ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    ไม่มีคำอธิบายใดๆ สำหรับผมในเรื่องนี้ เพราะมีคำตอบในตัวเองอยู่แล้วในเรื่องนี้เช่นกัน

    พันวฤทธิ์
    17/6/51


    [​IMG]




    <CENTER>สายซ้อนสุดท้ายแห่งชีวิต</CENTER>‏ู


    ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน
    ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
    ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม
    และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน
    'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'
    'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย'
    'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'
    'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

    ประโยคต่างๆ ที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทร
    ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์
    ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
    พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
    แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ
    ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน
    'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ

    แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน' 'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'
    'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง' 'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ'
    โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ
    แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ
    โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
    ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว
    ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง
    จนกระทั่งวันนั้น 'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย'
    'เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'
    'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'
    ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
    ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'
    'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'
    ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป
    เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

    'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่'

    หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
    เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
    และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
    แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
    ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น
    ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น

    และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ
    หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'
    สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม
    วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
    วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม

    ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต

    ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา

    โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่
    ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ

    คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ

    คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหา ผม

    'และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'

    ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'
    มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'
    อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม

    หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลาย ๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป
    วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น

    หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
    เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเ ราเอง
    'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'

    ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์
    รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
    แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว


    อ้างอิง :
    จากเว็ปไซด์ Deedeejang

     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    วันนี้วันพระครับขอนำบทกวีในวันพระมาฝากครับ
    ขอขอบคุณ
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=785




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff background=../bg/_bg1.gif border=0><TBODY><TR><TD background=../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=9 bgColor=#333333>[​IMG]</TD><TD width=583 bgColor=#333333><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR align=middle><TD>*** วันนี้วันพระ ... วันธรรมสวนะ ***</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=right width=9 bgColor=#333333>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=9 background=pic/b_line_left.gif>[​IMG]</TD><TD width=583>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=50>[​IMG]






    ธรรมสวนะ



    ธรรมสวนะ การฟังธรรม หาความรู้
    หาจากครู รู้จากพระ ละตัณหา

    เพื่อชีวิต ไม่เสียที ที่เกิดมา

    เป็นมนุสสา มีธรรมมา ประดับตน






    **************************************



    ธรรมสวนะ แปลว่า การฟังธรรม เป็นการหาความรู้ความเข้าใจในหลักความจริง ความถูกต้องดีงามด้วยการเล่าเรียน อ่านและสดับฟัง เป็นการศึกษาหาความรู้ ที่ปราศจากโทษ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ธัมมัสสวนสูตร


    เจ้าของบ้าน เปิดประตู หน้าต่างใจ


    เพื่อพ้นภัย จากอานิสงส์ การฟัง(ธรรม)หนอ

    การฟังธรรม ต้องเปิดจิต คิดธรรมคลอ
    ย่อมจะก่อ ปัญญาธรรม ตามศรัทธา


    แม้นธรรมใด ไม่เคย ได้ยินยล
    เมื่อได้ยิน ก็เพียรค้น ดั้นด้นหา

    แม้นธรรมใด เคยได้ยิน คุ้นหูตา
    ย่อมเจิดจ้า เพราะได้รับ สดับฟัง


    แม้ดวงจิต ข้องขัด มิชัดแจ้ง
    ธรรมที่แสดง ทำให้แจ้ง ดั่งที่หวัง

    ความสงสัย คลายจางไป ได้เพราะฟัง
    จิตเกิดพลัง ความเห็นลง ตรงธรรมนัย


    ธรรมสวนา อานิสงส์ ห้า ศรัทธามั่น
    จะช่วยหั่น บั่นมัวหมอง กรองให้ใส

    ด้วยเหตุนี้ ควรเปิด ประตูใจ
    เปิดบ้านไว้ ให้ธรรมา พาพ้นกรรม


    ธัมมัสสวนสูตร


    [๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้...............


    อานิสงส์ในการฟังธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ ................


