********ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...ขอกราบในหลวงด้วยเศียรเกล้า*********

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ญาณวโร นามะ, 14 กรกฎาคม 2016.

  1. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    จองครับ
     
  2. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    จอง 1 ชุด ชุดที่มี ชุดที่มีเชือกสีน้ำตาลค่ะ
     
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการครับ ผมจะแถมของสมนาคุณให้1ชิ้นครับ
     
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    18.***พระดีราคาถูก***หลวงพ่อเกษม เขมโก วัดสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง รุ่นมหากุศล 19 วิสาขะ ปี 2532 อ.ย. สร้าง เนื้อผงสวยเดิมพร้อมกล่องเดิม ***ให้บูชา 349 บาท***
    **พระรุ่นนี้จัดสร้างโดย คุณสุธันย์ สุนทรเสวี เมื่อปี 2532 ทั้งนี้ปัจจัยที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลนี้ได้ยกให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนา สถานีอนามัยวัดน้อยแสงจันทร์ สมุทรสงคราม

    โดยวัตถุมลคลชุดนี้สร้างมวลสารอันศักสิทธิ์ +จีวรหลวงพ่อเกษม พิธีอธิษฐานจิต จัดขึ้นเมื่อวันวิสาขบูชา ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม 2532 ในพิธีมหากุศลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
    ท่านหลวงพ่อเกษมได้เมตตาอธิษฐานจิตให้อย่างยาวนาน เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม และในขณะเดียวกัน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา ก็ได้เริ่ม เดินญาณส่งจิตมายังมณฑลพิธีเพื่อร่วมเสกด้วย จัดเป็นวัตถุมงคลที่พระอริยะ ที่มีผู้เคารพนับถืออย่างสูงทั้งสองรูป ได้ร่วมอธิษฐานจิต อย่างเข้มขลัง น่าบูชาติดตัวเป็นอย่างยิ่ง


    เพิ่มเติมเมื่อ 19 ก.ค. 2552 ( จากเวป http://prasaksit.wordpress.com )
    ผมลองไปหาเรื่องราวความเกี่ยวข้องกันระหว่างหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อเกษม เขมโก ก็ต้องมีเรื่องราวให้แปลกใจ เพราะตามที่ทราบมานั้น หลวงปู่ดู่ ท่านไม่รับนิมนต์ไปนอกวัดมาเป็นเวลานับสิบปี เช่นเดียวกับหลวงพ่อเกษม เขมโกหลังจากท่านหนีจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ด้วยการยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสแต่ทั้งเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่รับหนังสือทั้งสองครั้ง หลวงพ่อเกษมจึงหนีออกจากวัดและไปปลีกวิเวกตามป่าช้า จนมาอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์ ท่านก็แทบไม่ได้เดินทางออกนอกเมืองลำปาง แล้วหลวงพ่อเกษมรู้จักหลวงปู่ดู่ได้อย่างไรและหลวงพ่อเกษมไปปรากฎกายที่กุฎิหลวงปู่ดู่ตามที่ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ที่เป็นพระไปพบเข้าได้อย่างไร
    หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร อ่านมาจากที่นี่ครับ
    เรื่องราวนำมาจากในเวปสวนขลัง
    เช้ามืดวันหนึ่งที่กุฎิหลวงปู่ เมื่อราวสี่สิบปีมาแล้ว

    พระลูกศิษย์ ของหลวงปู่มากราบนมัสการหลวงปู่ตอนเช้าอย่างที่ทำเป็นปรกติทุกวัน แต่วันนั้น มีสิ่งผิดแผกไปจากเดิม คือ หลวงปู่ยังไม่ออกมานอกกุฏิสักที ทำให้พระองค์นั้นนึกสงสัย และสงสัยมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหลวงปู่สนทนากับใครอยู่ในกุฏิ ซึ่งธรรมดาแล้วท่านไม่เคยรับแขกที่ในกุฏิเนื่องจากภายในกุฏิท่านนั้นแคบมาก
    พระองค์ นี้จึงยอมเสียมารยาทแอบมองหลวงปู่ผ่านทางช่องข้างฝากุฏิหลวงปู่ จึงพบว่าหลวงปู่นั่งสนทนากับพระรูปร่างผอม ๆ อีกองค์หนึ่งอยู่ ซึ่งท่านไม่รู้จัก กระทั่งวันรุ่งขึ้นได้เห็นรูปพระองค์นี้ในหนังสือพิมพ์ ท่านจึงอุทานว่า องค์นี้แหล่ะ พระที่หลวงปู่นั่งสนทนากันในกุฏิ จากรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ พระลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนั้นจึงทราบว่า พระที่ท่านเห็นสนทนากับหลวงปู่ในกุฏิก็คือ หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ นั่นเอง
    ไม่มีใครทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่ดู่ กับหลวงปู่เกษม เพราะท่านไม่เคยเดินทางไปมาหาสู่กัน แต่ก็แปลกอย่างยิ่งที่ท่านทั้งสองมักกล่าวถึงกันเสมอ ๆ ช่างต่างจากทางโลกที่ว่าเมื่อฉันเก่งแล้ว ฉันก็จะเก่งที่สุดอยู่คนเดียว เก่งเหนือใครทั้งหมด ทิฐิมานะของผู้ปฏิบัติกับผู้ไม่ได้ปฏิบัติจึงต่างกันราวฟ้ากับดิน
    หากยังมีใครสงสัยว่าเมื่อหลวงปู่ดู่ไม่เคยย่างกรายออกนอกวัดสะแกเลย เหตุใดหนังสือเอกสารประกอบวัตถุมงคลจึงชอบเขียนกันนักว่า หลวงปู่ดู่ วัดสะแกมีรายนามพระเกจิในพิธี อย่างเช่นพิธีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอายุครบ ๕๐ ปีนั้นก็ได้มีการนิมนต์หลวงปู่ดู่มาในพิธี มาร่วมอธิษฐานจิตเหรียญพระพุทธสิหิงส์จำลอง ที่จัดสร้างเป็นที่ระลึกและเพื่อจัดหาปัจจัยบำรุงมหาวิทยาลัยฯซึ่งประกอบพิธีที่อาคารหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    โดยมีการนิมนต์พระเถระจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นหลวงปู่รับนิมนต์ที่จะร่วมพิธี แต่หลวงปู่ขอที่จะไม่เดินทางไป (ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติปรกติของหลวงปู่ที่งดรับนิมนต์ออกนอกวัด) หลวง ปู่กล่าวกับท่านอธิการบดีว่า ขอให้ปูอาสนะและผ้าขาวในส่วนที่นั่งสำหรับหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ได้สอบถามถึงกำหนดวันเวลาที่เริ่มพิธี เพื่อท่านจะได้นั่งกรรมฐานจากที่วัดในวันเวลาดังกล่าว.จึงเป็นข้อยืนยันได้ว่า หลวงปู่ดู่นั้นไม่ได้นั่งปลุกเสกในพิธี จะมีก็เพียงการปลุกเสกแบบเดินญาณมาเท่านั้น(นำมาจากกระทู้ในสวนขลัง เพิ่มเติมเมื่อ 3 สค.2552)
    ***แบ่งไปบูชา 349 บาท***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1235.JPG
      DSC_1235.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86 KB
      เปิดดู:
      419
    • DSC_1231.JPG
      DSC_1231.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      152
    • DSC_1233.JPG
      DSC_1233.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.8 KB
      เปิดดู:
      107
    • 657365-4d242.jpg
      657365-4d242.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.8 KB
      เปิดดู:
      192
    • get_auc3_img (1).jpg
      get_auc3_img (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      208
    • get_auc3_img.jpg
      get_auc3_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      197
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2016
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    19.**พระดีพิธีใหญ่*** พระผงเจ้าสัว 2 พิมพ์ใหญ่ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม รวมสุดยอดมวลสารพระเจ้าสัวปี35 มวลสารสุดยอด เกจิปลุกเสกเพียบ สุดยอดมหาฤกษ์ "มหัทธโนฤกษ์"(ฤกษ์แห่งผู้มีทรัพย์ ) ประสบการณ์สูง สภาพสวยมาก ไม่มีบิ่น แตกร้าว ไม่ผ่านการบูชา **แบ่งให้บูชา 699 บาท**

    **มวลสารสำคัญ***
    พระผง เจ้าสัว
    พระผง เจ้าสัว ที่จัดสร้างขึ้นครั้งนี้ ได้ดำเนินการหลังจากเททอง เหรียญเจ้าสัว แล้ว ขณะช่างได้ตกแต่ง เหรียญเจ้าสัว เนื้อทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง ได้มีผงตะไบจากเนื้อต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของ ยันต์และชนวนสำคัญ มากมาย จึงพิจารณาว่าหากนำเอาผงตะไบทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดงนั้นมาเป็นส่วนผสมกับผงเก่าของ หลวงปู่บุญ ที่เหลืออยู่ ก็จะได้ พระผง อันมีคุณวิเศษทีเดียว เท่ากับว่า แขวนเพียงหนึ่งได้ถึงห้า คือได้ทั้งเนื้อผง เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง

    **พระผง เจ้าสัว นอกจากจะประกอบด้วย ผงสำคัญต่างๆ ของ วัดกลางบางแก้ว ดังนี้แล้ว ยังมีผงอื่นๆ อีกมากมาย คือ ผงจาก วัดกลางบางแก้ว
    1. ผงตะไบ เหรียญเจ้าสัว ทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง
    2. ผงเก่า ของ หลวงปู่บุญ อันประกอบด้วยผงพุทธคุณ ผงตรีนิสิงเห ผงอิทธิเจ ผงปถมัง และ ผงมหาราช
    3. ผงเก่า ชื่อ เทพรำจวน ของ หลวงปู่บุญ
    4. ผงยาจินดามณี ของ หลวงปู่บุญ
    5. ผงขมิ้นเสก ของ หลวงปู่บุญ - หลวงปู่เพิ่ม
    6. สีผึ้งเมตตา พญาหงส์ทอง ของ หลวงปู่บุญ
    ผงจากท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ( ณัฏฐ์ ศรีวิหค ) มีดังต่อไปนี้

