ข่าวแม่ชีทศพร ถึงช่อง 3 แล้ว..หลังจากมีกระแสวิพากษ์กันมากมาย(มีคลิป)

ณ ปจุบัน บัดเดี๋ยวนี้นั้น เเม่ชีท่านเป็นคนใหม่เเล้วค่ะ ตอนนี้ เวลานี้ เเละนาทีนี้ ศีล ท่านเต็มน่ะเจ้าค่ะ

เรื่องที่ผ่านไปเเล้ว ก็ให้มันเเล้วๆไป เรื่องใหนที่มันเสียก็ลืมๆ เรื่องใหนที่ดีๆ ก็เก็บเอามาเป็น สติ เป็นปัญญาไว้เตือนตนกันต่อไป

ใครๆก็ผิดพลาดกันได้ ผิดเเล้วยอมรับ ผิดเเล้วสํานึก ผิดเเล้วกระทําใหม่ให้มันถูกเเบบนี้สิค่ะ ถึงจะสวย สดใส

ส่วนใคร ที่เวลานี้ยังติดกับภาพเดิมๆ ก็โปรดเข้าใจกันใหม่ด้วยนะค่ะ ว่าตอนนี้ ท่านไม่เหมือนเดิมเเล้ว ท่านขอขมา พระไตร เเล้ว

ส่วนหากใครที่ยังใช้ ทิฐิ เดิมเสริมความคะนองปาก คะนองใจ ในการโพสกันอยู่
ก็ขอให้ระวังเรื่อง วจี กรรมกันด้วย เดี๋ยวจะหาว่า นราสพาน มิเตือนน่ะเจ้าค๊าาาาาาาา หุ หุ หุ

 

แก้ได้ตลอดหรือ หนีได้ตลอดหรือ

ผมไม่ค่อยรู้นะเพราะศึกษามาน้อย

แต่ความผมคิดว่าถ้าผมมีกรรม ผมก็คงยินดีรับกรรม

และอโหสิให้กัน จะได้ไม่ต้องมาตามจองเวรกันไปทุกชาติ

ไม่รู้จะแก้ ไม่รู้จะหนีกันไปเพื่ออะไร

แก้ได้ตลอดหรือ หนีได้ตลอดหรือ

 

เป็นกำลังใจให้แม่ชีคับ...และคนที่ทำดีทุกคน

 

เป็นกำลังใจให้แม่ชีคับ...และคนที่ทำดีทุกคน

 

ผมได้ดูคลิปหลายอันแล้วนะครับ ผมขอถามท่านที่ยังคิดว่าผู้หญิงห่มขาวคนนี้ทำนั้นถูกต้องนะครับ คงเรียกชีไม่ได้ เพราะว่าทำตัวต่ำเกินกว่าจะเรียก

1. พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสสอนเรื่องการแก้กรรมหรือไม่? ท่านสอนให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด หรือ ท่านสอนให้งมงายในอภินิหารแม้มันจะมีจริงครับ?

2. พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มนุษย์ออกจากกาม เพราะกามทำให้มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎสงสารมานับไม่ถ้วน แล้วหญิงห่มขาวคนนี้มีสิทธิอะไรในการแนะนำให้ไปแก้กรรมด้วยวิถีทางเพศ ทางกามารณ์ พูดแต่ละเรื่องก็วนเข้าแต่เรื่องกาม ๆ พูดเหมือนสนองความใคร่ตัวเอง

3. พระพุทธเจ้าในสมัยที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ท่านไม่เคยสนับสนุนให้สงฆ์ลุ่มหลง หรือแสดงอภินิหารใด ๆ เพื่อเรียกศรัทธา เพื่อการยังชีพ แม้่มันจะมีจริงแต่นั่นไม่ใช่วิถีทางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นทางผ่านหนึ่งของผู้ที่บำเพ็ญตนมาดี หากสงฆ์แสดงอภินิหารเพื่อลาภ ยศ ศัการะ ท่านถือว่าเป็นอวดอุตริ

คนที่ฟังหญิงห่มขาวคนนี้แล้วหัวเราะตาม แห่แหนตามกันไปนี่ ได้เคยพิจารณาด้วยปัญญาหรือไม่ ว่าสิ่งที่สอนที่ฟังนั่น มันใช่ที่พระพุทธองค์ท่านเคยสอนหรือไม่ครับ? ตกลงนี่หญิงห่มขาวนี่อยู่ในศาสนาพุทธหรือจะตั้งลัทธิใหม่ขึ้นมาครับ?