    .........ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ (อสฺสุตํ สุณาติ)


    .........ย่อมเข้าใจชัดสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ๑ (สุตํ ปริโยทเปติ)


    .........ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ ๑ (กงฺขํ วิหนติ)



    .........ย่อมทำความเห็นให้ตรง ๑ (ทิฏฺฐึ อุชุ ํ กโรติ)


    .........จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส ๑ (จิตฺตมสฺส ปสีทติ)


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้แล ฯ








    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ขอกราบบูชาพระรัตนตรัย มารดาและบิดา พร้อมด้วยครูอุปัชฌาย์อาจารย์และผู้มีคุณทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2008
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#bbbbbb border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD><TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD align=left>[​IMG]


     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#bbbbbb border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD><TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD align=left>[​IMG]


     
  5. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญไป 200 บาทครับ เมื่อประมาณ ทุ่มนิดๆ (ดันทิ้งslipไปคับ T_T)
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะครับ
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    ทิ้ง slip ไม่เป็นไร อย่าทิ้งใจไปกับ slip ก็แล้วกันครับ "รักษาใจไว้ให้มั่น ยามคับขันใจจะสบาย" ฝากไว้ให้คิดแค่นี้ครับ

    นับถือ

    พันวฤทธิ์
    18/6/51



     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๑ : พญามารเข้าขัดขวาง
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๑ : พญามารเข้าขัดขวาง

    พญามารเข้าขัดขวาง ห้ามออกบรรพชา
    ทูลว่าอีก ๗ วันจะได้เสวยสมบัติบรมจักร แต่ไม่ทรงฟัง

    ครั้นเจ้าชายเสด็จพ้นพระนครออกมาแล้ว ในเวลาราตรีที่มีแสงจันทร์กระจ่าง ขณะนั้นพญามาร
     
  8. tanya123

    tanya123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +544
    Yesterday 18-6-2008 :)I and family transfers money 520 B. to tumnoon ka
    :) Every body pls sa tue boon with us na ka:) We also sa tue boon with every body too:)
    18/06/08 code 499 Ref 141800 = 520 B.:)

    Sa tue :)
    Tanya Klyne and family :)
     
  9. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,292
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับที่ได้เสียสละบริจาคทรัพย์เข้ามายังทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม เราจะไปทำบุญกันหมือนเดิมนะครับในวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย. นี้ ก็กราบเรียนและขอเรียนเชิญทุกๆท่านที่มีเวลาว่างด้วยนะครับ ไปร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารกับพระสงฆ์ที่ท่านมานอนอาพาธที่โรงพยาบาลสงฆ์ร่วมกัน
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    จากที่เคยนำพระกรุคูบัว พิมพ์พระโสณะ-พระอุตระ ที่ได้นำมาให้ชม 3 องค์เมื่อคราวก่อนปรากฏว่าไปเจอพระกรุคูบัว พิมพ์พระโสณะ-พระอุตระ องค์ใหม่แบบ 2 หน้าประกบกันเพิ่มขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง แต่เป็นเนื้อสีดำไม่ใช่สีน้ำตาลเลยนำมาให้ชมกัน

    องค์ที่ล้อมกรอบไว้คือองค์ที่พบใหม่

    [​IMG]




    [​IMG]



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,292
    เหรียญ"กายทิพย์"หลวงปู่ดูลย์

    สร้างโดยวัดบูรพาราม สุรินทร์ สมัยที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ทรงสมณศักดิ์ที่"พระรัตนากรวิสุทธิ์" เมื่อปีพ.ศ. 2521 <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    จัดเป็นเหรียญที่มีประสพการณ์มากที่สุดรุ่นหนึ่ง เป็นที่นิยมแสวงหาของศิษย์และผู้ศรัทธากันมาก <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ชนิด"ลงยา"ก็มี สร้างจำนวนประมาณ 2,000 เหรียญ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25> </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อีกด้านหนึ่งของเหรียญ จะทำเป็นรูป "หลวงพ่อพระชีว์" วัดบูรพาราม อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใช้เป็นที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยามาแต่โบราณกาล <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    รูป "ต้นแบบ" ปรากฏ "กายทิพย์"หลวงปู่ดูลย์ในท่านั่งสมาธิซ้อนอยู่ที่อกของหลวงปู่อีกชั้นหนึ่ง น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    หมายเหตุ 1 เคยอ่านหนังสือยุคเก่า(ไม่แน่ใจว่าหนังสือ"ธนาทิพ"หรืออะไรสักอย่าง) ทราบว่า มีคนเอารูปนี้ไปถามกับองค์หลวงปู่ดูลย์เองถึงที่มาของ"กายทิพย์" ที่ปรากฏซ้อนอยู่ในภาพ ด้วยความสงสัยว่า หากว่าจะเป็นการถ่ายซ้อนฟิล์ม ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า หลวงปู่ดูลย์ไม่นิยมและไม่เคยโพสต์ท่าวางมาดให้ถ่ายรูป ยิ่งเป็นภาพที่"ลืมตานั่งสมาธิจ้องใส่กล้อง"อย่างที่เห็นซ้อนในภาพดังกล่าว ยิ่งเป็นสิ่งที่พ้นวิสัยและไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาทั้งสิ้นฯ
    เมื่อได้ฟัง หลวงปู่ดูลย์ตอบแต่เพียงสั้นๆว่า
    "ตอนที่เขาถ่ายภาพนี้ เรากำลังกำหนดจิตอยู่ที่ตรงหน้าอกของเราอยู่..!!?!"


