ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    มีแต่พวกท่านเท่านั้น ที่จะช่วยโลกนี้ พวกเขาใช้คำพูดที่สวยหรูหลายอย่างเพื่อจูงใจความคิดพวกท่าน
     
  2. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ตอนนี้พวกเพื่อนๆผมก็กำลังช่วยพวกท่านอยู่อย่างเต็มที่ครับ พวกเราอยู่ที่นี่มากับพวกท่าน ไม่มีใครจะมาจริงใจเท่ากับพวกเราอีกแล้วครับ พวกท่านควรจะรู้และเข้าใจไว้ด้วยครับ
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เพราะว่าคุณยังไม่เข้าใจภาระกิจของตัวเองดีพอ
    เพราะว่าคุณยังไม่เข้าใจความลึกซึ้ง และสลับซับซ้อน
    ของ "พลังงาน" โดยเฉพาะที่เกิดจาก "กระแสจิต"
    หรือกระแสความคิดของมนุษย์มากพอ
    คุณจึงยังไม่เข้าใจ "เกม" ของพวกเขามากเท่าที่ควร

    ผมใช้คำว่า "เกม" เพราะว่าผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
    ผมรู้สึกว่า ทั้งหมดนี้มันเป็นเกมแห่งจิต เท่านั้นเอง
    หมายความว่า ก็ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎอยู่ในโลกทางกายภาพนี้
    เป็นผมมาจากการฉายภาพออกมา หรือ คือสิ่งที่สะท้อนออกมา
    จาก "ภายในจิต" ของมนุษย์แต่ละคน และของมนุษย์ทุกๆคน
    จนมันกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเราไป

    และภาพที่ฉายออกมานั้น หรือสิ่งที่สะท้อนออกมานั้น จากแต่ละคน
    มันก็ทับซ้อนกันหนาแน่นมากขึ้นๆ จนกลายเป็น "ความจริง" ที่แน่นหนา
    สำหรับพวกเราไปซะแล้ว เราจึงหลงอยู่ในมายาการของมัน
    เราจึงหลงเข้าใจว่ามันคือความจริง และเชื่อมั่นเป็นหนักเป็นหนาว่าอย่างนั้น

    ดังนั้น ถ้า "เหตุ" เกิดจาก "พลังงาน" ดังนั้น การทำให้ "ผล" มันเปลี่ยนไป
    ก็เลยต้องไปกระทำที่ตัวพลังงานดังกล่าวนั้น เท่านั้น จึงจะได้ผล
    ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องทำ และ กำลังถูกพวกเขากระตุ้นให้ทำอยู่นี่
    ผ่านทางข้อความจากต่างมิติทั้งหลายอยู่นี่ ก็คือ "เปลี่ยนความคิด"
    และ "เปลี่ยนความเชื่อ" แบบเก่าๆ ที่เป็นข้อจำกัดของพวกเรานั้นเสีย

    ทั้งนี้ทั้งนั้น พวกเขาก็ได้ช่วยเปิดเผยสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่า
    "ความจริงที่จริงแท้" ให้แก่พวกเราได้รู้ด้วย เช่น เรื่องของกาลเวลา
    เรื่องของความเป็นหลากมิติ เรื่องของตัวตนที่สูงส่งกว่าของเรา
    เรื่องที่ว่าพวกเราคือรูปธรรมชีวิตต่างมิติ หาใช่มีแค่จิตเดียว ตัวตนเดียวนี้ไม่

    รวมถึงเรื่องที่ว่าพลังงานของจิตวิญญาณ แม้ว่ามันจะมีความเป็นเอกเทศอยู่
    แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่อาจถูกแบ่งแยกให้ตัดขาดออกจากกันได้ 100%
    ก็เหมือนกับพลังงานความร้อนจากกองไฟกองหนึ่ง ใครจะไปห้ามมันได้ว่า
    ห้ามไม่ให้มันเข้าไปรวมกับ หรือปนกับพลังงานความร้อนจากกองไฟที่อยู่ข้างๆได้เล่า
    พลังงานไม่อาจถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆได้ พลังงานไม่อาจถูกตีกรอบได้อย่างแท้จริง

    พวกเขาบอกว่า กระแสความคิดของมนุษย์โลกแต่ละคน คือสิ่งที่ก่อให้เกิด
    โลกแห่งความเป็นจริงส่วนตัวของคนๆนั้นขึ้นมา แล้วพอรวมกับกระแสความคิด
    ของคนอื่นๆ ที่เชื่อ และ คิดในทำนองเดียวกันนั้นแล้ว จึงกลายเป็น
    โลกแห่งความเป็นจริงของสังคมนั้นขึ้นมา และถ้าในระดับโลกแล้ว
    ก็คือโลกแห่งความเป็นจริงที่เกิดจากจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกนี่เอง

    ดังนั้น สรุปย่อๆก็คือ สิ่งที่พวกเขาพยายามจะทำอยู่ในขณะนี้
    นอกเหนือจากการส่งแสงสว่างและพลังงานแห่งความรักของพวกเขา
    มาช่วยโลกใบนี้แล้ว พวกเขายังพิทักษ์พวกเราจากคนชั่วทั้งหลาย
    จากเทหะวัตถุที่จะมาพุ่งชนโลกทั้งหลาย และจากอื่นๆอีกมากมาย

    นอกจากนี้ ในยุคที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของโลกแบบนี้ ที่เรารู้กันว่า
    กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้ พวกเขาก็มีแผนการต่างๆมากมายเพื่อช่วยพวกเราอยู่
    แต่ว่าการช่วยพวกเรานั้น ไม่ใช่พวกเขาจะมาทำเอง เพราะว่าเจ้าของโลก
    ก็คือพวกเรา ดังนั้น พวกเราต้องเป็นผู้นำในการลงมือกระทำเอง
    โดยอาจจะร้องขอให้พวกเขาช่วยได้ ดังนั้น ถ้าไม่ร้องขอ
    พวกเขาก็ไม่อาจแทรกแซงได้ เพราะผิดกฎจักรวาล เรื่อง Free Will