    อิทธิมงคลวัตถุอันทรงคุณวิเศษ 10 ประการ คือ

    1. ผงจิตรลดา
    2. ผงอธิษฐานจิต โดย เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส
    3. ผงอธิษฐานจิต โดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
    4. ผงอธิษฐานจิต โดย พระราชสังวราราม ( หลวงปู่โต๊ะ ) วัดประดู่ฉิมพลี
    5. ทรายเงิน อธิษฐานจิตโดย พระอุดมสังวรวิสุทธิเถระ ( หลวงปู่ศรี มหาวีโร ) วัดประชาคมวนาราม
    6. ทรายเงิน ทรายทอง ผงดอกบัว อธิษฐานจิตโดย พระอาจารย์ยันตระ (อมโรภิกขุ)
    7. ทรายเงิน อธิษฐานจิตโดย พระโพธิญาณรังสีเถระ ( พระอาจารย์จันทร์ คเวสโก ) วัดป่าชัยรังสี
    8. ทรายเงิน พิธีพุทธาภิเษก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ( วัดพระแก้ว ) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2530
    9. น้ำศักดิ์สิทธิ์ประกอบพิธีพุทธาภิเษก จากทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และประกอบพิธีใหญ่จาก วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2530
    10. ผงพิเศษ จากแผ่นผงที่พระคณาจารย์ลงอักขระและแผ่เมตตา จำนวน 108 รูป ทั่วประเทศ


    **พิธีปลุกเสก***
    จากนั้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2535 ทำพิธีพุทธามังคลาภิเษก ณ โบสถ์ วัดกลางบางแก้ว ในเวลา 13.39 น. อันได้ตำแหน่ง มหัทธโนฤกษ์ คือ ฤกษ์แห่งผู้มีทรัพย์ โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธานจุดเทียนชัย และได้นิมนต์พระคณาจารย์มาร่วมพิธีพุทธมังคลาภิเษก ดังนี้คือ
    1. พระครูสิริชัยคณารักษ์ ( สนั่น ) เจ้าอาวาส วัดกลางบางแก้ว เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    2. พระอาจารย์เจือ ปิยะสีโล วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
    3. พระครูเกษมธรรมนันท์ ( แช่ม ) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    4. พระครูเกษมนวกิจ ( เต้า ) วัดเกาะวังไทร จ.นครปฐม
    5. พระครูเกษมธรรมรักษ์ ( ยะ ) วัดท่าข้าม จ.นครปฐม
    6. พระครูสาธุกิจวิมล ( เล็ก ) วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม
    7. พระครูปุริมานุรักษ์ ( พูล ) วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
    8. พระครูวิชัยวุฒิคุณ ( ดี ) วัดสุวรรณาราม จ.นครปฐม
    9. พระครูฐาปนกิจสุนทร ( เปิ่น ) วัดบางพระ จ.นครปฐม
    10. พระครูสุนทรวุฒิคุณ ( พุฒ ) วัดกลางบางพระ จ.นครปฐม
    11. พระครูชัยสิทธิ์วิศาล ( ลำเจียก ) วัดศาลาตึก จ.นครปฐม
    12. พระราชอุดมมงคล ( หลวงพ่ออุตตมะ ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
    13. พระครูกาญจโนปมคุณ ( ลำใย ) วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี
    14. พระราชญาณรังสี ( หลวงตาจันทร์ ) วัดป่าชัยรังสี จ.สมุทรสาคร
    15. พระราชมงคลญาณ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
    16. พระครูศรีวิสุทธานุวัตร วัดไตรมิตร กรุงเทพฯ
    17. หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา
    18. หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี
    19. พระราชสิงหคณาจารย์ ( หลวงพ่อแพ ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    20. พระครูอินทคณานุสรณ์ ( เจ็ก ) วัดระนาม จ.สิงห์บุรี
    21. พระครูวิชาญชัยคุณ ( สำราญ ) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท
    22. หลวงพ่อนะ วัดหนองบัว จ.ชัยนาท
    23. หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ จ.ชัยนาท
    24. หลวงพ่อบุญตา วัดโคกเกตุ จ.ลพบุรี
    25. หลวงพ่อต่วน วัดตะวันเย็น จ.ลพบุรี
    26. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง จ.ลพบุรี
    27. พระครูนิวาตธรรมโกศล ( แนม ) วัดเขาหน่อ จ.นครสวรรค์
    28. หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ จ.นครสวรรค์
    30. พระครูนิยุตธรรมกิจ ( เศียร ) วัดอินทาราม จ.นครสวรรค์
    31. หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี
    32. หลวงพ่อตี๋ วัดสังกัสคีรี จ.อุทัยธานี
    33. พระครูอุทัยคณาภิรักษ์ ( ประชุม ) วัดพิชัยปุรณาราม จ.อุทัยธานี
    34. พระครูวิรุฬห์ หิรัญพงษ์ ( เชื้อ ) วัดคงคาราม จ.พิจิตร
    35. พระครูสุตพลวิจิตร ( คร่ำ ) วัดวังหว้า จ.ระยอง
    36. พระครูสุนทรธรรมานุศาสน์ ( รวย ) วัดท่าเรือแกลง จ.ระยอง
    37. พระครูสุนทรสุวรรณกิจ ( ดี ) วัดพระรูป จ.สุพรรณบุรี
    38. พระครูธรรมสารรักษา ( ป่วน ) วัดหนองบัวทอง จ.สุพรรณบุรี
    39. พระครูปรีชาวุฒิคุณ ( ฮวด ) วัดดอนโพธิ์ทอง จ.สุพรรณบุรี
    40. พระครูภาวนาวรกิจ ( เล็ก ) วัดเขาดิน จ.กาญจนบุรี
    41. พระครูสุคนธศีลคุณ ( หอม ) วัดท่าอิฐ จ.อ่างทอง
    42. พระครูนนทสิทธิการ ( ประสิทธิ์ ) วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
    43. พระครูวิชัยประสิทธิคุณ ( เชิญ ) วัดโคกทอง จ.พระนครศรีอยุธยา
    44. พระครูเกษมคณาภิบาล ( มี ) วัดมารวิชัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    45. พระครูสิริปุญญาธร ( วิชัย ) วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา
    46. พระครูสังฆรักษ์ ( เฉลิม ) วัดพระญาติ จ.พระนครศรีอยุธยา
    47. พระครูนนทกิจวิบูลย์ วัดปากน้ำ จ.นนทบุรี
    48. พระครูสุนันท์วิริยาภรณ์ ( เก๋ ) วัดแม่น้ำ จ.สมุทรสงคราม
    49. พระครูสุนทรจริยาวัตร ( ม่วง ) วัดยางงาม จ.ราชบุรี
    50. พระครูสุนทรธรรมกิจ ( หยอด ) วัดแก้วเจริญ จ.สมุทรสงคราม
    51. หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก จ.ประจวบคีรีขันธ์
    52. หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี
    53. ครูบาสร้อย วัดสันติคีรี ท่าสองยาง จ.ตาก
    54. ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล จ.เชียงใหม่
    55. พระครูไพโรจน์รัตโนบล ( บุญมี ) วัดสระประสานสุข จ.อุบลราชธานี
    56. หลวงพ่อโชติ วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    57. หลวงปู่พั่ว วัดบ้านนาเจริญ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี
    58. หลวงปู่กิ วัดสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    59. พระครูเกษมธรรมญาณ ( นำ ) วัดมัชฌิมภูมิวราราม ( วัดท่ายายหนี ) อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช
    60. พระครูวิจารณ์รัตนคุณ ( พ่อท่านแก้ว ) วัดท่าบอน จ.สงขลา
    61. พระอธิการเชือน วัดโพธาราม จ.ตรัง
    62. พระครูกาชาด ( บุญทอง ) วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
    63. พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
    64. พระครูขันติยาภรณ์ ( พรหม ) วัดบ้านสวน จ.พัทลุง
    65. พระครูพิพิธวรกิจ ( คล้อย ) วัดภูเขาทอง จ.พัทลุง
    66. หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร
    67. หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
    68. หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม
    69. หลวงพ่อบัวเผื่อน วัดหลังเขา จ.นครสวรรค์
    70. พระอาจารย์แอ๊ด วัดทอง จ.พระนครศรีอยุธยา
    71. พระครูพิลาศธรรมคุณ ( ถม ) วัดธรรมปัญญาราม จ.สุโขทัย
    72. พระครูสุนทรธรรมวิจารณ์ ( ยก ) วัดคลองโปร่ง จ.สุโขทัย
    73. พระครูจันทโรภาส ( จันทร์ ) วัดท่าข่อย จ.สุโขทัย
    74. พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตรพุทธบริษัทจีนเนตา ( เย็นเต็ก ) วัดโพธิ์แมนคุณาราม กรุงเทพฯ
    75. พระคณาจารย์จีนธรรมคณาธิการไพศาลสมณกิจ? (เย็นเชี้ยว ) วัดมังกรกมลาวาส กรุงเทพฯ
    76. พระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ ( ผูก ) วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม

    เหรียญเจ้าสัว หลวงปู่บุญ นอกจากพุทธานุภาพเป็นเอกทางโชคลาภพระเครื่องซึ่งมีกิตติคุณเด่นทางด้านโชคลาภ ทรัพย์สินพูนทวี แล้ว ยังมีกฤตยานุภาพทางแคล้วคลาดเป็นเยี่ยมอีกด้วย ด้วยประสบการณ์ทางโชคลาภกันอยู่เสมอ เรียกว่าเหรียญเจ้าสัว สมชื่อที่เรียกขาน ใครมีไว้ไม่อดตาย
    ในเรื่องของพุทธคุณนั้น เด่นทางด้านโชคลาภ ทำมาค้าขาย และทางด้านแคล้วคลาดอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ห้อยบูชาเหรียญเจ้าสัวแล้วทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเช่น เดียวกับเหรียญเจ้าสัวรุ่น ๑
    สุดยอดพระผงเจ้าสัว 2 วัดกลางบางแก้ว สภาพพระสวยมากๆ(คัดมาเป็นพิเศษ) อัดแน่นด้วยมวลสารทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ประจุพุทธคุณหลวงปู่บุญอย่างเข้มขลัง พร้อมเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วเมืองไทยสุดยอดมหาฤกษ์
    "มหัทธโนฤกษ์"(ฤกษ์แห่งผู้มีทรัพย์ ) **พุทธคุณ เน้นด้านทรัพย์ เงินทอง ค้าขาย เป็นยอดเยี่ยมครับ**
    **แบ่งให้บูชาเบาๆ699บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2016
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    20.ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)
    เครื่องรางโด่งดังดุจดาวค้างฟ้า
    !! เปี่ยมด้วยมิติขลังพลังพุทธคุณ!!อ.นองท่านกล่าวว่าผ้ายันต์กาขาวดีทางมหาลาภด้วยเหมือนกันทั้งนี้อยู่ที่เราอธิษฐานขอหากสิ่งใดไม่เหนือแรงกรรมแล้ว แม่กาขาวท่านคงบันดาลให้สมหวัง
    ***แบ่งให้บูชา 599 บาท*******คุณsupachaipnuนิมนต์ครับ***

    จากหลวงพ่อทวด..ถึง..ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)
    เครื่องรางโด่งดังดุจดาวค้างฟ้า!! เปี่ยมด้วยมิติขลังพลังพุทธคุณ!!


    “นะโมโพธิสัตโตอาคันติมายะอิติภะคะวา”

    ในบรรดาพระเครื่องในรูปของพระพุทธหรือรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นพระบูชา พระแขวนคอ ผ้ายันต์ ฯลฯ องค์ที่ได้รับการสร้างมากที่สุด(ตามความคิดของผม) รูปพระพุทธต้องเป็นหลวงพ่อโสธร พระเกจิฯ ต้องเป็นหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ซึ่งในบทความตอนนี้ผมขอเขียนเฉพาะรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์เท่านั้น เพื่อน ๆ ลองไล่เรียงสิครับว่าพระอมตะเถราจารย์ในเมืองไทยเอาที่มรณภาพไปแล้วมีองค์ใดบ้าง เอาแบบที่มีชื่อเสียงแพร่หลายนะ เริ่มตั้งแต่ภาคเหนือ ได้แก่ครูบาศรีวิชัย ภาคอีสาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ และ..ภาคใต้ หลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) แห่งวัดช้างไห้

    ในบรรดาพระอมตะเถระเจ้าทั้งสี่องค์นี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า หลวงพ่อทวด( เหยียบน้ำทะเลจืด) วัดช้างไห้ถือว่าเป็นพระที่มีการจัดสร้างออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่วัดช้างไห้เอง หรือวัดต่างๆ ในประเทศไทย ต่างมาขอพึ่งบารมีหลวงพ่อทวดเกือบทั้งนั้น หรือเอาง่าย ๆ เด็กสมัยใหม่ยังรู้จักหลวงพ่อทวดมากกว่าสมเด็จวัดระฆังหรือสมเด็จบางขุนพรหมเลย..พูดให้เป็นภาษาประกิตก็คือค่อนข้าง “สากล” แหละครับ

    ด้วยการที่มีความเป็น “สากล” นี่แหละครับที่ส่งผลให้พระเครื่องหลวงพ่อทวดเป็นที่นิยมจัดสร้างกันทั่วไป วัดไหนๆ ก็สร้างกันได้ ตามความคิดของผมน่าจะมาจากการที่หลวงพ่อทวดท่านเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดต่าง ๆ จึงนิยมสร้างหลวงพ่อทวดขึ้นเป็นวัตถุมงคลเพื่อให้คนนำไปสักการบูชา ป้องกันอันตรายให้กับตนเอง รวมไปถึงเป็นวิธีการจัดหาทุนในการสร้างหรือบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด


    ประเด็นมีอยู่ว่า...พระเครื่องหลวงพ่อทวดที่สร้างกันขึ้นมานั้นมีความขลังหรือมีความศักดิ์สิทธิ์เพียงไร?..

    ซึ่งประเด็นนี้มีคำตอบแน่นอนคือ “ขึ้นอยู่กับองค์อาจารย์ผู้สร้างว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด เพราะการสร้างพระเสกพระจะให้ขลัง ให้ศักดิ์สิทธิ์ องค์อาจารย์ผู้เสกต้องมีความสามารถอัญเชิญพระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ และกฤตยาคมต่าง ๆ เข้าในวัตถุมงคลนั้น ๆ ได้

    หากเราย้อนหลังไปดูประวัติการสร้างพระหลวงพ่อทวด มีการจัดสร้างอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ นับจนถึงปัจจุบันปี ๒๕๕๑ ก็เป็นเวลา ๕๔ ปี ซึ่งถือว่าไม่นานเท่าไรยังพอมีคนรู้คนเห็นจนถึงบางทีคนที่เคยร่วมสร้างอาจยังมีชีวิตอยู่ด้วย...และเมื่อเราศึกษาถึงการสร้างหลวงพ่อทวดอย่างถ้องแท้แล้วจะพบว่า ในวงการพระเครื่องจะให้ความนิยมและสนใจกับพระหลวงพ่อทวดที่สร้างจากพระอาจารย์สององค์คือท่านอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี และท่านอาจารย์นอง อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว จังหวัดปัตตานี

    ในอดีตสมัยท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ยังมีชีวิตอยู่ พระอาจารย์นอง นับเป็นพระคู่ทุกข์คู่ยากของพระอาจารย์ทิมอย่างแท้จริง และสมัยนั้นมีพระอาจารย์อยู่สามองค์ที่เป็นสหธรรมมิกซึ่งกันและกันคือ ท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ เป็นพี่ใหญ่เนื่องจากอาวุโสสูงสุด ท่านเจ้าคุณวัดนาประดู่ เป็นศิษย์น้องรองลงมา และท่านพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นน้องเล็กสุดท้าย พระอาจารย์ทั้งสามท่านนี้ถือเสมือนหนึ่งเป็นพระพี่พระน้อง ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันมา พลังศรัทธาของประชาชนจึงมีให้ทั้งสามองค์นี้อย่างเท่าเทียมกัน....ย้อนเวลาหาอดีตกลับไปในปี ๒๔๙๗ ครับ ในตอนสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกนั้น..พระอาจารย์นองท่านเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการจัดหาว่านต่าง ๆ มาให้พระอาจารย์ทิมสร้างพระ และเป็นกำลังสำคัญในการควบคุมการสร้างพระครั้งนี้...ประสบการณ์ในครั้งนั้นเสมือนเป็นประกาศนียบัตรรับรองความสามารถผ่านงานเสริมเข้ากับวิทยาคมที่ตัวท่านเองมีอยู่แล้ว..ส่งให้ท่านพระอาจารย์นองก้าวขึ้นทำเนียบพระเกจิอาจารย์แนวหน้าของเมืองไทยองค์หนึ่ง
    ด้วยความนิยมของวงการพระเครื่องที่มีกับพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกส่งผลให้ราคาค่าบูชาที่เช่าหากันสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ หมดโอกาสในการเช่าหาและครอบครองพระเครื่องรุ่นแรกที่ท่านพระอาจารย์ทิมได้สร้างไว้ ดังนั้นพระหลวงปู่ทวดที่สร้างโดยท่านพระอาจารย์นอง จึงเป็นทางเลือกให้กับพวกเราอีกครั้ง


    ท่านพระครูธรรมกิจโกศล หรือ ท่านพระอาจารย์นอง ธมมภูโต เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อของจังหวัดปัตตานี ทำให้วัดต่าง ๆ ที่สร้างหลวงปู่ทวดต่างวิ่งหาเพื่อให้ท่านพระอาจารย์นองช่วยอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกให้ ....เจอแล้วครับ!!!...เครื่องรางในสายวิชาหลวงพ่อทวด

    ที่ผมตัดสินใจเขียนเรื่องผ้ายันต์กาขาว..ที่ผ่านการปลุกเสกจากพระอาจารย์นองในตอนนี้เนื่องจากได้พูดคุยกับเพื่อนฝูงร่วมอุดมคติถึงราคาค่างวดในการเช่าหาพระหลวงปู่ทวด สายท่านพระอาจารย์นอง ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีราคาแพงขึ้นทุกขณะโดยไม่ต้องอิง “กลไกทางการตลาด” เพียงแต่ผ่าน “ขั้นตอนของศรัทธา” อย่างเดียว ทุกชุดที่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้เช่น ชุดแรกปี ๒๕๑๔ ปัจจุบันพิมพ์ใหญ่สวย ๆ ต้องมี สามหมื่นบาทขึ้น หรือไล่ลำดับมาจนถึงรุ่นค่อนข้างสุดท้ายเช่นเนื้อว่านรุ่น มบ. ปี ๒๕๔๒ ที่สร้างเป็นกรณีพิเศษให้กับ ดร.ไมตรี บุญสูง ซึ่งประกอบพิธีพุทธาภิเษกไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ปัจจุบันสภาพพอสวยไม่ฝังตะกรุดก็ตกองค์ละเกือบสองพันบาท ถ้าฝังตะกรุด เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงเลย...

