ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    "คุณปรารถนาต้องการ จบกิจ ภายในปีนี้ คือ 2013 ให้ได้ [/COLOR]
    และคุณกำลังรีบหาทางจบมันให้ได้ อยู่ แบบนี้ไช่หรือเปล่าครับ" ไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ
     
  2. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    สาธุ ค่ะ ^ ^
     
  3. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ู^______^ สาธุ ค่ะ
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เมื่อหลายสิบวันก่อน อาจจะเป็นเดือนก่อนด้วยซ้ำไป
    ในช่วงที่ระดับพลังงานพุ่งสูงขึ้นรอบก่อนหน้านี้
    ผมได้อ่านข้อความของ healer, chaneller
    และ Light worker หลายคน ที่อยู่ต่างประเทศ
    พูดถึง "ความฝัน" อย่างหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับ
    การเปลี่ยนแปลงของพลังงานดังกล่าวนี้

    พวกเขาหลายคน ฝันคล้ายๆกัน หรือ ในทำนองเดียวกัน
    ว่ากำลังนั่งอยู่บนรถไฟ หรือ ยานพาหนะอะไรซักอย่าง
    ที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็วสูง และอย่างหวาดเสียว
    โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง..ซึ่งมันหมายถึง..
    กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของพวกเรา กำลังจะมาอีกแล้ว
    และจะเป็นไปอย่างหวาดเสียวกระมังครับ

    และเมื่อคืนนี้ ผมก็บังเอิญมาฝันทำนองเดียวกันนี้กับเขาด้วย
    อาจจะเป็นเพราะว่า (แค่อาจจะนะครับ) อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
    จะถึงช่วงเวลาที่ระดับพลังงานของโลกจะพุ่งพรวดขึ้นอีกแล้ว
    เพราะว่าปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์ จะเข้มข้นรุนแรงขึ้นอย่างว่า

    ผมฝันไปว่า ได้อยู่บนรถไฟขบวนหนึ่ง
    แต่ตอนแรกนั้นมันไม่เหมือนรถไฟหรอก
    มันเหมือนกับเป็นกะบะของเกวียนซะมากกว่า ที่มีแต่พื้น
    และมีโครงกะบะสีเหลี่ยมที่ทำด้วยเหล็ก สูงแค่ประมาณระดับหน้าอก
    ไม่มีหลังคา ผมยืนอยู่ในกะบะนั้นกับคนหลายคน
    ซึ่งมันกำลังเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วไม่มากนัก
    ผ่านสะพานข้ามทะเลแห่งหนึ่ง

    ในจำนวนคนที่อยู่ในกะบะอันนั้น มีคุณ kindred ด้วย
    แต่ในความรู้สึกของผม เธอเป็นทั้งน้องชายในโลกแห่งความเป็นจริงของผม
    และเป็นทั้งลูกสาวคนโตของป้าจริงๆของผม ซึ่งอายุมากกว่าผมหนึ่งปีด้วย
    ในฝันนั้น ผมและคุณเดรด เป็นคนที่สามารถเหาะไปไหนมาไหนได้
    และเธอก็ยืนอยู่ท้ายสุดของกะบะรถไฟอันนั้น ติดกับผม

    แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เธอดูเหมือนจะไม่ทันระวัง เลยหงายหลังไป
    เกือบจะตกรถไฟซะแล้ว แต่ผมมือไวกว่า เลยคว้าคอเสื้อของเธอไว้ได้ทัน
    ในฝันเธอใส่เสื้อสีขาว ผ้าดิบ มีลายลูกไม้ หรืออะไรแบบนั้น ที่ผมคุ้นเคย

    แล้วจากนั้น พอรถไฟวิ่งข้ามสะพานข้ามทะเลมาได้แล้ว
    รถไฟทั้งขบวน ก็กลายเป็นขบวนรถไฟสีขาว มีหลังคา
    และมีหลายโบกี้ด้วย ยาวเหยียดเลยทีเดียว
    มิหนำซ้ำ รางรถไฟก็เป็นสีขาวด้วยนะครับ แต่ทำด้วยไม้
    และผมก็รู้อยู่ในความรู้สึกว่า รางรถไฟขบวนนี้ ยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วย

    พอรถไฟข้ามทะเลมาได้แล้ว และกลายเป็นขบวนรถไฟสีขาวที่ว่านั้นแล้ว
    ก็กลับกลายเป็นว่า รถไฟขบวนนั้น วิ่งด้วยความเร็วสูงมาก
    มีวิ่งขึ้นทางชัน นิดหน่อย แต่ที่น่าหวาดเสียวที่สุดก็คือ
    ตอนวิ่งลงทางชันนี่แหละครับ เพราะว่ามันมีทั้งทางลาดชันลงไปเฉยๆ
    และทางลาดชันแบบโค้งวนรอบภูเขาลูกหนึ่งด้วย

    ในฝันนั้น มันเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวมาก เพราะว่ารถไฟวิ่งเร็วจริงๆ
    และก็..วิ่งลงทางลาดชัน แบบวนลงรอบๆภูเขาหนะครับ

    และตรงนี้เองคือจุด climax ของเรื่อง เพราะว่าในระหว่างที่ขบวนรถไฟ
    กำลังวิ่งวนลงเขาด้วยความเร็วสูงอยู่นั้น ผมก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง
    อยู่ตลอดเวลาว่า

    "อย่าหยุดนะ และอย่าเบรกด้วย"
    "อย่าหยุด และอย่าเบรก"
    "อย่าหยุด และอย่าเบรก"


    ผมร้องแบบนี้ไปตลอดทางเลยหละครับ ซึ่งทุกคนก็คงได้ยินกระมัง
    แล้วจากนั้น รถไฟก็ลงเขามาได้ มาถึงทางราบแห่งหนึ่ง
    แต่พอดีว่ารางรถไฟมันสร้างถึงแค่ตรงนั้นพอดี รถก็เลยต้องหยุดโดยปริยาย

    แต่ใกล้ๆกันนั้น ผมก็เห็นมีขบวนรถไฟขบวนอื่นอยู่ด้วย
    และดูเหมือนว่า พวกเขาจะเป็นขบวนรถไฟที่ทันสมัยกว่าเรา
    เพราะว่ามันทำด้วยเหล็ก ที่รางก็เป็นเหล็กด้วย
    และในความรู้สึกผม ก็เหมือนกับว่า พวกเขาคือรางรถไฟในอนาคตของเรา
    และเราจะต้องสร้างรางรถไฟไปเชื่อมต่อกับรางของพวกเขา
    ที่กำลังจอดอยู่เฉยๆเหมือนรอใครอยู่อย่างนั้นแหละ

    แต่ไม่นานเหตุการณ์ที่ผมนึกไม่ถึงก็เกิดขึ้น
    เพราะว่า ไม่รู้เพราะอะไร คนที่อยู่ในขบวนรถอีกขบวนหนึ่งที่ว่านั้น
    ก็เริ่มขว้างปาก้อนหินขนาดใหญ่มาใส่ขบวนรถของพวกเรา
    หินแต่ละก้อนก็ก้อนเท่าหัวคนนี่แหละครับ
    ขว้างมาก็มาโดนพวกเราหลายคนด้วย

    แต่ในขบวนรถของพวกเรานั้น พวกเราเป็นคนพิเศษครับ ทุกๆคนเลย
    แต่อาจจะพิเศษแตกต่างกันไป และในจำนวนของพวกเรานี้
    มีบางคนที่สามารถที่จะขยายร่างกายให้ใหญ่ขึ้นเหมือนมนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง
    ที่ชื่อ Hulk ในหนังได้ และก็เหมือนกับ Hulk อีกนั่นแหละ
    ที่เวลาร่างกายได้รับบาดเจ็บแล้ว จะซ่อมแซมตัวเองได้เร็วมาก
    จนเหมือนกับว่า จะไม่มีวันตายเลยด้วยซ้ำไป

    และดังนั้น พอโดนก้อนหินขว้างมาใส่ ร่างกายของพวกเรากลุ่มนี้
    ก้ใหญ่โตขึ้น แม้ว่าจะเห็นได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ตาม
    แต่ก็กลับมาหายเป็นปกติได้ในเวลาไม่นาน
    แล้วพวกเรากลุ่มนี้ ก็เลยไปต่อสู้กับพวกเขาหนะครับ

    แต่สิ่งที่น่าแปลกใจอีกอันหนึ่งก็คือ ในขบวนรถของพวกเขา
    ก็มีคนประเภท Hulk อยู่เหมือนกับพวกเราอีกด้วยนะ
    สรุปว่า..ก็งงๆครับ..ขว้างหินใส่กันไปใส่กันมา
    เหมือนจะกระตุ้นความสามารถพิเศษ
    ที่ซุกซ่อนอยู่ของพวกเราออกมาอย่างงั้นแหละ

