตา ฉบับที่ ๒<O:p></O:p>
    วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ <O:p></O:p>
    ให้พากันตั้งใจฟังด้วยดี จึงจะได้ปัญญา ความโลภในจิตของเราไม่มีที่พอที่เต็มได้เลย ต่อให้ดอยสุเทพหมดทั้งลูกกลายเป็นทองคำจิตของคนเราก็จะยังไม่พอ ทางที่ดี ให้ตั้งที่ดี ให้ตั้งจิตอยู่ในสมาธิภาวนา ตั้งจิตดวงนี้ให้เต็มในขั้นสมถากรรมฐาน พร้อมด้วยวิปัสสนากรรมฐาน ให้แจ่มแจ้งในดวงใจทุก ๆ คน เท่านี้ก็พอ เพราะว่าเมื่อเราเกิดมา ก็ไม่ได้นำอะไรติดตัวมา ครั้นเมื่อเราทุกคนตายไป แม้สตางค์แดงเดียวก็เอาไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จงพากันตั้งสมาธิภาวนาให้เต็มที่กิเลสโลภ อันมันนอนเนื่องอยู่ในจิตนี้ ให้หมดไปเสียวันนี้ ๆ ถ้ากิเลสความโลภนี้ยังไม่หมดจากจิต ก็ไม่ให้หยุดยั้งภาวนา ไปจนถึงวันตามโน้น<O:p></O:p>

    โดยความเมตตาถึงทุกคน<O:p></O:p>


    พระครูสันติวรญาณ





    ธรรมเมตตา ฉบับที่ 3<?:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:
    วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ <O:p></O:p>
    กิเลสตัวสำคัญที่อยู่ลึกในใจมนุษย์ คือ กิเลสความหลง ความหลงนี้ คือ หลงกาย หลงจิตนี้เอง ทางที่จะแก้จิตหลงนี้ ให้พากันทำสมาธิให้ได้ทุกวัน ทุกคืน ทั่งยืน ทั้งนั่ง ทั้งนอน การตั้งจิตนั้นให้มั่นอยู่ที่ลมหายใจ จนจิตนี้ใสสว่าง หายมืดหายหลง หายมัวเมาในกามคุณ ๕ จนเกิดดวงตาญาณ เผาผลาญกิเลสให้หมดไป กิเลสความหลงนี้มันชอบกันกับคนขี้เกียจขี้คร้านหลังยาว ชอบนอนก่อนยังไม่ได้ภาวนา ด้วยเหตุนี้เราทุกคน อย่ามาหลงใหลอยู่แค่กินแล้วก็นอน ๆ เท่านั้นเลย เมื่อพากันได้ฟังธรรม คำสั่งสอนนี้แล้ว จงลุกขึ้นทำลายกิเลสโมหะ ความหลงในจิตใจ ให้หมดไปสิ้นไปเทอญ <O:p></O:p>

    โดยความเมตตาถึงทุกคน<O:p></O:p>


    พระครูสันติวรญาณ





    ธรรมเมตตา ฉบับที่ ๔<O:p></O:p>
    วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ <O:p></O:p>
    บัดนี้เราทุกคนรู้แล้วว่า กิเลสมันดองอยู่ในจิตใจเรามานาน ตั้งมานานจนนับภพนับชาติไม่ได้ แล้วที่มาเกิดมาตายอยู่ในโลกนี้ ก็เพราะจิต เพราะจิตนี้หลงอยู่ในกามารมณ์ สำคัญผิดว่ากามให้ความสุข ที่ไหนได้ กามนี้มันให้ความทุกข์ ตั้งแต่เกิดจนตาย คนเราตายแล้วมันก็ยังติดกาม จิตหลงไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน ในอนาคต ดูแต่ในปัจจุบันชาตินี้ คนได้บริโภคทางกายอยู่ ทางการอยู่ ทางจิตอยู่ ย่อมมีแต่เรื่องร้อนจิต ร้อนใจ ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราท่านทั้งหลายได้ฟังธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว ให้พากันละกาม ตัวมารร้ายนี้ออกให้หมดสิ้น อย่าเสียดายตามอยากเลย<O:p></O:p>

    โดยความเมตตาถึงทุกคน


    พระครูสันติวรญาณ





    ขอขอบคุณ
    http://www.watkoh.com
     
  17. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    วันนี้เป็นวันหนึ่งในหลายๆ ปีมานี้ที่ไปซื้อข้าวสาร จะมาหุงข้าวทานบ้าง

    ตราข้าวที่เคยซื้อ เป็นยี่ห้อหงส์ทอง

    หลายปีก่อน 127.- บาท ต่อ 5 กิโลกรัม

    มาตอนนี้ 209.- บาท

    แต่ก็มีตรา CO CO มั้ง 99 บาท

    ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ต่อไปข้าวจะแพงขึ้น

    แต่คนจะไม่มีสตางค์ซื้อกันนะสิ

    เพราะตอนนี้เศรษฐกิจแย่หน่อย จากหลายสาเหตุ

    ประกอบกันเมลล์จากน้องท่านหนึ่งส่งมา

    มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ว่าข้าวจะแพงครับ

    ตัวเองก็ลำบากหน่อย

    แต่คนที่ลำบากกว่าละ เขาจะยังงัยกันนะ ใจมันก็สงสารนะครับ

    เมื่อไหร่จะดีดีๆ กันซะที

    คนระดับพื้นๆ ลำบากหน้าดู เห็นข่าวสารแต่ละช่อง ใจมันละห้อยครับ


    ยามมีสตางค์ก็ทำบุญกันบ้างครับ จะได้มีบุญหนุนนำ ชีวิตที่ดี มีบุญช่วยยามลำบาก


    สาธุครับ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ภาพเก่าภิกษุต่างวัย แต่ปณิธาณเดียวกัน น่าสรรเสริญโดยแท้....