ดุคลิปนี้เอา แล้วตัดสินว่า คำพูด และพฤติกรรมของหญิงห่มขาวคนนี้ ยังเหมาะสมที่จะอยู่ในศาสนาพุทธอยู่หรือไม่ครับ


<iframe src="http://www.youtube.com/embed/jGbgfeQJdaM" allowfullscreen="" frameborder="0" height="349" width="425"></iframe>

เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับเพศ ก็ยังวกเข้าเพศ มีเป็นแฟนกัน นี่คือกริยามารยาทที่สมควรทำของคนที่อ้างว่าตัวเองบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาหรือไม่ครับ?

วันนั้นที่สัมภาษณ์ หญิงห่มขาวคนนี้บอกว่าหากสิ่งที่ตนทำนั้น ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ตนยินดีออก ผมว่าก็ควรจะออกไปเลยครับ ถ้าอยากตั้งลัทธินอกรีตก็สึกออกไปตั้ง อยากทำมาหากินยังไงก็ทำ แต่อย่ามาเกาะศาสนาหากินครับ เสื่อมเปล่า ๆ

 

ที่มาครับ
http://palungjit.org/threads/หมื่นตากับจิตพุทธะในตน.291787/

 

พระพุทธเจ้าแก้กรรมให้บุคคลผู้โง่เขลาด้วยการลูบคลำผ้าท่อนเก่า

ประวัติพระจุลปันถกเถระ
เอตทัคคะเลิศกว่าพวกภิกษุผู้นฤมิตกายอันสำเร็จด้วยใจ
เอตทัคคะเลิศกว่าพวกภิกษุผู้ฉลาดในการเปลี่ยนแปลงทางใจ

http://www.watpanonvivek.com/index....0-08-13-06-20-57&catid=38:2010-03-02-03-49-15

เพราะรู้กรรมเก่าท่าน

บุรพกรรมในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า

ครั้นท่านจุติจากภาพนั้นแล้วไปบังเกิดในเทวโลก เมื่อ ๒ พี่น้องเวียนว่ายอยู่ใน เทวดาและมนุษย์ล่วงไปถึงแสนกัป จุลปันถกะได้ออกบวชในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า เจริญโอทาตกสิณ ตลอดเวลา ๒๐,๐๐๐ ปี ครั้งหนึ่งในระหว่างที่บวชอยู่นั้นท่านเป็นผู้มีปัญญา และได้กรรมโดยทำการหัวเราะเยาะ ในเวลาที่ภิกษุผู้เขลารูปหนึ่งเรียนอุเทศ ภิกษุนั้นเกิดความอายเพราะการเย้นหยันนั้นจึงไม่เรียนอุเทศ ไม่ทำการสาธยาย จึงเป็นผลกรรมส่งผลในสมัยปัจจุบันที่ท่านได้เป็นผู้โง่เขลา ไม่สามารถเรียนรู้พระธรรมได้เร็ว
นับแต่นั้น เขาได้สั่งสมบุญทั้งหลาย ท่องเที่ยวไปในภูมิเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสมบัติทั้งสองอยู่

(ใครที่ชอบเยาะเย้ยผู้แม้กำลังศึกษาธรรมะพึงระวังครับ ด้วยความปรารถนาดีครับ)

 

เปลือกหอยขออภัยครับหมายถึงผ้าท่อนเก่าเกี่ยวอะไรกับราคะหรือความโง่เขลา

จุลปันถกสำเร็จพระอรหัต
ประวัติพระจุลปันถกเถระ เอตทัคคะเลิศกว่าพวกภิกษุผู้นฤมิตกายอันสำเร็จด้วยใจ