    ฝันก็จบแค่นี้หละครับ..และถ้าให้ผมตีความ ผมก็จะบอกว่า
    เมื่อระดับพลังงานของโลกเพิ่มขึ้นอีกระรอกหนึ่ง ในอีกไม่กี่วันนี้
    สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทุกๆระบบของเรา ซึ่งรวมถึงระบบร่างกายของเราเองด้วย
    ก็อาจจะเหมือนกับที่ต่างมิติบอกไว้แล้ว ซึ่งก็คือ
    จะเกิดกระบวนการ transformation ขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้
    ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ลึกลงไปถึงระดับ DNA ของเราเลยทีเดียว
    และก็ จะทำให้หลายคนเกิด "อาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้น" ด้วย

    ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ ปล่อยไปตามกระแสพลังงาน
    อย่ากลัว อย่าเกร็ง อย่าเครียด อย่าฝืน และ อย่าวิตกกังวล
    เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ มาจากพลังงานด้านลบทั้งนั้น
    ซึ่งมันจะเป็นเหมือนกับ "เบรก" ของรถไฟของเรา
    ที่จะทำให้เราผ่านพ้นมันไปได้ยากขึ้น และหนักหนาสาหัสมากขึ้น

    ผมถึงตะโกนไงหละครับว่า "อย่าหยุด และ อย่าเบรก"

    ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ หรือช่วงเวลาไหนก็ตาม
    ที่มีการพุ่งขึ้นของพลังงานของโลกแบบนี้ ต่างมิติแนะนำเอาไว้ว่า
    ให้เรานั่งสมาธิให้มากขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น และดื่มน้ำสะอาดมากขึ้น
    และรับประทานอาหารที่เป็นผลดีต่อสุขภาพของตัวเอง
    รวมถึง ให้เข้าหาธรรมชาติ หรือ อยู่ในธรรมชาติให้มากขึ้นด้วย

    สัญญลักษณ์ของการหยุดของรถไฟเพราะรางรถไฟสิ้นสุดลงนั้น
    ก้น่าจะหมายถึง กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของพวกเรา และของโลกเรา
    มันกำลังค่อยเป็นค่อยไปอยู่ มันยังไม่สิ้นสุด หรือ สมบูรณ์แบบลงง่ายๆ
    ดังนั้น รอบนี้ ก็อาจจะไปได้ไกลแค่นี้ก่อน รอบหน้าค่อยว่ากันต่อ

    ส่วนสัญญลักษณ์ของการขว้างปาก้อนหินมาใส่เรานั้น
    ก็อาจจะเป็นว่า บรรดา "จิตวิญญาณ" และ "ตัวตนที่สูงกว่าของเรา" ทั้งหลาย
    กำลังใช้ลูกไม้ หรือ trick อะไรบางอย่าง เพื่อกระตุ้นให้พวกเรา
    หลุดออกจากความสะดวกสบาย และ ความเคยชินแบบเก่าๆอยู่
    หรือประมาณว่า พอเราปรับตัวได้สักพักแล้ว เราก็จะคิดว่าเราอยู่ตัวแล้ว
    แล้วก็จะเริ่มสบายแล้ว และความขี้เกียจ ความเฉื่อยชาก็จะถามหาเรา
    ดังนั้น พัฒนาการขั้นต่อไปมันก็จะเฉื่อยชาลงตามไปด้วย

    ดังนั้น พวกเขาก็เลยใช้วิธี "ป่วน" หรือ "ปั่น"
    ให้พวกเราหมุนออกมานอกความเฉื่อยชานั้นเสีย
    ซึ่งพวกเขาทำแบบนี้เสมอนั่นแหละครับ เพื่อกระตุ้นหรือกระทุ้งให้พวกเรา
    เดินหน้าต่อไป อย่าเอาแต่กบดานอย่างสงบ อยู่ในที่ตรงนั้นนานเกินไป
    เพื่อที่ความสามารถต่างๆที่ซ่อนเร้นอยู่ของพวกเราแต่ละคน
    ซึ่งมีกันทุกๆคน และมีอยู่อย่างมากมายก่ายกองอยู่แล้วนี่
    จะได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียที..

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    "You are Multidimentional Beings.
    The energy of the Planet is calling for us all
    to raise our vibration.

    It's time to step up to the next level
    of our spiritual evolution.

    I'm awakening to my Mission."


    "พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ
    พลังงานของดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    กำลังเรียกร้องให้พวกเราทุกๆคน
    ยกระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้นอยู่

    มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะก้าวขึ้นไปสู่
    ระดับวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณขั้นต่อไปของตัวเอง

    ฉันกำลังจะตื่นขึ้นเพื่อมาทำภาระกิจของฉันเองแล้ว"


    .....................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  5. kamton

    kamton สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +6
    ก็แค่ตัวหนังสือ... ในพยัญชนะเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไร...หากความหมายอยู่ที่เราตีความ...คนดีย่อมเอาของดีออกมาจากคลังแห่งความดีของตน ขณะเดียวกันคนชั่วย่อมเอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วของตน...ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่แปลมาให้อ่านยังตามต่อกันต่อไป (ว่าแล้วแอบไปอยู่ที่รากมะม่วง...แว๊บ)
     
  6. Number 1

    Number 1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +81
    มีข้อสงสัยครับ อาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้นคืออะไรครับ
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อาการของการเปลี่ยนรูปแบบ
    (Symptoms of Transformation)

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ในระหว่างที่กระบวนการแห่งการยอมจำนนต่อจิตวิญญาณของตัวคุณเอง
    กำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆอยู่นี้ คุณอาจจะมีอาการหลายอย่าง
    ที่คล้ายๆกับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้น ซึ่งอาการแห่งการเปลี่ยนรูปแบบเหล่านี้
    อาจจะได้แก่:


    1). อาการสับสนมึนงง และ รู้สึกเบลอๆ ความรู้สึกนี้เกิดจากการที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของคุณ
    กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ไปสู่คลื่นความถี่ที่มันไม่เคยรับรู้แบบมีสติสัมปชัญญะมาก่อน

    ที่คุณรู้สึกสับสนและมึนงงก็เพราะว่า คุณยังไม่สามารถที่จะรับสัญญาณได้อย่างชัดเจนมากเพียงพอ
    และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสับสนและมึนงง ก็คือ ขอบเขตของความตระหนักรู้ของคุณ
    กำลังขยายตัวออกมานอกขอบเขตที่มันคุ้นเคยอยู่ จนทำให้คุณยากที่จะ “ปรับจูน” การรับรู้ของตัวเอง
    ให้อยู่แต่ในโลก 3 มิตินี้ได้


    2). กาลเวลาก็ดูเหมือนว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าแต่ก่อนด้วย
    เมื่อใดที่คุณมีประสบการณ์กับมิติที่ 5 อย่างมีสติสัมปชัญญะ เป็นครั้งแรกได้แ้ล้ว
    กาลเวลาก็จะดูเหมือนว่า มันผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ เพราะว่าอัตราความสั่นสะเทือนของคุณ
    สูงกว่าของผู้คนที่อยู่รอบๆตัวคุณมาก

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ความตระหนักรู้/จิตสำนึกของคุณ
    สามารถขยายตัวจนไปถึงมิติที่ 6 ได้แล้วนั้น
    คุณก็จะคุ้นเคยกับสภาวะ “ไร้กาลเวลา” มากขึ้น
    และคุณก็จะรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องลดความเร็วลง


    และเมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าคุณ “ได้อยู่บ้าน” กับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้
    ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าของตัวคุณเองแล้ว คุณก็จะมีชีวิตอยู่นอกเหนือข้อจำกัด
    ของกาลเวลา ของมิติที่ 3 นี้ เพราะฉะนั้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไร
    ที่จะต้องเร่งรีบทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าคุณรู้อยู่แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง
    จะเป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่เหมาะสมของมันเอง


    3). คุณอาจจะมีอาการปวดศรีษะด้วย หรือแม้แต่เป็นไมเกรนด้วยซ้ำไป
    และคุณอาจจะมีอาการปวดท้องด้วย เพราะว่า “การไหลย้อนกลับของกรดในกระเพาะอาหาร”
    (Acid reflux syndrome) คืออาการโดยทั่วไปของผู้ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบนี้

    เพราะว่ากระบวนการทางชีวเคมีในร่างกายของคุณ จำเป็นจะต้องปรับตัวมันเอง
    เพื่อให้เข้ากับระดับความสั่นสะเทือนใหม่นี้ และอวัยวะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารของคุณ
    ก็กำลังปรับตัวมันเองอยู่เช่นเดียวกัน


    4). การเป็นหวัด หรือ เป็นไข้หวัดนั้น อาจจะเกิดขึ้นด้วย คุณอาจจะมีอาการหน้ามืดตาลาย
    และสายตาของคุณก็อาจจะดูเหมือนว่าอ่อนแอลง พร้อมๆกับมีอาการปวดคอ
    หรือปวดศรีษะบริเวณด้านหลังศรีษะด้วย


