ข่าวดี ชาวโลกจะได้พบพระศรีอารย์ในปี 2549

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 10 พฤศจิกายน 2004.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ในพระคัมภีร์ได้กล่าวต่อไปว่า ในกาลเมื่อพระศรีอารย์จะได้จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็น สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิราช นั้น......

    เป็นท่านเดียวกันครับ และเป็นบุคคลคนเดียวกัน ที่มีกล่าวเอาไว้ในทุกๆ ศาสนาด้วย เพราะพระเจ้าจักรพรรดิราชจะมาบังเกิดในโลกได้คราวละ 1 พระองค์เท่านั้น พระเจ้าจักรพรรดิราชของจริงจะต้องมี แก้ววิเศษ 7 ประการเป็นสัญญลักษณ์ประจำพระองค์ คือ 1.จักรแก้ว 2.ช้างแก้ว 3.ม้าแก้ว 4.ดวงแก้ว 5.นางแก้ว 6.ขุนพลแก้ว 7.ขุนคลังแก้ว

    ส่วนชื่อที่เรียกพระนามของพระเจ้าจักรพรรดิราช จะมีการเรียกขานแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนาดังนี้ครับ

    ศาสนายิว ซึ่งเป็นต้นแบบของศาสนาคริสต์ เรียกว่า มาซายะ (Messiah)
    ศาสนาคริสต์ เรียกว่า Comforter

    ศาสนาอิสลาม เรียกว่า มาฮ์ดิ (Maldi)
    ศาสนาฮินดู เรียกว่า กาลกี(Kalki)
    ศาสนาพุทธ เรียกว่า เมตไตรยะ(บาลี),ไมเตรยะ(สันสกฤต) (Maitreya)
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถ้าท่านมาจุติจริง อภิญญาใดในโลก หรือ ในจักรวาลที่เป็นอนันต์นี้ จะทราบได้ว่าท่านมาเมื่อไหร่และเป็นใครได้ยังไง ก็ในเมื่อในอดีตท่านก็เคยมาและต้องพิจารณาดับขันธ์ เพราะเกรงมหาชนจะต้องมีเวรมีกรรมต่อพระศาสนาตถาคตเจ้าสมณะโคดม ถึงต้องตกนรกอเวจีเพราะหมิ่นพระบรมโพธิสมภารแห่งพระศาสดาพระองค์นั้น ใครหน้าไหนจะมาทราบได้อยากรู้ ถ้าท่านมาจริง
    อนุโมทนา สาธุ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หน้าที่โดยตรงของพระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ ก็คือต้องมาช่วยกันทำนุบำรุงและเผยแพร่คำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ครับ พระโพธิสัตว์จึงต้องจุติลงมายังโลกมนุษย์นี้บ่อยๆ เพื่อเป็นการสร้างบารมีของตนให้เต็มเปี่ยม เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในภายภาคหน้า

    ในปัจจุบันนี้มีพระโพธิสัตว์มากมายจุติลงมาจากสวรรค์ เพื่อมาช่วยกันสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวไปจนครบ 5,000 ปี พระโพธิสัตว์บางองค์ที่ยังมีบารมีไม่มากนัก ก็มักถูกมารเข้าครอบงำได้โดยง่าย ทำให้หลงผิดคิดไปว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งเราจะพบว่าในปัจจุบันนี้มีคนอ้างตนว่าเป็นพระศรีอาริย์มากมาย จนเราไม่รู้ว่าองค์ไหนจริงองค์ไหนไม่จริง

    พระศรีอาริย์เมื่อท่านได้จุติลงมายังโลกมนุษย์นี้นั้น ท่านได้อธิษฐานจิตปิดบังตัวของท่านเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์โลกมาหลงยึดติดอยู่กับตัวท่าน จนลืมที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

    เมื่อท่านไม่ต้องการให้ใครรู้ ก็ไม่มีใครหน้าไหน ที่จะกล้าไปก้าวล่วงคำอธิษฐานของพระมหาโพธิสัตว์ เพราะกลัวเทวดาจะลงโทษทำให้ศรีษะต้องแตกเป็น 7 เสี่ยง

    แต่เมื่อถึงคราวที่มนุษย์โลกต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ในกึ่งพุทธกาลนี้แล้วเท่านั้น พระศรีอาริย์ท่านจึงจะออกมาปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น เพื่อเป็นผู้นำให้กับโลกนี้ ได้ก้าวเดินไปตามแนวทางแห่งพุทธศาสนิกชนที่ถูกต้อง ตามที่พระสมณโคดมพุทธเจ้าได้ทรงประทานเอาไว้ตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล

    ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า เมื่อท่านมาปรากฎตัว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพระศรีอาริย์ตัวจริง คำตอบก็คือเราจะรู้ได้จากหลักฐานที่มีการบันทึกถึงการมาปรากฎตัวของพระองค์ท่าน ในคัมภีร์ของทางศาสนาต่างๆ ในโลกนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    ในศาสนาคริสต์ ได้มีบันทึกเอาไว้ว่า:-

    บุตรมนุษย์จะเสด็จกลับมาพร้อมด้วยสง่าราศี
    (มก 13:24-27; ลก 21:25-36)

    24:27 ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น

    24:28 ด้วยว่าซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงนกอินทรีก็จะตอมกันอยู่ที่นั่น

    24:29 แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว `ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านไป'

    24:30 เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า `มนุษย์ทุกตระกูลทั่วโลกจะไว้ทุกข์' แล้วเขาจะเห็น `บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า' พร้อมด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก

    24:31 พระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วจากลมทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้า

    ที่มา http://www.thaipope.org/webbible/40_024.htm

    จากคัมภีร์ใบลานของทางพุทธศาสนา

    เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการหนาแน่นขึ้น ก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาว เหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองค์สมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย....

    วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง 7 วันแล้ววันนี้เป็นวันคำรบ 8 โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป

    พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจมเสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพ แม้พวกจอมทัพจอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจ เหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้น พญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนถอนกลับไปสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้ว พระอิศวรเป็นเจ้าก็บันดาลฝนห่าใหญ่ตกลงมาถึง 7 วัน 7 คืน ท่วมท้นซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินป็นปรกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลก จะต้องบังเกิดมรสุมทำลายความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้น แล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำขึ้นให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอน พระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

    พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ ตำนานพุกามทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้วพระอาริย์ธรรมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง 2 ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล


    ที่มา http://gotoknow.org/blog/merit/154060


    จากคัมภีร์ในทางศาสนาฮินดู

    พระนารายณ์ปางที่ 10 อวตารเป็นพระกัลกี

    กล่าวถึงปางนี้มีนามเรียกขานต่างกันไป บ้างก็เรียกว่า ปางกาลกิยาวตาร หรือ กาลกิวตาร คือปางการอวตารของพระวิษณุนารายณ์ในอนาคต ซึ่งจะเกิดในช่วงกลียุคที่มนุษย์ในโลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน มีความมืดมน ความหลงผิดในความชั่ว ไม่มีการทำพิธีบูชาต่อเทพ เมื่อนั้นพระนายราณ์จะทรงอวตารมาคุ้มครองช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์ และสร้างโลกให้สงบสุขอีกครั้ง พระองค์จะอวตารเพื่อล้างบาปอีกครั้ง

    พระกัลกีเป็นบุตรของพราหมณ์วิษณุยศ พระกัลกีทรงเป็นบุรุษทรงม้าขาว ถือดาบสังหารคนบาปในอนาคตให้หมดสิ้นในกลียุค หลังจากนั้นพระองค์จะตั้งศาสนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

    ที่มา http://www.omaarti.com/aartip6.html
     
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อย่าโอเวอร์ครับ มันไม่ดีนักหรอก แต่ผมเข้าใจความหมายครับ ผู้ไม่หลงย่อมเดินถูกทาง ท่านมาเพราะชี้แนะให้เดินให้ตรงทาง ทางหมายถึงทางที่จะไปพบท่าน และภัยนั้นน่าจะเกิดจากการไม่เจริญรอยตามองค์พระศาสดาไปยึดถือความคิดการปรุงแต่งต่างๆนานา ทำให้ต้องทุกข์ ซ้ำร้ายอาจตกสู่อบาย เพราะกล่าวหลบหลู่พระพุทธศาสนา พระโพธิสัตว์ท่านเคยเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าเรา ท่านไม่ปล่อยให้คนที่สมควรพบท่านไม่ได้พบท่านหรอก แต่คนที่สมควรพบท่านได้จะต้องมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น คือ ทำตามพระศาสดาองค์ปัจจุบัน อย่างถูกต้องและถูกทาง แบบองค์อริยะมรรค ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดในเจตนาทั้งหมดที่ท่านเขียนนะแต่ถ้าผมเข้าใจผิดก็สุดแล้วแต่ท่านจะคิดเพราะว่ามันเป็นแค่ความคิดของผมคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครครับ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เมื่อท่านมีข้อสงสัยมา เราก็ตอบไปตามความรู้ที่เรามีอยู่