    การที่พวกเขามาให้ข้อมูล-ความรู้กับเรา ก็เพื่อให้เรามีความเข้าใจ
    ที่กว้่างไกลมากขึ้น ให้มองเห็นอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เคยถูกสังคมและศาสนาสอนมา
    ดังนั้น เราจึงจะ "ตัดสินใจ" เองได้ ว่าเราควรจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้โลกที่ดีกว่ามา
    เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีกว่ามา

    ในขณะเดียวกัน เมื่อใดที่พวกเขาเห็น "โอกาสแห่งความเป็นไปได้"
    ที่เรื่องดีๆอะไรบางอย่างมันจะเกิดขึ้นได้ เช่น เรื่องการนำยานลงมาจอดเป็นต้น
    พวกเขาก็จะใช้โอกาสนั้น "จุดประกาย" ความสนใจให้พวกเราด้วยซะเลย
    หมายความว่า กระแสความคิดเรื่องนั้นๆ มันจะต้องมีอยู่แล้วก่อนในมนุษย์
    และเมื่อมนุษย์เอ่ยถึงเรื่องนั้น พวกเขาก็จะเสริมให้มันมีความเป็นไปได้มากขึ้น

    แต่อย่างไรก็ตาม บางทีข้อความที่ส่งมา ก็อาจจะไม่ใช่ฝ่ายแสงสว่างก็ได้
    ดังนั้น ข้อมูลมันจึงขัดแย้งกันอยู่ เพราะว่าการสื่อสารทางโทรจิตข้ามมิติ
    มันมีข้อจำกัดและข้อผิดพลาดหลายอย่าง ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    นั้นตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทางที่แปลออกมาด้วย

    เพราะฉะนั้น สำหรับตัวผมเองแล้ว ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใดเลย
    ว่าหลังจากวันที่ 21/12/12 ไปแล้วจะมีเหตุการณ์อะไรที่เด่นชัด
    ที่โจ่งครึ่มเกิดขึ้นในโลกนี้จริงๆ หรือไม่ จนทำให้มนุษย์ทุกคนรู้สึกได้
    เพราะข้อมูลที่ผมอ่านและแปลมานี้ มันเป็นเรื่องของพลังงานซะมากกว่า
    ดังนั้น ถ้าพลังงานของโลกเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่
    ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่ครับ
    เพราะว่าความสามารถในการรับรู้พลังงานของแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว

    และดังนั้น เพราะเหตุที่ ผมเป็นคนนำข้อมูลจากพวกเขามาเผยแพร่ต่อ
    เพื่อแบ่งปันให้คนที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนได้อ่านด้วยเท่านั้นเอง
    ผมไม่เคยบอกเลยว่า คือสิ่งที่ผมรู้มาเอง เพราะอะไรก็ตามแต่ อะไรแบบนั้นเลย
    ดังนั้น ไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม หรือจะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ตาม
    แต่สำหรับผม ผมว่าผมได้ทำหน้าที่ของผมแล้ว อย่างไม่มีอะไรผูกมัดด้วย
    ว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้นหรือไม่ เพราะหน้าที่คือ "ผู้ถ่ายทอดสาส์นต่อ"
    เท่านั้นเอง

    แต่ผมก็เชื่อว่าสาส์นที่ผมถ่ายทอดต่อนี้ ก็น่าจะมีความเป็นจริงอยู่แน่ๆหละ
    และผมก็ได้ประจักษ์กับตัวเองมาโดยตลอด ว่าในส่วนตัวของผม
    มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งหลายท่านคงรู้สึกเช่นกัน
    ใช่ไหมหละครับ..ดังนั้น..จึงไม่มีอะไรน่าห่วง หรือน่าอาย หรือน่าหน้าแตก
    แต่อย่างใดเลย..อันนี้ไม่รู้จะพูดยังไงนะ..

    แต่ผมก็เข้าใจคนที่กลัวหน้าแตกอยู่นะครับ แต่แค่ไม่รู้จะอธิบายยังไงเท่านั้นเอง

    หลายคน รวมทั้งผู้รับสาส์นพวกฝรั่งเองด้วย พอผิดหวังกับข้อมูลที่ได้รับมา
    ก็จะเริ่มเปลี่ยนขั้ว ไปเป็นด้านตรงข้ามในทันที คือเป็น anti พวกเขาแทน
    อันนี้เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ครับ เพราะว่ามนุษย์เรา
    ก็มักจะคิดอะไรแบบเป็นเส้นตรงแบบนี้แหละ โดยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมัน
    แต่อันนี้ก็เป็น free will หนะนะครับ ใครจะอยู่ขั้วไหน ก็คงไม่มีใครไปห้ามได้

    และที่สำคัญ มันก็ไม่มีอะไรผิด - อะไรถูกด้วย มันมีแต่ประสบการณ์
    และความรู้ที่จะได้รับจากการกระทำของเราเองเท่านั้นเอง
    ไม่ว่าใครจะเรียกประสบการณ์และความรู้นี้ว่าอะไรก็ตาม เช่น กรรม เป็นต้น
    แต่กรรมไม่ใช่อะไรที่น่ากลัว มันก็แค่คือสิ่งหนึ่งที่จะต้องถูกทำให้ balance เท่านั้นเอง
    มันถึงจะหายไป และเราก็ได้รับประโยชน์ทางด้านวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
    จากพวกประสบการณ์และความรู้เหล่านี้แหละ เสมอมา..