ท่านนั่งเอามือคลำผ้าท่อนเล็กที่พระศาสดาประทานนั้น ภาวนาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ เมื่อท่านลูบคลำอยู่ เช่นนั้น ผ้าผืนนั้นก็เศร้าหมอง เมื่อท่านลูบคลำอยู่บ่อย ๆ ก็กลายเป็นเหมือนผ้าเช็ดหม้อข้าว ท่านอาศัยความแก่กล้าแห่งญาณ เริ่มตั้งความสิ้นไป และความเสื่อมไปในผ้านั้น คิดว่า ผ้านี้โดยปกติสะอาดบริสุทธิ์ เพราะอาศัยอุปาทินนกสรีระ จึงเศร้าหมอง แม้จิตนี้ก็มีคติเป็น อย่างนี้เหมือนกัน
พระศาสดาทรงทราบว่า จิตของจุลลปันถกะขึ้นสู่วิปัสสนาแล้ว จึงตรัสว่า จุลลปันถกะ เธออย่ากระทำ ความสำคัญว่า ท่อนผ้าเก่านั่นเท่านั้นเป็นของเศร้าหมองย้อมด้วยฝุ่นธุลี แต่ ธุลีคือราคะเป็นต้นเหล่านั้นมีอยู่ในภายใน เธอจงนำธุลีคือราคะเป็นต้นนั้นไปเสีย แล้วทรงเปล่งโอภาสเป็นผู้มีพระรูปโฉมปรากฏเหมือนประทับนั่งอยู่เบื้องหน้า ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ราคะเรียกว่า ธุลี แต่ฝุ่นละอองไม่เรียกว่าธุลี คำว่า ธุลีเป็นชื่อของราคะ
ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นละธุลีนั้นได้แล้ว ย่อมอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี
โทสะ เรียกว่าธุลี แต่ฝุ่นละอองไม่เรียกว่า ธุลี คำว่าธุลีนี้ เป็นชื่อของโทสะ
ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นละธุลีนั้นได้แล้ว ย่อมอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี
โมหะ เรียกว่า ธุลี แต่ฝุ่นละอองไม่เรียกว่า ธุลี คำว่าธุลีนี้ เป็นชื่อของโมหะ
ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นละธุลีนั้นได้แล้วย่อมอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี

 

ดูก่อนอชิตะ ！ ในกาลบัดนี้ ขอเธอจงแสดงความสามารถไปนำเอาบาตรของตถาคตมา”

พระอชิตราชกุมารผู้มีวาสนาใหญ่ก็ได้มาเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยและนั่งเป็นพระสังฆนวกะอยู่ ณ ที่ประชุมนั้น เมื่อทัศนาการเห็นพระนางมหาปชสบดียื่นภูษาเข้ามาถวายตรงหน้า ท่านก็กรุณารับเอาโดยประสงค์ที่จะรักษาศรัทธาของพระนางไว้ จนเป็นเหตุให้พระนางเจ้าทรงเกิดความน้อยใจไปใหญ่โต

สมเด็จพระบรมศาสดาผู้ทรงคุณใหญ่ เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระมาตุจฉาเสียพระทัยทรงพระโทมนัสในการบำเพ็ญทานพิเศษครั้งนี้จึงทรงมีพระดำริว่า ในกาลบัดนี้ สมควรที่เราตถาคตจะกระทำให้สมเด็จพระมาตุจฉาทรงคลายจากโทมนัสเสียใจ.................................................


ดูก่อนอชิตะ ！ ในกาลบัดนี้ ขอเธอจงแสดงความสามารถไปนำเอาบาตรของตถาคตมา”
ที่มาครับ
01.1

บัดนี้ ก็ควรจะเห็นเป็นอัศจรรย์ด้วยว่า บาตรทรงขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ซึ่งเป็นสิ่งปราศจากจิตวิญญาณ ก็มีอาการดุจจะแสดงซึ่งพระสัพพัญญฌาณนิมิต แด่พระอชิตราชบุตรสังฆนวกผู้ซึ่งจะได้ตรัสเป็นพระสัพพญญูเจ้าในอนาคตกาลโดยบันดาลตกลงมาเองคัคนาลัย ประดิษฐานอยู่ในหัตถ์พระอชิตภิกษุเป็นที่ประจักษ์แก่นัยนา มีอาการดุจจะออกวาจาเป็นภาษามนุษย์ให้พระสังฆนวกชินบุตรทราบว่า
....................................................................................
“ การที่ข้านี้หลบลี้ซ่อนเร้น ไม่ยอมเข้าไปอยู่ในอุ้งหัตถ์แห่งพระมหาสาวกทั้งหลาย แม่จะทรงคุณยิ่งใหญ่ เช่น พระธรรมเสนาสารีบุตรเป็นต้นนั้น ก็เพราะเหตุว่าข้านี้มิได้เป็นบริขารสาวก ข้านี้เป็นบาตรทรงสำหรับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่าเป็นพุทธบริขารโดยแท้ แต่พระผู้เป็นเจ้านี้สร้างพระบารมีมา มิใช่ว่าเพื่อจะเป็นพระสาวก หรือเพื่อจะเป็นพระปัจเจกโพธิ แท้จริงสร้างพระบารมีมาเพื่อจะได้เป็นสมเด็จพระสัญญูพุทธเจ้าในอนาคตกาลดังนั้น ข้านี้จึงยอมเข้ามาอยู่ในอุ้งหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ ”