    5). มันอาจจะมีอาการอื่นๆที่เกิดจากกระบวนการ “ชำระล้าง” ตามมาด้วย
    เช่น อาการเวียนศรีษะ, ท้องเสีย, ปวดตามข้อ, คลื่นไส้, เลอะเลือน,
    รูปแบบการนอนหลับถูกรบกวน หรือมีอาการอ่อนเพลีย เป็นต้น

    อาการทั้งหมดเหล่านี้ คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายเนื้อของคุณ
    กำลังพยายามปรับตัวมันเองให้เข้ากับคลื่นความสั่นสะเทือนใหม่อยู่



    6). ในทางบวก คุณอาจจะรู้สึกมีความสุข และสนุกสนามมากขึ้น และรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นด้วย
    ความกลัวของคุณ จะค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะว่าคุณจะมีความรู้สึกว่า
    คุณกำลังได้รับการปกป้องจากคลื่นความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นของตัวคุณเองอยู่

    คุณจะมีความรู้สึกว่า ไม่อินไปกับปัญหาในชีวิตประจำวันของตัวเองมากสักเท่าไหร่แล้ว
    ซึ่งอิสระภาพอันนี้เอง ที่ช่วยให้คุณมี “เวลา” มากขึ้นที่จะมีความคิดสร้างสรรค์หละ


    7). คุณอาจจะมีประสบการณ์กับ การเพิ่มขึ้นของความสามารถทางจิตของตัวเองด้วย
    เช่น การโทรจิต, การหยั่งรู้ถึงความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นได้, การมีหูทิพย์,
    และ การมีตาทิพย์ เป็นต้น

    คุณอาจจะมีความฝันเกี่ยวอดีตชาติของตัวเอง หรือ ฝันถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กของตัวเอง
    หรือ สามารถระลึกชาติ หรือเหตุการณ์ในวัยเด็กของตัวเองได้แบบปุบปับ

    และความตั้งใจของคุณก็จะแรงกล้ามากขึ้นด้วย เพราะว่าคุณจะรู้สึกว่า
    คุณจะต้องทำอะไรซักอย่างที่มีความสำคัญให้ได้


    8). ความฝันของคุณ จะค่อยๆแจ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าม่านพรางที่กั้นกลางระหว่างมิติต่างๆ
    เริ่มลางเลือนลงเรื่อยๆแล้ว

    คุณอาจจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับได้ยินเสียงจากภายในของตัวเอง
    กำลังแปลความฝันให้คุณฟังอยู่ด้วยซ้ำไป

    คุณอาจจะพบว่า มันมีความฝันบางความฝัน
    ที่จะวนเวียนฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นแหละ
    จนกว่าคุณจะได้ใช้เวลาเพื่อพินิจพิเคราะห์
    ถึงความหมายของมันแล้วเท่านั้น


    ซึ่งนี่แหละคือการติดต่อสื่อสาร
    จากตัวตนที่สูงส่งกว่าของคุณเอง
    มาถึงคุณผู้ที่กำลังอยู่ในโลกทางกายภาพนี้



    9). คุณจะรู้สึกถึง “การเชื่อมต่อ” (connect) มากขึ้นเรื่อยๆ
    แต่ว่าคุณอาจจะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออยู่กับอะไร หรือกับใคร

    คุณรู้แต่เพียงว่ามีหลายสิ่งหลายอย่าง, คนหลายคน, สถานที่หลายแห่ง
    และกิจกรรมหลายอย่าง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ชื่นชอบของคุณ
    แต่ตอนนี้พวกมันไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคุณได้มากเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

    คุณให้ความสนใจกับเรื่องที่ “คุณเป็นใคร” มากกว่าที่จะสนใจว่า “คนกำลังทำอะไร”
    คุณมีความกระหายใคร่รู้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอันที่จะค้นหาว่าเป้าหมายของชีวิตคุณคืออะไร
    และในอันที่จะกลายเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้


    ตอนนี้ จงพักผ่อนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนในเวลาจริงๆ
    หรือพักผ่อนในความตระหนักรู้ของคุณก็ตาม

    จงหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ และยาวๆ เพื่อที่จะยอมรับกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของตัวคุณเอง
    เพื่อที่คุณจะได้บูรณาการเอามันเข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณได้


    เมื่อใดที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้า หรือ รู้สึกว่าไม่ไหวอีกแล้ว
    ให้ท่องมนต์ของคุณไว้ให้ขึ้นใจว่า


    “I NOW surrender all control
    of my physical body to my Soul.”

    “บัดนี้ ข้าพเจ้าขอยินยอมให้จิตวิญญาณของข้าพเจ้า
    สามารถควบคุมร่างกายเนื้อของข้าพเจ้าได้ทุกๆอย่าง”



    และอย่าลืมว่า สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
    สำหรับ ego ของคุณที่จะทำได้
    คือสิ่งที่จิตวิญญาณของคุณ
    สามารถที่จะทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย


    ........................................
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เก่งนี่ .... ขอโทด ไม่ใช่ครับ phudit999 ไม่เคยอวตารเป็นอื่น
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยล้ามากๆและบ่อยเหลือเกิน

    โดย: Celia Fenn

    ที่มา:
    http://www.facebook.com/photo.php?f....302448983149875.69644.175375232523918&type=1

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    ผู้ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงจาก Indigo ไปสู่ Crystal จำนวนมาก
    กำลังพบว่าความอ่อนล้าและความเหน็ดเหนื่อย คืออาการสองอย่าง ที่พบได้มากที่สุด
    ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่ตลอดเวลา
    และอยากจะนอนอย่างเดียวเลย และเมื่อพวกเขาได้นอนแล้ว พวกเขาก็จะนอนหลับลึก
    และไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย

    แล้ว..มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทำไมพวกเราถึงรู้สึกแบบนั้นได้

    ท่านมหาเทพมิคาเอลได้อธิบายว่า มันมีกระบวนการอยู่ 3 กระบวนการ
    ที่เป็นสาเหตุของความเหนื่อยล้าดังกล่าวนี้ ซึ่งได้แก่:

    - กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ (Emotional Body Clearing)

    - กระบวนการล้างสารพิษของกายหยาบ และกายละเอียด
    (De-toxification of the Physical and Subtle Bodies)

    - กระบวนการเข้าสู่การมีจิตสำนึกแบบหลากมิติเต็มรูปแบบ
    (Full Multi-Dimensional Consciousness)

    ซึ่งแต่ละกระบวนการดังกล่าวมานี้ ก็จะมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันไป ดังนี้


    1). กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ (Emotional Body Clearing)

    ในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการฯ พวกเราจะต้องผ่านขั้นตอนการชำระล้างกายแห่งอารมณ์เสียก่อน
    ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะรวมถึง การชำระสะสางความบอบช้ำในจิตใจ และพฤติกรรมที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตนเองทั้งหลายแหล่
    ที่เก็บสะสมอยู่แต่เก่าก่อน ให้ออกไปจากจิตใจและจิตใต้สำนึกเสีย ซึ่งความเข้มข้นรุนแรงของกระบวนการนี้
    ก็จะขึ้นอยู่กับว่า ก่อนหน้านี้ คือในช่วงระหว่างการเตรียมการเพื่อการยกระดับขึ้นนี้
    คุณได้ชำระสะสางสิ่งเหล่านี้ออกไปได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว

    ฉันเองก็เป็นนักบำบัดคนหนึ่ง และฉันก็ได้ช่วยเหลือผู้คนไปมากมายแล้ว ในกระบวนการเตรียมการที่ว่านั้น
    แต่ว่า..ฉันก็ยังไม่เคยพบเลยจริงๆว่า กระบวนการฯสำหรับตัวฉันเองนั้น จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงซะที
    ดังนั้น เมื่อใดที่ฉันต้องปะทะกับกระบวนการเปลี่ยนสภาพเข้า ฉันก็จะประสบกับ
    กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ของฉันเอง อย่างเข้มข้นรุนแรง และเป็นอยู่นานหลายเดือนเลยทีเดียว
    และสิ่งเหล่านั้น ก็จะหลั่งไหลออกมาจากจิตใต้สำนึกของฉัน และฉันก็จะฝันแปลกๆ และมีความวิตกกังวลด้วย
    เพราะว่าฉันจะต้องต่อสู้กับการชำระสะสางความบอบช้ำทางจิตใจของความเป็นเด็กที่อยู่ภายในตัวฉันเอง (inner child)

    การปลดปล่อยความบอบช้ำทางจิตใจออกไปแบบนี้ จะทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างมาก
    แต่ว่าคนบางคนก็จะไม่มีสติรับรู้ ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้หรอก เพราะว่าพวกเขาจะทำการปลดปล่อยสิ่งเหล่านี้ออกไป
    ในตอนกลางคืน ในช่วงที่พวกเขากำลังหลับฝันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าสำหรับผู้ที่ประสบกับภาวะวิตกกังวล
    มักจะเป็นผู้ที่ทำการชำระสะสางในช่วงตอนกลางวัน

    ณ.จุดนี้ คุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือ เพื่อที่จะปลดปล่อย “แพทเทิ้น” เก่าๆทั้งหลาย
    ที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในความเป็นเด็กที่อยู่ภายในตัวคุณเอง (inner child) ออกไป
    จุดนี้แหละคือจุดที่คุณจำเป็นจะต้องปฏิบัติการกับ inner child ของคุณอย่างจริงจังหละ
    โดยการไปพบนักบำบัดที่ดีๆซักคน หรือโดยการทำ workshop หรือโดยการหาหนังสือดีๆซักเล่มมาอ่าน
    เพื่อเป็นแนวทาง แต่จงปลดปล่อยแพทเทิ้นแห่งความเจ็บปวดทั้งหลายให้ออกไปจาก inner child ของคุณให้ได้!