    .............................................................................


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  4. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396

    บอกพวกมันไปเลย ว่า ฝันไปก่อน เถอะ

    ที่จะมาขโมยพลังงานเปลี่ยนยุคของโลก

    ตราบใดที่ สิ่งศักดิสิทธฺิ์ ยังดำรงอยู่ในเมืองไทย

    และพลังงานตัวนั้น มนุษย์ตนไหน "ใจ" ไม่ดี

    เอาไปก่ ไม่มีประโยชน์....
     
  5. vincent308

    vincent308 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +381
    ข้อมูลล่าสุดครับที่จับข้อมูลได้โลกตอนนี้มีทางเลือกอยู่สามเส้นทางครับ ขออณุญาติแบ่งปันนะครับ
    ทางเลือกที่ 1 โลกจะเผชิญหน้าลำแสงหนึ่งที่ส่งมาจากแกนกลางของจักรวาล ขณะนี้แสงสีทองนี้กำลังวิ่งผ่านสนามพลังงานผ่านดวงอาทิตย์ในกลุ่มกาแล็คซี่ต่างๆหลายพันดวงเพื่อสะสมพลังงานคลื่นแสงพลังงานสูงนี้จะส่งถึงโลกในวันที่21/12 แต่พลังงานสูงสุดจะมาถึงพื้นโลกในวันที่22/12 ผลกระทบที่มีต่อโลกคือ จะมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่จิตวิญญาณที่มีคลื่นความถี่ต่ำจะไม่สามารถทนต่อคลื่นแสงนี้ได้จะไม่มีชีวิตรอดในที่สุด ไม่สามารถหลบหนีได้แพราะคลื่นแสงนี้สามารถทะลุได้ทุกอย่าง แต่ผู้ที่มีจิตเมตตา มีศีลธรรมจะไม่เกิดผลกระทบอะไร จะเกิดผลดีต่อพวกเขาด้วยมนุษย์ที่มีศีลธรรมที่เหลือรอดจะมีชีวิตอยู่ทำความดีต่อไป
    ทางเลือกที่ 2 โลกจะเกิดการเคลื่อนย้ายมิติเกิดขึ้นประหนึ่งว่าโลกจะมีการแบ่งออกเป็นสองดวงแยกคนดีกับคนเลวออกจากกัน ทางเลือกนี้ค่อนข้างมหัศจรรย์มากแต่ก็ตรงกับข้อความต่างมิติหลายอย่าง เพราะทุกสิ่งที่เห็นรอบตัวมีสภาวะเป็นคลื่น การแบ่งตัวของคลื่นก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
    ทางเลือกที่ 3 ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ทางเลือกนี้อันตรายมากเพราะเหล่าคนไร้ศีลจะได้ทีข่มเหงเพื่อนมนุษย์กันอย่างหนักต่อจากนี้ เรียกได้ว่าโลกจะเข้าสู่ยุคมืดอย่างแท้จริง
    ส่วนทางเลือกที่เป็นภัยพิบัติจะไม่เกิดขึ้นในทุกกรณีครับ แบ่งปันเรียกร้องความคิดเห็นนะครับร่วมโหวตก็ได้ครับว่าถ้าเลือกได้คุณต้องการทางเลือกไหน
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441


    เป็นเช้าที่อากาศสดใสอีกวันนึงนะครับ
    เมื่อวานไปทำสมาธิช่วงคาบเกี่ยวระหว่างเที่ยงคืนกันสามคนที่แม่กลอง
    นั่งจับมือเป็นวงกลมเชื่อมโยงพลังงานไหลผ่าน Higher Self ของเราลงมาสู่โลกน่ะครับ
    ช่วงก่อนจะตื่น ก็ฝันว่าเดินจูงมือกับคนใกล้ชิดและคุณแม่
    พากันเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแห่งนึง ทีมีสัญญาณไฟและมีช่องถนนขวางอยู่
    แต่ก็ข้ามยากมากเพราะการจราจรขวักไข่วเอาเรื่อง
    ต้องรอจังหวะข้าม และเตรียมตัวและตั้งสติ เป็นพิเศษอะไรแบบนั้น
    และก็มาคิดว่าจะใช้วิธีไหนที่จะข้ามถนนพวกนี้ไปได้อย่างปลอดภัยดี
    ในที่สุดก็ค่อยๆเดินผ่านข่้ามไปที่ละเลน ที่ละช่วง จนข้ามไปฝั่งนู้นได้สำเร็จน่ะครับ...

    พอตอนเข้าวันนี้นั่งรถกลับมาทำำงาน
    ก็นึกอยากเห็นพี่น้องต่างมิติของเราขึ้นมา ในวันเริ่มต้นมิติใหม่ๆนี่ล่ะ
    ก็บ่นในใจว่า ทำไมไม่มาปรากฎให้คนไทยได้เห็นกันบ้างล่ะ ให้ประจักษ์ต่อสายตา ?
    จะได้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นน่ะครับ

    คิดได้พักนึงก็มองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ จนรถวิ่งขึ้นทางด่วน ก่อนจะถึงทางลงแถวอนุสาวรีย์
    ก็ปรากฎเห็นวัตถุคล้ายจานกลมซ้อนกันสองชั้น ลอยนิ่งอยู่ข้างตึก
    เป็นสีเงินๆอมส้ม สะท้อนแสงแดดตอนเช้าๆ และไม่เคลื่อนไหวไปไหนเลยครับ
    ไม่ทราบว่าตำแหน่งนั้นคือตึกอะไร เพราเพ่งมองแต่วัตถุนั้นตาไม่กระพริบ
    เห็นอยู่ราวสัก 4-5 วินาที ก็หายไปต่อหน้าต่อตา
    สังเกตและแยกออกแน่ๆ ว่านั่นไม่ใช่แสงสะท้อนบนกระจกรถด้วย