    หมายเหตุ 2 เหรียญกายทิพย์รุ่นนี้ แม้จะมิใช่เหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่ดูลย์ แต่ก็เป็นที่นิยมแสวงหากันมาก เพราะมีความหมายพิเศษเชิงเหนือธรรมชาติและมีประสพการณ์เหลือที่จะคณานับ เคยมีพวก"มอเตอร์ไซค์ซิ่ง"วัยรุ่นชาวสุรินทร์ เคยถูกชาวบ้านบางคนที่รำคาญเสียงแข่งรถที่หนวกหูเต็มทีเอา"ลวดขึงขวางถนน" พร้อมกับตั้งระดับเดียวกับ"คอหอย" ด้วยกะว่า เวลาซิ่งผ่านมา ลวดจะได้"ปาด"ให้"หัวขาด" ลงไปประลองความเร็วต่อในพิภพมัจจุราชเสียเลยทีเดียว ปรากฏว่า การก็เป็นไปตามที่กะไว้ทุกประการ คือเมื่อพวกแข่งรถซิ่งผ่านมาที่มาการขึงลวงดักไว้ ก็สะดุดลวดจนทั้งรถทั้งคนพลิกคว่ำคะมำหงายกันไม่มีดี แต่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งๆที่ลวดก็หนียวแบบสุดๆ และรถก็มาด้วยด้วยความเร็วและแรงขนาดนี้ ปกติ ก็น่าที่จะ"หัวขาด" กระเด็นตายสนิทชนิดไม่รู้สึกตัวได้แล้ว แต่การกลับเป็นว่า "ไม่เป็นอะไรเลย"!!??!! อย่างเหลือเชื่อที่สุด สืบไปสืบมาพบว่า วัยรุ่นดวงแข็งรายนั้น มี"เหรียญกายทิพย์ หลวงปู่ดูลย์"ห้อยติดคออยู่นั่นเอง...!!!!!



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.phuttawong.net/
     
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,292
    ปรารถนา"พุทธภูมิ"เพื่ออะไรกันแน่..???

    พวกเราหลายท่านมีจิตใจฝักใฝ่ไปในทางจะเป็นพระโพธิสัตว์บ้าง หรือยังลังเลว่าตนกำลังเดินไปสู่พุทธภูมิ หรือสาวกภูมิ กันแน่บ้าง
    (เช่นจะไปสู่พุทธภูมิก็กลัวภัยในสังสารวัฏ เบื่อหน่ายที่ต้องเดินทางไกลบ้าง
    ครั้นจะดำเนินไปสู่สาวกภูมิ ก็สงสารสัตว์โลกบ้าง เสียดายว่ามีความรู้น้อยไปบ้าง เสียดายความอหังการ์ในอันที่จะเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง)

    เป็นการยากที่เราจะทราบว่า เราบำเพ็ญบารมีมาในเส้นทางใด และที่ว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้น ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วหรือยัง ในเมื่อเราไม่มีญาณที่จะระลึกรู้ได้ ก็จำเป็นต้องสังเกตจิตตนเองเอาครับ

    จากประสบการณ์ของผม คนที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เพราะความอยากใหญ่ก็ดี เพราะปรารถนาในความรอบรู้ก็ดี หรือด้วยเหตุอื่น นอกเหนือจากมหากรุณาของจิตต่อสรรพสัตว์ก็ดี มักจะเดินแนวพุทธภูมิไม่ตลอดรอดฝั่ง