    ปัจจุบันท่านพระอาจารย์นอง ได้ถึงแก่มรณภาพแล้วครับเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๒ เวลา ๐๓.๒๗ น. ณ.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ สิริอายุ ๘๐ ปี ๖๐ พรรษา ได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุวัดทรายขาว เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ซึ่งแม้สังขารของท่านจะสลายไปแต่ความดี ของท่านที่มีอยู่มากมายส่งผลให้ท่านยังคงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของบรรดาลูกศิษย์ นอกจากนี้แล้วความเข้มแข็งในวิทยาคมยังส่งผลให้ท่านกลายเป็นตำนานบทหนึ่งคู่กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ใน "ฐานะพระผู้ก่อให้เกิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์" ของพระเครื่องเมืองใต้ ที่แผ่บารมีความศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วประเทศในนาม "หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้"

    ย้ำอีกครั้งครับ...ยอดเครื่องรางแห่งยอดพระเกจิอาจารย์แดนใต้ สุดยอดอาคมขลังทีเดียว ของพ่อท่านนองหรือพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เรียกกันว่า ผ้ายันต์กาขาว…สังเกตรูปนกกาขาวกลางยันต์เป็นสำคัญ
    ผ้ายันต์กาขาวของพ่อท่านนองขลังเป็นยอดขนาดที่ว่า พ่อท่านเพ็ง วัดทรายขาวหรือ พระครูปราโมทย์สีตคุณเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ท่านหวงแหนและยืนยันว่าขลังไม่แพ้ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปเลยเชียวครับ นับว่าเป็นโอกาสดีที่ พ่อท่านเพ็งเปิดเผยความเป็นมาให้เรา ๆ ทราบแบบลึกถึงเนื้อในเลยล่ะครับ...


    ใครมีตะกรุดและพระหลวงพ่อทวดของพ่อท่านนองจะขาดผ้ายันต์กาขาวมาคู่เคียงเสียไม่ได้!!!

    อย่างที่เคยทราบกันว่า ชื่อของ “พระครูธรรมกิจโกศล”หรือ “พระอารย์นอง ธมฺมภูโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ผู้ถือเป็นสหมิกธรรม และยังร่วมในพระคณาจารย์ที่ร่วมสร้างตำนาน “หลวงพ่อทวด” กับ “พระอาจารย์ทิม ธมฺมธโร” แห่งวัดช้างให้ ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจหากจะมีสาธุชนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาที่วัดทรายขาว มิได้หยุดหย่อนแม้ในพื้นที่ยังคงปรากฏเหตุการณ์ร้ายรายวันอยู่เนือง ๆ ก็ตาม


    แม้นพระอาจารย์นอง ธมฺมภูโต จะละสังขารไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ แต่วันนี้ผู้เลื่อมใส เคารพศรัทธา ก็ยังเดินทางมายังวัดแห่งนี้มิเคยขาดสาย ด้วยเพราะคุณงามความดีที่พระรูปนี้ได้สั่งสมไว้จนเกิดเป็นบารมี ความศรัทธาแพร่ขจรไปทั่วแล้ว ท่านยังสร้างคุณูปการไว้เป็นหลักฐานแก่สังคมมากมายไม่ว่าจะเป็นแวดวงการศึกษา พยาบาล ราชการ รวมถึงวงการสงฆ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ อีกทั้งการพัฒนาวัดทรายขาวให้มีความเจริญต่อเนื่อง

    พลังศรัทธาของชาวพุทธทุกหมู่เหล่าที่ร่วมลงขันลงกำลังแรง กำลังทรัพย์ จนดำเนินการสร้างพัฒนาวัดทรายขาวให้แล้วเสร็จ ไม่เพียงเป็นแค่ภาพสะท้อนในการทำงานของพ่อท่านนองให้ลุล่วงเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงพลังแห่งพุทธที่ผูกจิตของญาติโยมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวในการทำนุบำรุงและค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างน่าชื่นชม

    ความสัมพันธ์กับอาจารย์ทิม วัดช้างให้ อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านเป็นสหธรรมิกกับท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เป็นทั้งกัลยาณมิตรเป็นศิษย์กับอาจารย์ต่อกัน เกื้อกูล เกื้อหนุนกันมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนวาระสุดท้ายของท่านอาจารย์ทิม เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2512 ทั้งพระอาจารย์ทิม และ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นศิษย์ร่วมสำนักวัดนาประดู่มาด้วยกันเมื่อพระอาจารย์ทิมมาอยู่วัดช้างให้และ อาจารย์นอง ไปอยู่วัดทรายขาว ก็ยังมีความสัมพันธ์ดีงามมาโดยตลอด กิจการใดของวัดช้างให้ อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านจะเป็นผู้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายพระอาจารย์ทิมทุกอย่าง ที่สำคัญ การสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 ถ้าจะกล่าวกันแล้ว ปฐมเหตุจริงๆ ก็มาจากท่านที่เป็นผู้ชักชวนพระอาจารย์ทิมให้สร้างพระหลวงพ่อทวด ตามที่ท่านได้เล่าให้ฟังเท่าที่จำได้คร่าว ๆ คือช่วงนั้น อาจารย์นอง วัดทรายขาวกับพระอาจารย์ทิม ขึ้นมากรุงเทพฯ และไปที่วัดระฆัง เพื่อที่จะไปเช่าบูชาพระสมเด็จของหลวงปู่นาค มาเพื่อให้คนทำบุญจะได้นำเงินไปสร้างโบสถ์วัดช้างให้ พกเงินขึ้นมาประมาณ 3,000 บาท ขณะที่กำลังจะขึ้นไปเช่าพระ ท่านบอกว่า "กูนึกยังไงก็ไม่รู้ สะกิดอาจารย์ทิม บอกว่า ท่านๆ ทำไมเราไม่กลับไปทำพระของเราเองล่ะ" "พระอะไร...?" พระอาจารย์ทิมถาม "ก็พระหลวงพ่อทวดไง" พระอาจารย์ทิมบอก "เออ...!! นั่นน่ะสิ" ทั้งสองท่านจึงได้เช่าบูชาพระสมเด็จหลวงปู่นาคม เพียงเล็กน้อยและพากันกลับปัตตานี

    ปฐมเหตุตรงจุดนี้ คือกำเนิดของสุดยอดพระเครื่องเมืองใต้ หลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 อันเป็นอมตะตลอดกาล ส่วนคุณอนันต์ คณานุรักษ์ นั้น เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเหลือให้การจัดสร้างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อทวดที่บันดาลชักนำ คุณอนันต์ คณานุรักษ์ คหบดีชาวปัตตานีให้มาเป็นกำลังสำคัญ การจัดสร้างพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี พ.ศ.2497 พระอาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านจึงมีส่วนอย่างมากในทุกๆ ขั้นตอนการจัดสร้าง ฉะนั้น...ท่านจะรู้พิธีกรรม และเรื่องว่านดีที่สุด เมื่อท่านมาสร้างพระหลวงพ่อทวด ขึ้นเองจึงมีความขลังแ ละศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่บ่งให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองพระอาจารย์ที่ผู้เขียนได้ฟังแล้วรู้สึกประทับใจและกินใจมาก ตามที่ท่านเล่าให้ฟังว่าก่อนที่อาจารย์ทิมจะไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ท่านมาหาเราที่วัด สั่งเสียไว้หลายเรื่องฝากให้เราช่วยดูแลวัดช้างให้ ท่านหยิบขันน้ำมนต์ขึ้นมา ท่านจับประคองอยู่ด้านหนึ่งให้เราจับอีกด้านหนึ่ง แล้วท่านพูดว่า "ตั้งแต่คบกันมา คุณไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลย คนอื่นยังมีตรงบ้าง คดบ้าง "เรา" ขออธิษฐาน บุญใดที่เคยทำร่วมกันมา และยังไม่เคยทำร่วมกันมาก็ดี ทั้งชาตินี้และอดีตชาติ ขออธิษฐาน เกลี่ยบุญให้เท่ากัน เพื่อจะได้เกิดทันกันทุกๆ ชาติไปจนถึงชาติสุดท้าย"

    จากนั้นพระอาจารย์ทิมก็เข้าไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ และก็มรณภาพที่โรงพยาบาลกลางเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2512 คำอธิษฐานนี้ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่ เป็นอมตวาจาอย่างแท้จริง ได้ความรู้สึกถึงความผูกพันที่ท่านทั้งสองมีต่อกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด ได้ร่วมสร้างตำนานอันมหัศจรรย์ ของหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ แผ่ออกไปทั่วทุกสารทิศ พระอาจาร์ทิม ถ้านับจาก พ.ศ.2497-2512 ก็เพียง 15 ปี แต่พระอาจารย์นองท่านใช้เวลาถึง 45 ปี (2497-2542) ปัจจุบัน หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อทวดดังไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็มีผู้คนนับถือไม่น้อยเช่นกัน เรื่องความสัมพันธ์กับพระอาจารย์ทิมนั้น ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับ "ดีนอก" คือมีปัจจัยอื่นช่วยส่งเสริม แต่เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คือ "ดีใน" นั่นเอง หมายถึง คุณลักษณะส่วนตัวของพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว สองสิ่งต้องคู่กันจึงจะสมบูรณ์ เมื่อดีก็ต้องดีทั้งนอก ดีทั้งใน

    อาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านยึดถือมาตลอดในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่เลือกว่าจะเป็นศาสนาใด ๆ ยากดีมีจน ท่านจะเป็นผู้ให้มาโดยตลอด ทั้งเรื่องสร้างโรงพยาบาลซื้ออุปกรณ์การแพทย์ สร้างโรงเรียน ทุนการศึกษา สร้างถนนหนทาง บริจาคทรัพย์ให้กับสาธารณกุศลอยู่เป็นประจำ ช่วยสร้างอุโบสถวัดต่างๆ แม้กระทั่งบริจาคเงินให้กับชาวอิสลามที่อยู่แถบ วัดทรายขาว ตลอดจนช่วยเหลือสงเคราะห์เรื่องต่างๆ จนได้รับการยอมรับนับถือจากชาวอิสลามเป็นจำนวนมาก ในเรื่องของการบริจาคทรัพย์ซื้ออุปกรณ์การแพทย์นั้น อาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านบอกว่า สามารถช่วยเหลือชีวิตคนได้มากประโยชน์เกิดขึ้นทันที ด้วยการที่ท่านเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งท่านจึงเห็นคุณประโยชน์ของอุปกรณ์การแพทย์ บางครั้งเวลาท่านอารมณ์ดีท่านจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ท่านเคยพูดว่า"ตอนกูไปอยู่โรงพยาบาล กูก็เตรียมเงินสดไปด้วยตลอด แล้วถามหมอว่า ขาดอะไรบ้าง หมอบอกว่า ขาดไอ้นั่น ไอ้นี่ กูควักเงินสดให้ไปซื้อเลย ครั้งหลังๆ นี่ พอกูไปนอนโรงพยาบาล ตื่นขึ้นมามองซ้าย มองขวา มีชื่อ พระครูธรรมกิจโกศล ติดเต็มไปหมด" ท่านพูดเสร็จก็หัวเราะร่วนชอบใจใหญ่

    อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านเคยพูดให้ฟังเสมอว่า "คนที่เขาเดือดร้อนมาพึ่งเรา หากไม่เกินวิสัยแล้ว เราช่วยได้ก็จะช่วย บางคนมาไม่มีเงิน ค่ารถ ค่ากิน เราก็ให้ไปเรื่องบุญ เรื่องทาน ใครทำใครก็ได้ไป บุญยิ่งทำก็ยิ่งได้บุญ ทานยิ่งให้ทานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้กลับมามากยิ่งๆ ขึ้นเป็นการสั่งสมบารมีลดกิเลสลงไป" จริงดั่งท่านว่า "ยิ่งทำก็ยิ่งได้ ยิ่งให้ก็ยิ่งมา" ธรรมะข้อนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับสังคมยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง เพราะสังคมเราทุกวันนี้ มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที ถ้าคนเรารู้จักคำว่าให้ รู้จักคำว่าพอ รู้จักเสียสละ เชื่อว่าสังคมจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน เรื่องทานบารมีเป็นธรรมะที่พระอาจารย์นอง ยึดปฏิบัติบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอดชีวิตของท่าน ถือว่าเป็นคุณความดีในตัวท่านเอง แต่สามารถสร้างคุณานุประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างมหาศาลท่านจึงเป็นที่รักเคารพของมหาชน

    อาจารย์นอง วัดทรายขาวท่านดำรงชีวิตอยู่ในสมณเพศด้วยความเรียบง่าย กิน (ฉัน) ง่ายอยู่ง่ายไม่พิถีพิถัน วางเฉยในเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่มีความทะยานอยาก ท่านพัฒนาวัดทรายขาว จนมีความเจริญรุดหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ชั่วระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ท่านสร้างวัดทรายขาว ให้งามสง่ากว่าวัดใด ๆ ใน จ.ปัตตานี หรือแม้กระทั่งจังหวัดใกล้เคียง เงินที่นำไปสร้างทั้งหมดกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่มาจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดทั้งสิ้น ท่านมิได้แตะต้องเงินทำบุญที่มีผู้บริจาคให้วัดแต่อย่างใด ปรากฏว่าหลังจากท่านมรณภาพ คณะกรรมการได้เคลียร์บัญชีทรัพย์สินในบัญชีต่างๆ เหลือเงินสดถึงกว่าสามสิบล้านบาท ทุกบัญชีท่านแยกแยะไว้ชัดเจนว่าเป็นเงินอะไรบ้าง มีที่มาที่ไปอย่างไร หนี้สินใครบ้าง ท่านมีบัญชีทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักบริหารงานที่มีการจัดการที่ดีเยี่ยม
    พ่อท่านเพ็งศิษย์พ่อท่านนองเน้นย้ำความขลังของผ้ายันต์กาขาวพระอาจารย์นองว่า...ผ้ายันต์กาขาวนี้เป็นตำรับตำราของหลวงพ่อทวดหมานอดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาวพระอาจารย์นองท่านสืบทอดวิชานี้มาและได้ทดลองสร้างขึ้นก็ปรากฏว่ามีข่าวทางอภินิหารทางเมตตาค้าขายดีทั้งแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีให้ได้ทราบไม่ได้ขาดจึงสร้างเสกแจกจ่ายเรื่อยมาจะว่าเป็นของดีคู่วัดทรายขาวก็คงไม่ผิดนัก พ่อท่านนองสร้างเสกผ้ายันต์กาขาวทุกครั้งจะเชิญดวงวิญญาณของหลวงพ่อทวดหมานมาเสกด้วยทุกครั้งใครอยู่ใกล้ ๆ ตอนท่านเสกก็จะรับรู้ได้เลยว่ามีกระแสพลังบางอย่างครอบคลุมพ่อท่านนองอย่างน่าทึ่ง

    หลวงพ่อทวดหมานท่านขลังนัก!!!


    “หลวงพ่อทวดหมาน” ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดทรายขาว จ.ปัตตานี เมื่อประมาณ 100 กว่าปีล่วงมาแล้ว บางคนเล่าว่าเดิมท่านนั้นนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาท่านเกิดเลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงได้บวชเป็นพระภิกษุ และต่อมาได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดทรายขาว “หลวงพ่อทวดหมาน” เป็นพระผู้ทรงบุญญาภินิหาร และวิทยาคมเข้มขลัง เจ้าตำรับ“เสื้อยันต์กาขาว” อันเลื่องชื่อ โดยมีเรื่องเล่าว่าในปี พ.ศ.2484 กองทัพญีปุ่นได้บุกเข้ายึดประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งทะเล จังหวัดปัตตานีด้วย และได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างตำรวจ และประชาชนผู้รักชาติกับทหารญี่ปุ่น ได้มีตำรวจนายหนึ่งได้สวมใส่ "เสื้อยันต์กาขาว” ของ ..หลวงพ่อทวดหมาน .. เอาปืนปีนขึ้นไปอยู่บนต้นมะพร้าว แล้วยิงทหารญี่ปุ่นตายไปหลายคน ทหารญี่ปุ่นพยายามมองหาว่าใครเป็นคนยิง และยิงมาจากจุดไหน ในที่สุดก็ได้พบว่า ตำรวจไทย ยิงปืนลงมาจากต้นมะพร้าว ทหารญี่ปุ่นจึงยิงปืนสวนขึ้นไปบนต้นมะพร้าว ถูกตำรวจผู้นั้นตกลงมาจากต้นมะพร้าว แต่ปืนของทหารญี่ปุ่น ซึ่งยิงปืนไล่หลังมาอีกหลายนัด แต่ก็ไม่ถูกต้องตัว ทำให้รอดชีวิตมาได้...ด้วยประสบการณ์ อิทธิฤทธิ์เดชา เกิดอัครอภินิหาร บันลือเลื่องใน “เสื้อยันต์กาขาว” ของหลวงพ่อทวดหมาน คนปัตตานีจึงหวงแหนกันมาก เพราะลือลั่นในด้านอมตะกฤษฎาภินิหาร สยบห่ากระสุน M.16 อสัญญีพิษสง ระเบิดสงคราม อีกทั้งสร้างสมความร่ำรวยให้ผู้ศรัทธานับไม่ถ้วน “หลวงพ่อทวดหมาน” ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้มีบุญญาธิการอันยิ่งใหญ่ มีบารมีที่เข้มขลังในพลังจิตญาณสูงส่ง บรรลุปุพเพนิวาสนุสติญาณ และอิทธิวิธิญาณ อย่างแก่กล้าในอากาศกสิณ จนสามารถล่องหนตัวได้อย่างอัศจรรย์ยิ่งนัก สาธุชนผู้เคารพศรัทธาประจักษ์เห็นในบุญญาภินิหารหลากหลายรอบด้าน กิตติศัพท์ของ “หลวงพ่อทวดหมาน” เป็นที่ลือเลื่องสถิตก้อง และเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วทั้งจังหวัดปัตตานี...อีก ทั้งมี เจโตปริยญาณ สามารถล่วงรู้ถึงวิบากกรรมของแต่ละคน และล่วงรู้วิธีการแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือที่เบาก็บันดาลให้หมดสิ้นไป ปรากฏเป็นที่อึงคะนึงว่า ผู้คนที่ประสบปัญหาต่างๆ อาทิเช่น เรื่องธุรกิจการค้ามีปัญหา การทำมาหากินฝืดเคือง ค้าขายไม่เจริญรุ่งเรือง ไม่ราบรื่นติดๆ ขัดๆ ตลอดจนบรรดาข้าราชการที่ไม่ประสบความเจริญก้าวหน้า ต่างไปกราบไหว้ขอให้ท่านช่วยเหลือ ก็ได้รับผลบันดลให้สำเร็จไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้ กฤตยาคม ในจิตญาณของท่าน ยังแก่กล้าด้วยพุทธาคมอย่างเข้มขลังเอกอุ ยอดเยี่ยมเป็น “หนึ่ง” ไม่เป็นสองรองใคร....ซึ่ง สถูปบรรจุอัฐิของ “หลวงพ่อทวดหมาน” ได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ให้ผู้เคารพศัรทธาที่เดินทางไป ได้กราบไหว้สักการบูชา..
    ขอเรียนว่า ผ้ายันต์กาขาวเป็นการเอายันต์จากเสื้อยันต์กาขาวมาทำเป็นผ้ายันต์ครับผม
    ท่านทวีป ทวีพาณิชย์ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ศิษย์ใกล้ชิดพ่อท่านนองได้เผยว่า...ผมเคยรับราชการอยู่ในเขตจังหวัดภาคใต้ตั้งแต่พศ.2504ถึงพศ.2518เป็นเวลาถึง14ปีและผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใกล้ชิดของท่านพระครูวิสัยโสภณหรืออาจารย์ทิมวัดช้างให้และพระครูธรรมกิจโกศล พระอาจารย์นองวัดทรายขาวซึ่งท่านอาจารย์นองท่านได้สร้างผ้ายันต์กาขาวทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีครั้งแรกจำนวน 5,000 ผืน เพื่อทรงประทานแก่ทหารตำรวจที่ปฏิบัติงานกับความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ และท่านอาจารย์นองได้มอบให้ผมไว้จำนวนหนึ่งซึ่งผมก็ได้มอบแจกจ่ายให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการไว้สักการบูชาเพื่อคุ้มคองตัวเอง ตัวผมได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการที่มีผ้ายันต์กาขาวไว้คุ้มครองได้ทำให้ผมและลูกน้องปลอดภัยจากอันตรายต่างๆมาจำนวนมากตลอดจนได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนฝูงว่าเขาเหล่านั้นได้รอดพ้นจากการถูกซุ่มโจมตีและจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และอันตรายอื่น ๆ เนื่องจากมีผ้ายันต์กาขาวติดตัวอยู่ ผมได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับผ้ายันต์กาขาวเป็นจำนวนมากปรากฏว่ามีพุทธคุณเน้นหนักไปทางแคล้วคลาดคงกระพัน........ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผมจึงขอแนะนำว่า ขอให้ท่านที่มีผ้ายันต์กาขาวติดไว้ที่ตัวและรถยนต์จะทำให้การเดินทางของท่านปลอดภัยยิ่ง

    ท่านทวีปศิษย์ใกล้ชิดพ่อท่านนองท่านย้ำถึงขนาดนี้ครับ!!!.