ภิกษุใหม่นามว่าอชิตราชบุตรผู้จะได้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรย เมื่อได้รับบาตรสมความปรารถนาแล้วก็มีจิตผ่องแผ้วปีติโสมนัสค่อยประคองบาตรทรงตรงเข้าไปถวายสมเด็จพระจอมไตรโลกนาถเจ้า ยังความมหัศจรรย์ในให้เกิดแก่หมู่ชนในที่เฝ้านั้นเป็นมันมาก ฝ่ายสมเด็จพระมหาปชาบดีได้เห็นเหตุมหัศจรรย์ดังนั้น ก็พลันหมดสิ้นซึ่งความน้อยเนื้อต่ำใจในดวงหฤทัยมีแต่ปีติปราโมทย์

บังเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภิกษุหนุ่มสังฆนวกนาวว่าอชิตะเป็นกำลังพลางดำริว่า “ พระสงฆ์สาวกในพระพุทธศาสนานี้ มีพระคุณยิ่งเป็นมหัตจรรย์นักดูเอาเถิด แต่เพียงพระสังฆนวกก็ยังกอบด้วยคุณวิเศษเห็นปานดั่งนี้ ท่านเป็นพระอรหันตมหาเถระที่ทรงอภิญญาวิธีจะมีคุณานุภาพและทรงคุณวิเศษเป็นดังฤๅ”

ยิ่งทรงจิตนาไปพระนางเจ้าก็ยิ่งเกิดพลวศรัทธาอันยิ่งใหญ่จนพระอสุชนัยน์ไหลตกจากพระเนตรอยู่พราก ๆ เมื่อเห็นสมควรที่จะเสด็จออกไปจากที่นั้น จึงยกขึ้นซึ่งพระหัตถ์ประณตนมัสการสมเด็จพระสัพพัญญูแลพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย แล้วพาบริวารเสด็จกลับคืนไปยังพระราชนิเวศน์สถาน

 

หลักพุทธศาสนาโดยสรุปหลักสูตรมัธยมศึกษาปีที่ ๒

หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยสรุปมี ๓ ประการ คือ
http://www.whatami2.ob.tc/ms/ms12.html

๑. สอนให้ละเว้นความชั่ว
๒. สอนให้ทำความดี
๓. สอนให้ทำจิตให้บริสุทธิ์

 

แล้วทำไมต้องมุ่งประเด็นหรือชี้นำให้พากันซักฟอกจุดสกปรกให้หมดไป แทนที่จะสอนให้ป้องกัน ระมัดระวัง ในจิตเพื่อมิให้จุดสกปรกนั้นเกิดขึ้น มันเป็นการแนะนำให้ห่างไปจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่

การล่วงเกินผู้ทรงศีลนั้นเป็นบาปแน่แท้ แต่ในขณะเดียวกันผู้ทรงศีลเป็นผู้กระทำให้ศีลด่างพร้อยเสียเองวิบากกรรมหนักย่อมต้องตกแก่ผู้กระทำเอง พุทธบริษัทจึงสามารถท้วงติง ติเตียน ผู้ทุศีลได้ เพื่อช่วยกันจรรโลงปกป้องพระพุทธศาสนา

 

ข้างบน ๆ ที่มานั่งยกคำสอนดี ๆ ทั้งของพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกมากล่าวอ้างนี่ ยกมาเพื่ออะไรครับ? ตอบคำถามผมมาสั้น ๆ กับสิ่งที่ผมพูดข้างบน กับคลิปที่ผมยกมา แล้วดูคำพูดกับการกระทำของหญิงห่มขาวตนนี้ ว่าถูกต้องหรือไม่ครับ?