    ความอยากใหญ่ อยากรู้ ฯลฯ มันมีรากฐานอยู่บนโลภะและตัณหา ซึ่งเป็นของร้อน
    ส่วนมหากรุณามีรากฐานอยู่บนกุศลจิต ซึ่งเป็นความชุ่มเย็นที่หล่อเลี้ยงจิต คุณภาพของจิตจึงแตกต่างกันมาก

    ความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าด้วยแรงขับของอกุศลนั้น เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ที่เผ็ดร้อนแล้ว ก็มักจะท้อถอย ดังนั้น ถ้าสำรวจจิตตนเองพบว่าปรารถนาพุทธภูมิด้วยแรงขับของอกุศล ก็เลิกคิดเถอะครับ เพราะจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ ไม่เลิกวันนี้ ก็ต้องไปเลิกในวันหนึ่งข้างหน้าอยู่ดี

    เราคงได้ยินบ่อยๆ ว่า พระโพธิสัตว์ไม่กลัวนรก อันนั้นท่านไม่กลัวเพราะมหากรุณาครับ ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเพราะกิเลสหนาปัญญาหยาบ เหมือนเมื่อหลายปีก่อน แถวๆ ปิ่นเกล้า รถรับส่งนักเรียนเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ มีตำรวจคนหนึ่งพยายามช่วยเด็กจนตัวเองถูกไฟลวกยับเยิน และหยุดช่วย เมื่อคิดว่าช่วยเด็กออกมาหมดแล้ว โดยไม่ทราบว่า มีเด็กติดค้างอีก 2 คน ตำรวจนี้ให้สัมภาษณ์ด้วยความเสียใจว่า นึกว่าช่วยเด็กออกมาหมดแล้ว ถ้าทราบ ก็จะต้องพยายามช่วยต่อไปอีก เพราะ "สงสารเด็ก" มหากรุณาชนิดนี้แหละครับ ที่ทำให้กล้าฝ่าไฟนรกได้

    ลองวัดใจตนเองดูเถิดครับว่า
    ปรารถนาพุทธภูมิเพราะอะไรแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะมหากรุณาแล้วละก็ อย่าไปคิดถึงพุทธภูมิเลยครับ จะเนิ่นช้า แล้วก็ไปไม่รอดในภายหลัง

    อีกประการหนึ่ง หากยังไม่แน่ใจว่า เราเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่ ก็ไม่ควรลังเลใจที่จะเร่งปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ เพราะถ้าเป็นพระโพธิสัตว์จริง ก็จะได้มีบารมีเต็มเปี่ยมเร็วๆ ถ้าไม่เป็นพระโพธิสัตว์ จิตก็จะได้เข้าถึงวิมุตติหลุดพ้นเร็วๆ

    เร่งปฏิบัติเข้า มีแต่ได้กับได้ครับ

    วิสัชนา โดยท่าน สันตินันท์(พระปราโมทย์ ปาโมชฺโช ในปัจจุบัน)
    จาก
    http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/228/41/


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.phuttawong.net/
     
  12. Wirak

    Wirak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +52
    สมาชิกใหม่ร่วมทำบุญครับ