    ***พ่อท่านนองได้สร้างผ้ายันต์กาขาวโดยได้ยึดถือเอามรดกของหลวงพ่อทวดหมาน ทิ้งไว้ให้ท่านสร้างและเสกด้วยตัวท่านเองคนเข้านอกออกในวัดมักใกล้เกลือกินด่างคิดว่าผ้ายันต์กาขาวไม่น่าจะดังแต่หารู้ไม่ว่าประสบการณ์ขลัง ๆ เพียบจริงครับ ใครนับถือพระหลวงพ่อทวดแล้วขาดผ้ายันต์กาขาวไปเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปที่จะขาดมากๆคือ ขาดโชคลาภเพราะหลายท่านก็เล่าให้ฟังว่า ผ้ายันต์กาขาวดีทางมหาลาภด้วยเหมือนกันทั้งนี้อยู่ที่เราอธิษฐานขอหากสิ่งใดไม่เหนือแรงกรรมแล้ว แม่กาขาวท่านคงบันดาลให้สมหวัง****
    สันนิษฐานกันในภายหลังว่า ผ้ายันต์กาขาวตำรับหลวงพ่อทวดหมานนั้นคงเกี่ยวข้องกับตำนานแม่กาเผือก กาขาวกับกาเผือกคงเป็นตัวเดียวกันครับ
    สมัย ต้นปฐมกัป มีพญากาเผือกสองตัวผัวเมีย ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถาน รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาต่อมา พระโพธิสัตว์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาส แม่กาเผือกก็ออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ จำนวน ๕ ฟองและคอยเฝ้า ดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี อยู่มาวัน หนึ่ง พญากาเผือกออกไปหากินถิ่นแดนไกลไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งอันสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ แม่กาเผือกเพลินหากินอาหาร ชื่นชมกับธรรมชาติจนมืดค่ำ เกิดลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำมืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้หาหนทางออกไม่ถูก จึงหลงอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น แม่กาเผือกได้อยู่ที่เวียงกาหลง คืนหนึ่ง จนเช้าจึงรีบถลาบินกลับที่พัก แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกที่ยังอยู่ในไข่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสาร แต่ด้วย อานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งที่ลูกของแม่กา เผือกเป็นพระโพธิสัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกไปจุติยังแดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้พระนามว่า “ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวาย อัฏฐะบริขาร บวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนไข่ทั้ง ๕ ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่าง ๆ
    ครั้น ในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์บุรุษรูปงามทั้ง ๕ พระองค์ และเจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญู รู้จักหน้าที่ ทดแทนบุญคุณจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่งก็มีจิตคิดที่จะออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่า จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงก็ไม่ขัดความประสงค์ อนุญาตให้ลูกไปบวช บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา

    แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานที่มุ่งมั่น จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร จึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้า เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกแล้ว ตามลำดับพระนามดังต่อไปนี้

    องค์ ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่
    องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
    องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
    องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
    องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์

    ในกัปนี้ชื่อ ว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ”

    นะ คือ พระกกุสันโธ
    โม คือ พระโกนาคมโน
    พุท คือ พระกัสสโป
    ธา คือ พระโคตโม
    ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย

    จน เป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา ฝ่าย พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ เมื่อออกบวชเป็นฤาษี ก็ได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐาน จนสำเร็จญาณอภิญญาสมาบัติ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะมาหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธ อันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ ฤาษีทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย จึงสอบถามถึงความเป็นมาของกัน และกันจนรู้ว่าแต่ละองค์ก็มีแต่แม่เลี้ยง ฤาษีทั้ง ๕ จึงร่วมกันตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้า

    ด้วยอำนาจ สัจจะอธิษฐานธรรมอันบริสุทธิ์ดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม ซึ่งเดิมคือ แม่กาเผือก ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำแลงเพศเป็นรูปเดิม ขนขาวสวยงาม มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของฤาษีทั้ง ๕ เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกสลดสังเวชใจ และสำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก จึงน้อมนมัสการผู้เป็นแม่ กราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ผู้บังเกิดเกล้าไว้บูชา ได้มาเป็นผ้าฝ้ายเป็นตีนกาสัญลักษณ์ของแม่กาเผือกให้แก่ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาได้กลายเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ตลอดกาลนาน
    ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างพากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดจนดับขันธ์ ได้ไปจุติบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพ และในกาลต่อมา ก็วนเวียนบำเพ็ญเพียรบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสงสารวัฏ นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ต้นกัปโลกา ก็จะนำเอาบริขาร คือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์
    นั่นคือตำนานแม่กาเผือกที่เล่าต่อๆกันมา
    ***แบ่งให้บูชา 599 บาท****
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2016
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    ***กติกาเงื่อนไข*** สมาชิกท่านใดจองพระ1รายการจะได้ของแถม1ชิ้น(พระ) ***ถ้าเช่ากี่องค์ก็จะได้ของแถมเท่าจำนวนที่เช่าครับ**
    ท่านที่สนใจจองได้ไม่เกิน3วัน โอนเงินได้ที่รายละเอียดที่อยู่ด้านล่าง หลังจากโอนแล้ว รบกวนโทร.หรืออีเมล์มาบอกชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งด้วยครับ
    ติดต่อสอบถามได้ที่
    - Pm
    - เบอร์โทร 0817933946
    ชำระเงินได้ที่
    ธ.กรุงไทย สาขา ศรีย่าน
    ชื่อบัญชี นายวรัญญู เล้ารัตนอารีย์
    เลขที่บัญชี 012-0-14398-4
    [/COLOR][/COLOR]
    [/SIZE][/B]
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ****สรุปรายการที่มีคนเช่า ดังนี้***


    ***คุณsereenon *** รับของแถม 1 ชิ้น
    - 9.***ของดีต้องลอง**ตะกรุดมหาราช หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาส วิปัสสนาอ.ลาดบัวหลวง จ.อยุธยา พร้อมใบคำฝอย ซองเดิมๆจากวัด***แบ่งให้บูชาไปลองใช้ 199 บาท****

    **คุณTv.. โทรมาจอง** รับของแถม 1 ชิ้น[/SIZE][/B][/COLOR]
    1.**สุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์***พระขุนแผนดาบฟ้าฟื้น พิธีเสด็จกลับปี11อ.ชุม,อ.นำ,ลพ.คง,ลพ.ปาล ประจุพลัง2วาระ 33วัน+7วัน7คืน สภาพสวยผิวเดิมๆ คราบฝ้าไขว่านเดิม พระรุ่นนี้ศักดิ์สิทธิ์มากๆครับท่านใดมีไว้บูชา จะพบกับความเจริญรุ่งเรือง พุทธคุณครอบครบทุกด้าน แบ่งให้บูชา 959 บาท[/B]

    **คุณsupachaipnu*** รับของแถม 1ชิ้นครับ**โอนแล้วครับ**
    20.ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)
    เครื่องรางโด่งดังดุจดาวค้างฟ้า!! เปี่ยมด้วยมิติขลังพลังพุทธคุณ!!อ.นองท่านกล่าวว่าผ้ายันต์กาขาวดีทางมหาลาภด้วยเหมือนกันทั้งนี้อยู่ที่เราอธิษฐานขอหากสิ่งใดไม่เหนือแรงกรรมแล้ว แม่กาขาวท่านคงบันดาลให้สมหวัง***แบ่งให้บูชา 599 บาท****


    ***คุณDek_watpa*** รับของแถม 2ชิ้น
    8.**เหนียว..คงกะพัน..**เหรียญเสมา ไตรมาส 36 เนื้อทองแดง หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา บางบาล จ.อยุธยา สภาพสวยมาก ให้บูชา 399 บาท
    11.**ใครอยากเป็นเจ้าสัว**เหรียญเจ้าสัวรุ่นแรก หลวงพ่อพร วัดบางแก้ว จ.นครปฐม เนื้อแร่ศักดิ์สิทธิ์ ผสมพระเนื้อขี้นกเขาเปล้าแท้ๆ ของ หลวงปู่บุญ 2โค๊ด มีซองเดิมๆ ให้บูชา 399 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2016
  8. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,369
    ค่าพลัง:
    +7,301
    close ... 20.ผ้ายันต์กาขาว พ่อท่านนอง วัดทรายขาว....(พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต)
    เครื่องรางโด่งดังดุจดาวค้างฟ้า!! เปี่ยมด้วยมิติขลังพลังพุทธคุณ!!อ.นองท่านกล่าวว่าผ้ายันต์กาขาวดีทางมหาลาภด้วยเหมือนกันทั้งนี้อยู่ที่เราอธิษฐานขอหากสิ่งใดไม่เหนือแรงกรรมแล้ว แม่กาขาวท่านคงบันดาลให้สมหวัง***แบ่งให้บูชา 599 บาท****
     
  9. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    จองครับ

    จองรายการนี้ครับ
     
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการจอง ครับ ขอบคุณมากครับ :cool::cool::cool: แถมของสมนาคุณคนละ1 ชิ้นครับ
     
  11. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    ขอจองเหรียญเจ้าสัวหลวงพ่อพร วัดกลางบางแก้วเพิ่มอีก1รายการครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2016
  12. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    21.***ผสมชนวนเก่า*** แหวนหน้าพระพุทธ หลวงปู่ดู่วัดสะแก ปี2540 เนื้อทองเหลือง (ครูบาชัยวงฯ อธิษฐานจิต) พร้อมซองเดิมๆๆ ***แบ่งให้บูชา 799 บาท**

    ออกโดย วัดสะแก ครูบาชัยวงฯ อธิษฐานจิต สภาพสวยเดิม

    แหวนรุ่นนี้ ถึงแม้จะไม่ทันหลวงปู่ดู่อธิษฐานจิตให้แต่ก็รับรองว่าเป็นของดีที่สามารถบูชาได้อย่างสนิทใจด้วยว่าไม่ได้เพียงสร้างจากโลหะทองแดงหรือเงินเปล่า ๆ แต่อย่างใดหากแต่เป็นชนวนพระ แล ตะกรุดเก่าที่หลวงปู่ดู่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้นำมาผสมเป็นชนวนจัดสร้างแหวนรุ่นนี้เรียกได้ว่า "ไม่ยั้ง" เลยทีเดียว..