จะชักแม่น้ำทั้งห้ามาเพื่ออะไรครับ? ต่อให้เอาทั้งพระไตรปิฏกมามันก็ไม่ได้ทำให้คนห่มขาวนี่ดูดีขึ้น หรือถ้าจะชักมาเพื่อให้คนที่กล่าวทางร้ายต่อหญิงห่มขาวคนนี้กลัว ผมไม่กลัวครับ เพราะหญิงห่มขาวคนนี้ต่ำยิ่งกว่าปุถุชนซะอีก คนทั่วไปเค้ายังทำมาหากินเพื่อยังชีพ ส่วนหญิงห่มขาวคนนี้เกาะศาสนาเพื่อยังชีพ ไม่ใช่เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนา สั่งสอนคนในทางที่ผิดให้มั่วในโลกีย์ ตรงข้ามกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้เคยสั่งสอนมา

ตอบผมมาอีกคำถามว่า สิ่งที่หญิงห่มขาวคนนี้พร่ำสอนเกี่ยวกับการตัดกรรม เรียกร้องทรัพย์สินจากการกระทำนั้น รวมถึงสอนให้คนมั่วในกามเพื่อแก้กรรม มันถูกต้องหรือ? แล้วที่มานั่งปกป้อง ทำเป็นสำบัดสำนวนยกโน่นยกนี่มาเพื่อให้คนที่เห็นตรงกันข้ามกลัวนี่ เพื่อปกป้องหญิงห่มขาวนี่ สมควรแล้วหรือ? หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นพระภิกษุณี ไม่สมควรจะเป็นแม้กระทั่งชี หรือแม้จะเป็นอุบาสิกายังไม่ได้เลยเพราะแม้กระทั่งศีล 5 ยังรักษาไม่ได้ แล้วจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับพระผู้ทรงศีลขึ้นมาเพื่อ? มันเทียบกันไม่ได้เลยนะครับ คนแบบนี้เป็นได้แค่หัวหน้าลัทธินอกรีต ส่วนผู้ที่ฟังหญิงห่มขาวคนนี้พล่ามสอนในด้านกาม แล้วเห็นดีเห็นงามโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่ามันตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนหรือไม่ ก็เป็นพวกนอกรีตเช่นกันครับ

 

ถาม : แม่ชีที่เป็นข่าว..?

ตอบ : ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แม่ชีท่านเป็นพุทธภูมิ เวลาทำบุญอะไรก็อธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณทุกครั้ง เพราะฉะนั้น..คำสอนบางอย่างอาจจะไม่ตรงกับพระไตรปิฎก ตามวิสัยพระโพธิสัตว์ของท่าน


เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔

โพสท์ที่ #38


��纵��ҡ��ҹ����º���� ������͹����Ҥ� ���� - ˹�� 2 - ��дҹʹ����Ѵ��Ң�ع
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE class=tborder id=post4710702 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 10:03 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #360 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สร้อยฟ้ามาลา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4710702", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: May 2008
ข้อความ: 6,322
พลังการให้คะแนน: 1508


</TD><TD class=alt1 id=td_post_4710702 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>
*** สีแดง ๆ อะไรอ่ะ ... มีกระดิ่งด้วย

 

สรุปสั้น ๆ ว่าแถกันไม่ออก สิ่งที่หญิงห่มขาวคนนี้ทำคือพวกตั้งลัทธินอกรีตในคราบศาสนาพุทธ ผมเห็นว่าหญิงห่มขาวตนนี้ควรสึกออกจากการเป็นชี แล้วไปตั้งลัทธิหากินเอาเองเถิด จะไปตั้งลัทธิเกิดแต่กามที่ไหนก็เอาเถิด แต่ขอย้ำอีกที อย่าเกาะศาสนากินเลย อุบาทว์