    เจ้าคุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ



    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต
    ผู้บวชถวายราชกุศล ร.6
    ถ่ายภาพร่วมกับ
    พระภิกษุพระยาสีหราชฤทธิไกร
    ผู้บวช
    ถวายพระราชกุศล ร.5
    ณ วัดราชบพิตร
    เมื่อพ.ศ.2469

    ..............

    ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
    รับราชการจนกระทั่งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 สวรรคต
    ท่านจึงได้บวชอุทิศถวายพระราชกุศล
    เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2468 ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอุดมศีลคุณ และพระพุทธวิริยากร
    เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอนุสาวนาจารย์

    ท่านได้บอกว่าตำแหน่งของท่านนี้
    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ก็จะบวชถวายพระราชกุศล
    มีตัวอย่างมาเสมอ

    แต่ไม่มีใครบวชถวายตลอดชีวิตเช่นกัน


    <!--MsgFile=2-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    จากคุณ : <!--MsgFrom=2-->kongsilp2000

    ขอขอบคุณ

    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7251868/Y7251868.html



     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ภาพเก่าเอาไปเก็บเป็นที่ระลึกกันครับ

    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

    [​IMG]

    พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้

    [​IMG]

    และสุดท้าย องค์ผู้ที่ชาวใต้เคารพนับถือเป็นที่สุด ภาพเก่าของท่านหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ที่อยู่ในซีรีส์เดียวกัน กับภาพข้างต้นครับ



    [​IMG]





    ขอขอบคุณ
    http://romphosai.com/forums/attachments/forum10/18588d1216830922-s73r0133-small-jpg
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขออนุญาตลากมาลงอีกชุดหนึ่ง ภาพเก่านี้หายากครับ ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาเหล่านี้สมควรสะสมไว้ครับ ลากลงมาทั้งลิ้งค์ ตัดข้อความติชมของกระทู้ไปนิดหน่อยเท่านั้นครับ





    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=1><TBODY><TR bgColor=#4b9339><TD hight="30">[SIZE=+2]<CENTER>รูปพระเกจิ เก่า หาดูยาก</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>เผื่อเพื่อนฯไปเจอแล้วไม่คุ้น จะใด้ทราบว่าท่านเหล่าน้นเป็นใครกันครับ

    รูปแรก หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม เจ้าของเหรียญหลักเมืองแม่กลอง หายาก และตะกรุดใบลานบังปืน สุดยอดครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:03] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 1



    หลวงปู่กลีบ วัดตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:04] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 2
    หลวงพ่อคง สุวัณโณ วัดวังสรรพรส อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด



    พระเกจิสักเสือสมิง คนแถบจันทบุรี-ตราด ศิษย์ท่านมากมาย
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:07] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 3



    หลวงปู่สี วัดสะแก อำเภออุทัย พระนครศรีอยุธยา ศิษย์สายวัดประดู่โรงธรรม ศิษย์เอกอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ยุคหลังฯท่านเป็นผู้ลงยันต์ราชสีห์ให้อาจารย์เฮงปลุกเสกแจกทหารด้วยครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:10] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 4



    หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน อำเภอนครชัยศรี นครปฐม สหธรรมิกหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:12] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 5



    หลวงพ่อโม้ วัดสน เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เหรียญของท่านนพื้นที่หาไม่มีแล้วครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีม วัดพระทรง (เจ้าบ้าน [​IMG]) [8 มิ.ย. 51 5:16] ( IP A:58.9.127.143 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR>



    <HR>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 8
    หลวงปู่จันทร์ วัดบ้านยาง ราชบุรี




    พระปิดตาเมฆพัตรสุดยอด ย้นต์หมูทองแดงก้อเยี่ยมครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:33] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 9
    หลวงพ่อดิ่ง คงคสุวัณโณ วัดอุสภาราม (บางวัว) ฉะเชิงเทรา




    ท่านสร้างลิงแกะจากรากพุด,รักซ้อน พิธีปลุกเสกพิศดารล้ำลึกครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:36] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 10



    หลวงพ่อแฉ่ง วัดศรีรัตนาราม (บางพัง) นนทบุรี ท่านศึกษาวิชามาจาก หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค,หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ฯลฯ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:39] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 11



    หลวงพ่อฉ่ำ คังคสุวัณโณ วัดท้องคุ้ง สมุทรปราการ ท่านเป็นพระที่ชาว พระประแดง-สำโรงให้ความนับถือมากครับ
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:40] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 12
    หลวงพ่อตาด จันทโชติ วัดบางวันทอง อำเภออัมพวา สมุทสงคราม

    พระอาจารย์ของหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม,หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง




    ฉะนั้นไม่ต้องอธิบายครัย
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:43] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 13
    พระครูประสาธวิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง(ท่าเรือ) พระนครศรีอยุธยา

    ตะกรุดหนังเสือเยี่ยมยอด หายาก [​IMG]



    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:45] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 14



    พระครูปัจฉิมทิศบริหาร (หลวงปู่นาค โชติโก) วัดห้วยจระเข้ นครปฐม
    [​IMG]






    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: บีมวัดพระทรง-สามง่าม (เจ้าบ้าน [​IMG]) [11 มิ.ย. 51 1:48] ( IP A:58.10.24.252 X: )</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณสำหรับเจ้าของกระทู้ ภาพทั้งหมดนำมาจาก

    http://www.pantown.com/board.php?id=27336&area=3&name=board1&topic=63&action=view
     

แชร์หน้านี้

Loading...