    หลวงปู่ที่ทำการอธิษฐานจิตแหวนรุ่นนี้คือ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูนครับ ทุกคนคงทราบอยู่แล้วว่าหลวงปู่ครูบาวงศ์นี้ "ดี" และ "เก่ง" อย่างไร ....

    แหวนรุ่นนี้ทุกวงจะมีการจารที่ด้านในโดยหลวงน้าดำ ซึ่งเป็นผู้ที่จารวัตถุมงคลแทนหลวงปู่ดู่ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังดำรงค์ขันธ์อยู่

    หากจะบอกว่าหลวงน้าดำนี้เป็นที่ไว้วางใจของหลวงปู่ดู่ก็คงจะไม่เกินเลยไปนัก ....

    แต่ที่สำคัญ "เหล็กจาร" ที่หลวงน้าดำใช้จารวัตถุมงคลนี้เป็นเหล็กจารของหลวงปู่ดู่ที่ท่านมอบให้หลวงน้าดำไว้ครับแต่หลวงปู่ท่านไม่ได้มอบให้แต่เพียงอย่างเดียว แต่หลวงปู่ดู่ท่านได้ทำการ "อธิษฐาน" ให้ด้วยว่า


    "หากใช้เหล็กจารนี้จารอักขระใดก็ให้เสมือนหนึ่งข้าจารให้เองทุกคราว"
    ***พุทธคุณครบทุกด้าน**** ให้บูชา 799 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1251.JPG
      DSC_1251.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.7 KB
      เปิดดู:
      131
    • DSC_1250.JPG
      DSC_1250.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63.3 KB
      เปิดดู:
      100
    • DSC_1248.JPG
      DSC_1248.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.8 KB
      เปิดดู:
      238
    • DSC_1247.JPG
      DSC_1247.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.2 KB
      เปิดดู:
      100
  13. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,369
    ค่าพลัง:
    +7,301
    โอนแล้ว 650.01...12:17....15/7/59
     
  14. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    รับทราบการจองครับ:cool::cool::cool:
     
  15. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,624
    ค่าพลัง:
    +465
    สอบถามครับ

    ขนาดเท่าไหร่ครับ
     
  16. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    22.**พระดีราคาถูก**พระวัดพลับ ปี 2514 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก ***แบ่งให้บูชาเบาๆ 199 บาท******มีสมาชิกโทรมานิมนต์แล้วครับ***
    **พระเครื่องที่ออกในนามวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร หรือวัดพลับนี้ มวลสารผสมด้วยเนื้อผงวัดพลับกรุเก่าที่ชำรุดแตกหัก ปลุกเสกโดยหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จากข้อมูลที่มีอ้างอิง วัตถุมงคลรุ่นนี้มวลสารได้รวบรวมโดยหลวงตาเหลือวัดราชสิทธาราม หรือวัดพลับ โดยผงส่วนใหญ่ได้มาจากเมืองอู่ทอง จ สุพรรณบุรีตั้งแต่ต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วนำผงแป้งดังกล่าวมาปั้นเป็นแท่งและลบผงให้เป็นผงวิเศษทั้ง 5 แล้วมาผสมเนื้อพระ โดยมีพระมหาบรรจง วัดพลับ เป็นผู้กดพิมพ์พระในช่วงปี 2514-16 เป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อกดพิมพ์แล้วเสร็จได้นำไปขอให้หลวงปู่โต๊ะปลุกเสกไตรมาส แล้วจึงนำมาเตรียมบรรจุในฐานพระ แต่ผู้จัดสร้างได้ลาสึกจากเพศบรรพชิตเสียก่อน พระที่สร้างจึงอยู่ค้างอยู่ที่วัด โดยมีพระเถระรูปหนึ่งท่านเก็บรักษามาเกือบ 40 ปี พระรุ่นนี้หลวงปู่ โต๊ะท่านได้นำไปแจกที่วัดถ้ำสิงห์โตทอง จ ราชบุรี และผงแป้งที่ได้จากเมืองอู่ทองก่อนมาลบเป็นผงวิเศษได้ให้หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆฯ ตรวจสอบ ซึ่งหลวงพ่อครื้นก็บอกว่ามีพุทธคุณดีมาก นอกจากนี้พระรุ่นนี้ยังได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเศกใหญ่ของวัดพลับในปี 2516 และ 2534 ด้วย

    พระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะก็มีส่วนผสมจากผงพระวัดพลับที่ได้รับการถวายมาเช่นเดียวกันครับ หลวงปู่โต๊ะท่านบอกว่า **ผงวัดพลับมีพระพุทธคุณสูง** **แบ่งให้บูชาเบาๆ199 บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1243.JPG
      DSC_1243.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      112
    • DSC_1240.JPG
      DSC_1240.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      96
    • 1265.jpg
      1265.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.6 KB
      เปิดดู:
      472
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2016
  17. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    23.**ของดูที่ถูกลืม***พระปิดตาเนื้อเมฆพัดหลวงพ่อเกิด วัดสะพาน จ.นครนายก ปี 2484 **แบ่งให้บูชา 899 บาท**

    ****วัตถุงคลอีกชิ้นหนึ่งของหลวงพ่อเกิด ที่หลายๆคนไม่ค่อยรู้จักมากนักเเละไม่ค่อยได้สนใจ เนื่องจากเป็นพระที่โรงงานเเถมมากับพระเหรียญที่ทางวัดสั่งโรงงานจัดสร้าง กลับกลายเป็นของดีที่ถูกลืม เหมือนกับพระในพิมพ์เดียวกันนี้ที่ทางโรงงานเเถมให้กับทางวัดสัตหีบ บางคนเหมารวมว่าเป็นของหลวงพ่ออี๋ ไปหมด เเต่ด้วยพิมพ์ทรงที่เเต่ต่างกันนิดหน่อย จึงสามารถเเยกได้ครับ ในพิมพ์พระปิดตานี้ถ้าเป็นของหลวงพ่ออี๋ จะมีนิ้วมือข้างละ 2 นิ้ว ยันต์เลข 1 จะตามเข็มนาฬิกาครับ ส่วนของหลวงพ่อเกิดจะมีนิ้วมือข้างละ 3 นิ้ว ยันต์เลข 1ไทยทวนเข็มนาฬิกา การหล่อหล่มของโรงงานโดยใช้เนื้อเมฆพัดนี้ จำทำยากกว่าการทำพระทั่วๆไปนะครับ เนื่องจากเนื้อเมฆพัดมีความเปราะเบา เเตกหักงาน บางองค์หล่อไม่เต็มก็เป็นองค์ที่ชำรุดไป หล่อสวยๆ ให้เหมือนกันหมดทุกองค์จึงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าบางองค์ออกจะอ้วนๆหรือปีกกว้างไปเลยก็มี บางองค์ออกจะผอมๆก็มีครับ เเต่ให้ดูจุดเลขยันต์ต่างๆในการเเยกพิมพ์จากหลวงพ่ออี๋ครับผม ซึ่งทางโรงงานจะมีจุดเด่นให้เเต่ต่างกัน ถ้าไม่สังเกตุจะไม่รู้ครับ
    ***พระปิดตาเนื้อเมฆพัดนี้จัดสร้างพร้อมเหรียญหน้าหนุ่ม บล็อกกลาก ปี 2484 ปลุกเสกในคราวเดียวกัน ในปัจจุบันพระปิดตานี้เริ่มหายากขึ้นทุกทีครับ เพราะมีคนที่รู้เเละเเอบเก็บอยู่ บางคนไม่มีเหรียญของท่าน ก็สามารถใช้พระปิดตาของท่านเเทนได้อย่างสบายๆ เเละราคาก็ไม่เเพงจนเกินไป.. ผมค้นหนังสือเก่าที่เก็บไว้นานเเล้ว เป็นข้อมูลที่ดีทีเดียวครับ ซึ่งมีคุณหมอจรัญ ชัยสิริ เเละอาจารย์อวิรุทร์ เขียนประวัติของหลวงพ่อเกิดเเละมีรูปวัตถุมงคลของท่านลงอยูด้วย ในหนังสือลานโพธิ์ เป็นข้อมูลอ้างอิงในการจัดสร้าง ซึ่งทำให้หลายๆคนที่อยากเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อเกิด มีอีกทางเลือกหนึ่งครับกับของดีราคาไม่เเรงเกินไป
    ***พุทธคุณ*** เเคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ
    ***แบ่งให้บูชาเบาๆๆๆ899 บาท ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2016
  18. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    24.**เมตตามหาเสน่ห์แรง**นางพิม หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม อานุภาพอันเข้มขลังทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี **แบ่งให้บูชา 699 บาท*****สมาชิกไลน์มาจองครับ**