    ไม่คิดเลยว่าสิ่งเราร้องขอไป ได้รับการตอบรับ...
    ก็เสียดายว่าหยิบกล้องไม่ทันจริงๆ เหมือนรู้อยู่กับตัวเองน่ะ
    ว่าเค้าอยู่ใกล้ๆ อยู่ในโหมดเครื่องพรางตาเท่านั้นเอง
    เล่าให้เพื่อนๆฟังได้ที่เดียวนี่แหละครับ เล่าให้คนอื่นๆฟังไม่ได้ อิอิ
    หวังว่าเพื่อนๆคงสัมผัสกับอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อนนะครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  7. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เมื่อทุกสิ่งมาด้วยพลังงาน

    สิ่งที่ทำลายได้คือ พลังงาน

    และเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่กว่า

    มีระดับความถี่สูงยิ่งกว่า

    เอาเถอะ ปล่อยพวกมันมาวุ่นวายดู

    หากกำเริบ ผิดมากๆ ก๋ จะรู้ว่ามีพลังงาน

    ที่ยิ่งใหญ่กว่ามีจริง .....
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ซึ่งก็จับใจความมาจากข้อความต่างมิติเหมือนกัน
    ผมคิดว่า..ที่คุณบอกว่ามันมี 3 ทางเลือกหนะ ผมว่ามันถูกหมดทุกข้อนั่นแหละ
    คือมันจะเกิดขึ้น และกำลังเกิดขึ้นอยู่ทั้ง 3 ข้อนั่นแหละ..แต่ในระดับพลังงาน

    ดังนั้น ข้อแรกที่บอกว่ากำลังมีลำแสงพลังงานอันทรงพลังอำนาจส่งมาถึงโลกอยู่
    อันนี้ผมเชื่ออย่างมากครับ เพราะว่ามันได้ถูกส่งมา และก็กำลังถูกส่งมาอยู่อย่างต่อเนื่อง
    ตั้งแต่อดีตเมื่อ 70 กว่าปีที่แล้ว จนกระทั่งถึงบัดนี้และก็ในอนาคตด้วย
    ซึ่งความเข้มข้นของระดับพลังงานนั้น ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆด้วย

    ดังนั้น มันจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำลังกระตุ้นให้ดวงอาทิตย์เกิดพายะสุริยะมากขึ้นกว่าปกติอยู่
    และก็จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกาย DNA จิตใจ และอารมณ์ของมนุษย์อยู่ครับ

    พวกที่ส่งพลังงานนี้มา จะว่ามี "ผู้" ส่งมาก็ได้นะครับ เพราะว่าพวกนั้นคือ
    รูปธรรมชีวิตชั้นสูงจากทั่วทั้งจักรวาล รวมถึงดวงอาทิตย์ใจกลางแกแล็กซี่ด้วย
    ซึ่งก็คือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะว่าในวันที่ 21/12/12 นี้
    ระบบสุริยะของเราก็จะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่จะ "เริ่ม" ได้รับพลังงานจาก
    ดวงอาทิตย์ใจกลางแกแล็กซี่แบบเต็มๆแล้วหนะนะครับ

    เพราะฉะนั้น ใครที่ห้ามเรื่องนี้ได้ เพราะกลัวว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไป
    ก็ลองห้ามดูนะครับ ถ้าคิดว่าพวกนี้หนะ ชักกำเริบเสิบสานใหญ่แล้ว
    ช่วยห้ามดวงอาทิตย์ไม่ให้เกิดพายุสุริยะมากขึ้นด้วยนะครับ
    ช่วยห้ามไม่ให้ระบบสุริยะ โคจรไปอยู่ในตำแหน่งที่ว่านี้ด้วยนะครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดทำให้ร่างกายเนื้อของมนุษย์
    ผู้ที่ยังไม่พร้อมรับพลังงานพวกนี้ถึงกับต้องตายลงไปหรอกนะครับ
    เพราะว่าพลังงานพวกนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะโหมกระหน่ำมาซะทีเดียวเลย
    มันจะค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นหนะครับ ดังนั้น ร่างกายเนื้อของเรา ก็จะค่อยๆปรับตัวได้

    แต่อย่างไรก็ตาม ข้อความจากต่างมิติบางส่วนก็บอกเอาไว้เหมือนกันนะครับว่า
    สำหรับคนที่ร่างกายไม่ยอมปรับตัวเลย เพราะจิตใจไม่เปลี่ยน หรือทนทานระดับพลังงานนี้
    ไม่ได้จริงๆ ก็จะมีคนตายด้วยเหมือนกันครับ แต่ผมก็ยังคิดว่า คงไม่ถึงกับล้มตายกันระเนระนาด
    ในคราวเดียวกระมังครับ คงจะค่อยๆอ่อนแอลง แล้วเป็นโรคภัยไข้เจ็บตายไปตามธรรมชาติกระมังครับ

    ส่วนเรื่องย้ายมิติหนะย้ายแน่ เพราะพวกเขาบอกว่าเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันนี้
    มันมีระดับพลังงานสูงมาก และมากพอจนกระทั่งเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อื่นๆ
    ไม่อาจสู้ได้แล้ว ดังนั้น มันจึงเป็นการแน่นอนแล้วว่า โลกเราและเราเองทั้งระบบสุริยะนี้
    จะต้องย้ายมิติไปสู่มิติแห่ง "จิตสำนึก" ที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน

    แต่สำหรับ "ผู้ที่ไม่เลือก" เส้นทางแห่งการเลื่อนระดับที่ว่านี้ ทางที่ 3 ที่คุณว่านั่นแหละ
    กำลังรอพวกเขาอยู่ โลกจะไม่แบ่งออกเป็นสองดวงทางกายภาพแต่อย่างใด
    เพราะว่าเท่าที่จับใจความได้จากข้อความของชาว Acturian ที่เขาเล่าเอาไว้
    ถึงประสบการณ์ของการเลื่อนระดับขึ้นของพวกเขา พวกเขาบอกว่า
    เมื่อระดับจิตสำนึกของผู้ที่เลื่อนระดับขึ้นเปลี่ยนไปแ้ล้ว ร่างกายของพวกเขา
    ก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในกรณีของพวกเขา พวกเขาไม่ได้เลื่อนระดับ
    ไปทั้งกายเนื้ออย่างเรา พวกเขาเปลี่ยนเป็นกายทิพย์ ดังนั้น ผู้ที่ยังอยู่
    คือยังไม่เลื่อนระดับขึ้น ก็จะมองไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังมองเห็น
    ผู้ที่ยังไม่เลื่อนระดับขึ้นไปอยู่เหมือนเดิม มันจะประมาณว่า พวกเขาจะอยู่มิติสุงกว่าก็ได้
    จะลงมาช่วยคนที่เหลือก็ได้ แต่คนที่เหลือจะไม่รู้ถึงความมีตัวตนของพวกเขาเลย

    แต่ในกรณีของโลกเรา ณ.ตอนนี้ กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของพวกเรา มันต่างจากเขา
    เพราะว่าเราจะ "เลื่อนระดับขึ้นไปทั้งกายเนื้อ" ดังนั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
    ผมก็ยังมองเห็นภาพไม่ชัดนักหรอกนะครับ แต่ผมเข้าใจว่า มันคงจะประมาณว่า
    ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งหมด ยังจะอยู่ในโลกเดียวกันอยู่ก็ตาม แต่คนที่เลื่อนระดับจิตได้แล้ว
    ก็จะมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุยืนยาว
    มีจิตใจที่ดีงาม มีความรักความเมตตาต่อกันและกัน และต่อสรรพสิ่ง
    และก็พากันสร้างชุมชนแห่งความรักและแสงสว่างขึ้นมา ประมาณว่าพวกเขาจะไปรวมกลุ่มกัน
    ตามกฎแห่งการดึงดูดหนะนะครับ ชอบเหมือนกัน ก็ไปอยู่ด้วยกัน

    ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง ก็คงจะได้อยู่ในแบบที่พวกเขาชอบด้วยเช่นกัน
    แต่จะเป็นในแบบที่ตรงกันข้ามกัน แล้วสักวันหนึ่ง เมื่อโลกขึ้นสู่มิติที่ 5 ได้สมบูรณ์แบบแล้ว
    คนกลุ่มนี้ ก็จะค่อยๆตายลงไป อย่างที่ว่า และหมดสิ้นจากโลกไปในที่สุด

    ผมเข้าใจว่ายังงั้นนะครับ ผิดถูกผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ แค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ

    ..........................................................

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  9. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ท้าทายอำนาจสิ่งศักดสิทธิ์ ผู้เป็นบริวารของ

    พระผู้สร้าง .... ปรารถนา ท้าทาย

    (วุ่นวายพลังงานสำหรับโลกนี้) ก่ ให้

    เขาเหล่านั้น ลองดู

    ยานอยู่ในโหมดพลังงาน

    พรางตัว ยิ่งดี

    ทำลายได้ง่ายมาก ....

    (เคยเห็นการทำลายมาแล้ว...แต่ไม่ได้ทำลายชีวิต)
     
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เกิดการสับเปลี่ยนหรือเปล่า ท่านชยุต

    ไม่ได้ตาย แต่สัปเปลี่ยน การครอบครอง

    ร่างมนุษย์ ..... เป็นเรื่องง่าย สำหรับอีกมิติ

    เหล่าต่ำทรามทนอยู่ไม่ได้...

    หากจะตายจริงๆ ก่ เป็นอีกมิติหรือเปล่าที่

    สูญเสียการครอบครองร่าง ....

    ไม่ใช่มิติของมนุษย์ ...

    กายของมนุษย์ยังดำเนินไปอยู่เรื่อยๆ

    แต่อาจจะ เวียนศรีษะ อ่อนแรงชั่วครู่

    แต่ชั่วครู่ ก่ กลับมาเป็นปกติ โดยนึกว่า

    ตนเองยังไม่ได้ตาย ....

    แต่จริง .... อีกภาคหนึ่งหลุดออกจาก

    ร่างไปแล้ว ....
     
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เรียกว่า ตายโดยไม่รู้ตัว

    นึกถึงตำนาน ... ผีขโมด มาเอาร่าง

    เหล่าต่ำทรามสิ ถึงได้กลัว มองเห็น

    เป็นสิ่งตรงกันข้าม มองเห็นเป็น ผีขโมด

    (เหล่าที่เห็นดอกบัว เป็นกงจักร มีความคิดเห็นผิด ทำนานส่งเดช)
     
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ในร่างมนุษย์ มีอมนุษย์ ครอบร่างอยู่

    จะมีผลหรือไม่ ....