    เราตอบไปตามข้อมูลที่เราได้รวบรวมศึกษาค้นคว้ามาได้

    ข้อมูลของเรากับท่านอาจจะไม่ตรงกันบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา

    ถือเสียว่าเรากับท่านเชื่อตรงกัน ว่าพระศรีอาริย์ในกึ่งพุทธกาลมีจริง

    เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วมิใช่หรือ จะมาเถียงกันเรื่องปลีกย่อยไปทำไม

    พระศรีอาริย์ท่านจะมาปรากฏตัวเมื่อไหร่ ในลักษณะไหน อย่างไร

    ก็เป็นเรื่องที่ดีกับมวลมนุษย์ทั้งโลกอยู่แล้วมิใช่หรือ.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2009
  6. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473

    พี่เกษม เอามาจากตำรา ก่อนพิมพ์นี่ไม่ได้อ่านหรือไง
    ถ้าคุณจะมาหาเรื่องพี่เกษม ก็ออกจากเว็บนี้ไปเลยดีกว่าครับ
    ท่านที่จะอ่านมีอยู่ครับ มือไม่พาย เอาเท้า ราน้ำ หรือไง
     
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ปล่าวครับอยาเข้าใจผิดสิครับ ผมรู้ว่าคุณพี่เกษมเข้าใจ ที่ผมกล่าว และผมก็รู้ว่าคุณเองไม่เข้าใจที่ผมกล่าว ดังนั้น คุณลองปรึกษาพี่เกษมดูครับ เพราะผมแน่ใจว่าคุณพี่เกษมเข้าใจความหมายของผมครับ
    ลองคุยกับเขาดูครับ เพื่อตัวท่านนั้นแหละครับ
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ถึงที่สุด ****

    ที่สุดของความจริง...คือ สัจจะ
    ที่สุดของการกระทำมนุษย์....คือ สัจจะ
    อย่าไปคิดว่า สัจจะไม่มีผลตอบแทน
    เมื่อถึงเวลา... สัจจะที่ทำได้จริง จะนำพาให้เราไปพบกับความจริง
    สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต....คือ หนทางหลุดพ้นทุกข์

    สักวัน...ผู้ทำได้คงต้องมา
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. tanthaibaby

    tanthaibaby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +105
    ผมเชื่อว่าทุกท่านทุกคนอยู่ในสายตาของเบื้องบนกันทุกคน นะครับ

    บางครั้งหน้าที่ที่ไม่เหมือนกัน ก็ทำให้ไม่เข้าใจกันบ้าง
    เหมือนลิ้นกับฟัน
    ถ้ามีเพียงอย่างใดอาจไม่มีโอกาสกระทบกระทั่งกัน แต่ก็จะขาดความสมบูรณ์

    "จึงควรทำหน้าที่ที่ตนสมควรกระทำ และหมั่นตรวจทานผลที่เกิดขึ้น ว่าเิกิดผลดี ผลเสีย
    ต่อใครอย่างไรบ้าง และจะนำสุข นำทุกข์ ไปสู่ ใครบ้าง
    เพื่อที่จะปรับการกระทำของตนต่อไป"

    การโพสข้อความ ก็ถือว่าเป็นการกระทำ อย่างหนึ่ง (คุณครูบอกว่า มนุษย์ยุคนี้ หลายคนเข้าใจว่า โพสอะไรก็ได้ไม่เป็นบาป เพราะมิใช่คำพูด แต่เบื้องบนท่าน ถือว่าเป็นการกระทำ สามารถ นำบุญ หรือ บาป มาสู่ผู้โพสได้ ขึ้นอยู่กับเนื้อหา เช่นเดียวกับวจีกรรม หรือ กรรมทางวาจา นะครับ)

    เป็นคำสอนที่เบื้องบนสอนผมมา นะครับ ผมก็รับงานจากเบื้องบนมาทำเหมือนกัน
    หน้าที่ของผม ก็ต่างจากหลายท่านพอสมควร เพราะผมมีข้อบกพร่องมากมาย
    ครูเลยต้องเคี่ยวกันหนักเลย (^_^) ถ้าไม่มีครูบาจารย์ช่วยก็คงแย่เลยนะครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ อีกไม่กี่อึดใจแล้ว นะครับ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านยื้อให้ หลายครั้ง ด้วยเหตุผล ว่า ให้โอกาสมนุษย์ปรับปรุงตัว