    นางพิม เนื้อดินโป่ง ดินเจ็ดท่า ไคลเสมา ไคลเสาตลุงช้างฯลฯ หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร หลังจาร เมตตามหาเสน่ห์แรง ลักษณะของนางพิม จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงท้อง พนมมือ ใส่ชฎา และที่สำคัญจะมี ไอ่ดื้อ หรือลูก มีขาโผล่ออกมาจากตัว โดยเฉพาะในพิมพ์สักของหลวงปู่ แต่ก็มีเป็นมีลักษณะออกมาทั้งตัว เหมือนกัน

    แต่ที่สำคัญจักต้องเป็นรูปผู้หญิงท้องพนมมือ ซึ่งเป็นเอกลักษณของยันต์นางพิมของวัดท้องไทร นางพิมเป็นวิชาที่หลวงปู่เรียนมาจากเขมร หลวง ปู่เล่าให้ฟังว่า เจ้าของวิชาเป็นคนธิเบต หรือ เนปาล พระอธิการเกษม เขมจาโร หรือ หลวงพ่ออั๊บ ถือกำเนิดในตระกูล “ทิมมัจฉา” เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๖๔ ที่บ้านแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง ๘ คน

    ดังนั้นจึงต้องรับหน้าที่ดูแลน้องๆ และช่วยพ่อแม่ทำไร่นาเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว การศึกษา เมื่อหลวงพ่ออายุได้ ๒๐ ปีท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทตามแบบแผนประเพณีโบราณ โดยอุปสมบท ณ วัดทุ่งน้อย มี “หลวงพ่อมา” เกจิอาจารย์อาคมขลังเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วหลวงพ่อได้มาจำพรรรษาอยู่ที่วัดท้องไทร ๙ ปี

    หลังจากนั้นท่านจึงเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวังชะโดอีก ๒ ปี จนกระทั่งปี ๒๕๐๘ หลวงพ่อจึงกลับมายังวัดท้องไทรและอยู่ที่วัดท้องไทรจนถึงปัจจุบัน

    หลวงพ่ออั๊บท่านเป็นผู้ที่สนใจวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัย ที่ยังเป็นฆราวาส โดยได้ไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อน้อย เกจิอาจารย์แห่งวัดธรรมศาลา และยังเดินทางไปเรียนยาสมุนไพรกับบรรดาหมอยาต่างๆ จนท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านยาสมุนไพรเป็นอย่างมาก มีวิชาหนึ่งซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของหลวงพ่อเป็นอย่างมากก็คือ “วิชาแช่น้ำมนต์” เพื่อรักษาโรค โดยแต่ละวันมีผู้มาให้หลวงพ่อทำการรักษาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังมีวิชาที่หลวงพ่อเชี่ยวชาญเป็นพิเศษอีก ได้แก่ “ตะกรุดกันงู” และ “นางพิม” ซึ่งมีอุปเท่ห์และวิธีการใช้ที่เข้มขลัง

    มูลเหตุในการสร้างนางพิมนั้น เนื่องจากตอนแรกใครอยากได้วิชานางพิม ต้องเป็นการสักยันต์เท่านั้นแต่ลูกศิษย์บางคนก็กลัวเจ็บบ้างก็ไม่กล้าสัก จึงได้มีลูกศิษย์ขอให้หลวงพ่อทำเป็นวัตถุมลคลขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้ติดตัว ท่านก็ลองทำดูซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีเทียบเท่ากับการสัก


    ก่อนนำนางพิมติดตัวหรือขอให้ช่วยในเรื่องต่างๆ ให้ตั้งนะโม 3 แล้วว่า อุ กะ ปะ สะ หะ นะ พุท 9 จบ แล้วตั้งจิตอธิษบานตามปรารถนา ไม่ว่าจะออกไปค้าขาย หาเงินหาทอง พึงพยายามใช้เหล้าแตะทุกๆวัน ยิ่งทำทุกวันด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาจะเห็นอานุภาพอันเข้มขลังด้วยตัวท่านเอง หากจะใช้เป็นทางอยู่ยงคงกระพัน เวลาเข้าที่คับขัน จวนตัว ให้เปลี่ยนคำเรียกจากนางพิมเป็นนางดื้อ ยันต์นี้มีอานุภาพนานัปการพึงควรใช้และอธิษฐานเอาเถิด (ห้ามนำไปใช้ในทางทุจริตจักไม่บังเกิดผล) **แบ่งให้บูชา 699 บาท***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2016
  19. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    25.พระพุทโธน้อย รุ่นแรก คุณแม่บุญเรือนโตงบุญเติม ปี2494 มีหน้ามีตา **แบ่งให้บูชา 4199 บาท**


    การสร้างวัตถุมงคล

    ในวงการผู้นิยมสะสมพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง คนส่วนใหญ่มักจะสนใจประวัติการสร้างวัตถุมงคลของพระเกจิรูปต่างๆ ขณะเดียวกัน ประวัติของฆราวาสจอมขมังเวทย์ก็เป็นที่สนใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าพูดถึงการสร้างวัตถุมงคลของอุบาสิกาหรือแม่ชีนั้น คนวงการพระบางคนอาจะรู้จักบ้าง ส่วนคนนอกวงการพระอาจจะเกิดคำถามว่า “มีด้วยหรือ ?”


    วัตถุมงคลที่คุณแม่บุญเรือนอธิษฐานจิตมอบให้ลูกศิษย์ คือ ปฐวีธาตุหรือศิลาน้ำ (หินหรือกรวดใต้น้ำ) เพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีสรรพคุณครอบจักรวาล มีอานุภาพกันภัย รักษาโรคภัย ตลอดจนคุ้มครองรักษาผู้มีติดตัวไป ลูกศิษย์มักนิยมนำมาใส่ในภาชนะที่ตั้งน้ำอธิษฐานประจำวันเสาร์ และภาพถ่าย ซึ่งเป็นที่แสวงหาของคนวงการพระยิ่งนัก นอกจากนี้แล้ว หนังสืออนุสรณ์ในงานบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็เป็นที่แสวงหาเช่นกัน

    ส่วน “พระพุทโธน้อย” เป็นพระเครื่องขนาดเล็กที่ท่านสร้างขึ้นและอธิษฐานจิตให้ไว้แก่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ฝั่งธนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2496 เป็นพระพิมพ์แบบครึ่งซีก กรอบทรงสามเหลี่ยม ด้านหน้า องค์พระประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นมุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเป็นเม็ดกลมนูน และพระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ส่วนด้านหลังมีอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึกอ่านว่า “พุทโธ”

    "พุทโธ"ของคุณแม่บุญเรือน
    มีผู้สงสัยว่า คุณแม่บุญเรือนปฏิบัติธรรมด้วยบทภาวนาอะไร จึงได้สำเร็จอภิญญาญาณสมาบัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมายถึงเพียงนี้ ได้สอบถามกับลูกศิษย์ที่ทันท่านคุณแม่แล้ว จึงได้ทราบว่า บทภาวนาหลักของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือ"พุทโธ"เพียงคำเดียวนั่นเอง..!!!!!!!!
    และ"พุทโธ"นี้ ก็ยังได้เป็นที่มาแห่งพระเครื่อง,พระบูชา ตลอดจนพระประธานที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งสิบทิศในชื่อ พระพุทโธน้อย,พระพุทโธกลาง,พระพุทโธคลัง,พระพุทโธใหญ่(พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี) มาตราบเท่าถึงทุกวันนี้นั่นแล......


    "พระ(คุณแม่บุญเรือน)ได้ลงฌาณใหญ่ถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่..??!!??"

    พระเถระผู้ใหญ่ศิษย์หลวงปู่ดูลย์องค์หนึ่งกล่าวกับศิษย์หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรท่านหนึ่ง

    "ในสมัยก่อน เซียนพระท่าพระจันทร์จะแบ่งเป็น 2 ก๊ก ก๊กหนึ่งจะไปขึ้นหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี อีกก๊กหนึ่งจะไปขึ้นคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมน๊ะ..!!??!!"นักนิยมพระอาวุโสท่านหนึ่งบอกแก่"พุทธวงศ์"เมื่อนานมาแล้ว
    "นี่ก็แสดงว่า คุณแม่บุญเรือนจะต้องสุดยอดเก่งแท้แน่จริงๆนะสิครับ หาไม่แล้ว ลำพังธรรมดา ผู้หญิงโกนศีรษะโล้นคนหนึ่ง ถือเพียงแค่ศีล 5 ศีล 8 ไม่ได้มีผ้าเหลืองคลุมกายอันชวนให้ศรัทธาเท่าพระสงฆ์องค์เจ้าตามปกติ จะสามารถสยบพวกเซียนพระระดับเขี้ยวลากดินที่รอบจัดและยอมรับอะไรได้ยากยิ่งให้มาศิโรราบได้ถึงเพียงนั้น??"
    "ใช่แล้วล่ะ ก็ขนาดเซียนพระรุ่นใหญ่บางคนในคอห้อยพระสมเด็จวัดระฆังองค์ละเป็นแสนเป็นล้าน แต่ในกระเป๋าแอบเหน็บพระพุทโธของคุณแม่บุญเรือน(ยุคนั้นเช่าหากันเพียงองค์ละ 50 บาท 100 บาทเท่านั้น) จะมีความหมายว่าอย่างไร ก็คิดดูเอาเองก็แล้วกัน..!!!!!!"
    "สาธุๆๆ..............."


    "ต่อไป พระของแม่จะหายากและมีราคาแพงเหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆังน๊ะ..!!!!!!!??????!!!!!"
    คำพยากรณ์ประกาศิตของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    อ่านเพิ่มเติม http://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-080302083424401
    **แบ่งให้บูชา 4199 บาท**
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2016
  20. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    เดียวมืดๆๆลงรายการเพิ่มเติมอีกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...