    และจงเข้าใจไว้ด้วยว่าในระหว่างที่คุณกำลังกระทำการชำระสะสางอยู่นี้ คุณก็จะรู้สึกอ่อนเพลียด้วย
    เพราะว่าคุณได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณ เพื่อกดข่มพลังงานเหล่านี้เอาไว้ตลอด
    ดังนั้น การชำระสะสางพวกมันออกไปจึงเป็นงานที่ยากลำบากด้วย แต่มันก็คุ้มค่า!
    เพราะว่าเมื่อใดที่คุณทำสำเร็จแล้ว คุณก็จะมีจิตใจที่ปลอดโปร่งจากแพทเทิ้นของพฤติกรรม
    ที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตัวเอง ที่ฝังอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกของคุณเอง แล้วคุณก็จะสามารถ
    ปฏิบัติการอยู่ภายใต้ขอบเขตของความตั้งใจอันบริสุทธิ์และใสสะอาดหมดจดได้


    2). กระบวนการล้างสารพิษของกายหยาบ และกายละเอียด
    (De-toxification of the Physical and Subtle Bodies)

    กระบวนการชำระล้างในระดับลึกนี้ จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆที่ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างบนนั้น
    ซึ่งเมื่อใดที่แพทเทิ้นของพลังงานและสิ่งกีดขวางด้านอารมณ์ทั้งหลายๆถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
    แพทเทิ้นของพลังงานและสิ่งกีดขวางด้านความคิด/จิตใจ และด้านกายภาพเก่าๆ
    ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงอยู่กับพวกมัน ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาตามไปด้วย

    พลังงานที่เป็น “พิษร้าย” เหล่านี้ จะถูกส่งผ่านไปยังกายละเอียดชั้นต่างๆ แล้วก็จะถูกกำจัดออกไปทางกายหยาบ
    นอกจากนี้ “ความเป็นพิษ” ใดๆก็ตาม ที่ร่างกายเนื้อได้เก็บสะสมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
    ก็จะถูกกำจัดออกไปพร้อมๆกันนี้ด้วย

    กระบวนการชำระล้าง และกระบวนการล้างพิษที่ว่านี้ จะทำให้อวัยวะภายในที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษทั้งหลาย
    เกิดอาการตึงเครียดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ไต และ ตับ เป็นต้น

    ด้วยเหตุนี้เอง พวกคุณหลายคนจึงอาจจะมีอาการต่างๆเกิดขึ้น เช่น มีถุงอยู่ใต้ดวงตาทั้งสองข้าง,
    มีอาการตรึงเครียดเกี่ยวกับไต, มีอาการตรึงเครียดเกี่ยวกับตับ และระบบทางเดินอาหารปั่นป่วน
    เช่น เกิดอาการจุกเสียดแน่นท้อง หรือเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น

    นอกจากนี้ คุณอาจจะมีอาการปวดตามข้อต่อต่างๆด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอาการพิเศษเฉพาะอย่างหนึ่งของการล้างสารพิษด้วย
    เพราะว่ากรดต่างๆที่เป็นส่วนเกิน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากจุดที่มันสะสมอยู่ในร่างกายของเรา

    ไม่เพียงแค่นั้น กระบวนการกำจัดสารพิษเหล่านี้ ยังจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าได้อีกด้วย
    และก็เป็นไปได้มากที่คุณจะมีอาการปวดศรีษะอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ คืออาการของการกำจัดสารพิษ

    นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงจำเป็นจะต้องดื่มน้ำสะอาดและบริสุทธิ์ให้มากๆ
    และทำไมคุณจะต้องพยายามรับประทานแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย


    3). กระบวนการเข้าสู่การมีจิตสำนึกแบบหลากมิติเต็มรูปแบบ
    (Full Multi-Dimensional Consciousness)

    ส่วนนี้เป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด และมันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอด ทั่วทั้งกระบวนการนี้อีกด้วย
    มันคือสาเหตุของความรู้สึก “เวิ้งว้างว่างเปล่า” (spaciness) ที่พวกคุณจำนวนมากมายกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้

    ท่านมหาเทพมิคาเอล ได้ขอให้ฉันอธิบายให้พวกคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้ ตามนัยยะของคลื่นความถี่ของสมอง
    ซึ่งก็คือ เมื่อใดที่ความตระหนักรู้ของคุณ ขยายตัวเข้าไปสู่ความตระหนักรู้แบบหลากมิติ
    (multi-dimensional awareness) แล้ว จิตสำนึกของคุณ ก็จะขยายตัวออกไปนอกขอบเขต
    ที่ร่างกายเนื้อของคุณจะสามารถรับมือได้ และขยายตัวออกไปนอกวิถีทางที่มันจะรับมือได้ ตามไปด้วย

    ปกติความถี่ของคลื่นสมองของคนเราจะมีดังต่อไปนี้:

    - เบต้า (Beta): คือคลื่นความถี่ในสภาวะยามตื่นตามปกติ
    - แอลฟ่า (Alpha): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาวะสมาธิแบบอ่อนๆ
    - ธีต้า (Theta): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาวะสมาธิแบบลึก
    - เดลต้า (Delta): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังหลับ หรือกำลังอยู่ในสภาวะถูกสะกดจิตขั้นลึก
    - แกมม่า (Gamma): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังหลับลึกที่สุด หรือที่เรียกว่า
    ช่วง rapid eye movement ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงตาจะกรอกไปมาอย่างรวดเร็ว
    หรือเป็นคลื่นความถี่ในขณะที่ถูกสะกดจิตขั้นลึกมากๆจนสามารถทำการผ่าตัดได้โดยไม่รู้สึกเจ็บเลย

    ปกติแล้วรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 3 จะปฏิบัติการอยู่ในช่วงคลื่นความถี่ระดับ Beta
    และจะเปลี่ยนไปเป็นระดับ Alpha เมื่อกำลังอยู่ในสภาวะแห่งการสร้างสรรค์ และในขณะที่กำลังสวดมนต์/อธิษฐาน

    ส่วนรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 5 ในสภาวะยามตื่นปกติ จะปฏิบัติการอยู่ในช่วงคลื่นความถี่
    ซึ่งคาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง คลื่นความถี่ระดับ Beta/Alpha/Theta

    ความตระหนักรู้แบบหลากมิติ (multi-dimensional awarenss) ของคุณ
    จะทำให้จิตสำนึก (consciousness) ของคุณ เปลี่ยนระดับไปอยู่ในช่วงคลื่นเหล่านี้
    (ระดับ Beta/Alpha/Theta – ผู้แปล) ในขณะที่คุณกำลังตื่นอยู่!!

    และนี่แหละคือสาเหตุของความอ่อนล้าหละ เพราะว่าร่างกายเนื้อของคุณ คุ้นเคยมาตลอดว่า
    คลื่นความถี่ระดับ Theta คือคลื่นความถี่ของการผ่อนคลายอย่างที่สุด ก่อนที่จะหลับลงไป
    ดังนั้น เมื่อใดที่คลื่นสมองของคุณเปลี่ยนไปอยู่ในระดับ Theta ร่างกายของคุณก็จะส่งสัญญาณออกมาว่า
    ตอนนี้คุณกำลังเหนื่อยล้า และก็กำลังจะหลับแล้ว!

    และเพราะว่าเราถูกกำหนดมาให้ตอบสนองต่อสัญญาณดังกล่าวนี้ ไปในแบบนี้ว่า
    ให้เหนื่อยล้าและจะต้องหลับ ดังนั้น เราจึงรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องไปนอนแล้วนั่นเอง

    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ที่กำลังฝึกฝนที่จะมีระดับจิตสำนึกแห่งพระคริสต์อันพิสุทธิ์ของมิติที่ 9 แบบเต็มรูปแบบอยู่
    จะต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความถี่ของคลื่นสมอง ให้ไปอยู่ในระดับ Delta หรือ Gamma ในสภาวะยามตื่นปกติ!!
    คราวนี้หละ.. ร่างกายเนื้อของคุณก็จะหลงคิดไปว่ามันกำลังหลับอยู่จริงๆ!!