    คือ คืนความปกติให้กับเจ้าของที่แท้จริง

    ตั้งสมมติฐานเท่านั้น น่ะ ว่า

    เหล่าที่ครอบครองร่างสูญเสียพลังงานไปด้วย

    หมดสิทธฺ์ หมดอำนาจในการครอบร่าง ....ไปด้วย
     
  13. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    หากไฟฟ้าจะดับ เครื่องยนต์หยุดทำงาน

    เป็นเพราะ เขาเหล่านั้น บินออกมาหรือเปล่าครับ

    เพราะปกติ เวลาจะออกยาน เขาเหล่านั้น จะต้อง

    ส่ง อิออน แผ่ ออกไปล่วงหน้า ปกคลุมทิศทางของ

    ยานก่อนไม่ใช่หรือ ครับ (เดาเอา)

    ซึ่งการส่งอิออน (อันนี้ก่สมมติเรียกให้เข้าใจ)

    ก่ คล้ายกับ ระเบิดอิออน ที่ทำหน้าที่รบกวน

    ระบบอิเล็คโทรนิค ที่อยู่บริเวณเหล่านั้น หรือเปล่า
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เท่าที่ผมจับประเด็นได้จากข้อความที่ผมแปลมามากมายนี้นะครับ
    มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอกนะครับพี่ เพราะเท่าที่ผมสังเกตข้อความของพี่
    พี่ออกจะกลัวๆว่าพวกต่างมิติจะมายึดครองร่างมนุษย์ หรือยึดครองโลก
    หรือมาฉกฉวยทรัพยากรของโลกไปเป็นของตัวเอง

    นั่นก็ประมาณว่าในมุมมองของพี่ และอาจจะอีกมากมายหลายคนบนโลกนี้ด้วย
    จะมองว่าพวกเขากำลังลำบาก เดือดร้อน เลยจะมาหาวิธีเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้
    อะไรประมาณนั้นใช่ไหมหละครับ..ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และก็สามารถคิดได้ด้วย
    ไม่มีอะไรผิดอะไรถูกครับ

    แต่ผมขออนุญาตแชร์ข้อมูลจากที่แปลมาให้ฟังหน่อยนะครับ แม้ว่าจะเคยโพสต์เอาไว้มากมายแล้วก็ตามว่า
    ระดับจิตสำนึกของพวกเขาหนะ สูงกว่าเราเยอะครับ ดังนั้น แม้แต่ความโกรธ
    พวกเขายังไม่เคยมีเลย ข้อมูลของพวกเขาส่วนหนึ่งที่ผมเคยแปลมาบอกว่า

    "แม้แต่มนุษย์โลกที่มีระดับจิตสำนึกสูงที่สุดในโลก ก็ยังเทียบเท่าได้กับ
    ระดับจิตสำนึกโดยเฉลี่ยของผู้ที่อยู่ในมิติสูงๆอย่างพวกเขาเท่านั้นเอง"

    พวกเขาบอกอย่างงั้นนะครับ และถ้าเป็นไปตามนี้ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างเพิ่มเติมอีกหน่อยนะครับว่า
    พระเยซู พระพุทธเจ้า หลวงปู่หลวงตาที่สำเร็จอรหันต์แล้วทั้งหลาย
    จะอยากมายึดครองร่างกายของใครไหม? จะอยากมายึดครองโลกใครไหมหละครับ?

    ถูกแล้วครับ ผมกำลังบอกกับพี่ว่า เท่าที่ผมจับใจความได้ และก็เข้าใจไปเองอยู่ลึกๆนี่
    พวกที่อยู่ในมิติที่ 5 ขึ้นไป จะมีระดับจิตประมาณ "พระอริยะเจ้า"ระดับใดระหนึ่งแน่นอน
    ไม่ต่ำกว่านั้น เพราะถ้าต่ำกว่านั้น ก็ไม่อาจมีระดับความสั่นสะเทือนของกายและจิต
    ที่เหมาะสมที่จะอยู่ในมิติที่สูงแบบนั้นได้

    ยังมีอีกนะครับ ในประโยคที่ผมยกมาข้างบนนั้น ที่ว่า "แม้แต่ผู้ที่มีระดับจิตสูงสุดบนโลก
    ก็ยังมีระดับจิตเท่าระดับจิตเฉลี่ยของพวกเขาเท่านั้นเอง" ก็ยังหมายความว่า
    แม้แต่ระดับจิตของพระอรหันต์บนโลกนี้ ก็ยังมีระดับจิตเท่าระดับจิตเฉลี่ยของพวกเขาเท่านั้นเอง

    ซึ่งนั่นหมายความว่า "พระอรหันต์" ไม่ใช่จุดสูงสุดของวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
    เพราะว่าพระอรหันต์คือผู้ที่หลุดพ้นแล้วจากกิเลศ จากมายาการของโลกธาตุนี้เท่านั้น
    เพราะว่า พวกเขาบอกเสมอว่า วิวัฒนาการทางจิตวิญญาณไม่มีจุดสิ้นสุด มันจะไปได้เรื่อยๆ
    ผมรู้ว่าที่ผมกล่าวมานี้มันขัดกับคำสอนที่พวกเราเคยถูกสอนมา แต่เพราะว่า
    ไหนๆกระทู้นี้ก็ขัดกับคำสอนของทุกศาสนาอยู่แล้ว มันจะแปลกอะไรถ้าจะขัดเพิ่มอีกซักหน่อย

    และถ้าใครพอจะจำคำกล่าวของพระพุทธองค์ได้ ที่มีผู้ถามว่า จุดเริ่มต้นของวัฏสงสารมาจากไหน
    หรืออะไรทำนองนี้หนะนะครับ พระองค์ตอบว่า วัฏสงสารไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีจุดสิ้นสุดด้วย
    จำได้ไหมครับ ซึ่งถ้าตีความตามนัยยะของกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรง ที่เรารู้จักอยู่นี้หละก็
    จะจะนึกไม่ออกเลย ว่ามันเป็นยังไง ก็ได้แต่นึกว่ามันคงยาวนานมาก และก็จะยาวนานอีกต่อไป
    จนหาที่สิ้นสุดไม่ได้กระมัง ใช่ไหมหละครับ