    ภัยพิบัติก็ึคล้าย คนทวงหนี้ ระหว่างที่ผลัดผ่อน มนุษย์ต้องปรับปรุงตัว และไม่ควรสร้างหนี้(กรรม)เพิ่ม
    แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทวงหนี้ ได้แก่ เจ้าหนี้ ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์
    และผู้ที่หวังดีกับมนุษย์ ได้แก่ เทพ เทวดา หรือ ดวงจิตที่หวังดี ก็มีส่วนนะครับ
    ถ้าถามว่าท่านที่หวังดี แล้วปล่อยให้เกิดภัยพิบัติ ได้อย่างไร
    ก็คล้ายสำนวน รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี (หรือ อาจปล่อยให้คนอื่นตีแทนก็มีนะครับ)
    เพื่อให้มนุษย์เข้าใจ สัจจธรรม และไม่ติดในโลก หรือ ของสมมุติต่างๆ
    ให้มนุษย์ได้เข้าใจว่า สิ่งต่างๆเป็นของชั่วคราว ไม่จีรัง
    ควรหันมาใส่ใจเรื่องว่า ควรปรับปรุงจิตของตน และจิตของผู้อื่น ให้เป็นจิตที่สมบูรณ์ได้อย่างไร
    เพราะก่อนหน้านี้ โลกถูกใช้เป็นโรงเรียนเตรียมนิพพาน หรือหลักสูตรที่สอนให้ไม่วนเวียนในทางโลกียะ
    ยุคปัจจุบัน มีการเรียนการสอน ที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อการเข้าใจสัจจธรรมที่มนุษย์ควรต้องศึกษา

    อย่างเทคโนโลยี จริงๆเบื้องบนท่านต้องการให้นำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนสัจจธรรม เป็นหลัก
    เพราะเมื่อก่อนผู้คนต้องเดินทางออกจากบ้านไปหาศาสดา หรือ นักบวช
    สมัยนี้โลกมนุษย์ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็มีโอกาสsearchค้นหา ธรรมต่างๆ มาพิจารณาว่าตนเองขาดตกบกพร่องตรงไหนบ้าง
    เป็นข้อดีอย่างยิ่ง
    แต่ทุกวันนี้จะเห็นการนำเอาเทคโนโลยี มาใช้ในอีกทางหนึ่ง น่ะครับ ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์บ้าง ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์บ้าง
    เลยต้องมีการจัดระบบบนโลกมนุษย์กันใหม่

    หากว่าผมไม่ได้เกิดอุปาทานไปเอง หรือ สร้างนิมิตขึ้นเอง ความจริงที่อ่านตามกระทุ้ ต่างๆ
    ถ้า เอามาต่อกันใหม่ ก็คล้ายกับที่ผมทราบมา แต่ผมอาจหลงผิดเอง
    ผู้อื่นอาจถูกต้องแล้วก็ได้ นะครับ
    อย่างเช่นเรื่องการมา หรือ ความเป็นมา ของบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นประมุข นะครับ

    งั้นขอฝากบทเตือนใจที่คุณครูชอบเน้นมา ดังนี้นะครับ
    "เวลาไม่ได้หยุดรอใคร ควรหมั่นพิจารณาว่าดวงจิตนี้ ยังมีข้อพกพร่องใดบ้าง
    ทุกดวงจิตสามารถเป็นดวงจิตที่ดีพร้อมสมบูรณ์ได้ทุกดวงจิตอยู่แล้ว
    จะมีวันที่สันติสุขเกิดขึ้นแน่นอน ตามหลักสัจจธรรม
    แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละดวงจิต " ทำนองนี้นะครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขอ อภัยด้วยนะครับ

    อีกเรื่องที่คุณครูเคยบอก เรื่องผู้ที่เสียชีวิตในภัยพิบัติ ท่านบอกว่า
    ไม่ได้หมายความว่าคนที่เสียชีวิต ในภัยพิบัติต่างๆเป็นคนไม่ดี
    เพราะผมเคยถามว่ามีเบื้องบนมีหลักเกณฑ์ ว่าใครจะรอด หรือ ไม่ อย่างไร
    ท่านตอบว่ามีหลายกรณี
    ยกตัวอย่างกรณีหนึ่งคือจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่จะเสียชีวิตตอนเกิดภัยพิบัติหรือก่อนหน้านั้น
    แต่บางคนจะกลับมาเกิด เป็นผู้ร่วมก่อระบบ ด้วยซ้ำไป นะครับ
    อย่างซึนามิ ก็มีที่ท่านที่วนมาเกิดแล้วเหมือนกันนะครับ