อย่ามาอ้างเป็นพระโพธิสัตว์เลยถ้าสอนให้คนไปเสพกาม"ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"เพื่อปลดปล่อยหนี้กรรม ตกลงว่าที่พูดแล้ววก ๆ เข้าเรื่องกามนี่ เพื่อบำบัดความใคร่ตนใช่มั้ย อยากรู้ว่าสาวกที่มานั่งปกป้องหญิงห่มขาวคนนี้ยังจะคิดว่าสิ่งที่เค้าทำนี่ ถูกต้องหรือไม่ครับ? ถ้าคิดว่าถูกต้องไหนลองบอกมาทีซิครับว่าพระพุทธเจ้าท่านเคยสอนให้มนุษย์แก้กรรมหรือไม่? เคยสอนให้มนุษย์ไปเสพกามเพื่อแก้ปัญหาชีวิตหรือไม่? ถ้าสาวกเชื่อคำสอนหญิงห่มขาวคนนี้ว่าเป็นเรื่องถูกต้องตามหลักศาสนา โดยไม่ใช้สติปัญญาไตร่ตรองว่ามันสมควรเชื่อหรือไม่ ผมว่าท่านก็ลบหลู่คำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นเดียวกันครับ

แล้วไม่ต้องมาถามนะว่า ตัวผมดีเท่าหญิงห่มขาวตนนี้หรือไม่ อย่างน้อยผมก็ไม่เคยหากินกับศาสนา โดยอาศัยผ้าขาวบังหน้า อ้างคำสอนผิด ๆ ให้คนหมกมุ่นในกาม แล้วหาเงินจากความทุกข์ความไม่รู้ของคนครับ ถ้าการที่พุทธศาสนิกชนจะไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ "คนทุศีล" อย่างหญิงห่มขาวนี่เพื่อปกป้องศาสนาพุทธที่ถูกต้องได้ ผมว่าสังคมมันเสื่อมแล้วล่ะ เชื่อศาสนาพุทธกันแบบผิด ๆ กาม ๆ แล้วมาบอกว่ามันถูกต้อง

 

เห็นด้วยกับคุณปลาแมว ไม่เคยเชื่อไม่เคยสนใจเลยกะแม่ชีผู้นี้

มีอยู่พักนึง แม่ชีดังมาก หนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ตามมาด้วยการหากินด้วยการรับแก้กรรมจากคนจำพวกนี้เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

เหมือนจะสะท้อนอะไรในสังคมบ้านเรานะ

 

<TABLE class=tborder id=post4710671 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 09:44 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #359 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เฮียปอ ตำมะลัง<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4710671", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ



วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: ตำมะลัง ไม่ใช่ ประตูน้ำ
ข้อความ: 22,120
พลังการให้คะแนน: 6823


</TD><TD class=alt1 id=td_post_4710671 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ถาม : แม่ชีที่เป็นข่าว..?

ตอบ : ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แม่ชีท่านเป็นพุทธภูมิ เวลาทำบุญอะไรก็อธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณทุกครั้ง เพราะฉะนั้น..คำสอนบางอย่างอาจจะไม่ตรงกับพระไตรปิฎก ตามวิสัยพระโพธิสัตว์ของท่าน


เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔

โพสท์ที่ #38


��纵��ҡ��ҹ����º���� ������͹����Ҥ� ���� - ˹�� 2 - ��дҹʹ����Ѵ��Ң�ع
<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

นำมาให้อ่านอีกครั้ง กรรมใครกรรมมัน ... เราเตือนท่านแล้ว

 

คิดกันง่ายๆๆ น้องผู้ชายคนที่เป็นผู้ตอบคำถามในคลิ้ปที่กล่าวถึงนี้ ยังมีสติดีกว่าผู้ตั้งคำถามเสียอีก ยังรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร น่าอนาถใจแท้ๆ ไม่ห่างไปจาก อานันตริยะกรรม เท่าไหร่เลย

 

ไม่รู้เหมือนกันอ่ะจ่ะว่าคืออะไร มีกระดิ่งด้วย...

แสงแดดจ้า คนตาบอดคงไม่ได้ใช้ คงใช้แต่อำพรางตาตัวเองไม่ให้คนอื่นเห็นว่าตนเองตาบอด ในขณะที่ตาบอดก็ไม่เห็นอีกหล่ะว่าตาดีเป็นยังไง คิ คิ พี่ปอฯ เข้าใจไหมจ๊ะ...

คนตาดี ก็ใส่ได้เพื่อถนอมสายตาตัวเอง ตัวเองต้องห่วงตัวเอง สายตาตัวเองไม่ดีนี่แย่เลย พอมองอะไรไม่ชัดก็จะไปโทษคนอื่น ไม่โทษสายตาตัวเองก่อน คงต้องถนอมสายตาหน่อย พี่ปอฯ เข้าใจไหมจ๊ะ...^^