    เคล็ดลับก็คือ ให้เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนไปสู่สภาวะเหล่านี้ โดยไม่ตกใจกลัว
    หรือไม่หลงอยู่ในสภาวะที่คล้ายกับความฝันนี้

    พวกเราหลายคนที่กำลังฝึกฝนขั้นตอนนี้อยู่ มักจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังอาศัยอยู่ในโลกแห่งความฝัน
    ที่ทุกอย่างมีการเคลื่อนไหวแบบเชื่องช้าอยู่ ซึ่งมันก็เป็นความจริงจริงๆซะด้วย
    เพราะว่าพวกเรากำลังอาศัยอยู่ในสภาวะแห่งความฝัน ในจิตสำนึกยามตื่นของเรา

    มันจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ถึงจะสามารถควบคุมมันได้ แต่เมื่อใดที่เราสามารถควบคุมมันได้แล้ว
    มันก็จะกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์ และการเนรมิต “ปาฏิหาริย์” ต่างๆมากมาย
    ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้เลยทีเดียว เพราะว่าในขณะที่เรากำลังอยู่ในระดับจิตสำนึกขั้นลึก
    (deep state of consciousness) อยู่นี้ เราจะสามารถโค้งงอ และ กำหนดรูปร่างให้กับกาลเวลา และสสารได้จริงๆ
    โดยอาศัยเพียงแค่ความคิดของเราเท่านั้นเอง

    ดังนั้น จงเข้าใจไว้ด้วยว่า ร่างกายเนื้อของคุณกำลังเรียนรู้ที่จะปรับตัว
    ให้เข้ากับช่วงคลื่นความถี่ของคลื่นสมองที่แตกต่างกันอยู่


    คำแนะนำ

    เมื่อใดที่คุณกำลังอยู่ในสภาวะใดสภาวะหนึ่ง ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น
    โปรดให้ความใส่ใจว่า คุณกำลังตระหนักรู้ถึงเรื่องต่อไปนี้อยู่:

    - คุณสามารถแยกแยะอาการเหน็ดเหนื่อยจริง ออกจากอาการเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากการขยายตัวของจิตสำนึกได้
    จงอ่อนโยนต่อตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย ก็จงพักผ่อนเสีย เพราะว่าคุณจะจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
    ในขณะที่คุณกำลังผ่านกระบวนการนี้อยู่ แต่ถ้าคุณพยายามที่จะทำอะไรเกินกำลังตัวเอง คุณก็จะไปไม่ไหว
    และคุณก็จะล้มเหลวเพราะความอ่อนล้าได้อีกด้วย

    - จงใช้ความระมัดระวัง ถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ จงตั้งใจและมีสมาธิในการขับรถ เพราะว่ามีผู้คนมากมาย
    ที่ประสบอุบัติเหตุเพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสมองของพวกเขาเปลี่ยนระดับคลื่นความถี่ไป
    ประเด็นมันอยู่ที่ความมีสติแน่วแน่ และการมีสมาธิจดจ่อเท่านั้นเอง จงบอกกับร่างกายของคุณ
    และบอกกับเหล่าทวยเทพผู้นำทางของคุณว่า ในช่วงที่กำลังเดินทางอยู่นี้
    คุณจำเป็นจะต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่ อยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่

    - จงผ่อนคลาย เพราะว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเอง แล้วไม่นานคุณก็จะเริ่มคุ้นเคยกับการทำงาน
    ภายใต้คลื่นความถี่ที่แตกต่างกันแบบนี้

    ตัวฉันเองก็เริ่มที่จะรู้สึกสนุกกับสภาวะคล้ายความฝัน และสภาวะเวิ้งว้างว่างเปล่าแบบนี้แล้ว
    และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ที่บังเกิดขึ้นจากมันอยู่
    และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนคลื่นความถี่ให้ได้ดังใจอยู่อีกด้วย

    ใช่แล้ว..พวกเรากำลังจะกลายเป็น Crystal หรือ Christed จริงๆแล้ว


    Starchild Global

    You are free to copy, distribute, display, and perform the work
    under the following conditions: You must give the author credit,
    you may not use this for commercial purposes, and you may not alter,
    transform or build upon this work. For any reuse or distribution,
    you must make clear to others the license terms of this work.
    Any of these conditions can be waived if you get permission
    from the copyright holder. Any other purpose of use must be
    granted permission by author.

    .........................
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตอบคำถามโดย the Arcturians
    เรื่องเกี่ยวกับอาการเหนื่อยล้าของร่างกายมนุษย์


    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 2/4/13

    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: Transmission From Mothership--Q&A with Arcturians

    ตอนที่ 1/2

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    (เลือกมาแปลเพียงบางส่วน)


    คำถาม:

    ชาว Arcturian ที่รัก ฉันดีใจมากที่ได้สนทนากับคุณ ฉันถูกเลือกให้มาเป็นตัวแทนของพวกเราทุกคน
    เพื่อมาถามคำถามคุณ พวกเรามีหลายคำถามจะถาม โดยจะเริ่มจากคำถามที่ว่า
    พวกเราอยากรู้ว่าทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน พวกเรารู้ว่าอาการเหนื่อยล้าแบบนี้
    มันจะต้องเป็นอาการอีกอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบ (transmutation) แน่ๆเลย
    แต่ว่า..ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากเลยทีเดียว”


    คำตอบ:

    พวกเราก็ยินดีด้วยเช่นกัน ที่ได้สนทนาโดยตรงกับหนึ่งในสมาชิกครอบครัว
    ของผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นของพวกเรา พวกเราเข้าใจดีถึงความยากลำบาก
    ในการจำกัดตัวตนที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของพวกคุณ เอาไว้แต่ในร่างกายเนื้อ
    ที่มีขนาดกระจ้อยร่อยนี้

    ความรู้สึกเหนื่อยล้าของพวกคุณ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากการที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    กำลังปฏิบัติการด้วยอัตราเร็วที่สูงขึ้นอย่างมาก มากเกินกว่าอัตราเร็วของร่างกายเนื้อของพวกคุณ

    บ่อยครั้งที่ร่างกายเนื้อของพวกคุณ กำลังอยู่ในสภาวะที่ดูเหมือนว่า กำลังสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบอยู่
    แต่ในขณะเดียวกัน จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ กลับกำลังดำเนินการต่างๆ
    กับโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย ซึ่งไม่อาจรับรู้ได้โดยอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อที่อยู่ในมิติที่ 3 นี้ของพวกคุณอยู่ ซึ่งในสภาวะนี้ มันก็จะเหมือนกับการที่
    พวกคุณใส่เกียร์ว่าง แล้วเหยียบคันเร่งรถยนต์ของพวกคุณนั่นแหละ ซึ่งในขณะนั้น
    รถยนต์พร้อมจะวิ่งแล้ว แต่ว่าคุณยังไม่ได้เข้าเกียร์ให้กับมันเลย

    ร่างกายเนื้อของพวกคุณ ก็เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่งนั่นแหละ ซึ่งรถยนต์คันนี้ มีร่างกาย
    และระบบปฏิบัติการอยู่ในมิติที่ 3 และกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการติดตั้งระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวใหม่
    เพิ่มเติมเข้าไปอยู่ แต่ว่ายานพาหนะในมิติที่ 3 คันนี้ของพวกคุณ ยังไม่สามารถที่จะอ่านข้อมูล
    ใน “ระบบปฏิบัติการใหม่” นี้ได้ ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะว่า ระบบคอมพิวเตอร์ชุดนี้
    มีไว้ใช้งานกับ "รถยนต์รุ่นที่ใหม่กว่า" นั่นเอง แต่ว่าเพราะความที่พวกคุณไม่อาจที่จะขายรถเก่าคันนี้
    เพื่อไปซื้อรถคันใหม่มาใช้แทนได้ พวกคุณก็เลยจำเป็นจะต้องหาวิถีทางเพื่อปรับปรุงรถเก่าคันนี้เสีย
    เพื่อให้มันสามารถตอบสนองต่อคำสั่งของระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระบบใหม่ของพวกคุณได้

    ซึ่งการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการใหม่นี้แหละ คือสาเหตุแห่งความเหนื่อยล้าอย่างมาก
    ของร่างกายเนื้อของพวกคุณ เพราะว่าความจริงก็คือ ร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    มันมีข้อจำกัดอยู่มากมายมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ที่ไม่อาจมีความสามารถ ที่จะอ่านข้อมูลทั้งหมด
    ที่ตอนนี้จิตสำนึกของพวกคุณสามารถอ่านได้แล้วได้

    เพราะฉะนั้น สมองของพวกคุณจึงกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่ เพราะว่ามันพยายามที่จะทำความเข้าใจ
    กับข้อมูลทั้งหลาย ที่เข้ามาในจิตสำนึกของพวกคุณ ผ่านทางระบบปฏิบัติการใหม่ของพวกคุณ
    แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าการมีข้อบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิดของร่างกายเนื้อของพวกคุณนี้เอง
    จึงทำให้ระบบฯนี้ ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อกับร่างกายที่พวกคุณกำลังสวมใส่อยู่นี้ได้
    ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างพวกคุณ ที่จะผ่อนคลาย
    และอยู่ภายใต้การชี้นำทางของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ เพื่อให้ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ
    สามารถที่จะพ่วงและลากยานพาหนะของพวกคุณให้ไปต่อได้