    แต่ก็มีผู้ที่จะเสียชีวิต เพราะ ไม่ได้รับสิทธิ ให้อยู่ช่วยงานในตอนต้นๆของการปรับระบบ
    กรณีนี้ ปัจจุบันยังสามารถไหวตัวทันนะครับ ให้อธิษฐาน แล้ว พยายามพิจารณาธรรมต่างๆ
    และต้องปรับทัศนคติ ให้เห็นผลประโยชน์ส่วนรวม สำคัญกว่า ส่วนตน
    ให้เห็นความสุข ความทุกข์ ของผู้อื่น สำคัญกว่า ความสุข ความทุกข์ ของตน
    ก็จะมีโอกาสได้ช่วยงานเบื้องบน ที่เกี่ยวกับการร่วมปรับระบบ นะครับ

    คนที่ดีก็อาจเสียชีวิตไปกับภัยพิบัติต่างๆ ได้เหมือนกันนะครับ รวมถึงการรอดแต่ต้องเสียสติไปบางส่วน
    เพราะปัจจัยหลักของการรอด คือ การได้รับโอกาสให้ร่วมปรับระบบต่างๆบนโลกมนุษย์
    เพราะฉะนั้น คนที่จะรอด นอกจากความดี แล้วยังควรจะต้องเข้าใจหลักการ หลักธรรมต่างๆ พอสมควร อีกด้วยนะครับ
    จะได้รอดแบบที่ ยังมีสติครบถ้วน และจะได้ช่วยเบื้องบนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    เป้าหมายการเกิดภัยพิบัติ จะอยู่ที่การจัดการที่ยั่งยืน คือ ไม่ใช่แค่เอาคนที่ไม่ดีไป หรือคนดีอยู่
    แต่คุณครู ท่านบอกว่า เน้นว่าจะมีการจัดระบบใหม่มากกว่า เพราะว่าเป็นการดับไฟที่ต้นลม
    ถ้าไม่จัดระบบใหม่ โลกมนุษย์ก็ยังจะมีคนในลักษณะที่เบื้องบนไม่ต้องการ เกิดขึ้นได้อยู่ น่ะครับ

    จัดระบบพอได้ที่แล้ว ก็จะกลับมาเกิดใหม่ได้น่ะครับ
    คล้ายการปฏิวัติ ที่จะต้องมีการควบคุมอยู่สักระยะ เพื่อให้ระบบอยู่ตัวกันก่อน น่ะครับ
    จากนั้น ก็ จะให้โลกมนุษย์ เป็นเสมือนโรงเรียนโลกุตระ คือจะสอนให้นักเรียนเข้าใจสัจจธรรม
    และพบความสุขที่ยังยืน อย่างแท้จริง (ข้อความที่ผมพิมพ์ ปัจจุบันอาจดูเป็นไปได้ยากนะครับ แต่ในอนาคตจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน)

    ทุกข้อความของผม อ่านแล้วใช้วิจารณญาณด้วนนะครับ
    ไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับ ถ้าเชื่อแล้วเป็นประโยชน์ก็ควรเชื่อ ถ้าเชื่อแล้วจะนำไปสู่ทางแห่งความทุกข์ ก็ไม่ควรเชื่อ
    ส่วนถ้าอ่านแล้วไม่สบายใจ ต้องขออภัยด้วยนะครับ
    ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น นะครับ

    ขอฝากประโยคหนึ่งที่คิดว่าเป็นสารกระตุ้นในการทำหน้าที่ของทุกๆท่านนะครับ
    "ถ้าทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้แค่นี้ จะลงมาเกิดทำไม"
    ตอนผมท้อแท้ คุณครูมักจะเตือน นะครับ

    ผมไม่มีหน้าที่นำสาส์นโดยตรง แต่ขอมีส่วนรวมนิดหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ
    (^_^) แฮะๆๆ ผมเคยโดนว่า ไปยุ่งหน้าที่คนอื่น หน้าที่ตัวเองไม่ค่อยทำ
    เหมือนกองหลังที่ลุยขึ้นหน้าอยากยิงประตูบ้าง ทำให้ตำแหน่งที่ตนต้องรับผิดชอบ เกิดความบกพร่อง

    เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ
    เพื่อ สันติสุข แห่ง ทุกดวงจิต ตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2009
  10. superboy2000

    superboy2000 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +10
    พระศรีอาริย์ อยู่ไหน

    ผมก็อยากเจอครับ แต่ผมคิดว่าการที่จะหาครัยซักคน เราต้องหาตัวตนที่แท้จริงของเราก่อนครับ ว่าเราพร้อมที่จะเจอเหรือยัง ถ้ายังคุณก็ต้องทำตัวให้พร้อมที่จะเจอท่าน ท่านปรากฎตัวก็ต่อเมื่อคนชั่วไม่มีเท่านั้น นั่นแหละคือยุคพระศรีอาริย์ ดังนั้นเราควร ทำดีไว้ดีกว่าครับ พระพุทธเจ้ามีเยอะเด่วก้ได้เจอเอง
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ความดีไม่ได้ทำกันง่ายๆ ****

    ถ้า...ความดีทำกันง่าย
    ป่านนี้....โลกคงสงบสุขไปนานแล้ว
    ยุคศิวิไลซ์ นิสัยกาขาว...คือ ยุคที่มนุษย์ถือสัจจะ
    ยุคที่พูดจริง ทำจริง....กายวาจาใจตรงกัน
    อีกไม่นาน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +301
    ผมว่าน่าจะเป็นวิทยาศาสตร์มากว่าครับ

    ผมว่าน่าจะเป็นวิทยาศาสตร์มากว่าครับ เพราะช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ มิติที่ 5 ครับ พรหมเลิกครอบครูแล้วครับ เพราะ วิชา เป็นของคู่กับอวิชชา เมื่อไม่มีวิชา 5 อวิชชาย่อมไม่ปรากฎ
     
  13. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    2553 แล้วครับ ผมยังไม่เจอเลย

    [VDO]http://palungjit.org/attachments/a.965010/[/VDO]
     
  14. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ถ้าอ่านหนังสือ ที่ ศ.เจริญ แปลและคาดเอาไว้ก็จะทราบคับ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ผมก็อยากเจอพระศรีอาริย์ ตอนเป็นๆ
     
  16. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    ผมขอเปิดเผยตัวบ้างครับ ว่าที่จริงแล้วผมคือ...
    ร้องตำรวจเอกปลอมตัวมา สืบราชการลับ(มุขจากหนังตลกหลายๆเรื่อง)555+


    รอพระองค์ท่านอยู่เหมือนกันครับ^^
    ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยนะครับ
     
  17. ratrat

    ratrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +479
    จากหลายๆความคิดเห็น ก็ถึอว่าเป็นประโยชน์ ให้คนอ่านคิดพิจารณา
    เอาเองตามสติปัญญา มาก หรือ น้อย ก็ว่ากันไป ไม่ผิดและไม่ถูก
    และจงอย่าละเลย เสียซึ่งความดี อย่าให้ตนเองเดือดร้อน แล้วอย่าไป
    ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ทำใจให้เบิกบาน บริสุทธ์ หอมหวน เหมือน
    ดอกบัวบานรับแสงแห่งพระอาทิตย์ ในยามเช้า กันเถิด
     
  18. มาพบพระ

    มาพบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +1,973
    อยากเจอท่านขณะไหนครับ ถ้าบอกว่าขณะนี้เจอท่าน แสดงว่าท่านลงมาช่วยคนเพื่อเพิ่มพูนบุญบารมีระหว่างเป็นพระโพธิสัตว์ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าใครคนไหนคือพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตตรัย ใครจะเป็นผู้ที่ยืนยันได้แน่ชัดตามความเป็นจริงว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะเราจะเห็นผู้ที่อ้างตนเองว่าใช่อยู่มากมาย และหากเราปรารถนาเจอท่านในภาคพระพุทธเจ้าต้องพิจารณาตนเองก่อนว่าเข้าถึงกุศลกรรมบท ๑๐ข้อหรือยัง นั่นคือเงื่อนไขสำคัญในการได้พบพระองค์ท่าน หากเงื่อนไขนี้ไม่ได้ ศีลเพียง ๕ ข้อแบบหยาบๆ เรายังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ความปรารถนานี้ย่อมสูญเปล่าครับ
     
  19. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    [​IMG]



    <!-- google_ad_section_end -->
    ขออนุโมทนา เพื่อนธรรมท่านที่กรุณานำขึ้นมาให้อ่านกันอีกรอบครับ
     
  20. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    "แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า"

    คุ้น ๆ เหมือนเห็นที่สยาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...