    ผมเป็นสมาชิกใหม่นะครับ ผมขอร่วมบุญด้วยนะครับ จำนวน 300 บาท นะครับเพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธ ทุกคนทุกท่านจะได้มีกำลังใจทำหน้าที่ของตน อย่างดีที่สุด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 300.jpg
      300.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.6 KB
      เปิดดู:
      66
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2008
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โมทนาบุญกับคุณ Wirak ด้วยนะครับ ถ้าหากมีเวลาว่างในวันอาทิตย์ที่ 22 นี้
    เชิญร่วมทำบุญกับมือได้ที่ รพ.สงฆ์นะครับ เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    ยินดีต้อนรับคุณ Wirak เช่นกันครับ ถ้ามีอะไรพอจะแลกเปลี่ยนความรู้ หรือมีข้อคิดด้านธรรมะดีๆ เชิญ โพสท์ลงมาได้ครับ
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    มีเรื่อง up-date เพิ่ม สำหรับงานบุญในวันอาทิตย์นี้ดังนี้
    1. จำนวนพระสงฆ์ที่อาพาธได้รับการยืนยันจากคุณวรรณ แม่ค้าร้านอาหารเจ้าประจำแล้วว่า จำนวนยอดที่เช็คทั้งหมดในวันนี้ (19/6) มีทั้งสิ้นราว 197 รูป โดยในคราวนี้จะถวายเฉพาะภายในตึกกัลยาณิวัฒนาอย่างเดียวเท่านั้น
    2. อาหารสำหรับถวายพระเนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสิ้นชีพตักษัย ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ (โต) มีคุณณรงค์เวทย์สั่งเพิ่มมาคนเดียวอีก 10 ชุด เมื่อรวมกับของคณะกรรมการฯ 3 คนๆ ละ 10 ชุด เป็นทั้งหมด 40 ชุด หากใครสั่งเพิ่มบอกมาได้อีกครับ
    3. เมื่อเสร็จจากถวายสังฆทานพระแล้วมานั่งพักผ่อนที่ห้องด้านล่าง ผมเตรียม บราวนี่และน้ำไว้แล้วจำนวนหนึ่งเช่นกัน อย่างที่เคยบอกไว้หากใครเอาขนมไปเพิ่มก็ไม่ว่ากันครับจะได้อิ่มท้องกันมากขึ้น

    ส่วนเงินที่ช่วย สงฆ์อาพาธที่ จ.อุบลฯ สำหรับพ่อแม่ครูอาจารย์สายอิสานใต้นั้น เมื่อวานนี้ผมธนาณัติ ไปที่ ผู้อำนวยการ รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ใบอนุโมทนาบัตรมา จะได้นำมาสแกนให้ได้ทราบและโมทนาบุญกันต่อไป ช่วงนี้หน้าฝน มีพระสงฆ์เจ็บป่วยมากขึ้น ส่วนใหญ่ผู้คนทางภาคอิสาน โดยเฉพาะจังหวัดอุบลนั้นเป็นจังหวัดใหญ่ มีวัดอยู่มากมาย ทั้งวัดป่า และวัดบ้าน จำนวนพระสงฆ์จึงค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านมีรายได้น้อย เมื่อเวลามีพระสงฆ์ท่านเจ็บป่วยท่านจึงรักษาตามมีตามเกิดอยู่กับวัดก่อน เมื่อหนักหนาจริงๆ ท่านจึงมาโรงพยาบาล จึงทำให้เงินอุดหนุนสำหรับที่จะรักษาพระสงฆ์เหล่านี้ถูกใช้ไปมาก คณะกรรมการฯ ก็เพียงแต่หวังว่า จำนวนเงินที่ส่งไปนี้ แม้เพียงน้อยนิด ก็อย่างน้อยก็ถือว่าเราได้กระจายความช่วยเหลือออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยจะพยายามทำทุกเดือนๆ ตลอดไปครับ โดยหากเงินในบัญชีเราได้รับบริจาคมากขึ้น ก็อาจจะพิจารณาเพิ่มเงินช่วยเหลือต่อไป (ในปัจจุบันเดือนหนึ่งเราได้รับบริจาคจากผู้บริจาคประจำที่ไม่ได้มาจากการบริจาคผ่านกระทู้แต่ว่ามาจากการบอกต่อปากต่อปาก เพื่อนสู่เพื่อน มาก็ 1-2 หมื่น ส่วนที่มาจากกระทู้ก็มีไม่มาก โดยที่เหลือก็สมทบทุนกันเพิ่มไปคณะกรรมการฯ บ้าง ญาติพี่น้องบ้าง รายได้อื่นเช่นนำพระออกให้เช่า หรือประมูล ไม่มีอยู่ในความคิดเรา พระที่แจกส่วนใหญ่คณะกรรมการฯ ก็เรี่ยไรกัน เช่าหามา หรือนำของที่มีผู้บริจาคมาให้ มาแจกฟรีกัน ความสุขใจในการทำบุญเท่านั้นที่เราได้รับ ขอให้ท่านข้างบนรับรู้ในการกระทำของพวกเราที่ไปทำบุญ หรือร่วมบริจาคมา แค่นี้ก็บุญท่วมหัวท่วมหูแล้ว..ท่านที่อยู่ไกลเวลาโอนเงินทุกครั้ง อย่าลืมนำสลิปยกขึ้นโมทนาบุญโดยนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามพระกุกกุธสันโธให้พระองค์ท่านแผ่พระเมตตา บารมี และพระฉัพพรรณรังสีมายังเราขอให้เราพบพานแต่สิ่งที่ดี และ....และขอให้ท่านโมทนาบุญ และเป็นพยานบุญให้เราด้วย พร้อมทั้งอาราธนา ท่านหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ ท่านหลวงปู่ทวด ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต)พรหมรังสี ให้ท่านโมทนาบุญ และเป็นพยานบุญในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เป็นอันเสร็จพิธีและครบถ้วนสมบูรณ์ในการบริจาคแล้วครับแค่นี้ชื่อเราก็น่าจะมีอยู่ในวิมานแล้วหากเป็นไปตามเรื่องที่พระอานนท์ที่เหาะไปดูวิมานต่างๆ มา ตามที่นำเสนอไว้แล้วก่อนหน้านี้)