    ดังนั้น ทั้งหมดที่พวกคุณจะต้องทำก็คือ
    ใส่เกียร์ว่างให้กับยานพาหนะหรือรถของพวกคุณ
    และต้องมั่นใจว่าได้ปลดเบรกเอาไว้หมดแล้วด้วย

    “ความกลัว” ก็คือ “ระบบเบรก” (braking system) ของพวกคุณ
    เพราะว่าถ้าพวกคุณพยายามที่ทำตามคำแนะนำของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณอยู่
    แต่ว่า “จิตมนุษย์” หรือ ego ของพวกคุณกลับไปเหยียบเบรกเข้า
    เพราะว่ามันเกิดกลัวขึ้นมาหละก็ การขัดขืนหรือต่อต้านอันนั้น
    มันก็จะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าขึ้นอย่างมาก

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้กำลังบอกว่า ความเหนื่อยล้าทั้งหมดนั้น เกิดจากปัญหาอันนี้หรอกนะ
    เพราะว่ามันยังมีผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นอยู่อีกมากมาย ที่สามารถควบคุมความกลัวของตัวเองได้แล้ว
    แต่ว่ายานพาหนะทางโลกของพวกเขา ก็ยังไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปได้เร็วเท่าที่ใจของพวกเขาต้องการอยู่

    จิตสำนึกของผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นเหล่านี้ มีความกระหายที่จะรับแสงคอสมิกจากเบื้องบนเป็นอย่างมาก
    และพวกเขาก็อยากที่จะเร่งความเร็วขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
    ที่มีระดับคลื่นความถี่สูงกว่าและสูงกว่าเรื่อยๆอย่างมากด้วย แต่ว่าพวกเขาก็ยังถูกตรึงเอาไว้
    ให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้อยู่ต่อไป ดังนั้น จิตใจของพวกเขา
    ที่ได้ยอมรับการชี้นำทางจากจิตสำนึกที่สูงส่งกว่าของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วนั้น
    จึงกำลังพายเรือที่กำลังผูกติดอยู่กับอู่จอดเรืออยู่

    เพราะฉะนั้น ความเหนื่อยล้าก็เลยเกิดขึ้น จากการขัดขืนอยู่ตลอดเวลาของร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะยอมรับการเร่งเร้าของจิตสำนึกของพวกคุณได้

    แต่โชคยังดีที่ ร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง ก็กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแปรสภาพอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
    เพียงแต่ว่า ความเป็นวัตถุธาตุทางกายภาพของมัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า
    จิตสำนึกของพวกคุณที่สามารถยืดหยุ่นได้เท่านั้นเอง

    และปัญหานี้ก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย
    ที่กำลังสวมใส่ร่างกายเนื้อเวอร์ชั่นเก่าอยู่ แต่โชคก็ยังดีที่ว่า การที่อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว
    ได้ทำให้พวกเขาตื่นรู้ขึ้นมา และมีภูมิปัญญามากพอ ที่จะไม่ไปตัดสินชี้ถูกผิด
    ให้กับร่างกายเนื้อของตัวเองแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงยินยอมให้มันได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเท่าที่มันต้องการ

    บรรดาผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย ที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อของตัวเอง
    เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ
    พวกเขาจำเป็นจะต้องเก็บรักษา “ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง” เอาไว้เป็นความลับ
    อยู่นานหลายต่อหลายปีทีเดียว ซึ่งผลสืบเนื่องจากการทนฝืน ไม่ได้แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริง
    ของตัวเองออกมาเป็นระยะเวลายาวนานเช่นนี้ จึงก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้น
    แก่ร่างกายเนื้อของพวกเขา ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่บีบบังคับให้ยานพาหนะเวอร์ชั่นเก่าของพวกเขา
    เคลื่อนที่ได้ช้าลงกว่าเดิมอีก

    แต่โชคยังดีที่ว่า ประสบการณ์ที่ได้จากการอยู่บนโลกนี้มานานหลายสิบปีแล้ว
    ได้ทำให้พวกเขามีความอดทนมากขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การชี้นำทางจากตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเขา
    ยังได้ช่วยให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ “มายาการ” ของมิติที่ 3 นี้
    มีผลกระทบต่อพวกเขาน้อยมากๆด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงยังคงสามารถทำหน้าที่
    เป็น “พี่เลี้ยง” ซึ่งเป็นสถานะที่ได้มาด้วยความพยายามของพวกเขา ได้เป็นอย่างดีอยู่

    นอกจากนี้ ภูมิปัญญาของการเป็น “พี่เลี้ยง” นี้ ยังได้สอนให้พวกเขามีความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ให้กับตัวเองอีกด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถรักผู้อื่นแบบไม่มีเงื่อนไขได้อย่างง่ายดาย และอย่างหมดใจ
    และอิสระภาพจากการไม่ตัดสินชี้ถูกผิดให้กับอายุของยานพาหนะของตัวพวกเขาเองนี้เอง
    ที่ทำให้พวกเขาสามารถดูแลและบำรุงรักษา “รถรุ่นโบราณ” ของพวกเขาเองได้อย่างเหมาะสม

    ส่วนอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ก็กำลังมีสมาชิกครอบครัวชาวกาแล็กซี่ของพวกเรา
    ที่กำลังพากันเข้าไปอยู่ในร่างกายเนื้อที่อ่อนเยาว์กว่าอยู่ ซึ่งเด็กทารก, เด็กเล็ก และเด็กวัยรุ่นเหล่านี้
    ก็จะมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงความสามารถแบบหลากมิติ
    และข้อมูลข่าวสารหลากมิติ ที่มีมาแต่กำเนิดของตัวเองได้ ซึ่งผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นวัยเยาว์เหล่านี้
    ก็มักจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ไม่สามารถที่จะเข้าใจพวกเขาได้ และก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้
    ซะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าสังคมของพวกคุณกำลังค่อยๆตื่นรู้ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆอยู่
    จึงทำให้สิ่งสนับสนุนสำหรับผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นเหล่านี้ ค่อยๆมีมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย
    และเด็กๆเหล่านี้ ก็จะกลายไปเป็นผู้นำในโลกแห่งความเป็นจริงใบใหม่ของพวกคุณต่อไป

    พวกคุณมีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกไหม๊?

    .......................................
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตอบคำถามโดย the Arcturians
    เรื่องเกี่ยวกับอาการเหนื่อยล้าของร่างกายมนุษย์


    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 2/4/13

    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: Transmission From Mothership--Q&A with Arcturians

    ตอนที่ 2/2

    คำถาม:

    ขอบคุณมากนะคะชาว Arcturian ใช่แล้ว พวกเรายังมีคำถามที่อยากจะถามคุณอยู่อีกคำถามหนึ่ง
    เกี่ยวกับอาการเวียนศีรษะที่พวกเราหลายคนเป็นกันอยู่ อาการเวียนศีรษะที่ว่านี้
    เป็นอาการหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบหรือไม่คะ?



    คำตอบ:

    ใช่แล้ว อาการเวียนศีรษะ เป็นอีกอาการหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบ แต่ว่ามันมีเหตุผลที่แตกต่างไปเล็กน้อย
    เพราะว่าอาการเวียนศีรษะที่พวกคุณกำลังเป็นกันอยู่นี้ เกิดจากการที่พวกคุณ
    เริ่มที่จะสามารถมีประสบการณ์กับโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า 1 โลกได้ในเวลาเดียวกันแล้ว

    อันที่จริงแล้ว “กาลเวลา” ได้เปลี่ยนจากการเป็นสิ่งที่มีความเที่ยงแท้แน่นอน
    และเป็นโครงสร้างหลักให้กับชีวิตของพวกคุณ ไปสู่การเป็นสิ่งที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้ว
    ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้เกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก พวกคุณกำลังรู้สึกสับสนเกี่ยวกับการผิดเพี้ยนของกาลเวลาอยู่
    และก็กำลังรู้สึกสับสนเกี่ยวกับกระแสความคิด, อารมณ์ความรู้สึก, ภาพ และ/หรือ ความทรงจำต่างๆ
    จำนวนมากมาย ที่กำลังแว๊บเข้ามา และแว๊บออกไปจากจิตใจของพวกคุณอยู่

    พวกคุณคนใด ที่ได้สร้างความเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น เอาไว้ระหว่างร่างกายเนื้อในปัจจุบันนี้ของตัวเอง
    กับเทพผู้นำทาง หรือ ตัวตนหลากมิติที่มีระดับคลื่นความถี่สูงกว่าของตัวเองแล้ว
    ก็มักจะมีอาการสับสนน้อยกว่า แต่ว่า..ก็จะมีอาการเวียนศีรษะมากกว่า