    ทีนี้ ถ้าผมจะยกเอาสิ่งที่ผมได้อ่านมา และได้โพสต์ไปแล้วเกี่ยวกับกาลเวลามาอธิบายบ้าง
    ผมก็จะอธิบายว่า เพราะว่าในมิติที่สูงกว่าแล้ว คือในระดับปรมัตถ์ หรือความจริงที่จริงแท้แล้ว
    มันไม่มีกาลเวลานั่นเอง ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงกำลังถูกสร้างขึ้นมาอยู่พร้อมๆกันหมด
    ในเวลาเดียวกัน และในปัจจุบันขณะนี้ด้วย ดังนั้น มันจึงไม่มีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด

    พวกที่อยู่ในมิติสูงๆ นับตั้งแต่มิติที่ 6 ขึ้นไปแล้ว พวกเขาสามารถเนรมิตร่างกายของตัวเองขึ้นมาได้
    ถ้าพวกเขาต้องการ แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะอยู่แบบไม่มีกายอะไรทั้งสิ้นเลย แม้แต่กายทิพย์ก็ไม่เอา
    ดังนั้น พวกเขาจะมายึดครอง หรือเข้ามาสวมร่าง หรือมาสิงสู่ ร่างกายมนุษย์หยาบๆ สกปรกๆ เหม็นๆ
    และแก่ๆ นี้ไปทำไมหละครับพี่ ผมยังนึกหาเหตุผลไม่ออกเลย ว่าพวกเขาจะเอาไปทำไม

    พวกที่เป็น "มนุษย์ต่างดาว" ตัวจริงเสียงจริง ที่อยู่บนดาวดวงอื่น และอยู่ในมิติที่ 3
    ซึ่งเป็นมิติเดียวกับเรา และมีกายเนื้อเหมือนเรานี่ แต่ตาโตๆแบบที่เขาเอามาทำหนังกันนั่นแหละ
    พวกเขาก็คงไม่มีปัญญาเดินทางมาถึงโลกเราซักเท่าไหร่หรอกนะครับ จะเห็นมีก็แต่
    พวกที่มาจากดาวอังคาร และดาวอื่นๆอีกบางดวง ที่มาติดต่อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง
    กับทางรัฐบาล USA นั่นแหละ แต่ว่าพวกนั้นหนะ ก็เป็นพวกที่จิตใจยังไม่สูงส่งหรอก
    และก็เป็นฝ่ายมืดด้วย พวกนั้นหนะ โดนขับออกไปนอกโลกนานแล้ว
    โดยกองทัพของท่าน Astra Sheeran ถ้าผมจำอะไรไม่ผิดหนะนะครับ

    ปล.ลืมบอกไปว่า ในมิติที่สูงกว่าเราบางมิติ ก็มีพวกฝ่ายมืดด้วยนะครับ
    มันเป็นไงไม่รู้นะ แต่เหมือนกับว่า พวกเขาเลือกที่จะอยู่ฝ่ายนั้นเองหนะนะครับ

    .............
    ....................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีอีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากจะขอทิ้งท้ายไว้ซะหน่อย
    ก็คือประเด็นเกี่ยวกับผู้ที่เป็น Starseed หรือ Lightworker ทั้งหลาย

    ใครก็ตามที่รู้สึกอย่างเข้มข้นอยู่ภายใน ว่าตัวเองน่าจะเป็นหนึ่งใน Starseed
    หรือ Lightworker ก็ขอให้จงเชื่อและฟังเสียงจากภายในของท่านเองเถอะนะครับ
    เพราะว่าไม่มีใครสามารถบอกท่านได้หรอก แต่ผมคิดว่า ถ้าภายในท่านบอกอย่างนั้นแล้ว
    โอกาสที่จะเป็นไปได้จริง ก็สูงมากทีเดียว

    แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้นะครับ ..คือ.. Satrseed หรือ Lightworker
    หรืออะไรก็ตามแต่ คือ "ผู้ที่อาสามารับใช้โลก" นะครับท่าน
    ไม่ใช่มาเป็น Hero หรือเป็น "พระเอกขี่ม้าขาว" มาจากไหน
    แม้ว่าท่านอาจจะมี "ความสามารถพิเศษ" อะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่ก็ตาม
    แต่ความสามารถเหล่านั้น ท่านเอามันติดตัวมาด้วย ก็เพื่อที่จะทำภาระกิจของท่าน
    ให้ลุล่วงไปได้เท่านั้นเอง ไม่ได้เอามาเพื่ออวดอ้างต่อใครๆ ไม่ได้เอามาเพื่อข่มขู่ใครๆ

    ผมใช้คำว่า "ท่านเอาติดตัวมาด้วย" ก็เพราะว่า ตอนอยู่ในมิติที่สูงๆก่อนที่ท่านจะลงมานั้น
    ใครๆก็มีความสามารถพิเศษแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละ รวมถึงมนุษย์ทุกๆคนด้วย
    ก่อนที่จะลงมาเกิดบนโลกนี้ ก็ไม่มีใครไม่มีหรอก ความสามารถที่เราเรียกกันว่า "พิเศษ" นั่นหนะ

    ดังนั้น ท่านจึงไม่ใช่ผู้วิเศษแต่อย่างใดเลย ท่านไม่ใช่พระเอก แต่ท่านคือผู้มารับใช้ปวงชนต่างหากหละ
    โดยอาศัยความสามารถพิเศษที่ท่านนำติดตัวมาด้วยนั่นแหละ

    เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านไม่มีความตระหนักในเรื่องนี้
    หรือท่านปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว
    ท่านก็จะเที่ยวไปอวดอ้าง หรือเที่ยวไปโม้ให้ใครต่อใครเขาฟัง เอาไว้มากมาย
    แล้วพอมีอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่ท่านได้โม้เอาไว้ ท่านก็จะหน้าแตก
    และสูญเสียความน่าเชื่อถือไป แล้วเส้นทางเดินไปสู่ภาระกิจของท่าน
    ก็จะตีบตันลงเรื่อยๆ..จนในที่สุด ท่านก็จะละทิ้งภาระกิจของท่านไป..