    ขอสาธุบุญกับทุกท่านอีกครั้งด้วยความนับถือจากใจจริง

    พันวฤทธิ์
    19/6/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008
  16. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>
    <BIG><BIG>บทพิจารณาสังขาร</BIG></BIG>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD width=300>[​IMG]</TD><TD width=300>สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สังขารคือ ร่างกาย จิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดสิ้น, มันไม่เที่ยง; เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป.
    สัพเพ สังขารา ทุกขา, สังขารคือ ร่างกาย จิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดสิ้น, มันเป็นทุกข์ทนยาก; เพราะเกิดขึ้นแล้ว, แก่เจ็บตายไป
    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา, สิ่งทั้งหลายทั้งปวง, ทั้งที่เป็นสังขาร แลมิใช่สังขาร ทั้งหมดทั้งสิ้น, ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน; ไม่ควรถือว่าเราว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left>
    อะธุวัง ชีวิตัง, ธุวัง มะระณัง, อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง, มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง, ชีวิตัง เม อะนิยะตัง, มะระณัง เม นิยะตัง, วะตะ, อะยัง กาโย, อะจิรัง, อะเปตะ วิญญาโณ, ฉุฑโฑ, อะธิเสสสะติ, ปะฐะวิง, กะลิงคะรัง อิวะ, นิรัตถัง,

    </TD></TR><TR><TD align=left>
    คำแปล


    ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน, ความตายเป็นของที่ยั่งยืน; อันเราจะพึงตายเป็นแท้; ชีวิตของเรา มีความตายเป็นที่สุดรอบ; ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง; ความตายของเรา เป็นของเที่ยง. ควรที่จะสังเวช; ร่างกายนี้; มิได้ตั้งอยู่นาน; ครั้นปราศจากวิญญาณ; อันเขาทิ้งเสียแล้ว; จักนอนทับ; ซึ่งแผ่นดิน; ประดุจดังว่าท่อนไม้และท่อนฟืน; หาประโยชน์มิได้.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    ขอขอบคุณ
    แหล่งที่มา >>ClickHere<<
     
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER>หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดท่าซุง อุทัยธานี </CENTER>

    </TD><TD></TD><TD>ร่างกายนี้ไม่ไช่เรา ไม่ไช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นธาตุทั้ง สี่ มาประชุมกันเพียงชั่วคราว มี่ธาตุดิน ,น้ำ,ลม, ไฟ มาประชุมกันครบอาการ 32 มนุษย์โลกก็ดี,เทวโลกก็ดี,พรหมโลกก็ดี เราไม่ต้องการ เราต้องการเพียงจุดเดียว คือ พระนิพพาน เท่านั้น นิพพานสุขัง นิพพานสุขัง
    นิมิตรจิตติ นิมิตรจิตตา นิพพานะจิตติ นิพพานะจิตตา

    ที่มา: พ่อรักลูก

    ขอขอบคุณ
    แหล่งที่มา >>ClickHere<<
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๒ : เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๒ : เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์

    ทรงเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์

    เจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จทรงอัศวราช โปรดให้นายฉันนะตามเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ในเวลาเที่ยงคืนนั้นเอง เมื่อเสด็จออกจากนครไปได้สักพักก็ทรงชักม้าเหลียวหลังกลับประทับนิ่ง ทอดพระเนตรสู่นครกบิลพัสดุ์ในท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงทรงชักม้าออกไป พระองค์ได้เสด็จเดินทาง 30 โยชน์ (480 กิโลเมตร) ในคืนเดียว ผ่านรัฐถึง 3 รัฐ คือ กบิลพัสดุ์ สาวัตถี และเวสาลี จนกระทั่งลุถึงฝั่งแม่น้ำอโนมาแล้วจึงเสด็จลงจากหลังม้าประทับยืนบนหาดทรายอันขาวดุจแผ่นเงิน จากนั้นทรงใช้พระหัตถ์เปลื้องเครื่องประดับทั้งหมดออกจากพระองค์ ยื่นส่งให้นายฉันนะพร้อมตรัสว่า "นี่ฉันนะจงเอาเครื่องประดับของเราเหล่านี้พร้อมทั้งม้ากัณฐกะกลับไปบ้านเมือง บัดนี้เป็นเวลาที่เราสละโลกแล้ว" และทรงให้นายฉันนะนำกลับไปกราบทูลแจ้งข่าวแก่พระราชบิดาให้ทรงทราบ

    [​IMG]

    นายฉันนะมีความอาลัยรักองค์ผู้เป็นเจ้านาย ถึงร้องไห้กลิ้งเกลือกแทบพระบาทไม่อยากกลับไป แต่ขัดรับสั่งไม่ได้ ด้วยเกรงพระอาญา อีกทั้ง นายฉันนะได้ร้องขอที่จะตามเสด็จไปด้วยอยู่หลายครั้ง แต่ก็มิทรงอนุญาตและตรัสสั่งให้นายฉันนะกลับไปทูลพระบิดาพระมารดาด้วยว่าพระองค์ยังทรงปลอดภัยอยู่ ณ ริมน้ำอโนมาเพื่อแสวงหาหนทางที่จะทำให้คนทั้งปวงประสบชัยชนะอยู่เหนือความเจ็บไข้ทุกข์โศก และความยากแค้นทั้งปวง อยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว

    [​IMG]

    เจ้าชาย หรือตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หนังสือพุทธประวัติเรียกว่า "พระมหาบุรุษ" ทรงลูบหลังม้าที่กำลังจะจากพระองค์กลับเมือง ม้าน้ำตาไหลอาบหน้า แล้วแลบซิวหาออกเลียพื้นฝ่าพระบาทของพระองค์ผู้เคยทรงเป็นเจ้าของ ทั้งม้าทั้งคน คือ นายฉันนะน้ำตาอาบหน้า ข้ามน้ำกลับมาเมือง แต่พอลับพระเนตรพระมหาบุรุษ ม้ากัณฐกะก็หัวใจแตกออก ๗ ภาค หรือหัวใจวายตาย นายฉันนะจึงปลดเครื่องม้าออก แล้วนำดอกไม้ป่ามาบูชาศพพญาสินธพ แล้วฉันนะก็หอบพระภูษาทรง และเครื่องม้าเดินร้องไห้กลับเมืองคนเดียว.

    [​IMG]

    [/SIZE]
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    ความสุขคืออะไร ?
    ความทุกข์ คืออะไร ?
    ......................................
    ฉันมองเหรียญหนึ่งบาทที่อยู่ในมือของตัวเอง
    จินตนาการว่าจะนำมันไปซื้อดอกไม้หนึ่งดอก
    ฉันยิ้ม.
    ......................................

    เหรียญเดียวกันที่อยู่ในมือ
    จินตนาการว่าจะนำมันไปซื้ออะไรได้
    เหรียญบาทเดียวจะไปมีค่าอะไร จะซื้ออะไรได้
    แค่คิดก็เศร้าแล้ว.
    .....................................
    คนจำนวนมากไม่ได้ “ทุกข์” เพราะ “ไม่มี”
    แต่ “ทุกข์” เพราะ “มีไม่พอ”


    ธันยา จุฬาลักษณ์
    เชียงใหม่ ,ประเทศไทย

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kawaka&month=02-2006&date=18&group=1&gblog=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2008
  20. แมงกะพรุน

    แมงกะพรุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,267
    ขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ โอนแล้ววันที่ 20/06/51 เวลา 9.59 น. เงิน 721 บาท ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...