    ในกรณีนี้ อาการเวียนศีรษะ จะเกิดจากความจริงที่ว่า
    พวกคุณกำลัง Run “ระบบปฏิบัติการ” 2 ระบบ
    ที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ในเวลาเดียวกัน
    ซึ่งระบบแรกก็คือ “ระบบปฏิบัติการในมิติที่ 3”
    (Third Dimensional Operating System) ของพวกคุณ
    ก็จะบอกกับพวกคุณว่า พวกคุณคือร่างกายเนื้อนี้เท่านั้น
    และบอกพวกคุณว่า มันมีโลกแห่งความเป็นจริง
    เพียงโลกนี้โลกเดียวเท่านั้น

    และในความเป็นจริงแล้ว ระบบปฏิบัติการในมิติที่ 3 ของพวกคุณ จะบอกกับพวกคุณว่า
    ถ้าพวกคุณกำลังมีประสบการณ์อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่นหละก็
    นั่นแสดงว่าพวกคุณกำลัง เกิดอาการ “ประสาทหลอน” แล้วหละ
    ระบบปฏิบัติการเก่านี้ จะบอกให้พวกคุณเพิกเฉยต่อสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นเสียให้หมด
    เพราะว่ามันไม่ใช่ความจริง มีเพียงสิ่งที่พวกคุณสามารถรับรู้และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อนี้เท่านั้น ที่เป็นของจริง นอกจากนี้แล้ว ล้วนเป็น “จินตนาการ” ของพวกคุณเองทั้งสิ้น

    แต่ในขณะเดียวกัน “ระบบปฏิบัติการหลากมิติ”
    (Multidimensional Operating System) ของพวกคุณ
    ก็จะบอกพวกคุณว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่
    พวกคุณสามารถรับรู้และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อของพวกคุณนี้
    ล้วนเป็น “มายาการ” ด้วยกันทั้งสิ้น
    มีเพียง “จินตนาการ” ของพวกคุณเองเท่านั้น ที่เป็นของจริง


    ซึ่งในขณะนั้น วงจรในสมองของร่างกายเนื้อของพวกคุณ จะถูกดาวน์โหลดข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
    ลงมามากมาย จนเกินพิกัดที่มันจะรับได้ แถมยังมีสัญญาณกระตุ้นเข้ามามากมาย
    จนเกินกว่าที่มันจะสามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย สมองของพวกคุณ
    ซึ่งก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่ถ้าพวกคุณเปิดหน้าต่างโปรแกรมต่างๆเอาไว้มากจนเกินไป
    ก็จะทำให้ระบบทั้งระบบเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาเฉยๆ และเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกคุณ
    ก็จะหยุดการทำงานไปเฉยๆ ดังนั้น สมองของพวกคุณจึงทำให้พวกคุณรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาได้

    สมองของพวกคุณจะสับสนว่า

    - โลกภายนอกเป็นของจริง หรือว่าโลกภายในเป็นของจริงกันแน่?”
    - ความทรงจำหรือภาพนิมิตรที่ผ่านเข้ามาทางหางตาของพวกคุณเป็นของจริง
    หรือว่าภาพที่เห็นจะๆอยู่ตรงหน้านี้เป็นของจริงกันแน่?
    - อะไรกันแน่ที่เป็นของจริง?
    - อะไรหละที่พวกคุณสามารถที่จะยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ได้?

    คำถามเหล่านี้จะทำให้สมองที่อยู่ในมิติที่ 3 ของพวกคุณ เกิดความสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
    ดังนั้น สมองที่โอเวอร์โหลดข้อมูลของพวกคุณ จึงพยายามที่จะแยกแยะและจัดเรียงลำดับไฟล์ของ
    “ความรู้สึกแบบหลากมิติ” ทั้งหลาย ที่ไม่อาจแยกแยะและจัดเรียงลำดับได้ อย่างสุดความสามารถของมัน

    ดังนั้น จิตใจของพวกคุณจึงเริ่มปั่นป่วน และเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
    ซึ่งวิธีการแก้ปัญหานี้ก็คือ การดาวน์โหลดเอา
    และการผนวกรวมเข้ากับระบบปฏิบัติการหลากมิติของพวกคุณ
    ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเสีย

    แต่ว่า การที่จะทำเช่นนั้นได้ พวกคุณก็จะต้อง
    upgrade ชีวคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นของพวกคุณเสียก่อน
    โดยการทำให้ส่วนที่เป็น 97%
    ของ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณ
    ออนไลน์ให้ได้อย่างเต็มสมรรถภาพเสียก่อน
    ซึ่งก็มีพวกคุณหลายคนแล้ว ที่สามารถทำการ
    upgrade ได้สำเร็จแล้ว

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นนี้ สามารถทำงาน
    ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของมันแล้ว พวกคุณก็จะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าตามมาอีก
    ซึ่งก็คือการเชื่อมต่อส่วนที่เป็น 97% ของ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณ
    ให้เข้ากับส่วนที่เป็น 3% ของ DNA ของร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    ซึ่งกระบวนการนี้ ก็จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะมากขึ้นกว่าเดิมอีก
    เพราะว่าพวกคุณจะต้องเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงเข้าด้วยกันให้ได้

    เพราะว่า สมองมนุษย์ของพวกคุณจะบอกพวกคุณว่า:

    - สิ่งชีวิตทั้งหมด อยู่ภายนอกร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    - ทุกสิ่งทุกอย่าง แยกขาดจากกันและกันอย่างสิ้นเชิง
    - จินตนาการของพวกคุณ ไม่ใช่เรื่องจริง
    - พวกคุณจะต้องทำงานอย่างหนัก และยาวนาน เพื่อให้ได้อะไรซักอย่างมา
    - ถ้าพวกคุณไม่ดีกว่าคนอื่น ก็แย่กว่าคนอื่น
    - โลกของพวกคุณ เป็นไปตามกฎของกาลเวลา
    - พวกคุณไม่สามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสง
    - และอื่นๆอีกมากมาย

    แต่ในทางกลับกัน ระบบปฏิบัติการหลากมิติของพวกคุณ
    จะบอกกับพวกคุณว่า:

    - สิ่งชีวิตมีอยู่ทุกแห่งทุกหน และมีอยู่อย่างมากมายเหลือคณานับ
    - พวกคุณทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
    - จงปล่อยให้สิ่งที่พวกคุณปราถนาที่จะสร้างเกิดขึ้นมาเอง
    - จินตนาการของพวกคุณ คือความคิดจากมิติที่ 5
    - พวกคุณทุกๆคนล้วนมีความเสมอภาคกัน ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติเหมือนๆกัน
    - ช่องว่างและกาลเวลา คือมายาการอย่างหนึ่งของโลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้เท่านั้น
    - และอื่นๆอีกมากมาย

    เพราะความพยายามที่จะบรรจุข้อมูล และหลักการ และเวอร์ชั่นของโลกแห่งความเป็นจริง
    ที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงเหล่านี้ เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้พวกคุณสูญเสียการจดจ่ออยู่กับ
    โลกภายนอกของพวกคุณไป

    พวกคุณจดจำสมัยที่พวกคุณเป็นเด็กได้ไหม ที่พวกคุณมักจะหมุนรอบๆตัวเองไปเรื่อยๆ
    จนกว่าจะรู้สึกเวียนหัวแล้วล้มลงหนะ? ที่พวกคุณรู้สึกเวียนหัวก็เพราะว่าจุดยึดเหนี่ยวภายนอก
    ของพวกคุณหายไป พวกคุณเลยเป็นเหมือนนักเต้นรำ ที่หมุนตัวโดยไม่รักษาจุดของตัวเองไว้

    จากนั้น ก็จะเหมือนกับการที่รถยนต์วิ่งไปแบบกึกๆกักๆ แล้วในที่สุดก็หยุดวิ่งลง
    สมองชีวภาพของพวกคุณก็จะหมุน และ shut down ลงเช่นเดียวกัน
    และเพื่อที่จะรับมือกับปัญหานี้ ร่างกายเนื้อของพวกคุณจึง “ป่วย” เพื่อทำให้มีเหตุผลที่ดี
    สำหรับการเวียนศีรษะ แล้วพวกคุณก็จะขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็หลับไป
    ซึ่งก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีมาก

    ในขณะที่พวกคุณกำลังติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกคุณเองอยู่นั้น
    พวกคุณไม่สามารถที่จะเปิดโปรแกรมใดๆได้ และไม่สามารถที่จะทำอะไร
    กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้ด้วย พวกคุณจำเป็นจะต้องรอให้การดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการใหม่นั้น
    เสร็จสิ้นลงเสียก่อน จากนั้น เมื่อพวกคุณ restart เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่แล้ว
    มันก็จะดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย แต่ว่าอันที่จริงแล้ว มันมีความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นมากมาย
    ที่พวกคุณไม่อาจรับรู้ได้ จนกว่าพวกคุณจะลองใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นดูก่อน
    สมองของพวกคุณก็คือชีวคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ซึ่งก็จะทำงานในลักษณะที่คล้ายๆกันนี้เอง

    พวกคุณหลายคน กำลังพยายามที่จะดาวน์โหลด “ระบบปฏิบัติการแบบควอนตัม”
    (Quantum Operating System) ระบบใหม่ เข้ามาใช้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของตัวเองอยู่
    ซึ่งการดาวน์โหลดที่ว่านี้ พวกคุณจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ
    อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ก็คือหนังสือคู่มือสำหรับพวกคุณ
    พวกเขาจะช่วยให้พวกคุณเข้าใจถึงตัวตนเวอร์ชั่นใหม่ของพวกคุณเองได้
    เช่นเดียวกับที่พวกเราจะช่วยนั่นแหละ

    …………………………..
     