    และเพราะฉะนั้น ในฐานะที่ท่านเป็นผู้รับใช้ชาวโลก ถ้าท่านจะโดนโขกโดนสับบ้าง
    หรือโดนด่าบ้าง เสียหน้าบ้าง มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกนี่ครับ

    ที่ท่านเสียหน้า ก็เพราะว่าท่านยังมี "หน้า" จะให้เสียอยู่ เพราะท่านยัง
    "รักษา" มันเอาไว้อยู่ ท่านไม่ยอมทิ้งมันไปซะทียังไงหละครับ

    .........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  16. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    แม้ เอาเสียยาวเชียว
    ผมว่าประชดกับพวกที่มองเห็น มนตด มีเลว
    แต่มียกเว้นกลุ่มที่นครสวรรค์เขากระทิง (หุ หุ)
    สาเหตุคือ ความคิดเห็นผิดไม่พอ ยังลากผู้คนอื่นๆ ไปทางที่ผิด
    จากธรรมชาติ คือ ปรารถนาดี ก่ มี แต่ รู้จักคำว่า หวังดีประสงค์ร้าย บ่
    หวังดีอยู่ แต่เป้าที่ออกมาไม่ตรงกับคุณความดี ที่ถูกต้อง

    ส่วนใหญ่ที่มีเทคโนโลยี นั้น จะมีความงดงามอยู่แล้วครับ
    ถึงได้รับเทคโนโลยีไป

    และประชดอีกว่า ...... ท้าทายกันไป ....
    เพราะจะให้มันทั้งหลาย ส่งพลังงานมาหาผม โดยตรง
     
  17. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อเร่งการวิวัฒนาการน่ะครับพี่ชยุต :z16
     
  18. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    พวกต่างดาวส่วนใหญ่ในจักรวาลนี้จะใช้พลังงานโซล่านิวทริโนน่ะครับ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลครับ คุณสมบัติของนิวทริโนสามารถที่จะทะลุทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้กระทั่งโลกใบนี้ พลังงานนี้เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นมาพร้อมกันตั้งแต่สร้างจักรวาลน่ะครับ

    ส่วนการใช้งานของพลังงานนี้ง่ายมากครับ แต่บนโลกนี้ยังไม่มีเครื่องรับชนิดใดที่สามารถรับพลังงานชนิดนี้ได้ และไม่สามารถสร้างได้เองจากสสารที่มีอยู่บนโลกนี้ พลังงานนี้ปกติมีอยู่โดยทั่วไป แต่พลังงานสูงสุดจะต้องมาควบคู่กับแสงอาทิตย์ที่ส่องมาตอนเช้า โดยแสงอาทิตย์จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนสายไฟฟ้าที่นำพาพลังงานนี้เข้าสู่เครื่องรับ เมื่อชาร์จพลังจนครบ 1 ชั่วโมง ตัวรับจะมีพลังงานสูงมากเปรียบประหนึ่งว่าตัวมันเองนั้นเป็นพระอาทิตย์ พลังงานนี้ไม่ก่อให้เกิดความร้อน, ประจุไฟฟ้า, มลพิษ, รวมทั้งคลื่นสนามแม่เหล็กต่างๆ ทำให้อุปกรณ์ต่างๆที่เชื่อมโยงกับพลังงานนี้ไม่เกิดความเสียหายทางกลไกและอิเล็กทรอนิกส์

    ส่วนตัวเครื่องรับนั้นมีขนาดเล็กเพียงเท่าถ่านนาฬิกาข้อมือ และสามารถใช้ได้เป็นล้านๆปีโดยไม่เสื่อมอายุตลอดการใช้งาน ซึ่งในยานอวกาศแทบทุกรุ่นจะใช้พลังงานนี้ ในการบินข้ามกาแล็กซี่, ข้ามจักรวาล บินฝ่าเข้าไปในหลุมดำ ไปยังที่ต่างๆที่ต้องการไป

    และอีกเทคโนโลยีนึงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายรวมทั้งองค์การนาซ่า ก็คือ เทคโนโลยี Negative gravity ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการต่อต้านแรงดึงดูด โดยการสร้างสนามแม่เหล็กให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสนามแม่เหล็กโลก สามารถทำให้บังคับยานได้อย่างอิสระ, รวดเร็ว, สามารถสร้างกลุ่มพลังงานสนามแม่เหล็กมาคลุมเพื่อพรางตัวและสร้างเกราะกำบังตัวเองได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถ้าใช้พลังงานถ่านหินบนพื้นโลกผลิตเป็นพลังงานแล้วจะต้องใช้ถ่านหินเท่ากับปริมาณประเทศเขมรทั้งประเทศ ต่อการบิน 10 วินาที ซึ่งพลังงานที่ใช้ในเทคโนโลยีนี้ก็มาจาก solar neutrino เช่นกัน
     
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ยังไม่บอกว่า เหล่า มนตด ที่อยู่ในภพภูมิสูง

    มายึดร่างเล่า .... ทำความเข้าใจใหม่ เด้อ ท่านชยุต

    เรากำลังพูดถึง เหล่า ที่ครอบร่าง (เหล่าพลังงานเก่า)

    แค่ พรหม กิเลสหนา เท่านั้น

    เรายังไม่ได้พูดถึง เหล่าที่อยู่ระหว่างกลาง อนาคามี กับ อรหันต์ สักหน่อย

    หุ หุ
     
  20. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ครับ ๆ จะลองไปดูครับ ตามนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...