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    วันนี้เพิ่งแวะเข้ามา
    ไม่ได้มานาน พอดีมาเจอใครอ้างอิงถึงพอดี

    และก่ แวะมาดูฝันของแต่ล่ะคนด้วย
    ฝันนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง

    อาการแปลกๆ เป็นเพราะตัวตนในอดีต
    ที่มีสัญญาที่แตกต่าง ที่มีกรรมบาปที่แตกต่าง

    หลั่งไหลมาอยู่ หลั่งไหลกระแสคลื่น ส่งตรงมายังญาติ
    ของตนเองที่เป็นกายเนื้อปัจจุบัน .... จึงเป็นเรื่องปกติของ กรรมที่ถูกเปิด
    เฉพาะบางคน บางคนไม่เปิด ก่ ไม่มี หรือบางคน ไม่เคยทำกรรมบาป
    มากก่จะไม่เห็นอาการผิดปกติ

    ไม่ใช่เป็นการเลื่อนระดับอะไรดอก
    ผู้ที่จะเลื่อนระดับได้ คือผู้ที่ผ่านความบริสุทธิ์ แล้วเสียก่อนจึง
    จะเลื่อนระดับ

    หากตนเองยังไม่ไปถึงไหน จะเลื่อนระดับได้อย่างไร
    จึงบอกแล้วไงว่าได้แค่ ฝัน
     
  13. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    คอนเฟิร์ม..
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอดีหลายวันก่อน ผมได้เจอข้อความหนึ่งเข้า
    เป็นของคุณ Nolapot ซึ่งตรงกับใจของผมเป๊ะเลย
    ก็เลยว่าจะขอเอามาแปะไว้ที่นี่ด้วยซักหน่อยหนะครับ

    ข้างล่างนี้นะครับ
    .....................................................


    "จารีตนิยมกำลังถูกวางเพลิงไปทั่ว การล่มสลายของโลกพลังงานเก่า
    กำลังบังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆและเร็วขึ้นๆ เพราะมันเป็นวัฏจักร
    ใครปรับตัวไม่ทัน ก็ให้คิดเสียว่าอะไรที่ถูกสั่งสมหรือยัดเยียดมาในหัวสมอง
    มันก็ไม่เที่ยงและยึดไม่ได้เช่นกัน

    ในช่วงเวลาหนึ่ง บางสิ่งบางอย่าง เคยถูกทำให้มีความหมาย
    แต่เวลาผ่านไป ความหมายนั้นๆอาจถูกท้าทาย

    คำพูดและวลีที่ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
    ก็อาจถูกวิพากษ์และตีตกจนแตกไม่มีชิ้นดี
    จนทำให้ผู้ซึ่งผูกติดกับความเคยชินทั้งหลาย
    เกิดความหวาดกลัว ความไม่พอใจ ความไม่สบายใจ
    ความไม่มั่นคง การสั่นคลอนทางความรู้สึก
    ทั้งๆที่ตามจริงแล้ว มันหาความหมายอะไรไม่ได้สักอย่างตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

    ตั้งแต่เด็ก พวกเราถูกตั้งโปรแกรมให้ยอมรับอะไรหลายๆอย่าง
    โดยไม่ตั้งคำถาม หรือมองภาพที่ใหญ่กว่า แม้ว่าจะอึดอัดแค่ไหนก็ตาม
    มันคงเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ที่เกิดมาในโลกสามมิติ และแดนแห่งมายาภาพนี้

    พวกเธอคนใดถูกยัดเยียดให้เสพติด คติ อคติ หรือความคิดอะไรไว้
    ก็ต้องหาทางบำบัดและอ้วกออกมาเองแล้วกันนะ
    แต่ถ้าใครเคยชินกับอะไรเดิมๆ และกลัวการเปลี่ยนแปลงก็อยู่กับมันต่อไปเถอะ
    พวกเธอหลายคน ตัดสินใจหลบอยู่ในห้องที่ปลอดภัยมากกว่า
    ที่จะออกมาวิ่งเล่นรับสายลมและแสงตะวัน แม้ว่าพวกเธออยากจะเดินออกมาจากตรงนั้น
    แต่พวกเธอก็หนีความกลัวที่พวกเธอบ่มเพาะขึ้นมาเองไม่พ้น
    ก็คงต้องรอให้ห้องถล่มใส่และบาดเจ็บก่อนกระมัง ถึงจะได้ออกมาวิ่งเล่นด้วยกันอีก"

    ............................................

    ปล.ข้อความข้างบนนี้ อาจจะโดนใจหลายคน
    แต่ก็อาจจะขัดใจหลายคนด้วยก็ได้นะครับ

    ดังนั้น ผมถึงว่าไงครับว่า พักนี้ พวกเราได้มีโอกาส "ฝึกฝน"
    การใช้วิจารณญาณกันบ่อยจริงๆเลยนะครับ

    อย่าลืมนะครับ ว่า เวลาเราอ่านข้อความอะไรก็ตาม
    ต่างมิติเขาแนะนำว่า ให้เราจดจ่อสติไว้ที่กลางทรวงอก
    ตรงจักระหัวใจ หรือจักระที่ 4 ของเรา เพราะว่าตรงนั้น
    คือที่ๆมีการเชื่อมต่อของจิตวิญญาณของเราอยู่
    ซึ่งข้อมูลข่าวสาร และความรู้สึก ที่จิตวิญญาณเราสื่อมาให้นั้น
    คือข้อมูลที่จะไม่มีวันผิดพลาด พวกเขาบอกอย่างนั้นหนะครับ

    ดังนั้น ลองอ่านข้อความของเพื่อนๆเรา ที่โพสต์อยู่ข้างบนนี้ดูซิครับ
    รวมถึงข้อความของผมเอง และของคุณ phudit ด้วยนะครับ
    ว่าแต่ละท่านรู้สึก และ รับรู้ถึงอะไรกันบ้าง?

    เรามาลองทำแบบฝึกหัดนี้ด้วยกันนะครับ
    แล้วก็..เก็บคำตอบของคำถามของผม เอาไว้ในใจท่านนั่นแหละนะครับ อิอิ..
    เพราะว่าถ้าบอกออกมา เดี๋ยวอาจจะทำให้ผู้ถูกพาดพิงไม่พอใจเอาก็ได้นะครับ

    ...............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  15. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ดูสำนวนปราบภูดิศ มาแล้ว ก่ ใช่ ล่ะเจ้า กริงคะ
    เที่ยวยกหางไปเรื่อยๆ

    องค์ยาวา ก่ องค์หางยาวไง

    เด๋วก่ คอยดูสิ ดีมันจะแตก (ออ โทดที ไม่รู้มีดีหรือเปล่า)
     
  16. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    ทำนายฝันว่า


    พลังงานใหม่ กับ พลังงานเก่าจะเชื่อมต่อกันได้ไม่สำเร็จ
    แต่พระเจ้าจะให้ใช้วิธี "เพชรตัดเพชร" ซึ่งจะมีการปะทะ
    ปะลองปัญญากัน แล้วทำให้ทั้งพลังงานใหม่และเก่าเกิด
    การพัฒนามากขึ้นไปเอง พลังงานใหม่มันแรงส์ ไปเร็ว ก็
    เลยทำให้พลังงานเก่าตามไม่ทัน (ทั้งๆ ที่เร่งเครื่องเต็มที่)


    โดยมีคุณชยุตต์ อยู่ในส่วน "พลังงานเก่า" อ่า ...
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ่านแล้วมีเสียง/ความรู้สึกจากภายใน
    บอกว่า.."ทำนายมั่ว" นะอันนี้ อิอิ..


    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  18. Number 1

    Number 1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +81
    ตามอ่านอยู่ครับ ขอบคุณครับ
     
  19. กะเหรี่ยง

    กะเหรี่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +111
    ขอบคุณสำหรับข้อความใหม่ๆคับ
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความเกี่ยวกับตาที่ 3
    ผมโพสต์ไว้ในกระทู้ใหม่นะครับ

    ที่นี่:


    "ข้อความจากต่างมิติ-ตาที่-3-third-eye"

    http://palungjit.org/posts/8324455

    .............................
     

แชร์หน้านี้

Loading...